อบรมพนักงานใหม่...อย่างไรดี
พอถึงฤดูการส่งงบประมาณประจำปี ผมจะได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการต่างๆ ที่แต่ละหน่วยงานคิดขึ้นมาสำหรับอนาคต เช่นเดียวกัน ในปีนี้มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจเขียนมาถามผม
อีเมล์ของผู้ถามระบุว่า เขาเป็นหัวหน้างานอยู่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรแห่งหนึ่ง ที่มีขนาดขององค์กรอยู่ในระดับกลางๆ และที่สำคัญมีรายได้อยู่ในระดับกลางๆ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ปีนี้เป็น ปีแรกที่เขาได้มีโอกาสจัดทำงบประมาณประจำปีสำหรับหน่วยงานของเขา
คำถามของเขาคือว่า ในปีนี้เขาคิดจะจัดทำโครงการเกี่ยวกับการจัดอบรม หรือปฐมนิเทศพนักงานใหม่ เพื่อให้พนักงานใหม่มีความคุ้นเคยกับองค์กร และบุคคลต่างๆภายในองค์กรได้เร็วขึ้น ปัญหาของเขาก็คือควรทำอย่างไรจึงจะดีและมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
เพราะการจัดอบรม ไม่ว่าจะจัดอบรมอะไรก็แล้วแต่ ย่อมมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียเวลาคนที่เป็นวิทยากร (ถึงแม้จะเป็นคนข้างในก็เถอะ) ค่าอาหารและค่าเอกสารต่างๆ เป็นต้น
การอบรมหรือปฐมนิเทศพนักงานใหม่ หรือที่เราเรียกกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างติดปากว่า Employee Orientation นั้นมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ โดยแบบแรกที่เราเห็นกันบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในองค์กรเล็กๆ จะเป็น รูปแบบของการอบรม หรือ ปฐมนิเทศอย่างไม่เป็นทางการ กล่าวคือ พนักงานใหม่ที่เข้ามาจะถูกส่งไปที่แผนกที่ตนเองสังกัดอยู่ จากนั้นในแผนกนั้นๆ ก็จะให้ใครสักคนหนึ่งหรืออาจจะเป็นคนของฝ่ายทรัพยากรบุคคลเอง เป็นคนพาพนักงาน ใหม่ ไปแนะนำให้ได้รู้จักกับแผนกอื่นๆ รวมถึงสถานที่ต่างๆ ภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องอาหาร เป็นต้น
ส่วนแบบที่สอง เป็นรูปแบบของการอบรมหรือปฐมนิเทศอย่างเป็นทางการ กล่าวคือ มีการจัดอบรมอย่างเป็นทางการในห้องประชุม โดยมีวิทยากรที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับองค์กรอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้างองค์กร ใครเป็นใครในองค์กร แบบฟอร์มต่างๆ ที่ใช้ สวัสดิการต่างๆที่พนักงานพึงได้รับ รวมถึงสินค้าและบริการขององค์กร เป็นต้น
การอบรมอย่างเป็นทางการนั้น มีตั้งแต่การอบรมกันภายในบริเวณบริษัทหรือในห้องประชุมขององค์กร จนไปถึงการอบรมนอกสถานที่ ที่กินเวลา 1-3 วัน
เมื่อพูดถึงเหตุผลของการจัดอบรม หรือปฐมนิเทศพนักงานใหม่แล้ว ประโยชน์หลักๆ ของการจัดปฐมนิเทศ คือ การลดเวลาในการปรับตัวของพนักงานใหม่ให้เข้ากับองค์กร เพื่อให้เขาสามารถสร้างผลงานให้กับองค์กรได้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งคือ การลดจำนวนการเข้า-ออกของพนักงาน หรือ staff turnover rate เพราะการจัดอบรมจะทำให้พนักงานใหม่รู้สึกว่า องค์กรใส่ใจและให้ความสำคัญกับตัวพนักงานแต่ละคน และเมื่อพนักงานรู้สึกดีกับองค์กร ความต้องการที่จะอยู่กับองค์กรก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน
ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้หลายๆ องค์กรไม่จัดอบรมหรือปฐมนิเทศพนักงานใหม่อย่างเป็นทางการ อย่างแรกเลยก็คือปัญหาในเรื่องของงบประมาณค่าใช้จ่าย ตามมาด้วยการขาดผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง และสุดท้ายคือ มองไม่เห็นหรือไม่ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นในการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ เพราะคิดว่าเดี๋ยวหัวหน้างานก็คงจัดการเอง และถ้าอยู่ไปๆ เดี๋ยวก็คุ้นเคยและปรับตัวได้เอง
การอบรมหรือปฐมนิเทศพนักงานใหม่จะให้ได้ผลคุ้มค่า ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพราะการทำอย่างเป็นทางการจะทำให้ พนักงานรับรู้ถึงความใส่ใจขององค์กร แต่การทำอย่างเป็นทางการ คงไม่สามารถทำได้ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน ในขณะที่การปฐมนิเทศแบบไม่เป็นทางการจะมีความยืดหยุ่นกว่า ดังนั้นจึงทำได้ในระยะที่ยาวนานกว่า ที่สำคัญ การปรับตัวและการเรียนรู้ของพนักงาน ไม่ใช่ใช้เวลาเพียงวันหรือสองวันในช่วงเวลาปฐมนิเทศเท่านั้น
ตัวอย่างขององค์กร ที่ให้ความสำคัญและประสบความสำเร็จในการจัดอบรม หรือปฐมนิเทศพนักงานใหม่มีให้เห็นมากมาย ในวันนี้ขอยกตัวอย่างองค์กร ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดอบรมพนักงานใหม่ได้ดีมากแห่งหนึ่ง คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
ที่ปูนซิเมนต์ไทย เค้ารับพนักงาน เข้าทำงานทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือนเท่านั้น ไม่ใช่รับทุกวัน โดยพนักงานจะเข้างานวันไหนก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ
ดังนั้นพนักงานใหม่ที่เข้ามาจะไม่ กะปริดกะปรอยทีละคนสองคน ซึ่งทำให้ยากต่อการจัดอบรมหรือปฐมนิเทศ
เมื่อพนักงานใหม่เข้ามา สิ่งแรกที่ได้รับคือ พนักงานใหม่ทุกคนจะมีพี่เลี้ยงเป็นตัวเป็นตน หน้าที่ของพี่เลี้ยงคือแนะนำการใช้ชีวิตในองค์กร พาไปกินข้าว เป็นที่ปรึกษาปัญหา รวมไปถึงเป็นตัวกลางระหว่าง พนักงานกับองค์กรหากพนักงานมีข้อข้องใจ พี่เลี้ยงพนักงานใหม่นี้เป็นกุศโลบาย ที่แยบยลในการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรให้กับ พนักงานใหม่ได้เป็นอย่างดี ส่วนการอบรมปฐมนิเทศนั้น ทำทั้งในห้องเรียน โดยมีผู้ใหญ่ระดับสูงมาพูดคุยสร้างความเป็นกันเองกับพนักงาน และนอกห้องเรียน คือการหมุนเวียนเรียนงานแผนกละครึ่งค่อนวัน อยู่สักอาทิตย์ หลังจากเพาะบ่มได้ที่ จึงปล่อยไปรับมือกับโลกของความเป็นจริง แต่ตลอดระยะเวลา 1 ปีแรก พี่เลี้ยงยังคอยเฝ้าดูและให้การสนับสนุนอยู่ตลอด
แนวทางนี้ ปูนซิเมนต์ไทยใช้มานานเป็นสิบๆ ปี ได้ผลดี สามารถสร้างบุคลากรเก่งๆ ออกมามากมาย และผมเชื่อว่าใครจะเลียนแบบบ้าง เค้าคงไม่หวง
เพราะว่าของเขาดีจริงๆ ?
โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา apiwut@riverorchid.com บทความจาก ประชาชาติธุรกิจ ที่มา ://www.siamhrm.com/?name=article&file=read&max=845 ภาพจาก //www.ssihr.com/learn_more.php
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 5:24:29 น. |
|
1 comments
|
Counter : 4057 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ทวี IP: 124.122.31.161 วันที่: 3 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:37:38 น. |
|
|
|
|
|
เป็นวิทยากรปฐมนิเทศของ HR มืออาชีพ ได้สุดยอดมากครับ
อาจารย์เริ่มต้นให้ถามตัวเองก่อนว่า วันแรกที่เข้ามาในบริษัท
ต้องการรู้เรื่องอะไร จากนั้นให้คิดถึงองค์กรว่า อะไรบ้างที่จำเป็นต้องให้พนักงานใหม่รู้ เพื่อทำัตัวให้ถูกและเดินอยู่ในองค์กรในช่วงแรกอย่างสบายใจ ไม่ใช่คนแปลกหน้า และยกตัวอย่างการปฐมนิเทศขององค์กรต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็๋จและล้มเหลวรวมทั้งประสบการณ์ของท่านอาจารย์ที่เป็นทั้งผู้ออกแบบหลักสูตรพัฒนาการปฐมนิเทศของบริษัทในปูนซิเมนต์ไทย หรือSCG และเทคนิคการเป็นวิทยากรที่ดีของ HR ในการทำการปฐมนิเทศอาจารย์เก่งมาก สอนเ้ข้าใจง่าย ชี้ประเด็นที่เป็นประโยชน์นำไปใช้งานได้จริง และสอนสนุกเป็นกันเองมากครับ