###### รีวิว me before you เมื่อการมีลมหายใจไม่ใช่การมีชีวิต ######
สวัสดีค่า
สำหรับวันนี้ก็ได้เวลามาปัดหยากไย่กลุ่มบล็อกนี้กันบ้างนะคะ (ดองหนักยิ่งกว่าบล็อกหนังสือ ฮาา) ที่จริงมีทำเซฟดราฟท์ไว้อันหนึ่งแต่ยังไม่เสร็จดี คือ รีวิวหนังเรื่อง King Man ค่ะ (ป้าคะ ได้ข่าวว่าหนังปีกว่าแล้ว??) แต่ขอลัดคิวหนังเรื่องนี้ก่อนเลย เพราะอยากเชียร์ให้ไปดูกัน (ลำเอียงเห็นๆ...ยอมรับแต่โดยดี ฮา)
me before you
นำแสดงโดย
Emilia Clarke เป็น Louisa Clark
Sam Claflin เป็น Will Tranor
เรื่องย่อ
ลู คาล์ก เพิ่งตกงานหมาดๆ จากคาเฟ่ที่เธอทำงานมา 6 ปีและมีงานดูแลผู้ป่วยเป็นอัมพาตเป็นเวลา 6 เดือนด้วยรายได้สูงลิ่ว เธอสัมภาษณ์ผ่านและได้ทำงานดูแลวิลล์ เทรย์เนอร์ หนุ่มที่เพอร์เฟ็คทั้งหน้าตา ฐานะ รูปร่าง เพียงแต่เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่ใต้คอลงไป มีเพียงนิ้วมือที่ขยับได้บ้าง
ลูพยายามอย่างดีที่จะดูแลเขาให้ดีที่สุด แล้วในที่สุดเขาก็เปิดใจที่จะยอมรับเธอ จนเธอได้รู้ความจริงว่าทำไมเธอถึงได้รับจ้างให้ดูแลเขาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และนั่นทำให้เธอต้องตัดสินใจที่จะทำบางอย่าง
ความรู้สึกที่ได้ดู (มีสปอยล์พอควรนะคะ ถ้าไม่อยากรู้จุดสำคัญของหนังไม่ควรอ่านค่ะ แหะๆ)
บอกก่อนว่า เจ้าของบล็อกจะฟูมฟายพอควรนะคะ 5555555
อันดับแรกนะคะ ขอชมการคัดเลือกตัวแสดงและการแสดงของนักแสดงหลักทั้งคู่ก่อนเลยค่ะ แสดงได้ดีมากกกกกกกกกกกก คือ แค่สายตา สีหน้า ก็บอกเล่าอะไรได้มากมายแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ทั้งคู่ดูหนังด้วยกัน ตอนที่ไปดูคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคด้วยกัน สีหน้าและแววตาพระเอกที่อยู่หลังโบสถ์ตอนงานแต่งงานของอดีตแฟนตัวเอง คือ แบบว่า...ไม่ต้องกรีดร้อง ไม่ต้องน้ำตาไหล ก็เห็นถึงความเจ็บปวด สุดยอด นักแสดงมันต้องอย่างนี้อ้ะ
หรือแม้กระทั่งตัวนางเอกเอง แม้อยู่ในเสื้อผ้าที่ประหลาด (สำหรับรสนิยมสาธารณะส่วนใหญ่ในเรื่องของแฟชั่น) แต่ความมีเสน่ห์ ความร่าเริง ความมี "ชีวิตชีวา" ของเธอนี่...มันฉายชัดออกมามากๆๆๆ และเรารู้สึกว่าคนที่มีคุณสมบัติแบบนี้เท่านั้นแหละค่ะถึงจะทำให้พระเอกเปลี่ยนแปลงได้
credit ภาพ //www.imdb.com/title/tt2674426/mediaviewer/rm3778547712
นอกจากนักแสดงหลักที่พร้อมทั้งเสน่ห์และการแสดงแล้ว เราชอบการใช้วิธีการแบบ minimalism คือ น้อยแต่บอกอะไรได้มาก การใช้ช็อตไม่กี่นาที คำพูดและการกระทำไม่กี่อย่างก็สามารถทำให้เรารู้ได้ว่า ตัวละครนั้นๆ เป็นอย่างไร อย่างช็อตคาเฟ่ที่เปิดตัวนางเอก แค่นางเอกพูดกับลูกค้าสองราย (แต่สามคน) ก็ทำให้เรารู้เลยว่า นางเอกเป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนมาก ฉากที่นางเอกแอบดูคลิปวันเกิดของพระเอกที่เพื่อนทำให้ ซึ่งทำให้เห็นว่า ก่อนหน้านี้ ชีวิตพระเอกมัน extreme ขนาดไหน หรือฉากที่นางเอกไปรอแฟนตัวเองซ้อมวิ่งอยู่ ก็ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ได้ว่า...มัน "เหนื่อย" แค่ไหนน่ะค่ะ
credit ภาพจากเว็บเดิมนะคะ
ช็อตหนึ่งที่เราชอบมาก คือ ช็อตวันเกิดนางเอก มันทำให้เห็นชัดว่า...ใครเอาใจใส่นางเอกมากกว่ากัน (ไม่พูดถึงการที่แฟนนางเอกมาสายเพราะมัวแต่ซ้อมวิ่งน่ะนะคะ) การเลือกของขวัญที่...อันหนึ่งดูเหมือนมีค่า แต่เป็นจี้ระบุชื่อตัวเองให้นางเอกใส่ กับอีกคนที่หากางเกงลายยืดที่นางเอกอยากได้มานานและหลงรักมันตั้งแต่เด็กมาให้...มันต่างกันจริงๆ นะ
อีกช็อตที่อยากพูดถึงคือ ช็อตที่นางเอกกับพระเอกเต้นรำกันในงานแต่งงาน นอกจากเพลงประกอบที่เคยทำเราประทับใจมาแล้วจาก The Voice Thailand 555 ก็คือ การที่นางเอกพูดกับพระเอกว่า ถ้าคุณไม่เป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาคุณ คุณก็จะมองแต่ผู้หญิงผมบลอนด์ สูง ขายาว และฉันคงเป็นได้แค่เด็กเสิร์ฟที่อยู่ในงานแบบนี้เท่านั้น...ซึ่งมัน...เฮ้ย จริงมากอ้ะ และหลายครั้งในชีวิตคนเราค่ะ ที่เราจะมามองหรือให้ความสำคัญกับสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ก็ต่อเมื่อต้องเกิดเรื่องร้ายบางอย่างกับชีวิต (เราเองก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ เพราะฉะนั้นจึงอินมาก)
แต่ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าโดยรวมของภาพยนตร์จะทำให้เราประทับใจ และซาบซึ้งใจ (ร้องไห้จนน้องที่ไปดูด้วยตกใจ อยากจะบอกน้องว่า นี่ถ้าไม่ได้มากับพวกแก ตรูจะร้องเยอะกว่านี้อีก นี่คือ รักษาภาพลักษณ์ตัวเองแล้ว ฮา) แต่ก็อดตะหงิดใจไม่ได้ว่า ท้ายที่สุด การที่ความสัมพันธ์หนึ่งจบลง (แน่นอนหละว่าความเหนื่อยในความสัมพันธ์ก็ส่วนหนึ่ง) แต่ถ้าพระเอกไม่ได้รวยพอที่จะทำให้นางเอกได้วางแพลนพาพระเอกไปโน่นนี่ได้ ได้ใช้ชีวิตดีๆ ได้ คือ เป็นแค่ผู้ชายพิการที่ไม่มีอะไร เรื่องมันจะกลายเป็นแบบไหน ไม่รู้สิคะ...มันทำให้อดคิดต่อไม่ได้ว่า ฐานะของพระเอกมันมีส่วนไม่น้อยเลยจริงๆ ที่ทำให้เรื่องราว (และความสัมพันธ์ของตัวละคร) เป็นไปในทางนี้ (แต่ที่ทำให้แค่คิด ทว่าน้ำหนักไม่มากพอ ก็เพราะการปูพื้นของตัวละครอย่างนางเอกที่มีมาก่อนหน้านี้ว่า นางเอกเป็นคนจิตใจดีนั่นแหะค่ะ เห็นมั้ยคะว่าบทแน่นมาก)
หรือการใส่ช็อตที่น้องของนางเอกให้คำปรึกษาเรื่องของบเพื่อพาพระเอกไปยังที่ต่างๆ ทำกิจกรรมนั้น ก็ทำให้เราไม่มีความตะขิดตะขวงใจว่า มันเป็นสิ่งที่นางเอกจะหาผลประโยชน์จากความรวยของพระเอกเพื่อให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตดีๆ หรือเปล่าด้วยค่ะ (ยอมรับว่าบทดีมากน่ะ ก็คนเขียนนิยายมาเขียนบทหนังให้เลยน่ะนะคะ)
สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ การสร้างความคลุมเครือบางอย่างในหนังหรือการทิ้ง "ระหว่างบรรทัด" ให้คนดูได้คิดต่อ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้คนดูคิดว่า พระเอกกับนางเอกในค่ำคืนฝนตกนั้นมีอะไรกันหรือไม่ และเฉลยในซีนถัดมาที่ริมทะเล (ที่มันเจ็บปวดมากนะกับสิ่งที่พระเอกพูดออกมา "คุณไม่รู้หรอกว่าผมอยากทำอะไรกับคุณบ้าง') ฉากนางเอกเปิดหน้าต่างตามคำบอกของพระเอก และคนดูเห็นเพียงสีหน้าของนางเอก แต่ไม่ได้ให้เห็นว่านางเอกเห็นอะไร หรือฉากใบไม้ร่วงปลิดปลิวที่ใช้แทนช็อตสำคัญของเรื่อง มันเป็นความงดงามของหนังเรื่องนี้ที่เราชอบมากค่ะ
ขณะเดียวกัน เราก็ทั้งเข้าใจและทำให้คิดในหลายๆ ประเด็นด้วยค่ะ
จากหนัง ซีรี่ส์หลายเรื่อง ทำให้เห็นว่า การตัดสินใจระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงนี่ต่างกันจริงๆ (และจากคุยกับผู้ชายรอบๆ ตัว ส่วนใหญ่ก็ตัดสินใจเหมือนในหนังแฮะ) นั่นคือ ถ้าตัวเองป่วยหนัก หรือเป็นอะไร ผู้ชายจะเลือกที่จะหนีไป และคิดว่านั่นคือทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้หญิงได้ คือ ให้ผู้หญิงได้มีชีวิตที่ดีโดยไม่ต้องห่วงตัวเอง ไม่ต้องมาติดแหง็กกับตัวเอง (แมนมากกกกกกก) แต่จะบอกว่า ผู้หญิง (ส่วนใหญ่นะ คิดว่า เท่าที่ถามๆ) ไม่ได้ต้องการอย่างนั้นเฟ้ยยยยยยย เราอยากดูแลคุณ โอเคนะ กรุณาอยู่ด้วยกันเหอะ จะลำบาก จะแย่ยังไง แต่ฉันอยากอยู่กับคุณจนวาระสุดท้าย ให้ได้ดูแลกัน (เหมือนที่ถ้าตรูป่วย ตรูก็อยากให้คุณผู้ชายอยู่ดูแลนั่นแหละเฟ้ย) อย่าตัดสินใจทำอะไรแบบนั้น เพราะแบบนั้นฉันเจ็บปวดกว่า เรารู้สึกแย่ที่คุณหนีไป ไม่ให้เราได้ดูแล โอเค้?? (อย่างที่เตือนค่ะ รีวิวนี้ฟูมฟาย กร๊าก) ซึ่งอย่างน้อยการที่พระเอกยอมให้นางเอกมาอยู่ด้วยกัน เราถือว่าโอเคมากค่ะ (แม้นางเอกจะต้องฝ่าฝืนคำสั่งแม่ ที่ถือว่า การฆ่าตัวตายเป็นบาปร้ายแรง (ที่แค่ฉากตอนก่อนกินข้าวก็ทำให้รู้แล้วว่าแม่เป็นคนเคร่งน่ะนะคะ..บอกแล้วว่าใส่ใจรายละเอียดจริงๆ หนังเรื่องนี้) แต่ก็ได้ไปสบตาและอยู่กับเขาในวาระสุดท้าย)
หรือประเด็นที่เราจั่วไว้ที่หัวข้อรีวิววันนี้ สำหรับคนบางคนที่มีชีวิตที่ดีมาตลอด เมื่อวันหนึ่งที่เขาต้องสูญเสียไป (เช่น กรณีนี้คือ การเคลื่อนไหวได้อย่างใจ) แค่การมีลมหายใจ มันไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตอยู่ ต่อให้เขามีฐานะดี หน้าตาดี แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่เคยมีความสุขกับมัน (ตอนที่พระเอกเล่าเรื่องจุดที่เขาชอบที่สุดจริงๆ ที่จะได้นั่งนั่น เป็นการบอกความหมายของการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งให้นางเอกได้รู้เลยจริงๆ นะคะ ถ้าไป แล้วต้องทำลายความทรงจำดีๆ ด้วยสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป...เขาก็ไม่ได้อยากไปตรงนั้นอีกแล้ว) มันก็ไม่สำคัญที่จะมีลมหายใจต่อไป
ซึ่งไม่รู้ว่าใครจะว่าอย่างไรนะคะ แต่สำหรับเราการจบแบบนี้คือ Happy Ending ค่ะ (แม้จะทำให้เราร้องไห้แทบแย่ก็ตาม) เหมือนที่เรารู้สึกกับภาพยนตร์เรื่อง Once น่ะแหละ เพราะถ้าจบแบบพระเอกเปลี่ยนใจ มันจะทำให้หนังเรื่องนี้ฮอลลีวู้ดจ๋ามากกกกก และอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ แม้เราจะเจ็บปวดมากกับสิ่งที่พระเอกเลือก แต่เราก็เข้าใจได้ (จริงๆ นะ) ว่าทำไมเขาถึงเลือกแบบนั้น
กับประโยคที่นางเอกบอกเหมือนกัน "คุณมันเห็นแก่ตัว" เราเองพอมานั่งคิด (เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูจบแต่ความคิดมันไม่จบค่ะ) แล้วพ่อ แม่ นางเอกหละ มันก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันหรือเปล่า ที่จะให้คนๆ หนึ่งมีลมหายใจอยู่ ทั้งที่เขาเจ็บปวดและทนทุกข์ เพียงเพราะเรารู้สึกไม่อยากสูญเสียเขาไป ยังอยากให้เขามีชีวิตอยู่...มันโอเคจริงๆ เหรอ หรือแท้ที่จริงแล้ว ให้เขาได้สิ้นสุดการมีลมหายใจ เพื่อให้เขาได้จบความทุกข์ทรมานและเจ็บปวด...มันน่าจะดีกับเขามากกว่าไม่ใช่หรือ?
สิ่งหนึ่งที่ชอบคือ ในซีนสำคัญ การที่พระเอกให้นางเอกเรียกพ่อแม่มาในท้ายที่สุดนั่นยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มันให้ความสำคัญมากกว่าความรักระหว่างชายหญิง (ค่ะ และการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เราคิดถึงวลีที่ว่า ความรักไม่ได้เยียวยาได้ทุกสิ่ง แต่มันทำให้บางอย่างดีขึ้นได้น่ะนะ) ก็ทำให้เรายิ่งชอบหนังเรื่องนี้มาก เรารู้สึกว่ามัน real มากน่ะ และมันให้น้ำหนักกับสิ่งที่ควรให้ความสำคัญกับชีวิตในด้านอื่นๆ (ที่ไม่ใช่แค่ความรักของชายหญิง) ด้วย
และสุดท้ายกับสิ่งที่พระเอกได้ให้นางเอกไว้ มันทำให้เห็นว่า แม้เขาจะเลือกทางที่ดีให้กับตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รักนางเอก และอยากให้นางเอกได้มีชีวิต ได้ใช้ชีวิตที่ดีจริงๆ
และแม้การเข้ามาในชีวิตพระเอกของนางเอก อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพระเอกในท้ายที่สุด ทว่า อย่างน้อย คนดูก็ได้เห็นว่า...พระเอกเปลี่ยนจากคนที่เคียดขึ้งกับชีวิตและชะตากรรมของตนเอง ให้มีความรู้สึกที่งดงามขึ้นมาได้ (ถ้าเขาไม่พิการ นางเอกก็คงไม่ได้เข้ามาในชีวิตเขาเช่นกัน) ได้จากไปอย่างความรู้สึกที่ดีกว่าตอนที่นางเอกยังไม่เข้ามาน่ะนะคะ
ขอจบประโยค ด้วยคำพูดของพระเอกที่บอกกับนางเอก (และบอกกับคนทุกคนบนโลกนี้นั่นแหละค่ะ)
เครดิตตามภาพเลยนะคะ
สรุปแล้วเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ชอบและประทับใจมากค่ะ อยากให้ไปดูกัน ถ้าคิดตาม และเอาใจไปสัมผัสดู (หนังเรื่องนี้ทัชเรามากจริงๆ) คิดว่า...คงได้ร้องไห้เช่นเดียวกันค่ะ 555
ปฏิทินธรรม
วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน 2559 1. ฟังธรรมเสวนา เรื่อง งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์โดย ท่าน ว.วชิรเมธี
เวลา 14.00 -15.30 น.ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ (ใกล้สถานทูตจีน)
https://www.facebook.com/v.vajiramedhi/photos/a.290267315876.154324.180070180876/10153490872720877/?type=3&theater
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2559
1. งานทำบุญครบรอบ 21 ปี ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ ถวายภัตตาหาร และทอดผ้าป่า 15 วัด เวลา 6.30 น.ณ ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ คันนายาว กทม.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1110969598946675/?type=3&theater
2. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2559
1. พระอาจารย์มานพ อุปสโม แสดงธรรมและนำปฏิบัติกรรมฐาน
ตั้งแต่เวลา 9.30 น. - 15.00 น.
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2
ปฏฺิทินธรรมบ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/calender.html
วันอาทิตย์ที่ 12 และ 26 มิถุนายน 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net
กิจกรรมอื่นๆ ของบ้านอารีย์ //www.baanaree.net/e_news/enews87.html
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2559
1. พระราชทานเพลิงศพ พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง จันทสิริ) วัดอโศการาม
ณ เมรุชั่วคราววัดอโศการาม เวลา 15.00 น.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1106788246031477/?type=3&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3372940 =4842636/12214/1142
Create Date : 08 มิถุนายน 2559
43 comments
Last Update : 8 มิถุนายน 2559 0:09:25 น.
Counter : 6377 Pageviews.
vote Movie blog ให้ค่ะ อ่านแล้วคิดว่าไม่ต้องไปหาดูก็น่าจะได้นะ ฮ่าๆๆๆ
"ความรัก" กับคนบางคน มันไม่สามารถที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด หรือเขียนออกมาเป็นตัวอักษรได้ อันนี้เรื่องจริงนะ
คนบางคน..ที่เรารัก "ลมหายใจ"ทุกเข้าออกของเค้านี่ มันมีค่ามีพลังที่จะผลักดันให้ "ตัวเรา" ทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างมากมายจริงๆ หากเราขาดลมหายใจของคนๆนี้ไป... เราจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร? คำตอบคงจะอยู่ได้ แต่อยู่แบบเหมือนคนที่ไร้ลมหายใจ(ของคนอีกคน)นั่นแหละ..
การที่ผู้ชายส่วนมาก ให้คำตอบว่า หากเกิดอะไรที่ร้ายแรงกับตัวเอง ไม่ว่าจะป่วยหนักหรือไรก็ตาม ก็จะตัดสินใจว่า... "ขอหนีไป" เพื่อผู้หญิงจะได้ไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่า ... นโยบายนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับสามีของพี่ได้เลย...ไม่ใช่เพราะเค้าไม่ต้องการรับบท "พระเอก" แต่เพราะนิสัย "ชอบคิดแทนคนอื่น" นี่เค้าไม่เป็น.... ซึ้งป่ะ...555