###### รีวิวหนัง แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว - ความสวยงามเพียงชั่ววัน ######
สวัสดีค่ะ
สำหรับวันนี้จะมารีวิวหนังไทยเรื่องแรกของค่าย GDH กันนะคะ กับหนังเรื่องนี้ค่ะ
แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว
กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล
เขียนบทโดย (หาข้อมูลจากอินเตอร์เนตไม่ได้เลยค่ะ แง - แม้กระทั่งเว็บไซต์หนังเอง (หรือยังทำไม่เสร็จก็ไม่รู้)) อำนวยการสร้างโดย (หาข้อมูลจากอินเตอร์เนตไม่ได้เลยค่ะ แง - แม้กระทั่งเว็บไซต์หนัง เอง (หรือยังทำไม่เสร็จก็ไม่รู้))
แสดงโดย
เต๋อ ฉันทวิช เป็น เด่นชัย
มิว นิษฐา เป็น นุ้ย
ตุ้ย ธีรภัทร์ เป็น ท็อป
เรื่องย่อ
เด่นชัย หนุ่มไอทีประจำบริษัทอาหารแห่งหนึ่งที่มีท็อปเป็นเจ้าของบริษัท ชายหนุ่มที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตาใคร เข้าสังคมไม่เป็น และไม่เคยมีใครจดจำชื่อเขาได้ จนวันที่เค้าได้พบกับมิว นิษฐา สาวการตลาดที่มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ และทักชื่อเขาได้ถูกเป็นคนแรก (แม้เธอจะบอกว่าดูจากป้ายชื่อก็ตามเถอะ) และหลังจากนั้นเขาก็ได้แต่คอยดูแลเธอในแบบของตัวเอง เฝ้าดูความรักของเธอที่ไม่เห็นทางออก
จนปีนี้ เมื่อบริษัทพาพนักงานไปเที่ยวฮอกไกโด และการที่นุ้ยได้รู้ความจริงบางอย่าง จนตัดสินใจทำบางสิ่งไปซึ่งส่งผลต่อความทรงจำของเธอ และนั่นคือโอกาสที่เด่นชัยจะได้ทำความรักของเขาให้สำเร็จ...แม้มันจะคงอยู่เพียงแค่...หนึ่งวัน
ความรู้สึกที่ได้ดู
บอกก่อนว่า...สปอยล์แน่นอนค่ะ ใครยังไม่ได้ดูไม่ควรอ่านนะคะ แหะๆ
สำหรับหนังเรื่องนี้ เรื่องแรกที่ต้องชมนะคะ คือ การแคสติ้งและการกำกับการแสดงค่ะ มิวนี่เสน่ห์เปี่ยมล้นมาก (คนอะไรฟระ ไม่แต่งหน้าสวยยิ่งกว่าแต่งหน้าอีก) เวลายิ้ม โลกก็ยิ้มตาม แต่เวลาเศร้านี่..โอยยย ใจสลายมากๆ (เคยชอบการแสดงของมิวจากละครเรื่องหนึ่งทางช่องสาม เจอในหนังไปอีกนี่ ยอมรับเลยว่าถ้าบทสะเทือนใจ ดราม่านี่ เจ้าตัวสุดมากๆ จริงๆ) ส่วนเต๋อ เราได้มาเห็นอีกลุคหนึงของเต๋อ ลุคที่ยอมเพิ่มน้ำหนักจนลงพุง ดัดผม ใส่ฟันปลอม จนดูเป็นผู้ชายไม่ใส่ใจตัวเองจริงๆ (แต่เราว่าอินไซด์เต๋อยังไม่เนิร์ดสุดนะเต๋อนะ อีกนิดหนึ่งจะเพอร์เฟ็คมาก) หรืออย่างตุ้ย ธีรภัทรนี่ก็บอกได้เลยว่า...ดูเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงจะหลงเสน่ห์ได้ง่ายๆ และมีความเจ้าชู้เงียบ เสือหน่อยๆ ได้ดีเลยหละคะ่ แคสติ้งนี่ต้องชมจริงๆ
ลำดับต่อมา คือเรารู้สึกว่าผู้กำกับกล้าที่จะให้ตัวเอกทั้งสองคนในเรื่องนี้เป็น "คนธรรมดา" ที่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง ไม่ใช่แบบพระเอกนางเอกจ๋า ดีเลิศเพอร์เฟ็คค่ะ นางเอกที่เป็นเมียน้อยคนอื่น (ซึ่งน้องเอ๊ย ผู้ชายพอมันจะเอาน่ะนะ มันก็ต้องบอกว่า ไม่รักกับคนเดิมแล้ว จะหย่า/เลิกกันแล้วทั้งนั้นแหละ ใครจะมาบอกว่า อ๋อ ผมเบื่อแล้วครับกินแต่ของเดิมๆ / ผมมักมาก / ผมมันไม่มีความรับผิดชอบแต่อยากสนองกิเลสตัวเองมากกว่า / ผมอยากกินของใหม่กันบ้างหละคู๊ณณณณ) ส่วนพระเอกก็เป็นคนที่แบบ...ในชีวิตจริงใครต่อใครก็คงเมินหนีน่ะแหละ แต่ด้วยความเป็นคนธรรมดาๆ แบบนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันมีความเรียล (ในความเพ้อฝันบางอย่างของหนังเรื่องนี้อยู่)
นอกจากนั้นการสอดแทรกบางช็อตที่ปูพื้นไปสู่จุดจบแบบที่หนังเป็นก็ทำให้เราชอบมากนะคะ (แน่นอนว่าชอบที่หนังจบแบบนี้ค่ะ เพราะมันดูจริงมากกว่า) เพราะถ้าไม่มีซีนที่เด่นชัยเดินเข้าไปบอกนุ้ยแล้วตอนหลังปาร์ตี้ บอกทุกอย่างว่าที่ผ่านมาเขาทำอะไรเพื่อเธอบ้าง และชอบเธอมากแค่ไหน รวมทั้งสิ่งที่นุ้ยกำลังเผชิญอยู่มันคือความเห็นแก่ตัวมากเพียงไรของท็อป แต่นุ้ยกลับเลือกที่จะแขยงกับสิ่งที่เด่นชัยทำ (คือ..ทำให้เราคิดเลยนะคะว่า หน้าตาและสถานะนี่มันมีผลจริงๆ คือ ถ้าทุกสิ่งที่เด่นชัยทำ เป็นท็อป หรือใครก็ตามที่หน้าตาและสถานะดีกว่านี้ นุ้ยจะรู้สึกถึงความโรแมนติก ไม่ใช่ความหวาดกลัวแบบนี้มากกว่านะคะ) ซึ่งซีนนั้นทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเด่นชัยถึงเลือกที่จะทำแบบนั้นในท้ายที่สุด เพื่อจะให้จบลงแบบนี้ เพราะอย่างที่เด่นชัยพูดนั่นแหละค่ะ...
หนึ่งวันนี้มันเป็นความฝัน สีหน้าคุณวันที่รู้ว่าผมเป็นแฟนคุณที่สะท้อนในกระจกนั่นต่างหากคือความจริง
เราชอบความละเอียดอ่อนหลายๆ อย่างที่มีในหนังเรื่องนี้ ที่ถ้าใครไม่สังเกต ก็อาจจะมองข้ามผ่านไปค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าครั้งแรกของเด่นชัยตอนที่ได้ยินหัวหน้าสั่งให้ไปช่วยพนักงานใหม่ที่เขาแอบยิ้ม (แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ชอบนุ้ยอยู่แล้ว) หรือสีหน้าของภรรยาของท็อปที่โต๊ะอาหารซึ่งแค่แว้บเดียวแต่จะเห็นเลยว่าภรรยากท็อปรู้นะคะว่านุ้ยเป็นใคร อยู่ในสถานะอะไร (และเราก็เชื่อว่าการเลือกจะพูดเรื่องท้องออกมาก็เป็นความตั้งใจของภรรยาท็อปค่ะ)
แต่ที่ชอบที่สุดคือสิ่งต่างๆ ที่เด่นชัยทำให้นุ้ยนะคะ มันเป็นสิ่งที่...อย่างที่บอกว่า ถ้าเป็นคนอื่นที่หน้าตาและสถานะดีกว่านี้ มันคงเป็นเรื่องโรแมนติกมากๆ (หนังเหมือนตบหน้าคนดูเล็กๆ เลยว่า ไอ้ที่บอกว่าไม่ดูภายนอกเนี่ย...มันทำได้จริงแค่ไหนกัน - นี่ถ้าเต๋อเยินกว่านี้จะยิ่งน่าเชื่อกว่านี้นะคะนี่ หุๆ) ไม่ว่าจะการหาเพลงที่นางเอกชอบมาใส่ในคอม การมาจองที่จอดรถไว้ให้ การใส่ใจว่านางเอกตามหากาชาปองอันไหนอยู่ หรือการแฮกแอคเคานท์ไปเพิ่มไอเท็มให้ (อันนี้ออกจะน่ากลัวเล็กน้อย ฮา) การรีบไปนั่งที่โต๊ะที่ท็อปกับครอบครัวนั่งอยู่ เพื่อไม่ให้นุ้ยต้องไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย มันเป็นสิ่งที่...ใครหลายคนถ้าได้รับการทรีทแบบนี้น่าจะประทับใจค่ะ แต่ก็...นะ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างมันก็เลยทำให้เป็นความน่ากลัวไปแทนนั่นแหละค่ะ
หรือแม้กระทั่งซีนที่เด่นชัยยอมที่จะสารภาพความจริงกับนุ้ย นั่นก็เพราะเริ่มต้นจากการที่นุ้ยเข้าใจผิดว่าตนเองมีอะไรกับเด่นชัยแล้ว และคืนนั้นเธอถึงเริ่มต้นที่จะทำมัน แต่เด่นชัยเป็นคนดีเกินกว่าจะฉวยโอกาส และเลือกที่จะสารภาพความจริง (แม้ว่ารู้ว่าจะทำให้นุ้ยโกรธ และมันต้องจบลงแล้วแน่ๆ ก็ตาม) ซึ่งทำให้เราประทับใจเด่นชัยมากค่ะ มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า การที่เขาโกหก เขาเพียงแต่อยากจะมีวันเวลาดีๆ สักครั้งในชีวิตกับผู้หญิงที่เขารัก แต่เขาไม่ได้ต้องการที่จะก้าวล่วงขีดเส้นบางอย่างที่จะทำให้เธอเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้
นอกจากนั้นที่เด่นอีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือ บทพูดที่ทำให้เราเข้าใจในเหตุผลและความงี่เง่าหลายๆ อย่างค่ะ (ถ้าใครเคยโง่ที่จะทำผิดในเรื่องของความรักมาแล้ว น่าจะอินมาก (เหมือนเรา ฮา)) เพราะบางที...เราก็ไม่เข้าใจว่า รู้อยู่แล้วว่าต้องเจ็บ ทำไมยังเลือกเดิน รู้อยู่แล้วว่ามันเสี่ยง แต่ทำไมถึงเลือกทำ แต่...หลายๆ เรื่องมันเป็นเรื่องของความรักความปรารถนาบางอย่างที่เหตุผลและสมองมันไม่สามารถเอาชนะหัวใจได้นั่นแหละนะคะ
เราสองคนต่างก็กำลังพยายามปีนเขาเอเวอเรสต์กันต่างหาก
กับคำถามว่าทำไมต้องเป็นฮอกไกโด...อันนี้เนื่องจากไปดูเบื้องหลังมา ก็เลยทำให้รู้ว่า ผู้กำกับต้องการสื่อเรื่องของหิมะ ที่มันเป็นความงามเพียงระยะสั้นน่ะค่ะ พอถึงวันที่แดดดีพอ มันก็ละลายหายไปและเหลือทิ้งไว้เพียงกองเถ้าถ่าน (ไม่ใช่แระป้า กลับมาๆ) ความสวยงามนั้นก็หมดไป ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องดีๆ ระหว่างนุ้ยกับเด่นชัย ที่ผ่านพ้นหนึ่งวันไป มันก็จบลง... จบแบบทำเราร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ ช็อตบนรถบัสที่ทั้งนุ้ยและเด่นชัยมองซากปราสาทน้ำแข็งกับน้ำตาของเด่นชัยนี่...โอยยยย บีบหัวใจมาก
คุณลืม แต่ผมไม่ได้ลืมไงครับ
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีจุดหลุดๆ อยู่บ้างในหนังเรื่องนี้นะคะ
อย่างการให้พระเอกนางเอกไปเที่ยวด้วยกันทั้งโนโบริเบทสึ (ฉากสบตา) และฮาโกดาเตะ (จุดชมวิว กินไอติม ขว้างหิมะ โกดังอิฐแดง) ในวันเดียวกัน ซึ่งแค่เดินทางไปกลับจากซัปโปโรก็น่าจะหมดวันแล้วค่าา แต่ก็...นะ ถ้าไม่ใช่คนที่มานั่งดูโลเคชั่นหรือรู้ว่าแต่ละเมืองห่างกันแค่ไหน มันก็คือการเลือกฉากในหนังให้มันสวยสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าจะมาคำนึงถึงความสมจริงหละค่ะ
หรืออย่างการจัดไปเที่ยวในช่วงเทศกาลหิมะซัปโปโร แต่คนในคณะคนอื่นๆ กลับไม่ได้ไปงานเทศกาลหิมะเนี่ยนะ (นุ้ยถึงวางแพลนว่าจะไปดูเองทีหลัง) ซึ่งมันแบบ...ไม่ค่อยเมคเซ้นส์อะค่ะ ไปแล้วทำไมไม่ได้ไปดูทั้งคณะฟระ
แล้วก็การเมคอัพใบหน้าของเด่นชัยที่มีรอยช้ำจากการเล่นสกีตามนุ้ย ก็มีหลุดๆ ในบางซีนน่ะนะคะ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องของการดูแลความต่อเนื่องในหนังอ้ะ ตรงนี้พลาดไปนิดหน่อยค่ะ
อ้อ มีแอบไปเช็คมาว่าเทศกาลหิมะปี 2016 ที่ผ่านมา วันสุดท้ายเป็นวันที่ 11 ก.พ. จริงมั้ย ซึ่งจริงนะคะ (เป็นเอามากนะป้าน่ะ 555) ทำให้วันที่นุ้ยกลับมาไทยคือ 12 ก.พ. ทำงานก็น่าจะ 13 ก.พ. (ถ้าทำงานวันเสาร์น่ะนะ) หรือ 15 ก.พ. (ถ้าหยุดเสาร์อาทิตย์) ซึ่งอันนี้ไม่แน่ใจว่า เป็นวันไหนแน่ แต่ก็ถือว่าการที่นุ้ยเลือกตัดสินใจที่จะทำบางสิ่ง (ช็อตน้ำตาไหลตอนเห็นคลิปเที่ยว แล้วตอบเพื่อนว่า "ไม่รู้ว่ะ" นี่ เราร้องไห้เช่นกัน มันเป็นความเจ็บปวดแบบคนดูที่รู้อะไรมากกว่านุ้ยด้วยอะนะ อินจัด 5555) ถือว่าเป็นการยุติความรักอันไม่สมควร และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในช่วงของวันแห่งความรักด้วยนะคะ ไม่แน่ใจว่าทางคนสร้างหนังตั้งใจตรงนี้หรือเปล่า แต่เราชอบค่ะ โยงกันได้ดีอยู่
อีกสิ่งที่เราชอบก็คือ เพลงประกอบภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องค่ะ ตอนแรกเหมือนจะโปรโมทคือเพลงวันหนึ่ง (ฉบับเก่าโดย ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต) และร้องใหม่โดยชาติ เดอะวอยซ์ นะคะ ซึ่ง...เข้าใจหาเพลงมาเชียวค่ะ ถ้าดูหนังแล้วฟังเพลงนี่จะอินมากๆ
VIDEO
แต่นอกจากเพลงวันหนึ่งแล้ว ในหนังก็มีอีกเพลงที่ก่อนหน้านี้ที่ดูเบื้องหลัง ไม่มีพูดถึงเลย แต่พอไปดู เราเซอร์ไพรซ์มาก (ในฐานะชอบเพลงพี่แจ้มากมาย ใครชอบพี่แจ้ ลองหารวมฮิตตลับทองของพี่แจ้มาฟังดูนะคะ เพลงเพราะๆ ทั้งนั้นเลยยย) แล้วก็กลายเป็นกระแสของคนดู จนในที่สุดก็เพิ่มเอ็มวีเพลงนี้มาค่ะ 555
ฝันลำเอียง
VIDEO
สรุปแล้วเป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่เราชอบนะคะ ดูหนังจบแล้วรู้สึกสมองและความรู้สึกตัวเองยังไม่จบ จนเขียนรีวิวนี้เสร็จแล้วก็ยังไม่แล้วใจ รู้สึกยังตกผลึกไม่เต็มที่อะค่ะ (แต่อยากมารีวิวก่อน เพราะอยากให้ไปดูกัน แถมเหมือนจะลืมอีกสองประเด็นที่อยากพูดถึงอีกต่างหาก) คือ จะไปดูแค่ความเป็นหนังรักเรื่องหนึ่ง หรือดูแล้วกลับมาใคร่ครวญคิดอะไรต่อก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ โดยเฉพาะการจบแบบนี้..มันทำให้คิดอะไรต่อมิอะไรต่อได้มากกว่าจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งมากๆ จริงๆ นะคะ
ปฏิทินธรรม
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559
1. ฟังธรรมพระกรรมฐานและ เจริญสมาธิภาวนา โดย พระอาจารย์สวัสดิ์ ปิยธัมโม วัดป่าคูขาด อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เวลา 17.00น.
ณ ห้องธรรมวิศว์ ชั้น 3 อาคาร 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
https://www.facebook.com/BuddhadhamChula/photos/a.217291275060261.46086.217286778394044/945984075524307/?type=3&theater
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2559
1. พิธีหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ชา สุภทฺโท เพื่อนำไปประดิษฐานที่อุโบสถวัดป่าหนองกุง อุบลราชธานี
ณ โรงหล่อ หจก.ประติมา ไฟน์ อาร์ท ถนนกาญจนาภิเษก(วงแหวนตะวันตก) ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เวลา 13.00 น.
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1579035222401235&id=1482592958712129
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 3-4 กันยายน 2559
1. ขอเชิญร่วมงานบุญอายุวัฒนมงคล 63 ปี หลวงพ่อจันดี กนฺตสาโร วัดป่าอัมพวัน (สาขาวัดหนองป่าพง ท๊่ 42) ต.หนองรี อ.เมือง ชลบุรี
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1802688269966406&id=100006757509369
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2559
1. สวดมนต์ถวาย ในหลวง พระราชินี จัดสวดตลอดปี 2558 รวม 12 ครั้ง
ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลา 16.00น. ทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.572181122825528.1073741826.335629013147408/924827967560840/
2. ง านไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันอาทิตย์ที่ 11 และ 25 กันยายน 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย ณ ลานเปรมปรีดิ์ มูลนิธิบ้านอารีย์
เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 24-25 กันยายน 2559
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.479376905439284.105742.335629013147408/701496553227317/?type=1&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3652726 =5122422/12371/1224
Create Date : 09 กันยายน 2559
Last Update : 9 กันยายน 2559 0:07:22 น.
27 comments
Counter : 5324 Pageviews.
ดูน่าติดตามดูเต็มเรื่องครับ
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Movie Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น