#### ฮาวทูทิ้ง - ไม่อยากเจ็บปวด ก็ต้องไม่ "เก็บ"? ####
สวัสดีค่าาา
เอนทรี่ล่าสุด รีวิว Kouen Sushi (buffet) Sena Fest - บุฟเฟต์คุ้มๆ สำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่นค่ะ มารีวิวหนังค่ะ หวังว่ากว่าจะพับลิช หนังจะยังอยู่ในโรง เพราะเป็นหนังของเต๋อที่กระแสแรงดีพอควรอยู่นะคะ กับหนังเรื่องนี้ค่ะ
ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
เขียนบทและกำกับโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
นำแสดงโดย
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็น เอ็ม
ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง เป็น จีน
ษริกา สารทศิลป์ศุภา เป็น มี่
อาภาศิริ จันทรัศมี เป็น แม่
ถิรวัฒน์ โงสว่าง เป็น เจย์
พัดชา กิจชัยเจริญ เป็น พิงค์
เรื่องย่อ เมื่อจีนกลับมาจากต่างประเทศ และต้องการรีโนเวทบ้านของตัวเองเพื่อเป็นออฟฟิศ สไตล์มินิมอลแบบที่ต้องการ สิ่งที่ต้องทำนั่นก็คือ "ทิ้ง" ทุกอย่างที่มันไม่เอื้อต่อความมินิมอลที่เธอต้องการ โดยมีพิงค์ เพื่อนสนิทเป็นคนดำเนินการเรื่องการทำออฟฟิศให้ แต่ระหว่างการพยายามทิ้งนั่นเอง ก็ทำให้จีนได้พบกับหลายๆ สิ่ง และเลือกที่จะคืนของบางอย่างให้กับคนบางคน
ความรู้สึกที่ได้ดู (สปอยล์สุดค่ะ)
เป็นหนังสไตล์นวพลที่ใครที่ชอบก็จะชอบไปเลย และใครที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบ แต่หนังเรื่องนี้ดูง่ายแต่มีความลึกมากๆ ในตัวหนังค่ะ
เป็นหนังไทยไม่กี่เรื่องที่อยากดูซ้ำ ไม่ใช่เรื่องของความประทับใจหรือสะเทือนใจ แต่เป็นหนังที่มันมีรายละเอียดเชิงอารมณ์สูงมาก และมีอะไรต่อมิอะไรที่ใช้สื่อเยอะเต็มไปหมด ทั้งองค์ประกอบด้านภาพ การใช้สเปซและกลวิธีภาษาหนังในการสื่อสาร ใครที่คิดว่าดูรอบเดียวแล้วเก็บหมด ลองไปดูรอบสองนะคะ เราว่าคุณจะเห็นอะไรจากที่ไม่เห็นในรอบแรกเพิ่มขึ้นแน่ๆ
เรื่องนี้มีสองประเด็นใหญ่ๆ ที่ค่อนข้างกระทบใจคนที่ดูแล้วร้องไห้/ชอบ
ประเด็นแรกคือเรื่องของครอบครัว
เราเป็นคนที่กระทบใจในเรื่องนี้มากกว่าประเด็นที่สองนะคะ (แต่ประเด็นที่สองก็มีกระทบใจที่จะกล่าวต่อไป วะฮะฮ่า)
หนังเอง ตอนแรกไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้อย่างเด่นชัด แต่เราจะค่อยๆ รู้เรื่องราวเพิ่มขึ้นทีละนิดจากการดำเนินเรื่อง เริ่มด้วยการชื่อโรงเรียนสอนดนตรีที่เป็นชื่อพ่อของนางเอก แต่เราจะเจอสมาชิกครอบครัวแค่สามคน คือ จีน (นางเอก) เจย์ (พี่ชาย) และแม่เท่านั้น แล้วก็ค่อยๆ เฉลยออกมาว่าพ่อของครอบครัวนี้ไปไหน ยังไง และทำสิ่งใดไว้บ้าง เราไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนครอบครัวของจีนนะคะ แต่ช็อตกระทบใจเราเป็นช็อตที่เจย์เอารูปวันเกิดของจีนที่เจอระหว่างรื้อค้นของที่จะทิ้งมาบอกเล่าให้ฟัง ประโยคที่บอกว่า "เขาก็มีเรื่องราวดีๆ เหมือนกัน" (ไม่โคว้ท) นั่นกระทบใจเรามากค่ะ เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่มีความทรงจำที่ไม่ดีเลยกับพ่อ (ป๊า) และถ้าให้พูดตรงๆ เรารักแม่มากกว่าป๊ามาก แต่ใช่ค่ะ..ป๊า ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆ ป๊ารักเรามาก (มากจนน้องชายเราอิจฉาด้วยซ้ำ) แต่เราก็กลับจำเรื่องแย่ๆ ของป๊ามากกว่าเรื่องดีๆ อืมม์...มันก็เลยจุกๆ หน่อยกับช็อตนี้นะคะ เพราะการที่จีนบอกว่า ตัวเองจำเรื่องดีๆ ไม่ได้เลย จำได้แต่เรื่องแย่ๆ นี่ก็เป็นแบบเดียวกับเราค่ะ แต่กับจีนคือ เราคิดว่าน่าจะเป็นกลไกบางอย่างในการที่จะทิ้งและลืมป๊า ซึ่งจะเป็นคนละประเด็นกับเราหละนะคะ
เรื่องราวของครอบครัวจีน สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนว่ามีส่วนอย่างมากต่อสิ่งที่จีนเป็น (ขณะที่เจย์ไม่เป็น แต่ใช่ว่าพี่น้องกันจะต้องมีวิธีการปกป้องตัวเอง และสะท้อนกลับต่อโลกเหมือนกันนี่นา) สิ่งที่จีนทำกับคนรัก ทำกับเพื่อนและคนรอบข้าง ไม่แตกต่างจากที่พ่อตัวเองทำ มันเป็นวิธีการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง นั่นคือ...ไม่ใส่ใจกับอะไร ไม่รู้สึกกับอะไร มันก็จะไม่เจ็บ ไม่ต้องเสียใจ และไม่ต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย แต่เป็นฝ่ายที่เลือกที่จะทิ้งแทน ซึ่งมันเจ็บน้อยกว่าค่ะ เราเองก็เลือกวิธีนี้ ทุกวันนี้เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจใครมากกกกกกกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วค่ะ เมื่อก่อนนี่ใส่ใจกับทุกเรื่อง ทุกคนที่อยู่ในชีวิตเหลือเกิน แต่พอมันมีแผลเหวอะ เจ็บซ้ำซาก แล้วพอเลือกวิธีนี้แล้วมันก็เจ็บปวดน้อยลงนะคะ แม้จะมีหลายครั้งที่ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย แต่ก็...มันทำให้เราไม่เจ็บปวดมากกว่าจริงๆ แหละค่ะ มันก็ต้องเลือกว่า จะยอมให้ตัวเองเป็นแบบไหนหละนะคะ
ใช่ค่ะ จีนเป็นคนเห็นแก่ตัว อย่างที่คนๆ หนึ่งในเรื่องบอกกับเจ้าตัวน่ะแหละ เพียงแต่เจ้าตัวไม่อยากยอมรับ แต่ก็อย่างที่คนๆ นั้นบอกเช่นกัน แค่ยอมรับว่าเออ เรามันคนเห็นแก่ตัวแล้วก็ "มุปอร" (สแลงของ Move on) ไป แค่นั้นเองค่ะ ไม่ต้องหลอกตัวเองว่าเราเป็นคนดี ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ได้ มันดีกับตัวเองมากกว่านะคะ และขณะที่จีนเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างสุดขั้ว ทิ้งเมื่อไม่อยากได้แล้ว และฉกชิงพื้นที่ของคนอื่น (แม่และพี่) มาเป็นของตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกผิดอะไร พร้อมกับพยายามบอกพี่ชายว่า "นี่มันรุ่นเราแล้ว" (แหม..นึกถึงอะไรหลายๆ อย่างในสังคมตอนนี้เลยนะคะนี่ เหอๆ) ไม่ว่าจะด้วยความไม่แคร์ใครเอาซะเลย หรือเป็นกลไกของการต้องการทิ้งมันให้หมด (โดยไม่รู้สึกอะไร) เพื่อที่จะได้ข้ามผ่านมันไปให้ไวที่สุด...
"แม่" กลับเป็นคนที่ "เก็บ" แม้ว่าจะเป็นการเก็บที่ยิ่งทำให้ไม่ลืม (เพราะเจ้าตัวไม่อยากลืม) การไม่ยอมที่จะไปนอนที่ห้องนอน โดยที่หนังไม่ได้บอกตรงๆ ว่าทำไม แต่หลายคนน่าจะเข้าใจได้ว่า เตียงที่เคยมีใครแล้วมันไม่มีมันสร้างความรู้สึกที่ย่ำแย่ได้มากแค่ไหน และสำหรับบางคน...แม้การเก็บ/การจำนั้นจะเจ็บปวด แม้ว่าจะปลูกกุหลาบแดงไว้กี่พันดอก เขาก็ไม่มีวันกลับมา แต่เจ้าตัวเองก็ยังคงยินดีที่จะเป็นอย่างนั้น...และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบอกให้ลืม เหมือนกับที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้บอกให้อีกฝ่ายต้องจำ แต่อย่ามาบงการ/ระรานสิทธิ์ของตัวเขาเองให้เป็นอย่างที่อีกฝ่ายต้องการสิเว้ยยยย (ไม่อยากให้คนอื่นระรานสิทธิ์ตัวเอง เพราะตัวเองอยากลืม ก็อย่าไประรานคนอื่นด้วยการอยากให้เขาลืมด้วยสิแม่คุณ) ช็อตนี้ทั้งการแสดงและถ้อยคำนี่...สุดมากค่ะ หลายคนชอบช็อตนี้สุดๆ นะคะ
ประเด็นต่อมา เรื่องของความรัก อย่างที่เกริ่นๆ มานิดหน่อย จีนทำกับความรัก/คนรัก ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ / คนอื่นๆ ในชีวิต เมื่อรู้สึกว่าไม่ใช่ เธอก็ถือโอกาส "ทิ้ง" เขาไปเฉยๆ โดยไม่บอกไม่กล่าว ไม่แยแส เหมือนเขาเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่งที่ไม่ใช้แล้ว ก็หมดประโยชน์ ซึ่ง...แน่นอนค่ะ ทิ้งคนมันไม่ง่ายเหมือนทิ้งของ คนมีความรู้สึก เจ็บปวด และมันยากที่จะก้าวผ่าน ก้าวข้ามไปได้ง่ายๆ สำหรับคนที่เป็นฝ่ายถูกทิ้งหละนะคะ
และจีนทำโดยไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ เพราะเธอเป็นฝ่ายทิ้งมาโดยตลอด (ยกเว้นเรื่องของพ่อ) จนหนังก็ค่อยๆ ใส่แต่ละอย่างมาเพื่อกระเทาะตัวตน/เกราะของจีนออก ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอที่จีนเคยถักให้เจย์ ("พอเป็นตัวเองแล้วมันเจ็บจริงๆ ด้วยว่ะ") ความรู้สึกของเพื่อนรักที่โดนทิ้งของที่ให้จีนในวันเกิด ที่จีนได้เห็นต่อหน้าต่อตาว่าพิงค์เสียใจและเสียความรู้สึกแค่ไหน จนทำให้จีนเองเริ่มคิดที่จะคืนของอะไรต่อมิอะไร ทั้งที่ยืมมาแล้วไม่คืน หรือซื้อมาแล้วแต่ไม่ได้ให้ เพราะเจ้าตัวเริ่มที่จะ "รู้สึก" (จากที่พยายามบอกใครต่อใครรอบตัวว่าอย่า "รู้สึก" แล้วจะทิ้งอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายขึ้น) มากขึ้น จวบจนนำไปสู่การพยายามคืนของของพี่เอ็ม อดีตคนรัก...
และนั่นทำให้เธอเริ่มได้รับรู้ความเป็นไปของคนที่ตัวเองทิ้งไป ได้รู้ว่าเขามีคนรักใหม่แล้ว เขาเหมือนจะมูฟออนได้แล้ว... แต่ท้ายที่สุด ไม่ว่าคนที่ข้างกายคนใหม่นี้จะสวยกว่ายังไง สุดท้ายแล้วเอ็มก็เลือกหนทางเดียวกับที่จีนเคยพูดใส่หน้าตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว เอ็มเองก็ทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัว ความแตกต่างคือ เอ็มรู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัว ขณะที่จีนต่างหากที่ไม่ยอมรับ/ไม่รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวแค่ไหน อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ การยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของการที่เราจะก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงนะคะ
และในซีนหนึ่งของหนังก็ทำให้เราได้รู้ว่า ที่จริงแล้วการที่เอ็มบอกว่าดีใจที่ได้เจอ (แล้วจะด่าทำไม) แต่สุดท้ายแล้วก็มีซีนเฉลยว่าจริงๆ แล้วเอ็มก็โกรธ...อืมม์..เราเข้าใจประเด็นนี้นะคะ คือ โกรธที่ถูกทิ้งขว้างแบบไม่แยแสก็ใช่ แต่ก็ดีใจที่ได้เจอ เพราะอย่างน้อย...สำหรับคนที่ถูกทิ้งแล้ว การได้รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไรมันย่อมดีกว่าถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความงุนงงและคำถามตลอดชีวิตสำหรับตัวเองแน่ๆ ว่าเราพลาดไปตรงไหน หรือทำอะไรผิด... ซึ่งประเด็นเรื่องของความรักนี่ ทำให้เรานึกถึงความรักวัยเยาว์ค่ะ 5555 เราเคยทำคล้ายๆ จีน จู่ๆ ก็เลิกรากับคนๆ หนึ่ง โดยที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เหตุผลที่เราทำแตกต่างจากจีน เราไม่ได้รู้สึกว่าเขาคนนั้นไม่ใช่ แต่เป็นเพราะเพื่อนๆ ในกลุ่มที่พูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าการคบเขาต่อไปมันจะทำให้เราถูกล้อ/ถูกแยกออกจากกลุ่ม เราเลยตัดสินใจเลิกค่ะ ซึ่ง...เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าตัวก็มีคนรักใหม่นะคะ แต่เรามารู้ว่าที่จริงเขาไม่เคยลืม ก็ตอนที่เกือบยี่สิบปีต่อมา ภรรยาของเขาโทร.หาเราแล้วถามว่าเราเป็นใคร ทำไมสามีเขาถึงเซฟเบอร์เราเป็นเบอร์แรกของมือถือ (เบอร์โทร.ด่วนหมายเลข 1) ซึ่งเราก็เลยบอกเขาไปค่ะว่าเราเป็นใคร และไม่ว่าทางนั้นจะอะไรยังไง เรามีแฟนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเลิกห่วงได้ เราไม่คิดอะไรกับเขาแน่ๆ
ซึ่ง...ตอนนั้นโกรธมากกว่าจะมาคิดอะไรแบบนี้นะคะ และหนังเรื่องนี้แหละค่ะที่ทำให้เราคิดว่า...อืมม์...เราคงสร้างแผลที่ใหญ่ไม่น้อยให้เขาเหมือนกัน ทุกวันนี้เขาก็คงยังไม่เข้าใจนะคะว่าเราเลิกกับเขาเพราะอะไร และเราก็ยังไม่มีโอกาสบอกเลยค่ะ ดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกผิดเลย ฮือออออ เอาหละค่ะ กลับมาที่หนังกันต่อ 555 หนังทำให้เราเริ่มเห็นจีนเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กละน้อย การที่เจ้าตัวพยายามหารูปให้เพื่อน (ทั้งที่ตอนแรกจะพิมพ์บอกแล้วว่าหาไม่เจอ (ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นแม้แต่จะหาอย่างจริงๆ จังๆ)) มันทำให้เราเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มที่จะ "รู้สึก" มากขึ้น มีหัวใจมากขึ้น แต่นั่นก็ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวก็ต้องกลับมารู้สึกเจ็บและเสียใจอีกครั้ง การ "กูไม่ควรกลับมาจริงๆ ด้วยว่ะ" = "กูไม่ควรเปิดให้ตัวเองรู้สึกอีกครั้งเลย" สำหรับเรานะคะ เพราะพอเริ่มมีหัวใจ แน่นอนหละว่า...มันก็ต้องเจ็บหละนะ เหอๆ (แต่เราว่าที่จริงจีนเองไม่ได้ไร้หัวใจซะทีเดียวนะคะ อย่างมีของชิ้นหนึ่งที่เพื่อนฝากซื้อ นางซื้อมานะ แต่นางกลับไม่ได้ให้ซะงั้น ถ้าคนไร้หัวใจคงไม่แม้แต่จะหาซื้อให้หละ)
แต่ในเรื่องนี้ มีแต่คนเจ็บปวดเต็มไปหมดเลยค่ะ (เป็นมนุษย์จึงเจ็บปวดอะนะ) เราทุกคนต่างมีน้ำตาเป็นของตนเองนี่มันใช่จริงๆ มันมีหลายช็อตที่แบบว่า...เออ สงสารมี่ (แฟนใหม่เอ็ม) มาก แต่อยากจะบอกมี่ว่า ดีแล้วที่เขารู้ตัวตอนนี้และทิ้งไปตอนนี้ เพราะถ้ามันเนิ่นนานไปกว่านี้ เราก็จะยิ่งเจ็บกว่านี้ การพยายามยื้อและรักษาความสัมพันธ์ต่อไป ทั้งที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ มันไปกันไม่รอดหรอกค่ะ แล้วยิ่งนาน แผลมันก็จะยิ่งลึกกว่าเดิมหละนะ
และสิ่งที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ที่แตกต่างจากหนังไทยส่วนใหญ่มากๆ เลยก็คือ "ระหว่างบรรทัด" ค่ะ กล่าวคือ หนังมีอะไรหลายอย่างให้คนดูคิดต่อเอง รู้สึกเอง คาดเดาเอง มันมีสเปซเต็มไปหมด (ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ชอบอะไรเคลียร์ๆ จะแจ้ง อาจจะไม่ชอบหรือไม่ถูกจริตนักหละนะคะ) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อนที่จีนเอาดับเบิ้ลเบสไปคืน คำพูดของพ่อที่จีนโทร.ไปหา กระดาษที่ถูกฉีกทิ้งไปเหลือแต่สก็อตเทปในห้องของเอ็ม (พร้อมรอยยิ้มบางอย่างของจีน) น้ำเสียงของเอ็มที่บอกจีนครั้งแรกว่าแม่ไม่อยู่บ้าน (ไม่รู้สิ เรารู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นนะคะว่ามีอะไรอยู่หละ แล้วก็มีจริงๆ) ฯลฯ
นอกจากนั้น...นักแสดงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องออกแบบ ถ้าสังเกต ท่าทีและท่าทางของน้องตอนเริ่มเรื่อง (ไม่แคร์เวิลด์) กับตอนท้ายนี่มันมีความเปลี่ยนไปด้วยหละ ที่ชัดคือ แววตาของน้องตอนที่ให้สัมภาษณ์ต้นเรื่อง (เรื่องของการตกแต่งออฟฟิศ) กับตอนแรกๆ นี่ มันแตกต่างกันมากๆ มันเป็นจีนที่มีความแตกร้าวบางอย่างไปแล้วน่ะค่ะ บอกไม่ถูก เราว่าถ้าใครช่างสังเกต/ช่างรู้สึก น่าจะเห็นเหมือนๆ กันนะคะ
แม้น้องจะตาเล็กมาก (ฮา) แต่น้องกลับแสดงความรู้สึกออกมาได้ดีมากค่ะ มันพวยพุ่งออกมาเหมือนรังสีเฮ้ากวงยังไงยังงั้นเลย กร๊าก ชอบมาก น้องเป็นนักแสดงที่ดีมากๆ จริงๆ อ้ะ
ส่วนมี่...เราไม่เคยรู้จักนักแสดงคนนี้มาก่อนเลยค่ะ แต่เราชอบนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีนที่มาคุยกับจีนตอนท้ายนั่น มันเป็นทั้งความรู้สึกแบบ...เจ็บปวด แต่ต้องฝืนใจยอมรับ และก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ มันดีมากเลยแหละค่ะ เราว่าคนแคสแคสเก่ง และผกก.ก็กำกับการแสดงได้ออกมาดีด้วยหละ
อ้อ มีอีกอันที่รู้สึกขำขื่นๆ กับการตั้งชื่อบริษัทว่าแซดสตอรี่ / แฮปปี้เอนดิ้งนะคะ แหม้..พ่อคุณ ไม่แน่ใจว่าบริษัทนี้เคยสร้างหนังเรื่องอื่นมาก่อนเปล่าฟระ (ตอน GDC นี่จำไม่ได้ว่าใช้สองบริษัทนี้ไหมนะคะ)
ในเรื่องของการใช้ซาวด์ มีการใช้ซาวด์เอฟเฟคที่เหมือนๆ เครื่องเป่าบางอย่างในเรื่องด้วยค่ะ เราไม่แน่ใจว่าเป็นการใช้แทนตัวแทนของป๊า หรือความรู้สึกบางอย่างที่จีนมีต่อป๊าและโยงต่อความรู้สึกในช็อตนั้นๆ หรือเปล่า (คือป๊าก็เป็นนักดนตรีอะนะ แต่เปียโนมันเด่นกว่าเครื่องเป่า จนเราไม่แน่ใจว่าผกก.เอามาสื่ออะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า หรืออาจจะไม่มีอะไรก็ได้ค่ะ) นอกจากนั้น ในหนังเรื่องนี้มีทั้งการแต่งเพลงใหม่และมีการนำเพลงเก่า (ที่ผกก.อยากเอามาใส่ในหนังตัวเอง แต่เพิ่งจะได้โอกาสตอนทำหนังเรื่องนี้นี่แหละ กร๊าก) นั่นก็คือเพลงทิ้งแต่เก็บ (แต่งใหม่) และกลับไปที่เก่า ซึ่งเราว่าทั้งสองเพลงมันก็สื่ออะไรหลายๆ อย่างของหนังเรื่องนี้ได้ดีเลยค่ะ เอามาแปะให้ฟังเป็นการปิดท้ายก่อนสรุปหนังเรื่องนี้นะคะ
สรุปสำหรับหนังเรื่องนี้นะคะ
เราว่าเป็นหนังที่ถ้าใครชอบและโดนก็จะชอบมากๆ ไปเลย ส่วนคนที่ไม่มีเรื่องราวใดๆ หรือไม่ชอบภาษาหนังในเชิงภาพและการแสดงแบบลึกๆ แล้ว อาจจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้นะคะ (เพื่อนเฟซเราก็มีคนไม่ชอบหละ 555) แต่เป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่เราชอบมากๆ เลยค่ะ ปฏิทินธรรม วันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2562 1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน) วันพุธที่ 1 มกราคม 2562 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)
1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น.
ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2562
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/ วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2562 1. ตักบาตรพระกรรมฐาน ณ ปราสาทจตุรมุข วัดสังฆทาน นนทบุรี (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 12 และ 26 มกราคม 2562 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)
1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2562
1. ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระป่า 9 วัด เสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน ณ บ้านลานเสียงธรรม เลขที่ 7/44 หมู่4 ซอยนาคนิวาส 40 แขวงเขตลาดพร้าว กทม วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2562 (จัดทุกอาทิตย์ที่สามของเดือน) 1. ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น. ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2562 1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน) เมตตารับบาตรโดย เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 25-26 มกราคม 2562 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัย
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1469696+7644012=9113708/14369/1903
ประกาศ
ท่านใดประสงค์จะโหวต โหวตได้นะคะ แต่เจ้าของบล็อกนี้จะไม่ได้โหวตกลับให้ทุกคนที่โหวตค่ะ จะโหวตเฉพาะบล็อกที่เราอยากโหวตให้เท่านั้นนะคะ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาเองว่าจะโหวตให้บล็อกนี้หรือไม่ค่ะ
Create Date : 13 มกราคม 2563 |
Last Update : 13 มกราคม 2563 19:08:28 น. |
|
33 comments
|
Counter : 2392 Pageviews. |
|
|
นี่จะนัดรอบสามกำลังคิดอยู่ว่า
จะไปดีหรือไม้ไปดี..
แค่อ่านสปอยพี่ก็เศร้าล่วงหน้าแล้วค่ะ..
แต่นะ..
น้องว่า.. คนเรามันมีทั้งมุมที่ดี
และมุมที่เลวแบบเห็นแก่ตัวขั้นสุดก็มี..
ในคนๆเดียวกัน..
มันอยู่ที่ว่าเราจะหันด้านไหนให้คนๆนั้นเห็น..
อย่างของตัวน้องเองเคยโดนทิ้ง
แบบหายไปเฉยๆก้อมี คอดเจ็บ
เป็นแผลยาวนานเปนสิบๆปี..
และถึงรุ้ว่ามันไม่ดี แต่เราก้อยัง
เคยเทบางคนทิ้งไปเหมือนกัน..
ซึ่งไม่ว่าจะบอกลาหรือไม่มีคำบอกลา
ไงซะมันก้อคือการเท..อยู่ดี
ถูกบอกเลิกก็เจ็บ..
เป็นคนบอกเลิกเองก็เจ็บ
เจ็บคนละแบบ
การเฟสบางคนออกจากชีวิตมันไม่ง่าย
ยิ่งถ้าได้ผูกพัน..
จนเป็นความเคยชินไปแล้วยิ่งยาก..
แต่.. อะไรที่ทำอยู่ฝ่ายเดียว
มันมักไม่สำเร็จ..ค่ะ
ดังนั้น..
ถ้าฝั่งตรงข้ามพร้อมถอยแล้ว
เราก็ควรจะถอยตามเค้า..
ไอ้ที่คิดว่าจะตัดใจ
มันจะได้สำเร็จสักที..
มองบวกๆ..มันถือว่าเค้าปราณี
และมอบโอกาสหลุดบ่วงมาให้แล้วนะน้องว่า..
ปล.แล้วน้องควรไปดูดีมะเนี่ยะ
แลดูแล้วถ้าไปต้องพกทิชชู่
ไปสักม้วนไหมนะ
ปล.โหวตหมดแย้วว
แดวพรุ่งนี้มาใหม่