ชีวิตก็คือละครหรือนิยายเรื่องหนึ่ง
|
|||||||
เวลาที่หายไป - บทที่ 9 ทิพย์สุรางค์คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปจึงจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเคน ที่เธอเรียกเขามาพบก็เพื่อจะจับผิดให้ได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใคร เธอต้องการให้เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ดูว่าเขาบิดเบือนหรือพยายามโอ้อวดตัวเองหรือเปล่า แต่เขาก็กลับนิ่งเฉยไม่ยอมพูดอะไรที่จะช่วยให้เธอคลำทางต่อไปได้ เมื่อไม่ได้ดังใจในเรื่องนี้ ทิพย์สุรางค์ก็นิ่งคิดว่าจะสืบสาวราวเรื่องเขาต่อไปอย่างไรดี แล้วในที่สุดก็นึกออกถึงเรื่องที่กรทำให้เธอข้องใจสงสัยเคนได้อีกเรื่องหนึ่ง หลายวันที่ผ่านมานี้ ตอนที่เธอลงไปเดินเล่นข้างล่างเพื่อยืดแข้งยืดขา หลังจากแกร่วอยู่บนตึกมาเกือบตลอดวัน แล้วก็พบกรซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการใช้หนังสะติ๊กไล่ยิงนกตัวเล็กๆ ที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ “มาเล่นอะไรไกลถึงนี่? ” เธอร้องถามทำให้กรหันมา พอเห็นว่าเป็นเธอ เขาก็ยิ้มแหยๆ ลดมือที่ถือหนังสะติ๊กลงไว้ข้างตัว “ กร เธอเคยขอให้ฉันช่วยอธิบายคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ในหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มใหม่ของเธอให้ไม่ใช่หรือ ป่านนี้แล้วทำไมไม่เห็นเอาหนังสือนั่นมาให้ดูเลยล่ะ ฉันจะได้ช่วยอธิบายให้ เวลาสอบจะได้รู้เรื่อง” คำตอบของเด็กชายนำความพิศวงมาให้เธอ “ไม่ต้องแล้วฮะ ” เธอขมวดคิ้วใส่เขา ถามด้วยเสียงแข็งๆว่า “ ทำไมไม่ต้อง?” กรกำลังคิดว่าจะบอกความจริงดีไหม ถ้าบอกความจริงคุณหนูก็อาจจะโกรธ เพราะคิดว่าเห็นคนอื่นดีกว่าเธอ แต่ถ้าโกหกเพื่อเอาตัวรอดแล้วเธอจับได้ทีหลัง เขาก็จะถูกลงโทษ กรก็เลยตัดสินใจพูดความจริง “เคนเขาช่วยอธิบายให้หมดทั้งเล่มแล้วฮะ ” เด็กชายตอบอ่อยๆ คอยสังเกตอารมณ์ของเธอจากสีหน้า เขาเห็นทิพย์สุรางค์ทำหน้าแปลกใจเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “นายเคนน่ะหรือ ” เธอย้ำถามเพื่อความแน่ใจ “ ฮะ ” กร ชักไม่มั่นใจเสียแล้วว่าจะโดนอะไรอีกหรือเปล่า เพราะคุณหนูทำหน้าเครียดๆชอบกล “นี่แกจะบอกฉันหรือว่านายเคนรู้ภาษาอังกฤษ?” เวลาไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์เขา เธอก็จะเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขาจาก 'เธอ' เป็น 'แก' ได้อย่างรวดเร็ว “ ฮะ ” กรยังยืนคำเดิม เขาไม่รู้ว่าทิพย์สุรางค์ต้องการคำอธิบายมากกว่านั้น คำอธิบายที่จะช่วยยืนยันว่าข้อสังเกตบางอย่างของเธอ เกี่ยวกับชายนิรนามผู้นั้นถูกต้อง ทิพย์สุรางค์จนปัญญาที่จะทำให้กรเล่าออกมาเอง ในที่สุดเธอก็ตั้งคำถามใหม่ที่แน่ใจว่า จะทำให้กรต้องเล่าเรื่องที่เขารู้ออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง "แล้วแกเชื่อถือเขาได้แค่ไหน? รู้ได้ยังไงว่าเขาเข้าใจคำศัพท์พวกนั้นอย่างถูกต้อง เขาอาจจะรู้ภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆก็ได้ จริงไหม?” ได้ผลตามที่เธอมุ่งหมาย เพราะกรรีบเล่าแจ้งแถลงไขทันทีเพื่อปกป้องทั้งตัวเองและเคน จากข้อกล่าวหาของคุณหนูที่เขาเห็นว่าไม่ยุติธรรม “เขารู้ภาษาอังกฤษดีแน่นอน ” เด็กชายเน้นปากเน้นคำ “ เขายังเคยขอยืมหนังสือภาษาอังกฤษในห้องสมุดของเรา ไปอ่านตั้งหลายเล่มแล้ว ” เมื่อเห็นทิพย์สุรางค์จ้องมองเขาเขม็งเหมือนจะคาดโทษ กรก็รีบกล่าวต่อโดยเร็ว “ ก็เขาเคยไปขออนุญาตใช้ห้องสมุดแล้วนี่ครับ คุณหนูก็อนุญาตเขาแล้วด้วย ” “เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว ว่าแต่แกแน่ใจหรือว่าหนังสือที่เขาขอยืมไปอ่าน เป็นภาษาอังกฤษ” กรมองเธออย่างเคืองๆ ” แน่ใจสิฮะ ผมเห็นหนังสือที่เขายืมเกือบทุกเล่ม ก็เขามักจะชวนผมไปด้วยทุกครั้ง เพราะเขาคงไม่กล้าขึ้นไปบนตึกใหญ่ตามลำพัง ” นิ่งตรองสักครู่ทิพย์สุรางค์ก็ตะล่อมถามต่อ “ หนังสือภาษาอังกฤษที่แกบอกว่าเขาขอยืมไปอ่านน่ะ เป็นพวกตำราหรือเป็นหนังสือที่มีแต่รูปภาพสวยๆกันแน่” กรก็นิ่งคิดเหมือนกัน ก่อนตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักว่า “ เป็นตำราหรือเปล่าผมไม่ทราบ เพราะผมไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ถ้าทั้งเล่มมีแต่รูปภาพสวยๆแบบที่คุณหนูว่า ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ” แล้วเขาก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆเหมือนแกล้ง ทำให้ทิพย์สุรางค์จ้องเขาตาเขียวแต่ไม่กล้าดุอีก เพราะรู้ว่าถ้าดุมากๆกรก็จะลนแล้วหุบปากนิ่งไปเลยเพราะความกลัว เธอรอให้เขาพูดต่อ แต่เด็กชายเลิกสนใจเรื่องนั้นแล้ว เขาง้างหนังสะติ๊กคู่มือ แล้ววิ่งถลาไล่ล่านกตัวน้อยๆไปตามคาคบไม้ต่อไป ทิ้งให้เธอยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว แต่ทิพย์สุรางค์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก คืนนั้นเธอเดินกรายไปที่ห้องของกร เด็กชายกำลังนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เธอทำเป็นเดินไปเดินมา ติโน่นตินี่เกี่ยวกับ 'สมบัติบ้า' ที่เขาสุมไว้ที่โน่นบ้างที่นี่บ้างอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ออกคำสั่ง “กร คราวหน้าถ้าเขามาขอยืมหนังสืออีก เธอบอกให้เขาเอาหนังสือที่จะขอยืม มาขออนุญาตจากฉันก่อนนะ เข้าใจไหม” “ ใครฮะ? ” เด็กชายซึ่งกำลังทุ่มเทความสนใจทั้งหมด ไปกับเกมสงครามระหว่างเผ่า ถามโดยที่มือก็ยังถือตัวบังคับเกมอยู่ ตาก็ไม่ยอมละจากจอ หญิงสาวแทบจะร้องกรี้ดออกมาด้วยความโมโห บางทีกรก็ฉลาดเป็นกรด มองตาเธอก็เข้าใจแล้วว่าเธอต้องการอะไร แต่บางครั้งเช่นคราวนี้ เขาก็งี่เง่า หรือแกล้งทำเป็นโง่เพื่อกวนประสาทเธอ “ ก็นายเคนที่ตั้งตัวเป็นครูของแกไง” เธอกระแทกเสียง “ ทำไมต้องให้เขาทำแบบนั้นด้วยล่ะฮะ ก็คุณหนูอนุญาตเขาแล้วไม่ใช่เหรอ” เด็กชายไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคุณหนูเธอจะเอาอย่างไรแน่ เดี๋ยวก็ทำเป็นใจดีอนุญาตให้เคนใช้ห้องสมุดได้ แล้วเดี๋ยวก็มาทำวางอำนาจ สั่งให้เคนต้องนำหนังสือไปให้เธอตรวจเสียก่อนอีก แล้วเขาก็ถอนใจเสียงดังเฮ้อ “ไม่ต้องถามมาก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอแล้ว!! ” เธอกระแทกเสียงหนักกว่าเดิม แล้วเดินหน้าเชิดออกไปจากห้อง เมื่อได้เรื่องใหม่ที่จะไล่ต้อนหาความจริงจากเคนแล้ว ทิพย์สุรางค์ก็เปิดประเด็นทันที “เห็นกรบอกว่านายขอยืมหนังสือที่นี่ ไปอ่านหลายเล่มแล้ว” เธอหยุดสังเกตสีหน้าของชายหนุ่ม ก็เห็นว่ามันราบเรียบตามปกติของเขา มีแต่ประกายตาเท่านั้นที่มีแววระแวดระวัง เคนรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป การเดาใจทิพย์สุรางค์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอสามารถไล่ต้อนเขา จากเรื่องนี้ไปเรื่องนั้นได้เสมอ ถ้าเธออยากจะทำ เมื่อเห็นเคนมองเธออย่างสงสัยและระวังตัว รวมทั้งท่าทางที่กระสับกระส่ายของกร ทิพย์สุรางค์ก็กล่าวต่อเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ฉันอนุญาตให้นายขอยืมหนังสือไปอ่านได้ เข้าไปเลือกได้เลยตอนนี้ ” กรจ้องทิพย์สุรางค์เขม็ง นึกในใจว่าคุณหนูกำลังทำเป็นใจดีล่อให้เคนเข้าไปยืมหนังสือ เพื่อที่เธอจะได้แสดงอำนาจตรวจหนังสือที่เขาขอยืมเสียก่อน อย่างที่เธอลั่นวาจาเอาไว้นั่นแหละ ส่วนเคนไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงพยายามคาดคั้นให้เขาเข้าไปเลือกหนังสือ ทั้งๆที่ตอนนี้เขายังไม่มีอารมณ์อยากจะอ่าน อย่างไรก็ตาม เคนไม่อยากจะขัดใจเธอด้วยการปฏิเสธอีก เพราะเพิ่งปฏิเสธไปหยกๆที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาจึงตอบรับแล้วเดินเข้าไปด้านในของห้องสมุด ซึ่งมีชั้นหนังสือและตู้หนังสือขนาดใหญ่หลายตู้เรียงรายกันอยู่ กรพยายามจะเดินตามเคนเข้าไปข้างใน เพื่อหาโอกาสเตือนเขาเรื่องที่จะถูกตรวจหนังสือ แต่ทิพย์สุรางค์ซึ่งรู้แกวอยู่แล้ว สั่งเด็กชายให้รออยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มใช้เวลาเลือกอยู่ไม่กี่นาทีก็คว้าหนังสือมาเล่มหนึ่ง แล้วเดินออกมาด้านนอกที่ทิพย์สุรางค์และกรรออยู่ ทิพย์สุรางค์ชำเลืองดูหนังสือในมือของเขาแล้วขมวดคิ้วอย่างผิดหวัง ที่อยู่ในมือเคนไม่ใช่หนังสือภาษาอังกฤษอย่างที่กรบอก เธอมองหน้ากรเยาะๆ “ไหน ขอดูหน่อยซิ ฉันอยากรู้ว่าลูกจ้างของเวียงพุกาม ชอบอ่านหนังสือประเภทไหน ” เคนส่งหนังสือให้เธอแต่โดยดี เพราะชักเข้าใจแล้วว่าเธอกำลังอยากจะหาเรื่องเขา ที่บังอาจขัดใจเธอ หนังสือเล่มนั้นเป็นกึ่งๆตำราแพทย์ อธิบายเรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาการและวิธีรักษาเบื้องต้น ความจริงเขาหยิบส่งๆไปอย่างนั้นเอง เพราะเกรงว่าถ้าใช้เวลาเลือกนาน เธออาจจะไม่พอใจขึ้นมาอีก หญิงสาวรับหนังสือมาพลิกดู ก่อนจะตั้งคำถามแบบหาเรื่อง “อ้อ..สนใจเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ นายเป็นหมอหรือไง? ” เธอจ้องหน้าเขาเขม็งราวกับรอคำตอบ “ผมตอบไม่ได้ คุณหนูก็ทราบอยู่แล้วว่าผมจำอะไรไม่ได้ ” ตอนนี้น้ำเสียงของเคนห้วนขึ้นมานิดหน่อย “ งั้นหรือ ? ” ทิพย์สุรางค์เลิกคิ้ว “ ตกลงนายเป็นอะไรกันแน่ เดี๋ยวก็ทำตัวเป็นครูเที่ยวสั่งสอนคนโน้นคนนี้ เดี๋ยวก็เป็นนายช่างใหญ่ซ่อมโน่นซ่อมนี่ เดี๋ยวก็ออกลายนักเลงอันธพาล เที่ยวชกต่อยคนงานของเรา แล้วตอนนี้ก็ทำท่าว่าจะเป็นคุณหมอขึ้นมาอีกตำแหน่งแล้ว ” ชายหนุ่มทำตาปริบๆกับข้อกล่าวหาของทิพย์สุรางค์ เขาอยากจะตอบเธอว่าไอ้ที่เธอจาระไนมาทั้งหมดนั่นน่ะ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเคยเป็นมาบ้างหรือเปล่า หรืออาจจะเคยเป็นมาแล้วทั้งหมดตามที่เธอกล่าวหาก็ได้ แต่ก็รู้ว่าขืนตอบอย่างนั้น คุณหนูของกรคงได้กรี้ดใส่จนหูชาแน่ เมื่อเห็นเคนเงียบกริบไม่ต่อปากต่อคำกับเธอ ทิพย์สุรางค์ก็คิดเรื่องใหม่ขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่ง “ถ้าดูตามรูปการณ์และที่รู้จากนายกร ว่านายเคยสอนภาษาอังกฤษให้เขา นายอาจจะเคยเป็นครูมาก่อนจริงๆก็ได้ งั้นฉันจะช่วยให้นายมีโอกาสได้ฟื้นฟูความจำ ตั้งแต่นี้ต่อไป ให้นายมาสอนพิเศษนายกรเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ ครั้งละสองชั่วโมง ” แม้เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆไม่เกรี้ยวกราด แต่ก็ทำให้สองชายต่างวัยอ้าปากค้าง มองดูเธอเป็นตาเดียวกัน “ทำไมผมต้องเรียนพิเศษด้วยเล่าฮะ ? ” กรประท้วงเสียงแข็งอย่างเคืองๆ อยู่ดีๆก็จะมาบังคับให้เรียนพิเศษเสียอย่างนั้น ส่วนเคนซึ่งกำลังงงกับคำสั่งพิเศษของเธอท้วงว่า “ แต่วันเสาร์ผมต้องทำงานนะครับ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาสอนอะไรคุณกรได้บ้าง ” ทิพย์สุรางค์ทำหน้าไม่ยี่หระ ตอนนี้เธอถือไพ่เหนือมือเขาแล้ว เธอจะทำให้เขาค่อยๆแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้ “ถ้านายต้องทำงานวันเสาร์ ก็สอนตอนเลิกงานแล้วก็ได้นี่ ถ้าอยากได้เงินฉันก็จะสั่งหนานคำจ่ายค่าสอนให้” เธอเหลือบดูหน้าเขาซึ่งมีสีแดงระเรื่อ แววตาที่เธอเคยคิดว่าสุภาพอ่อนโยนวาบขึ้นนิดหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะโกรธ “ ถ้าไม่รู้จะสอนอะไรก็สอนเลขบ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง หรือสอนการบ้านก็ได้ นอกจากจะมีประโยชน์กับนายกรแล้ว ตัวนายเองก็จะได้รื้อฟื้นความจำ เท่าที่ฉันรู้...คนที่ชอบหลงลืมหรือจำอะไรไม่ได้แบบนาย ควรจะต้องอยู่ในความเคยชินเดิมๆ จะได้ช่วยกระตุ้นให้จำได้ง่ายขึ้น ” กรซึ่งแม้จะไม่พอใจกับคำสั่งใหม่ของเธอ แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าลองคุณหนูตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เธอก็ต้องทำให้ได้ ขืนค้านมากไปดีไม่ดีเขาอาจจะกลายป็นฝ่ายเจ็บตัวเสียเอง กระตุกมือเคนเหมือนส่งสัญญาณ “ดีเหมือนกันนะเคน คุณจะได้ช่วยสอนการบ้านให้ผมไง ” แล้วเขาก็หันไปถามทิพย์สุรางค์ซึ่งขณะนี้นั่งกอดอก จ้องมาที่ผู้ชายสองคนที่ยืนเคียงกันอยู่ตรงหน้า มีรอยยิ้มนิดๆปรากฏอยู่บนริมฝีปาก “ แล้วจะให้ผมไปเรียนกับเคนที่ไหน ที่บ้านตาเป็งหรือเปล่าฮะ” “ ที่นี่ ในห้องนี้แหละ ” ทิพย์สุรางค์ตาไว เห็นอาการสะดุ้งพร้อมๆกันของคนทั้งสอง “ ฉันจะได้เช็คได้ง่ายหน่อยว่า พวกนายทำตามคำสั่งหรือเปล่า ฉันจะมาตรวจสอบความก้าวหน้าเป็นระยะๆด้วย ตกลงสอนกันตั้งแต่วันเสาร์หน้านี้เลย เวลาที่จะสอนต้องเคร่งครัดด้วย วันเสาร์นายเลิกงานห้าโมงเย็น ก็มาเริ่มสอนตั้งแต่หกโมงถึงสองทุ่ม วันอาทิตย์ก็ตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงเที่ยง ห้ามเปลี่ยนเวลากันเองโดยฉันไม่ได้อนุญาต ” เธอหยุดพูด เพื่อรอฟังว่าจะมีเสียงคัดค้านจากกรและเคนหรือไม่ เมื่อเห็นคนทั้งสองยืนเงียบ เธอก็พูดกับเคนโดยตรง ด้วยสุ้มเสียงที่แสดงความเป็นนาย “ส่วนเรื่องเงินค่าสอนฉันจะสั่งจ่ายให้ ไม่ต้องห่วง ” พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืน เตรียมที่จะออกไปจากห้อง ก็เธอชนะแล้วนี่ แต่แล้วเสียงของเคนก็ดังขัดขึ้น “ไม่ต้อง! ไม่จำเป็น ถือเสียว่าผมสอนให้ฟรีๆ ตอบแทนบุญคุณเวียงพุกาม ที่กรุณาช่วยเลี้ยงผมไว้ก็แล้วกัน ” เสียงนั้นห้วนสั้น ตาที่มองสบตาเธอมีแววถือตัว ที่ทำให้ทิพย์สุรางค์พิศวงจนลืมโกรธ ทันทีที่พูดจบเขาก็เดินอย่างเร็วออกไปจากห้อง มีกรวิ่งตามไปด้วย
ตามอ่านต่อครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 27 ธันวาคม 2566 เวลา:22:21:15 น.
สนุกและอ่านเพลินมากค่ะ
โดย: PrettyNovember IP: 141.193.68.200 วันที่: 29 ธันวาคม 2566 เวลา:9:41:45 น.
สวัสดีปีใหม่ 2567 ค่ะพี่ตุ้ย
ขอให้พี่ตุ้ยมีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาตลอดปีใหม่นี้นะคะ โดย: Sweet_pills วันที่: 1 มกราคม 2567 เวลา:22:30:56 น.
|
BlogGang Popular Award#20
ดอยสะเก็ด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
|
||||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |