เาลาที่หายไป - บทที 36


แต่แล้วในที่สุดฤกษ์แต่งงานที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 พฤษภาคมก็ต้องเลื่อนออกไป เพราะคริสได้รับคำสั่งให้ไปร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8-18 พฤษภาคม การฝึกดังกล่าวนี้เป็นการฝึกร่วม/ผสมทางทหารระดับพหุภาคี ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในประเทศไทย เป็นการฝึกร่วมและผสมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสหรัฐอเมริกา ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่นและอินโดเนเซีย เป็นห้าประเทศหลักในการฝึก มีประเทศอื่นอีกหกประเทศเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์

วัตถุประสงค์หลักของการฝึกคอบร้าโกลด์คือปรับปรุงการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และส่งเสริมความสัมพันธ์ ระหว่างชาติต่างๆที่เข้าร่วมการฝึก รวมทั้งส่งเสริมความสงบสุขและความมั่นคงในภูมิภาคเอเซียปาซิฟิค

คริสได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในจำนวนนายทหารติดต่อประสานงาน ประจำกองกำลังร่วมและผสมเฉพาะกิจ เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างแตกฉาน เหมือนคนไทยแท้ๆคนหนึ่ง เคยเดินทางไปประเทศ ไทยนับครั้งไม่ถ้วน มีความคุ้นเคยกับพื้นที่และขนบธรรมเนียมประเพณีของที่นั่นเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มอ่านทบทวนเอกสารที่ได้รับแจกในที่ประชุม ซึ่งระบุว่าการฝึกในปีนี้กำหนดวัตถุประสงค์พื่อพัฒนาขีดความสามารถของฝ่ายเสนาธิการ ในการวางแผนอำนวยการยุทธร่วมกัน การใช้ระเบียบปฏิบัติประจำของกำลังผสมหลายชาติ และการประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์อื่นๆ โดยมีขอบเขตการฝึกสามประการคือการฝึกแก้ปัญหาของเสนาธิการ การฝึกแลกเปลี่ยนและการฝึกภาคสนาม โครงการให้บริการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งรวมไปถึงการให้บริการทางการแพทย์และทันตกรรม

ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจเมื่อตรวจสอบจากแผนที่ประเทศไทยแล้วพบว่า สถานที่ฝึกอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ลพบุรี อ่าวไทยตอนบนและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ห่างไกลคนละทิศกับแม่ฮ่องสอน

ตอนนี้เขาคิดว่าทำใจได้มากขึ้นแล้วเรื่องทิพย์สุรางค์ เพราะเธอแต่งงานไปแล้ว แต่ถึงจะทำใจได้ คริสก็ไม่คิดจะเหยียบย่างไปทางภาคเหนือของประเทศไทยอีก เขาอยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่นั่นให้หมด ส่วนเรื่องลูกเขายังคิดหนักอยู่ เขาแน่ใจว่าลูกของเขาคงอยู่กับทิพย์สุรางค์ แต่ต่อให้เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เขาจะบุ่มบ่ามเข้าไปทวงสิทธิได้อย่างไร ในเมื่อเธออยู่กับสามีของเธอ

นอกจากนี้ชายหนุ่มยังคิดต่อไปอีกด้วยว่า ถ้าเขาเข้าไปวุ่นวายโดยที่สามีของทิพย์สุรางค์ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนั้น ถึงทิพยสุรางค์จะทำกับเขาอย่างน่าเจ็บใจ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เธอต้องเดือดร้อน ก็เพราะเธอชอบคิดอะไรทำอะไรอยู่คนเดียวอย่างนี้ แล้วเขาจะเชื่อได้หรือว่าเธอบอกเขาหมดทุกเรื่อง แต่เอาเถิด เรื่องลูก..เขาจะหาทางต่อไปโดยไม่ให้ใครต้องเดือดร้อน

ทันทีที่รู้ว่าคริสจะต้องไปฝึกคอบร้าโกลด์ในเมืองไทย ความหวาดระแวงของลลิตาที่หายไปเกือบหมดแล้วก็กลับคืนมา เธอเริ่มไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจของคริสอีกหรือเปล่า ตอนนี้เธอค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ในช่วงเกือบหนึ่งปีที่เขาอยู่ในเมืองไทย ที่เธอยังไม่แน่ใจก็คืออะไรที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับผู้หญิงสักคนหรือเปล่า และถ้าใช่..ความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นอยู่ในระดับใด การไปครั้งนี้จะทำให้เขากับผู้หญิงคนนั้น..ถ้ามีตัวตนอยู่จริง..ได้พบกันอีกหรือไม่

ลลิตาคิดอยู่นานว่าจะหาวิธีใดที่จะป้องกันไม่ให้คริสมีโอกาสได้พบผู้หญิงคนนั้น...คนที่เธอยังแอบหวังว่าจะไม่มีตัวตนอยู่จริง...หรือผู้หญิงคนไหนก็ตาม  


แล้วในที่สุดเธอก็บอกเขาว่า “ลิตาคิดว่าจะกลับไปบ้านที่เมืองไทยสักพัก ลิตาไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว พี่คิดว่ายังไงคะ?”

คริสมองหน้าเธอโดยไม่ทันคิดอะไร “ลิตาจะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”
“พี่จะเดินทางเมื่อไหร่คะ?” เธอกลับเป็นฝ่ายย้อนถาม

“การฝึกจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม พี่ต้องไปก่อนหน้านั้น กำลังรอคำสั่งว่าจะให้ไปวันไหน ลิตาถามทำไมหรือ?”

“งั้นลิตารอให้พี่เดินทางไปก่อนแล้วค่อยตามไป” 


เธอตอบพร้อมกับคอยสังเกตสีหน้าเขาว่าตกใจหรือรู้สึกไม่พอใจหรือไม่ ที่อยู่ๆเธอก็คิดจะไปเมืองไทยขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะไปที่นั่น

แต่คริสตามไม่ทันแผนการของเธอ “แล้วแต่ลิตาแล้วกัน จะไปสักกี่วันล่ะ"

“พี่บอกว่าจะฝึกเสร็จประมาณวันที่ 18 ใช่ไหมคะ?” เมื่อเขาพยักหน้ารับ เธอก็พูดต่อว่า “ลิตาก็คงกลับหลังพี่สักสองสามวัน จะได้มีเวลาอยู่กับคุณพ่อบ้าง”

“แล้วงานของลิตาทางนี้ล่ะ ลาไปนานขนาดนั้นได้หรือ?” ชายหนุ่มถามเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่

ลลิตายื่นหน้ามาจูบปลายคางเขาเบาๆ “พี่ลืมแล้วหรือคะว่าลิตายื่นใบลาออกไปแล้ว ทั้งพี่เองและคุณป้าก็เคยบอกว่าลิตาควรเลิกทำงานหลังแต่งงาน ก็อย่างที่ลิตาเคยบอกพี่ ลิตาไม่อยากแยกกันอยู่กับพี่ ถ้าพี่ยังไม่ลาออกจากราชการ ลิตาก็ต้องย้ายจากนิวยอร์คไปอยู่กับพี่ที่โน่น เราตกลงกันแล้วนี่คะ” แล้วเธอก็ทำหน้าเง้าใส่เขาอย่างน่ารัก

ชายหนุ่มยื่นมือไปบีบปลายจมูกแหลมๆของเธออย่างขอลุกะโทษ

“ขอโทษที พี่ลืมไป” แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ “แต่พี่คงไม่มีเวลาอยู่กับลิตาหรอกนะ พี่ต้องอยู่ในค่ายฝึกเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะต้องเดินทางไปตามสนามฝึกในหลายจังหวัดด้วย แล้วแต่จะมีคำสั่ง”

“ไม่เป็นไรค่ะ ลิตาคงไม่รบกวนพี่หรอก แต่ถ้าในช่วงวันหยุดที่ไม่มีการฝึก พี่คงออกมาได้ใช่ไหมคะ? ถ้าไงก็มาหาลิตาหน่อย คุณพ่อก็คงอยากพบพี่เหมือนกัน ได้ไหมคะ?”

เธอมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนหวานประจบประแจง ชายหนุ่มมองเธออย่างเอ็นดู แต่ใจที่บังคับไม่ได้ของเขาประหวัดไปนึกถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่ไม่เคยทำท่าอ่อนหวานน่ารักแบบนี้กับเขาเลย มีแต่จะหาเรื่องและวางท่ายโสใส่เขาอยู่เป็นประจำ

ส่วนคุณลักษณานั้น เมื่อรู้ว่ากำหนดการแต่งงานระหว่างคริสกับลูกสาวเธอ ต้องเลื่อนออกไปอีกครั้งหนึ่ง ก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เธอโกรธเสียจนต้องประชดผ่านทางคุณธัญญาว่า ‘ถ้าลำบากนักก็ยกเลิกไปเถอะ ไม่ต้องแต่งต้องเติ่งมันแล้ว!!!’


แต่หลังจากนั้นเธอก็อดไม่ได้เพราะเห็นแก่ลูก ต้องวิ่งกลับไปหาพระภิกษุรูปเดิมให้ช่วยหาฤกษ์ใหม่ให้ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์แต่งงานในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม

คุณลักษณาหมายมาดเอาไว้ในใจเงียบๆว่า ถ้าคราวนี้ยังมีปัญหาอีกก็จะบอก ลลิตา ให้ไปจดทะเบียนสมรสกับคริสเสียก่อนให้เป็นหลักเป็นฐาน แล้วค่อยมาจัดพิธีแต่งงานกันทีหลัง คราวนี้จะเลื่อนไปเลื่อนมาไม่รู้จบอีกก็จะเลิกสนใจแล้ว


คริสและคณะนายทหารเดินทางถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม เขาวุ่นวายอยู่กับงานในหน้าที่ติดต่อประสานงาน ซึ่งบางครั้งต้องติดตามหน่วยเฉพาะกิจผสมลงไปทำงานในพื้นที่ต่างๆในเขตที่กำหนด รวมทั้งไปกับคณะแพทย์ที่ลงพื้นที่ไปให้บริการทางการแพทย์ แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ฝึก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตรวจโรคทั่วไป การบริการทางด้านทันตกรรม ตรวจวัดสายตาประกอบแว่น การประกอบแว่นตาและการรักษาพยาบาล ระหว่างนั้นเขาวุ่นวายอยู่กับงานจนไม่ได้ติดต่อกับลลิตาเลย ไม่รู้ว่าเธอเดินทางมาถึงเมืองไทยแล้วหรือยัง

สองวันก่อนการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์จะสิ้นสุดลง คริสเดินทางเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยในค่ายฝึกที่จังหวัดลพบุรี เมื่อเสร็จธุระแล้ว ระหว่างเดินจะไปขึ้นรถเพื่อกลับหน่วยที่เขาสังกัดอยู่ ชายหนุ่มมองเห็นเต้นท์ของคณะแพทย์ที่มาให้บริการด้านการแพทย์แก่ชาวบ้าน เมื่อเห็นแถวที่ยืดยาวของผู้ที่มารับบริการเขาก็แวะเข้าไปดู มีแพทย์สี่ห้าคนกำลังตรวจคนไข้อยู่ แล้วเขาก็เห็นนายแพทย์ประสพชัย

คริสยืนรอจนฝ่ายนั้นว่างจากคนไข้ กำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่ม จึงเดินเข้าไปถึงตัว


“สวัสดีครับ คุณหมอ”

ประสบชัยเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นคริสเขาก็มีท่าทางทั้งแปลกใจและดีใจ

“อ้าว คุณคริส ไปไงมาไงล่ะนี่?” พอเห็นว่าชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่ในเครื่องแบบนายทหารสหรัฐฯ เขาก็ถามว่า “คุณมาฝึกด้วยเหมือนกันหรือ”


“ครับ ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณหมออยู่ในทีมแพทย์ของฝ่ายไทยด้วย ครั้งหลังสุดที่ผมมาเมืองไทย ผมแวะไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล แต่คุณหมอย้ายไปจากที่นั่นแล้ว”

“ใช่ ผมย้ายเข้ากรุงเทพฯ ปีกว่าๆแล้ว”

ชายหนุ่มทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามนาทีก็มีคนไข้ทะยอยกันเข้ามาที่โต๊ะ ที่ประสพชัยนั่งรอให้บริการอยู่ คริสก็เลยบอกลา ก่อนจะกลับนายแพทย์หนุ่มใหญ่เสนอขอเลี้ยงอาหารเย็นเขาสักมื้อหนึ่ง หลังภารกิจการฝึกร่วมสิ้นสุดลง และขอหมายเลขโทรศัพท์มือถึอของเขาไว้ เพื่อนัดหมายเวลาและสถานที่กันอีกครั้งหนึ่ง

วันรุ่งขึ้นประสพชัยโทรศัพท์มาหาคริสตอนบ่าย

“นี่คุณคริส ที่ผมนัดว่าจะเลี้ยงคุณสักมื้อน่ะ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแผนแล้วนะ คุณจำคุณใหญ่พี่ชายคุณหนูได้ใช่ไหม เมื่อคืนผมเจอกับเขาแล้วพูดถึงคุณว่าคุณมาฝึกคอบร้าโกลด์ ผมบอกเขาว่าผมนัดจะเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อ เขาเลยขอเป็นเจ้าภาพแทน เขาอยากพบคุณเหมือนกัน คุณคิดว่าไง โอเคไหม?”

ชายหนุ่มใจหายวาบ วุฒิเลิศอยากพบเขาทำไม? เขารู้เรื่องนั้นยังงั้นหรือ? ตอนแรกคริสคิดจะขอตัวเพราะได้ตั้งใจและทำใจเอาไว้แล้ว ว่าจะตัดใจจากเรื่องเก่าๆทั้งหมด การพบคนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับทิพย์สุรางค์ รังแต่จะทำให้ฝีที่กำลังกลัดหนองใกล้จะหายอยู่แล้ว กลับต้องมีอันกำเริบหนักขึ้นมาอีก

เขาคิดว่าการแต่งงานกับลลิตาจะช่วยให้เขาลืมเธอผู้นั้นได้ง่ายขึ้น ก็ในเมื่อทิพย์สุรางค์ยังแต่งงานแล้วลืมเขาได้ ทำไมเขาจะแต่งงานเพื่อลืมเธอบ้างไม่ได้เล่า แต่เมื่อคิดถึงเรื่องลูกขึ้นมาได้คริสก็คิดว่าถ้าได้พบวุฒิเลิศ เขาอาจจะมีช่องทางเข้าถึงลูกของเขาได้ โดยไม่ต้องผ่านทิพย์สุรางค์ เขาจึงตอบตกลง

“ตกลงครับ พรุ่งนี้ใช่ไหม? นัดกันที่ไหนครับ?”

“พรุ่งนี้แหละ เขาขอเลี้ยงที่บ้านแบบกันเองน่ะ คงมีเพื่อนฝูงอีกไม่กี่คน”

แล้วประสพชัยก็ถามว่า “คุณรู้จักบ้านเขาหรือเปล่า?”

“ไม่รู้จักหรอกครับ รู้แต่ว่าอยู่ในกรุงเทพฯ”

“บ้านเขาอยู่ซอยพร้อมพงศ์แถวสุขุมวิท เอางี้ ผมแวะไปรับคุณที่หน่วยของคุณดีกว่า จากที่นั่นเข้ากรุงเทพฯก็คงประมาณหนึ่งชั่วโมง เขานัดไว้ทุ่มตรง โอเคนะ แล้วพบกัน”

ประสบชัยวางโทรศัพท์ไปไม่นานคริสก็ได้รับโทรศัพท์จากลลิตา 


“พรุ่งนี้ฝึกวันสุดท้ายแล้วใช่ไหมคะ? พี่คิดว่าจะเสร็จเรื่องกี่โมงคะ? ลิตาจะไปรับพี่ที่ค่าย”

ชายหนุ่มอึกอัก พรุ่งนี้เป็นวันที่เขานัดกับประสพชัยเอาไว้ “ไม่ต้องมารับพี่หรอก พรุ่งนี้ตอนเย็นพี่มีนัดกินเหล้ากับคนรู้จัก”

ลลิตารู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที เธอพยายามทำเสียงให้อ่อนโยนทั้งๆที่ความระแวง ทำให้ใจขุ่นมัวไปแล้ว เลียบเคียงถามว่า “พวกเพื่อนนายทหารของพี่หรือเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่หรอก” เขาหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนตอบไปตามตรงว่า “หมอคนที่เคยรักษาพี่น่ะ บังเอิญมาเจอกันที่ค่าย เขาก็เลยเชิญพี่ไปกินข้าวกินเหล้าที่บ้านเพื่อนเขา”

“หมอที่เคยรักษาพี่?” นี่เขากำลังจะกลับไปติดต่อกับคนพวกนั้นอีกหรือ หมอคนที่ว่านี่ จะชักชวนเขาไปทำอะไรหรือไปพบใครสักคน ที่จะทำให้คริสออกนอกลู่นอกทางอย่างที่เธอกลัวหรือเปล่า

"ลิตาไปด้วยได้ไหมคะ?” หญิงสาวกลั้นใจถาม ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ทันเธอหรือเปล่า

“ลิตาในฐานะคู่หมั้นของพี่ ก็อยากจะมีโอกาสได้พบเขาสักครั้ง จะได้ขอบคุณเขาที่ช่วยดูแลพี่จนหายดี”

คริสนิ่งไปครู่หนึ่งจนลลิตาสัมผัสได้ถึงความอึดอัดของเขา 


“อย่าเพิ่งเลยนะลิตา พวกพี่ไปกินเหล้ากันตามประสาผู้ชาย ถ้าลิตาไปด้วยก็จะนั่งเบื่อเปล่าๆ แล้วอีกอย่าง พวกเขาก็อาจจะเกรงใจลิตาจนรู้สึกไม่สนุกก็ได้”

เมื่อคริสปิดทางเสียหมดหญิงสาวก็ต้องยอมล่าถอย เธอเปลี่ยนสุ้มเสียงให้สดชื่นรื่นเริงเหมือนที่เคยเป็น จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอกำลังระแวงช่วงเวลาเกือบหนึ่งปีในเมืองไทยของเขาขึ้นมาอีกแล้ว 


“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไปเถอะ อ้อ..แล้วพี่จะกลับไปโน่นเมื่อไหร่คะ?”

“คงอีกสองสามวัน ถึงจะจบการฝึกแล้ว แต่หน่วยงานของพี่ยังมีงานที่ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน”

“หรือคะ ถ้างั้นวันมะรืนนี้พี่มาหาลิตาที่บ้านหน่อยนะคะ คุณพ่ออยากพบพี่ พี่มาทานข้าวกับคุณพ่อนะคะ ลิตาจะทำของโปรดของพี่เอาไว้ให้”

เธอพยายามสะกิดความรับผิดชอบของเขา ไม่เพียงในฐานะคู่หมั้นของเธอเท่านั้น แต่ในฐานะว่าที่ลูกเขยของท่านรัฐมนตรีผู้ทรงเกียรติด้วย


 



Create Date : 28 พฤษภาคม 2567
Last Update : 28 พฤษภาคม 2567 17:03:18 น.
Counter : 628 Pageviews.

10 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณปัญญา Dh, คุณSweet_pills, คุณkae+aoe, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณpeaceplay, คุณ**mp5**, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณeternalyrs, คุณnewyorknurse, คุณmcayenne94, คุณร่มไม้เย็น, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณสมาชิกหมายเลข 3902534, คุณฟ้าใสทะเลคราม

  
บุพเพสันนิวาสอ้อ ไม่ใช่นิยายค่ะคุณตุ้ย 555

โดย: หอมกร วันที่: 29 พฤษภาคม 2567 เวลา:6:49:15 น.
  
สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาเยี่ยมค่า
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 29 พฤษภาคม 2567 เวลา:15:36:30 น.
  
ขอบคุณที่แวะมาที่บล็อก
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2567 เวลา:22:04:43 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 31 พฤษภาคม 2567 เวลา:10:26:34 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

อ่านเพลิน ๆ เอ้า หมดตอนอีกแล้ว ครั้งนี้ทิ้งปมให้อยากอ่านและ
ติดตามเลยนะเนี่ย ไปครั้งนี้ เจอพี่ชายของ ทิพย์สุรางค์ จะได้เรื่องราว
ของทิพย์สุรางค์ อะไรบ้างไหม หนอ จะตามอ่านต่อ จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 31 พฤษภาคม 2567 เวลา:22:27:07 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยมากนะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 3 มิถุนายน 2567 เวลา:0:16:20 น.
  
สวัสดีครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 3 มิถุนายน 2567 เวลา:8:57:01 น.
  
มาติดตาม นวนิยายย้อนยุค
ถ้าขนาดยังไม่แต่งงานยังระแวงไม่สงบสุข
เป็นถึงลูกรัฐมนตรี คุณลลิตาเลิกๆไปเถอะค่ะ
อันนี้พลอตเรื่องสมัยใหม่นะคะ
โดย: mcayenne94 วันที่: 4 มิถุนายน 2567 เวลา:18:25:13 น.
  
ขอบคุณนะครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 6 มิถุนายน 2567 เวลา:5:43:46 น.
  
นวนิยายเรื่องนี้อาจจะโบราณไปหน่อยค่ะ เพราะเป็นเรื่องแรกที่ลองเขียนในปี 2552 (15 ปีมาแล้ว) นานมากนะคะ เมื่อมาอ่านตอนนี้ก็กลายเป็นนิยายย้อนยุคของสมัยนี้ไปเลยค่ะ 555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 6 มิถุนายน 2567 เวลา:15:00:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2567

 
 
 
2
3
4
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com