happy memories
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
28 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 

เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๑๑)








ภาพจากเวบ kapook.com


"จดหมายเปิดผนึกจากใจ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ถึงคนไทยทั้งประเทศ"


ก่อนอื่นผมต้องกราบขอบพระคุณประชาชนจำนวนมากที่แสดงความห่วงใยต่อตัวผมและคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เกี่ยวกับความพยายามของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ใช้อำนาจบิดเบือน ยัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับผมและคุณสุเทพว่าเป็น”ฆาตกร”   ขอให้ทุกท่านสบายใจว่าเราทั้งสองไม่หวั่นไหวและจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงว่า สิ่งที่รัฐบาลผมได้ดำเนินการทั้งหมดในช่วงที่มีการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและมีกองกำลังติดอาวุธแฝงอยู่นั้น ไม่ได้มีคำสั่งใดเป็นใบอนุญาตให้ฆ่าประชาชน  ตรงกันข้าม เราบริหารสถานการณ์ด้วยความอดทนอดกลั้นยึดประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้งและพยายามสุดความสามารถที่จะมิให้เกิดความสูญเสีย
 
หากศาลจะตัดสินให้ประหารชีวิตผมและคุณสุเทพจากคดีนี้ เราก็พร้อมที่จะน้อมรับ เพราะเราเป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ได้รับการบ่มเพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ยอมตายเพื่อรักษาระบบ โดยไม่มีวันยอมทำลายระบบเพื่อรักษาตัวเอง อันเป็นวิสัยของคนเห็นแก่ตัวที่เข้ามาแสวงประโยชน์จากการเมือง ไม่ใช่ของนักการเมืองมืออาชีพที่ต้องเสียสละตัวเองเพื่อพี่น้องประชาชน
 
ความรับผิดชอบทางการเมืองต่อเหตุการณ์ปี ๒๕๕๒ - ๒๕๕๓ เป็นหน้าที่ของพวกผม เราจะไม่มีการปลุกมวลชนเพื่อมาปกป้องตัวเอง แต่จะเป็นแบบอย่างให้คนไทยได้เห็นว่านักการเมืองไม่ได้เลวทั้งหมด และผมกับคุณสุเทพขอเป็นตัวอย่างในการยกระดับมาตรฐานการเมืองไทยให้เห็นชัดเจนจากกรณีนี้
 
พี่น้องจึงไม่ต้องเป็นห่วงผมหรือคุณสุเทพ  ผมเชื่อว่าหากเราสองคนจะมีอันเป็นไป แต่อุดมการณ์ของพรรคจะได้รับการสานต่อจากคนรุ่นใหม่ เสมือนกับคำที่ว่าตายหนึ่งเกิดแสน และพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีวันตาย เพราะเราไม่เคยทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
 
แต่สิ่งสำคัญที่ผมต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศนี้ไปข้างหน้าอย่างสันติวิธี คือการช่วยกันหยุดความล้มเหลวทางการเมือง ซึ่งลำพังผมและพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถที่จะดำเนินการให้ประสบความสำเร็จได้ 
 
การยุติความล้มเหลวทางการเมืองโดยประชาชน เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ประเทศของเราก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวางทางบ้านเมืองมานานหลายปีไม่ให้เดินไปข้างหน้า  นั่นคือความต้องการอยู่เหนือกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ด้วยการร่วมกันล้มประชามติที่นายกฯผู้เป็นน้องสาวกำลังจะทำเพื่อรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หวังลบมาตรา ๓๐๙ เพื่อล้มคดีทั้งหลายของพี่ชายนักโทษ
 
หากพี่น้องทำสำเร็จก็จะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย เปรียบเสมือนการปฏิวัติโดยประชาชนตามระบบที่ไม่เสี่ยงต่อการเสียเลือดเนื้อ  เพื่อยืนยันว่าประชาชนและกฎหมายยิ่งใหญ่กว่าอำนาจเงินและอำนาจรัฐ   
 
ผมและพรรคประชาธิปัตย์จะยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องประชาชนเพื่อนำบ้านเมืองไปข้างหน้า หลังจากที่เราติดหล่มผลประโยชน์ของคน ๆ เดียว จนบ้านเมืองเสียหายมานานหลายปี
 
มาร่วมกันคว่ำประชามติแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนักโทษ ก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ นำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ผมและพรรคประชาธิปัตย์พร้อมร่วมสุขทุกข์กับพี่น้อง เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสอย่างราบรื่น ไร้ความรุนแรง เพื่ออนาคตที่มั่นคงของประเทศของเราสืบไป


จาก เฟซบุคคุณอภิสิทธิ์







"การดำเนินงาน ในช่วงระยะเวลา ๒ ปีที่ผ่านมาของผม"
มร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร


มีคนถามว่า.. ๒ ปีที่ผ่านมา ผมพอใจในผลงานของผมหรือไม่
 
ผมทั้งพอใจและไม่พอใจ..
 
ที่ตอบว่าพอใจ เพราะเกือบทุกเรื่องที่ผมได้สัญญากับพี่น้องชาวกรุงเทพฯเมื่อตอนหาเสียงนั้น ผมได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ มีบางเรื่องที่ผมทำได้เกินกว่าที่สัญญาไว้
 
ส่วนที่บอกว่ายังไม่พอใจคือ ผมได้พบเรื่องอีกหลายเรื่องในช่วงเวลาสองปีของการทำงานที่อยากจะทำและยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ รวมทั้งบางเรื่องที่ผมได้เริ่มทำต้องใช้เวลานานในการที่จะแสดงผล
 
อย่างไรก็ดี ผมได้ทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาสองปีครึ่งที่ผ่านมา โดยเป้าหมายของผมคือการทำให้กรุงเทพมหานครฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ผมขอรายงานต่อพ่อแม่พี่น้องชาวกทม.ที่ได้กรุณาไว้วางใจเลือกผมมาทำงานเป็นผู้ว่าราชการฯถึงผลงานในการบริหารงานของผมดังนี้ครับ
 
ผมได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ คือเราได้เปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายวงเวียนใหญ่
และติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วกรุงเทพเป็นตัวที่ ๑o,ooo แล้วเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม โดยผมตั้งมั่นว่าจะติดเพิ่มอีกเป็น ๒o,ooo ตัว หลายคนถามว่าติดแล้วมีประโยชน์อย่างไร เราใช้ภาพเหล่านั้นเป็นแหล่งข้อมูลหลักฐานต่างๆได้ ซึ่งภาพที่ได้ล้วนเป็นสมบัติของประชาชน ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ครับ
 
เรื่องพื้นที่สีเขียว ตอนนี้เรามีถึง ๕,ooo ไร่แล้ว และผมจะเพิ่มต่อ โดยเน้นสวนขนาดใหญ่ ๑o ไร่ขึ้นไป เราวางแผนจะเพิ่มอีก ๓ แห่ง คือที่ลาดพร้าว ๑oo ไร่ บางบอน ๒๑ ไร่ บางเขน ๒๑ ไร่ และบางกอกน้อยเรากำลังดูอยู่ อีก ๗o ไร่
 
ตอนนี้ผมกำลังทำเรื่องที่ไม่ได้ให้สัญญาไว้อีกเรื่อง คือเรื่องโรงพยาบาล เราจะสร้างโรงพยาบาลของรัฐ ทางด้านตะวันตกของกทม. คือโรงพยาบาลบางขุนเทียน และทางทิศเหนือ
ตอนผมมาทำงานได้ดูพื้นที่สนามบินดอนเมืองเอาไว้ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว เลยจะใช้ที่ดินของกทม.
 
เรื่องน้ำประปาเป็นเรื่องที่ท่านอดีตผู้ว่าอภิรักษ์ เริ่มลงทุนกับการประปานครหลวง
ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยได้ผลักดันต่อ และตั้งใจไว้ว่าใน ๔ ปีที่ผมดำรงตำแหน่ง ประชาชนชาวกรุงเทพฯ จะต้องมีน้ำใช้ทุกครัวเรือน เราได้ทำ MOU ฉบับที่ ๒ และ ๓ ซึ่งเมื่อฉบับที่ ๓ เสร็จสิ้นในปีหน้า ก็จะมีน้ำใช้กันทุกครัวเรือน
 
เรื่องส่วนต่อขยายจากวงเวียนใหญ่ไปบางหว้า หลายคนให้ความเห็นว่าล่าช้า
ต้องเรียนให้ทราบว่า เราต้องทำการปรับเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง เพราะตัดกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน แต่สัญญาว่าจะเสร็จใน ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕
 
สำหรับสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง กำลังจะเปิดใช้บริการ ๑๒ สิงหาคม ถือว่าล่าช้าไปเล็กน้อยเพราะติดเรื่องงบประมาณปี ๕๓ ที่เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและรัฐบาลได้ยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์
 
สถานีรถไฟฟ้า BTS วงเวียนใหญ่ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ ๗o,ooo คนต่อวัน ผมเชื่อว่าแบริ่งน่าจะมี ๑oo,ooo คนต่อวัน เพราะมีคนอยู่ในพื้นที่ถึง ๕oo,ooo คน
 
ปัญหาน้ำท่วม เราได้วางรากฐานของการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเอาไว้ แนวเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยากำลังจะสร้างครบ ๗๗ กิโลเมตร เรื่องนี้ล่าช้าเพราะการเจรจากับผู้อยู่อาศัยในบริเวณแนวเขื่อน
 
ผมได้เพิ่มอุโมงค์ยักษ์เป็น ๔ อุโมงค์ ได้แก่ รามคำแหง-พระราม ๙, รัชดา-สุทธิสาร (ใต้คลองบางซื่อ), ดอนเมือง, บึงหนองบอน-เจ้าพระยา ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำของกทม. จาก ๙๕ ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น ๒๔o ลบ.ม.ต่อวินาที หรือเท่ากับการระบายน้ำจากสระว่ายน้ำ ๒๕ เมตร จำนวน ๔ สระ ใน ๑ วินาที ต่อไปผมจะหาวิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ด้านตะวันออกที่เป็นพื้นที่ต่ำ เราต้องทำการยกร่างแผนอย่างครบวงจร
 
ปัญหารถติด ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะในปัจจุบันเรามีการเดินทางประมาณ ๑๗ ล้านเที่ยวต่อวัน และมีการคาดการณ์ว่า ในปี ๒๕๖๔ จะเพิ่มเป็น ๒๕ ล้านเที่ยวต่อวัน ก็คือมีการเดินทางเพิ่มขึ้น ๒ เท่าตัว แต่เราไม่มีทางสร้างถนนเพิ่มขึ้น ๒ เท่าได้
 
ผมพยายามแก้ปัญหาเรื่องคอขวด โดยการสร้างสะพานข้ามแยก ข้ามแม่น้ำและอุโมงค์ต่างๆ พัฒนาระบบขนส่งมวลชนแบบราง เส้นหมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง สมุทรปราการ พัฒนาระบบรถไฟฟ้าเบา(โมโนเรล) ๔ เส้นทาง คือ บางนา-สุวรรณภูมิ, รามคำแหง-ทองหล่อ, สยาม-พระราม4 และ กทม.๒ (ดินแดง)-อนุสาวรีย์ชัยฯ ผมเชื่อว่าโครงการเหล่านี้จะทำให้คนใช้รถน้อยลง โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่รอบนอกกทม.
 
เรื่องไฟส่องสว่าง ผมต้องการเพิ่มไฟ ๕o,ooo ดวงใน ๔ ปี ความจริงตอนนี้ก็ได้เพิ่มไปเยอะ แต่ปัญหาปัจจุบันคือที่ที่เราอยากเพิ่มเป็นที่ของเอกชน โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรที่ไม่มีการดูแลส่วนกลาง ผมได้ให้นโยบายแก่สำนักงานเขตให้หาทางไปประกาศพื้นที่เหล่านี้ให้เป็นสาธารณประโยชน์  เพื่อจะได้ไปติดไฟส่องสว่างเพิ่มความปลอดภัยได้
 
อีกปัญหาหนึ่งที่ใหญ่เช่นกัน ก็คือเรื่องขยะ เรามีขยะ ๘,๗oo ตันต่อวัน ในอีก ๑o ปีจะเพิ่มเป็น ๒o,ooo ตันต่อวัน ผมมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสร้างเตาเผาขยะนำร่องขนาด ๓oo - ๔oo ตันต่อวัน แต่ก็เกิดความล่าช้าที่ข้อกฎหมาย เตาเผาขยะแนวใหม่จะเป็นคลีนเทคโนโลยี แต่การฝังกลบก็ยังคงต้องมีต่อไป เพราะปริมาณขยะในกทม. เรามีมาก
 
ผมอยากให้กทม.สามารถกำหนดเส้นทางขสมก. เพื่อที่จะป้อนเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมอยากให้กทม. การไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง เชื่อมโยงในด้านนโยบาย เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่เกิดจากการขุดผิวถนน
 
อีกเรื่องที่ผมดีใจที่ได้ทำคือ เรื่องการศึกษา เราได้เดินไปไกลมาก สมศ. (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา) ประเมินให้โรงเรียนในกทม. ๙๕% สูงกว่าคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
 
เรามีคอมพิวเตอร์เพียงพอ มี e-learning e-library e-channel e-music (multipoint ใช้งานได้หลายคนในเวลาเดียวกัน บนหน้าจอเดียวกัน) ใช้ได้ทุกโรงเรียน
 
ผมได้พัฒนาครู อบรมผู้ปกครอง จัดตั้งโครงการโตไปไม่โกง เรื่องนี้ผลงานอาจจะยังไม่ปรากฏ แต่อีก ๒o ปีข้างหน้า รอดูนะครับ เด็กกทม.จะเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง
 
นอกจากนั้นแล้วเราจะมีโรงเรียนดนตรีและกีฬา พัฒนาเยาวชนให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หลายคนมองว่าการหาเงินให้นักกีฬาเป็นเรื่องที่ดี แต่เราเองก็ต้องพยายามสร้างเขาขึ้นมาด้วย
 
เรื่องสิ่งปลูกสร้างคงไม่สามารถทำได้ถูกใจทุกคน แต่เรื่องการศึกษา การพัฒนาคุณภาพจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน  อันนี้เป็นเรื่องที่ผมภูมิใจมากที่สุด
 
 
ผมเห็นว่าคนเมืองมีชีวิตที่สลับซับซ้อนและมีความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ว่ากทม.ฯจะต้องพัฒนาความคิดและการทำงานอย่างต่อเนื่องครับ เป็นเหมือนการแข่งขันที่ไม่มีเส้นชัย แต่รอยยิ้มของประชาชนที่สามารถเห็นได้ระหว่างทาง นั่นคือกำลังใจที่ดีที่สุดครับ


จาก เฟซบุค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์











ภาพจากเวบ chaoprayanews.com








มีรายงานข่าวด่วนในทางลับจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักว่า "สมาคมเฟอร์บี้ข้ามชาติ" กำลังจะร้องทุกข์ผ่านศาลโลกขอให้มีคำสั่งคุ้มครอง "ห้าม" ผู้จัดดีเบตผู้ว่าฯในเมืองไทย นำเฟอร์บี้ไปวางแทนผู้ที่เบี้ยวนัดอีก เพราะเฟอร์บี้ดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเองมากว่า ๑๔ ปี มีภาษาใช้เอง มีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าจนมีการเชื้อเชิญไปเป็นเจ้าของมากมาย ที่สำคัญ..เฟอร์บี้ไม่เลือกสี เพราะเฟอร์บี้เป็นพวก "หมอตุลย์" มีหลากสี ไม่มีวันที่เฟอร์บี้จะถอด "ขนแบบ" เป็นสีแดงอย่างเดียว..เหมือนคนที่ถอด "เครื่องแบบ" มาให้นักการเมืองจูงจมูก ท้ายที่สุด..เฟอร์บี้..ไม่เฟคไปเกาะรถขยัน แล้วไปขับรถเมล์ ชงกาแฟ ลวกก๋วยเตี๋ยว..เหมือนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "จูดี้" (๒๑ ก.พ. ๒๕๕๖)


เจอวินมอเตอร์ไซด์หน้าตึก, แม่บ้านที่ป้ายรถเมล์ และแม่ค้าตลาดบางนา ซึ่งยังไม่มีดาวเทียมดูช่องเนชั่น แต่ทุกคนรู้ข่าวผมถูกหวยจากเฟสบุ๊ค! ถามเหมือนกันหมด "งวดนี้ออกอะไร?" ผมจะบอกแล้วครับ...งวดนี้จะมีการล็อกเลขอีก! หวยงวดวันที่ ๓ มีนาคมนี้ ประชาชนสามารถล็อกเอง..ให้ออกเลขท้าย ๑๖ ได้ครับ (เจ้ามือมันไม่ล็อกเลขนี้ให้แน่) รีบไปแทงกันก่อนโต๊ะปิดบ่าย ๓ โมงนะครับ ถ้างวดนี้เราไม่ช่วยกันล็อก..เจ้ามือจะกินรวบทั้งแผ่นดิน! สิ้นเนื้อประดาตัวกันทั้งชาติ!


จาก เฟซบุคกนก รัตนวงศ์สกุล








"เลือกใครดี??"
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง


ที่ผ่านมา มีผู้ทรงคุณวุฒิออกมาประกาศจุดยืน แสดงท่าทีสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้วหลายคน ที่ปรากฏว่าสนับสนุนและจะลงคะแนนให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้สมัคร เบอร์ ๑๖ เช่น พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ดร.เสรี วงษ์มณฑา คุณชัยวัฒน์ สุรวิชัย คุณมนตรี ศรไพศาล คุณชัย ราชวัตร

ล่าสุด อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. บนหน้าเฟซบุ๊ค Sulak Sivaraksa บอกว่า

“คือผู้ว่ากทม.ตัวเต็งมันมีอยู่สองคนใช่ไหม สุขุมพันธ์ เบอร์ ๑๖ กับ พงศพัศ เบอร์ ๙ คือ ๒ คนเป็นตัวเก็ง ไอ้คนอื่นน่าสนใจนะ แต่ผมเสนอว่าอย่าเลือกคนอื่น เพราะถ้าเลือกคนอื่นคะแนนจะหัวแหลกหัวแตก เพราะเวลานี้ต้องสู้ระหว่างประชาธิปัตย์กับพรรคทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคดีเด่อะไร แต่พรรคทักษิณมันเหี้ยสุด ๆ แล้วเวลานี้มันครองอำนาจอยู่ในบ้านเมืองแล้ว เรายอมให้มีผู้ว่ากทม. อีก แสดงว่าเราทั้งหมดแหย สยบกับมันทั้งหมดเลย ผมจึงอยากเสนอว่า ใครก็ตามที่มีจิตสำนึกต่อต้านทักษิณ ต่อต้านเผด็จการ ต้องไม่ใช่ไม่เลือกเบอร์ ๙ อย่างเดียว ต้องเลือกสุขุมพันธ์ เพราะเป็นอันเดียวที่จะเอาชนะเผด็จการทักษิณได้ เพราะตอนนี้มันใช้ทุกทางเลย มันปั่นกระทั่งโพล ทำได้ทั้งหมด แล้วมันจะเอาเงินซื้อ อะไรต่างๆ ทักษิณมันพูดเลย เอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ได้รับเลือก เพราะฉะนั้นผมว่า คนกรุงเทพต้องแสดงกึ๋นหน่อย คือสุขุมพันธ์ไม่ได้ดีวิเศษอะไรนักหนา ประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ดีวิเศษนักหนา แต่ระหว่างเขาเลือก ภาษาฝรั่งเรียก the lesser evil มันจำเป็น ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยกับผม ไม่เป็นไร ผมอยากให้ปรากฏจุดยืนผมอยู่ตรงนี้” - ส.ศิวรักษ์

สุดท้าย ผมขอยืนยันจุดยืนและความคิดเห็นส่วนตัวว่าทำไมผมจึงสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ และต่อต้านผู้สมัครที่ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุน ในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้

(๑) เปรียบเทียบพรรคการเมืองหนึ่งสนับสนุนการเผาบ้านเผาเมือง ปลุกระดมให้คนออกมากระทำผิด สร้างความเดือดร้อน สร้างความเสียหาย กับอีกพรรคการเมืองที่พยายามห้ามการเผาบ้านเผาเมือง ประคับประคองสถานการณ์ ระดมสรรพกำลังช่วยกันดับไฟ (ถูกพวกเผาบ้านเผาเมืองยิงสกัดด้วยซ้ำ) แถมช่วยล้างบ้านล้างเมือง ทำความสะอาดกองเถ้าถ่าน กอบกู้กรุงเทพฯ ... คิดง่ายๆ แค่นี้ จะเลือกใคร

(๒) พรรคการเมืองที่พยายามยึดอำนาจรัฐด้วยวิธีการต่าง ๆ นำโดยนักโทษหลบหนีคำพิพากษาของศาล ทุจริตโกงบ้านกินเมือง ซึ่งมีทั้งกองกำลังติดอาวุธ พรรคการเมือง และมีมวลชน กับอีกพรรคการเมืองที่สนับสนุนกระบวนการรัฐสภา ระบบยุติธรรม ไม่ขอล้างผิดให้ตัวเอง พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรมปกติ... จะเลือกใคร

(๓) พรรคการเมืองที่ครั้งน้ำท่วม อ้างว่าเอาอยู่ ไม่บอกความจริงของสถานการณ์แก่ประชาชน แต่กลับนำน้ำทะลักผ่ากลางเมือง เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ด้านซ้ายและขวากรุงเทพ ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของตนเอง แถมเอาการเมืองมาหาเสียงกับของบริจาค เปรียบเทียบกับพรรคการเมืองที่มีผู้ว่า กทม. ที่สนับสนุนให้คนกรุงออกมาปกป้องน้ำท่วมและเร่งระบายน้ำ เดินตากแดดหน้าดำ ร่วมทุกข์กับชาวบ้าน และช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม เดือดร้อน...จะเลือกใคร

(๔) พรรคการเมืองที่ได้ชื่อว่ามีเถ้าแก่ใหญ่คอยบัญชาอยู่เบื้องหลัง ส่งหุ่นเชิดมาเป็นนายกฯ คุมผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เกิดความระแวงว่าจะส่งหุ่นเชิดมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้เป็นรัฐตำรวจโดยสมบูรณ์แบบ เปรียบกับผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ที่เป็นอิสระ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก มุ่งทำงานบริหารส่วนท้องถิ่นของ กทม.อย่างเป็นอิสระ มีผลงานไม่ขี้เหร่ เพียงแต่ไม่ใช่คนขี้คุย... จะเลือกใคร

(๕) เปรียบเทียบผู้สมัครที่มีประวัติเคยขโมยวิทยุที่สหรัฐอเมริกา ทำตัวเป็นนายหน้าม้าใช้ชักจูงนักข่าวหญิง พยายามจะนำไปสังเวยนาย เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องเซ่นนาย ลองเทียบดับคนที่พูดไม่เก่ง คุยโวไม่เป็น ไม่มีวาทศิลป์ ไม่เชี่ยวชาญงานประชาสัมพันธ์สร้างภาพ แต่เคยพิสูจน์ตัวเองในยามวิกฤติน้าสิ่วหน้าขวาน เคยเอาตัวเองเป็นตัวประกันผู้ร้ายที่ยึดสถานทูตพม่า... จะเลือกใคร

(๖) คนที่เรียนจบทางอาชญวิทยา จากมหาวิทยาลัยเดียวกับทักษิณ และมาเป็นตำรวจแบบที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส บอกว่าไม่เคยจับโจร เป็นตำรวจประชาสัมพันธ์ เอาแต่ออกทีวี แถลงข่าว จัดอีเว้นท์ สร้างภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เคยเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ร่วมฝ่าฟันวิกฤติ ทั้งจากการเผากรุง ทั้งจากน้ำท่วมกรุง ทำงานให้คนกรุงเทพฯ มาตลอดเวลา ๔ ปี ... คิดง่าย ๆ บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้ จะเลือกใคร

ทั้งหมด ผมได้คำตอบชัดเจนว่า เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้สมัครเบอร์ ๑๖ เป็นผู้ว่าฯ กทม. ครับ


จาก เฟซบุคเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง








ตอนนี้มีกระแสออกมามากว่าการรณรงค์ให้เลือกเบอร์ ๑๖ แม้จะไม่ชอบนั้น เป็นการถูกบังคับ อันที่จริง ทุกคนย่อมรู้ว่าการเลือกตั้งไม่มีใครบังคับใครได้ แต่อยากให้มองอีกมุมแบบเรียลลิสติกว่าคู่ชิงมีเพียง ๒ คนเท่านั้น เพราะผู้สมัครอิสระไม่มีคนไหนเลยที่มีความเป็นไปได้ว่าจะชนะ ดังนั้นก็ต้องชั่งน้ำหนักกันเองว่าระหว่าง ๒ คนคือ ปชป กับเพื่อไทย ท่านยอมรับใครได้มากกว่ากัน เพราะการกาเบอร์ ๙ ผลคะแนนจะไปตกกับเบอร์ ๙ กาเบอร์ ๑๖ ผลก็ได้กับเบอร์ ๑๖ แต่หากกาเบอร์ ๑๑ หรือ ๑๗ ผลประโยชน์ก็จะไปตกกับเบอร์ ๙ นั่นเอง ส่วนตัวเองเซ็งมากที่ ปชป ส่งคุณชาย แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วก็ไม่มีทางรับเพื่อไทยได้จึงไม่ลังเลที่จะเลือกเบอร์ ๑๖ ส่วนท่านที่จะกาอิสระก็เป็นสิทธิ์ แต่น่าจะชั่งน้ำหนักดูสักนิดว่าการเลือกอย่างนั่นแล้วได้พงษพัทท่านโอเคมั้ย ถ้าโอเคก็ไม่ต้องลังเล หรือถ้าต้องการสะใจว่ากูไม่สน กูจะเลือกคนที่โดนใจกูโดยไม่แคร์ผลเลือกตั้งก็เอาเลยครับ ตามสบาย


จาก เฟซบุคนิติกร กรัยวิเชียร








หวังว่าเมืองหลวงของไทยจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกับประเทศ หลังการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ครั้งนี้


เมื่อคนชั่วสามัคคี

ชนะคนดีที่แตกแยก

ประเทศก็เหลวแหลก

คนไทยแบกกรรมต่อไป


บ้านเมืองทุรยศ

คนพูดปดได้เป็นใหญ่

คนดีอยากสะใจ

คนจัญไรได้ครองเมือง


จาก เฟซบุคสมจิตต์-นวเครือสุนทร








"ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน Confirm คุณชายเหมาะเป็นผู้ว่ากทม.สมัยที่ ๒"


ผม สุรินทร์ พิศสุวรรณ ขอส่งความปรารถนาดีไปยัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครในวันที่ ๓ มีนาคม ที่จะถึงนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ทำงานด้วยความโดดเด่นและความรู้จริงในกระทรวงการต่างประเทศกับผม ในช่วงปี คศ.๑๙๙๗ - ๒oo๑


นอกจากนี้ยังท่านยังเป็นผู้ว่าที่ดีของกรุงเทพมหานคร ที่ได้ทำให้มหานครแห่งนี้เป็นมหานครชั้นนำของอาเซียน ซึ่งท่านจะสามารถทำต่อได้เป็นอย่างดีในสมัยที่สองของท่าน ประเทศไทยและคนไทยต้องการระบบสองพรรคการเมืองใหญ่


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ของกรุงเทพและประเทศไทยไปยังพี่น้องทุกท่าน โดยกรุงเทพมหานครจะเป็นฐานที่ดีที่จะนำประเทศไทยสู่ความเจริญรุ่งเรืองโดยเน้นการมีส่วนร่วมของคนกรุงเทพฯ และคนไทยในยุคที่กำลังเราเผชิญกับหลากหลาย “หน้าผา”! ที่พอจะกล่าวถึงตอนนี้ได้แก่ หน้าผาการเมือง

หน้าผาการเงิน หน้าผาการคลัง หน้าผาเศรษฐกิจ หน้าผาความไม่เสมอภาค หน้าผาเชื้อชาติและศาสนา หน้าผาการปกครอง หน้าผาคอรัปชั่น และอีกหลากหลายหน้าผา เราจำเป็นต้องมีระบบรัฐสภาที่แข็งแกร่ง และระบบสองพรรคการเมืองซึ่งมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะหยุดยั้งการตกลงของประเทศไปสู่ก้นหน้าผาเหล่านี้


ด้วยความร่วมมือของพวกเราชาวกรุงเทพในเมือง ในหมู่บ้าน ตลอดจนในตรอก และซอยต่าง ๆ ที่มีความเข้าใจในปัญหาต่าง ๆ ที่รอเราอยู่ข้างหน้าเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือเมืองหลวง และประเทศไทยของเราให้รอดพ้นจากภยันตรายที่จักเกิดขึ้น และก่อนที่จะลุกลามมากไปกว่านี้


ผมมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า สำหรับประเทศไทยแล้วการเป็นผู้ว่าในสมัยที่สองของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะสามารถสนับสนุนและผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่ดีขึ้นและประเทศไทยที่พัฒนาขึ้นโดยระบบสองพรรคใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องทุก ๆ ท่านครับ


สุรินทร์ พิศสุวรรณ


(แปลมาจากข้อความบน Twitter @ASEANSG12 ของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน)


จากเวบ oknation.net








"จากใจ คุณชัย ราชวัตร #สุดยอด#"


"๓ มีนา ตั้งใจไว้แล้วต้องไปกาเบอร์ ๑๖ ไม่ได้พิสวาทอะไรกับหม่อมสุขุมพันธุ์เป็นพิเศษหรอก แต่เกลียดพรรคเผาไทยเป็นพิเศษ เป็นตายร้ายดียังไงต้องต่อต้านไม่ให้พวกมันมายึดกรุงเทพฯ ของเรา เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เลือกผู้ว่า กทม.เท่านั้น สำหรับพวกมัน มันเป็นสงครามยึดประเทศเลยเชียวแหละ หมู่นี้เริ่มรำคาญพวกที่ชอบพูดว่า ไม่เลือกสุขุมพันธุ์เพราะแก่ เพราะอุ้ยอ้าย เพราะพูดไม่เก่ง......ห่...เอ้ย ๓ มีนา เขาให้มึงหาคนมาเป็นผู้ว่าฯ นะโว้ย ไม่ได้ให้มึงหาผัว"











"บทบาทของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ VS พล.ต.อ.พงศพัศ ช่วง กทม.เป็นทะเลเพลิง"


ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม.ในขณะนั้น

๑.) เดินสายเจรจาแกนนำคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอคืนพื้นที่ให้คนกรุงเทพได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด

๒.) ประสานรัฐบาลเพื่อช่วยหาข้อยุติที่จะนำไปสู่การเลิกชุมนุม แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากแกนนำเสื้อแดง ยังคงชุมนุมต่อเนื่องยึดราชดำเนิน ราชประสงค์ คนกรุงเดือดร้อน เศรษฐกิจพังพินาศ

๓.) ประกาศดูแลคนกทม.ก่อนคิดถึงเรื่องการเมืองและพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งในขณะนั้นเป็นรัฐบาล

๔.) หลังเหตุการณ์เผาเมืองชวนคนกรุงปลุกพลังบวกร่วมซ่อมสร้างเมือง ทำความสะอาดกรุงเทพ ริเริ่มโครงการ TOGETHER WE CAN รวมกันเราทำได้ มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วม

๕.) ฟื้นฟู กทม.จนกลายเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวสามปีซ้อนตั้งแต่ ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕ แม้ในปี ๒๕๕๓ ที่ กทม.กลายเป็นทะเลเพลิง จนต่างชาติหลายประเทศประกาศเตือนคนในชาติตัวเองไม่ให้เดินทางมากรุงเทพ แต่สุดท้ายเมืองหลวงของไทยยังติดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกจากนิตยสาร Travel+Leisure

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นโฆษก สตช.ในขณะนั้น

ไม่มีบทบาทใด ๆ ได้รับฉายา “ดาราสีกากี” จากสื่อมวลชน

ตำรวจไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง แต่กลับอำนวยความสะดวกให้กับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ปล่อยขนอาวุธเข้าเวทีแดง (มีรายงานสรุปเหตุการณ์ของ คอป.) ปล่อยเผาเมืองหน้า สตช.


จาก เฟซบุคสายตรงภาคสนาม












ทุกวันนี้บักเหลี่ยมร้ายคือนายกฯ ตัวจริง! รู้ ๆ กันอยู่ จะเปิดทางให้มันเป็นผู้ว่าฯ กทม. ตัวจริงอีกหรือ? จะต้องให้บ้านเมืองล่มจมก่อนหูตาสว่างหรือไง?

มีแนวคิด: ถ้าเกลียดประชาธิปัตย์ ก็ต้องเลือกมัน ให้อาวุธมัน ให้เข้าไปสู้กับทักษิณ ใช้มันให้ทำงาน! ถ้ามันแพ้ เราแพ้ เสียหายมากกว่า! ไอ้เหลี่ยมกินรวบ ยึดประเทศหมด! หน้าไหนจะออกมาสู้? มันใช้กฎหมาย อำนาจเถื่อนกำจัดไม่เหลือแน่!!

ผมขอถามครับ: ถ้าวันที่ ๓ จูดี้ ได้ ๘ แสนเสียง, หม่อมได้ ๗.๕ แสน, เสรีพิสุทธิิ์ได้ ๑.๕ แสนที่เหลือได้ระดับหมื่นคะแนน, อะไรจะเกิดขึ้น? เราได้ทักษิณเป็นผู้ว่า กทม. แล้วไงครับ!??

ผมตั้ง ๒ - ๓ คำถามวันนี้เห็นคำตอบหลากหลาย. ดีครับ ได้รู้ว่าใครคิดอย่างไร! ผมขอให้เห็นความแตกต่างครับ- ที่ผ่านมาพรรคไม่สามารถครอบงำหม่อมได้ แต่เพื่อไทยเป็นตัวกำหนดทุกอย่างตั้งแต่ก่อนเริ่ม - มีคนเถียงว่า ให้เลือกคนดี! มีใครตีตรารับประกันแล้วหรือครับ? บางคนเราเพ่ิงเห็นหน้า ได้ยินชื่อไม่กี่วันนี้! เรื่องโม้ใครก็ทำได้. จะมีคนเชื่อหรือไม่เท่านั้น

ผมเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ เกีี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่หลายข้อความพยายามโยงสุขุมพันธ์ุว่าเป็นเนื้อเดียวกับประชาธิปัตย์! บ้างก็ว่า ๔ ปี สุขุมพันธ์ไม่ได้ทำดีอะไรเลย! คงเริ่มมีคนคิดแล้วว่าผมเป็นเหลืองแอบอิงประชาธิปัตย์

-- สรุปได้ความว่า
เมื่อความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน เริ่มเป็นการง่ายที่จะกล่าวหาผู้อื่นว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพียงแค่คิดไม่ตรงกับตัวเอง
-- ผมเป็นโสภณ องค์การณ์ครับ เป็นตัวตนมาอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานอาชีพสื่อ เป็นแบบนี้ก่อนมีเหลือง มีสีอื่น ๆ ทุกวันนี้ยังเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน
-- ไม่เคยเชลียร์ใครเพื่อเอาตัวรอด
-- ถ้าคนรู้จักผมดีพอ คงจำได้ว่าผมวิพากษ์วิจารณ์ประชาธิปัตย์อย่างรุนแรงในช่วงที่คุณชวนเป็นนายกฯ ๒o ปี ก่อน
-- ผมวิจารณ์หนัก ช่วงการไม่ทำอะไรอยางที่ควรทำช่วงเสื้อแดงเผาเมือง -- แม้แต่การยอมให้อาเซียนเข้ามายุ่มย่าม ยอมไปยูเอ็น ยอมไปศาลโลก ผมก็วิจารณ์หนัก
-- แม้แต่การไม่ยอมสู้เพื่อวีระ-ราตรี ก็วิจารณ์เช่นกัน

ใครอย่ามากล่าวหาผม ว่าเป็นประชาธิปัตย์อีกครับ เว้นแต่พวกที่ไม่รู้จักผมดีพอ -- รำคาญครับ

ผมถามย้ำหลายครั้ง ยังไม่มีคำตอบชัดเจน:
-- ถ้าจูดี้ชนะ จะมีใครเสียใจมั้ย หรือคิดได้แต่่ว่า "สะใจ" ที่ได้ใช้สิทธิเลือกคนที่ตัวเองต้องการ ไม่ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมา?? (๒๔ ก.พ.)



ข้อความต่อไปนี้สุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นไอ้แอบประชาธิปัตย์อีก แต่เพื่อความแฟร์ จำเป็นต้องพูดครับ

-- ข้อความที่ผ่านมาจากหลายความเห็นพุ่งเป้าชี้ให้เห็นความเลวร้ายของประชาธิปัตย์ ผมเห็นด้วยหลายประการครับ
-- ผมเคยด่าประชาธิปัตย์ด้วยว่าเป็นพรรคคร่ำครึ เน้นหลักอาวุโส ขาดจินตนาการและยุทธศาสตร์ เอาแต่ตัวใครตัวมัน
-- มีใครสังเกตหรือยอมรับบ้างหรือไม่ว่าประชาธิปัตย์ลด หรือเลิกกั๊กกับเพื่อไทย และสู้จริงจังมากกว่าเดิม เช่นการตั้งทีวีช่องบลูสกายและช่องอื่น ๆ เพื่อเล่นงานทักษิณและเครือข่ายต่อเนื่อง
-- การเดินสายไปจุดต่าง ๆ โดยประชาธิปัตย์แสดงให้เห็นการปักหลักสู้ทั้งในและนอกสภา
-- ถ้ามองแต่อดีต ไม่เอาปัจจุบันมาพิจารณา ภาพรวมสำหรับประเมินจะขาดความสมบูรณ์หรือไม่?? หรือจะสรุปว่าก่อนหน้านี้เลว ปัจจุบันก็เลวเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง?
-- ถ้าท่านไม่พิจารณา ไม่เปลี่ยนแนวคิด เป็นสิทธิของท่าน ไม่มีใครบังคับได้ครับ แต่ผลสุดท้ายคนดีต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองร่วมกัน!! (๒๔ ก.พ.)



สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย มีพรรคใหญ่ ๒ พรรค ผลัดกันแพ้ชนะ แล้วแต่นโยบาย แล้วแต่ใจคน!
-- ประชาธิปัตย์อายุกว่า ๖o ปี ดี ชั่ว รู้ๆ กันอยู่ตามที่ถกกัน
-- พรรคทักษิณโดนยุบ ๒ ครั้ง ก็ยังอยู่ ลอกคราบเรื่อยไป ถ้าจะโดนยุบอีก ก็จะลอกคราบอีก
-- การเมืองไทยแนวโน้มจะมี ๒ พรรค ผลัดกันชั่วกว่า หรือล้มเหลวกว่า เหมือนในสหรัฐ
-- ไม่มีเส้นทางสำหรับพรรคที่ ๓ ได้เติบโตครับ มีแต่พรรคเล็ก ๆ รอเสียบ

ทางเลือกที่ผสมเสนอคือแช่เย็นการเมืองอย่างน้อย ๑o ปี จัดการนักการเมืองชั่วร้ายให้หมด
-- แต่ทักษิณคุมได้หมดทั้งตำรวจ อัยการ ข้าราชการ ประชาชนเสื้อแดง และมีทาส ผีโม่แป้ง เพิ่มทุกวัน
-- ใครจะต้านกระแสชั่วร้ายได้สำเร็จครับ ถ้าทักษิณยังรุกคืบหน้าได้อีก ด้วยการยึดเมืองหลวงสำเร็จ??! (๒๔ ก.พ.)



ฟังประโยคเหล่านี้ไว้นะครับ!
1. The end justifies the means
2. The necessary evil
3. The lesser of the two evils
4. บางครั้งต้องยอมทำความเลวเล็กน้อยเพื่อหวังผลดีโดยรวมที่ยิ่งใหญ่กว่า
5. บางครั้งทำความดีตามความคิดของตัวเอง แต่ส่งผลเลวร้ายมหาศาลต่อส่วนรวม
6. ได้ไม่เท่าเสีย
7. เสียของ

คิด ตัดสินใจอย่างไร เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ ไม่ว่ากัน! แต่ผมไม่เคยบอกว่าคนคิดต่างจากผมไม่มีสิทธิคิดเช่นนั้น! (๒๗ ก.พ. ๒๕๕๖)



ฟังดูการถกเถียงกันเรื่องผู้สมัคร มีคำชักชวนให้เลือกผู้สมัครอิสระ! แม้กระนั้นก็มีเสียงแตก ไม่มีใครชี้ชัดว่าควรเลือก "ใคร" จึงจะได้คะแนนมากพอที่จะชนะตัวแทนจากพรรค!
-- กล้าหน่อยซิครับ บอกมาสักคน เอาให้เจ๋ง ๆ ว่า "คนดีอิสระ" ที่ควรเลือกนั้นเป็นใคร ดีอย่างไร ผลงานเป็นอย่างไร พิสูจน์ได้หรือไม่
-- จากนั้นไปถามผู้สมัครอิืสระคนอื่นๆ ด้วยว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่
-- แม้แต่คนที่จะเลือกผู้สมัครอิสระด้วยกันก็มีความเห็นแตกต่างกันแล้ว
-- แบบนี้จะชนะตัวแทนพรรคทีมีฐานคะแนนเสียงได้อย่างไรครับ



จาก เฟซบุคโสภณ องค์การณ์










ภาพจากเวบ serithai.net








"เจ้าของบทประพันธ์ “กี่เพ้า,สาปภูษา” เชียร์คุณชายเป็นผู้ว่าฯกทม."





นายแพทย์พงศกร จินดาวัฒนะ นักเขียนชื่อดังนามปากกา "พงศกร" เจ้าของผลงานบทประพันธ์ชื่อดัง อาทิ กี่เพ้า,สาปภูษา ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว Pongsakorn Chindawatana โชว์รูปหัวแม่มือ ที่เขียนเบอร์ ๑๖ ด้วยหมึกสีน้ำเงิน โดยบรรยายภาพว่า "เรามาช่วยกันทำให้กรุงเทพฯ น่าอยู่กันเถอะครับ" ซึ่งถือเป็นคนในวงการบันเทิงอีกคนหนึ่งที่เชียร์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข ๑๖ อย่างชัดเจน


ทั้งนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะมีขึ้นในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ โดยผู้สมัครที่เป็นตัวเต็ง คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อดีตผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข ๑๖ และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พรรคเพื่อไทย หมายเลข ๙


ภาพและข้อมูลจากเวบ naewna.com








"ยุทธนา มุกดาสนิท" เชียร์ "ส.ศิวรักษ์" ไม่เอาพรรคทักษิณเป็นผู้ว่าฯกทม."


ในโลกออนไลน์ มีประเด็นพูดถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ ซึ่งคนดังทั้งในวงวิชาการ ดารารุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก ต่างออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนผ่านโลกโซเซียลเน็ตเวิร์ก กันอย่างมากมาย ล่าสุด ยุทธนา มุกดาสนิท หรือ พี่หง่าว ผู้กำกับภาพยนต์และละครชื่อดัง ได้แสดงผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Euthana Mukdasanit สนับสนุน สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส. ศิวรักษ์ นักเขียน นักวิชาการอิสระ ที่แสดงความคิดเห็นไม่เอาพรรคเพื่อไทย มาเป็นผู้ว่าฯกทม.อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน






ภาพและข้อมูลจากเวบ naewna.com










ภาพจากเวบ naewna.com








"เสรีชนไม่เอาระบอบทักษิณ"
สารส้ม


ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. บรรดาคนที่ไม่ต้องการให้ระบอบทักษิณกินรวบประเทศไทย กำลังถูกผู้มีอำนาจรัฐกระชับพื้นที่ ละเมิดสิทธิ์ หรือข่มขู่ คุกคาม หลากหลายรูปแบบ

บางกรณี ผู้มีอำนาจรัฐหมิ่นเหม่ว่าจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย หรือไม่?

๑) กรณีนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ใช้อำนาจหน้าที่ช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย ในระหว่างการหาเสียงแข่งขันกับผู้สมัครคนอื่น ๆ

นายสุริยะใส ระบุว่า การกระทำของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นคุณเป็นโทษต่อผู้สมัครบางราย โดยเฉพาะผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้สมัครรายอื่น โดยเฉพาะการปราศรัยชูนโยบายว่า หากเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ มาเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะสามารถทำให้การทำงานร่วมกับรัฐบาลแบบไร้รอยต่อ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้ตำแหน่งหน้าที่การกระทำใด ๆ อันเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัคร อาจจะเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตามมาตรา ๖o ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

“ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่...”

เรื่องนี้ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า กกต.สมควรจะได้มีการตรวจสอบและชี้ขาดให้สิ้นสงสัย

เพราะในคอลัมน์นี้ก็เคยวิพากษ์ไว้เมื่อ ๑๘ ม.ค. ๒๕๕๖ เรื่อง “ไร้รอยต่อ =กินรวบประเทศไทย” ระบุไว้ว่า

“นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรรู้สึกละอายที่จะร่วมสมคบกับผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ใช้วาทกรรม “ไร้รอยต่อ” เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ทางการเมือง เป็นการจงใจเอาเปรียบคู่แข่งพรรคอื่นๆ รวมทั้งผู้สมัครอิสระเพราะผู้อื่นไม่ใช่ “ขี้ข้าทักษิณ”

นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามจะแสดงออกว่าตนเองเข้าไปช่วยหาเสียง“นอกเวลาราชการ” จึงถือว่ามิได้ใช้ตำแหน่งนายกฯ ไปเอื้อประโยชน์แก่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย การอ้างแบบนี้ ตื้นเขิน บกพร่อง และไม่ถูกต้อง

เพราะเจตนารมณ์แท้จริงที่กฎหมายห้าม คือ ห้ามใช้อำนาจรัฐ ตำแหน่ง สถานะความเป็นรัฐบาลหรือความเป็นนายกฯ เข้าไปเอื้อประโยชน์ทางการเมืองแก่ผู้สมัครพรรคพวกตน หรือสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ เลือกปฏิบัติ

การอาศัยความเป็นรัฐบาลไปเอื้อประโยชน์แก่ผู้สมัคร มิใช่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องห้าม ด.ญ.ยิ่งลักษณ์กินขนมในชั้นเรียน ก็เลยจะฉวยจังหวะกินเสียนอกห้องเรียน

ประเด็นสำคัญไม่ใช่ดูว่า กระทำเวลาใด ในหรือนอกเวลาราชการ แต่จะต้องดูที่พฤติกรรมว่ามีลักษณะอาศัยสถานะแห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีหรือความเป็นรัฐบาล ไปใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคของตนหรือไม่? เช่น ถ้าสั่งกลไกรัฐให้ช่วยผู้สมัครของตน แม้จะสั่งนอกเวลาราชการก็จะต้องผิด เป็นต้น

ตรงกันข้าม ถ้าลำพังแค่ไปช่วยเดินหาเสียง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วยกัน ย่อมกระทำได้ แต่พฤติการณ์ที่ปรากฏในเวลานี้ คือการเอาสถานะความเป็นรัฐบาลทุ่มเข้าไปช่วยผู้สมัครของพรรคการเมืองตนเองหาเสียงแบบเต็ม ๆ โดยบอกเป็นนัยว่า รัฐบาลจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อประชาชนเลือกคนของพรรครัฐบาลเข้ามามีอำนาจในกทม.เท่านั้น

ทั้ง ๆ ที่ รัฐบาลควรจะต้องแสดงออกว่าตนเองพร้อมทำงานกับใครก็ตามที่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม. ไม่ว่าจะสังกัดพรรคการเมืองใด หรือจะเป็นผู้สมัครอิสระก็ตาม”

๒) ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยพยายามจะแก้ตัวแทน โดยอ้างว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หาเสียงนอกเวลาราชการ และลงพื้นที่ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ในฐานะนายกรัฐมนตรี

ทั้งๆ ที่ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าหาเสียงเวลาใด หรือจะลงพื้นที่ในฐานะสมาชิกพรรค แต่สำคัญตรงที่พฤติกรรมการหาเสียงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่มีลักษณะกล่าวอ้าง จูงใจประชาชน โดยอาศัยสถานะความเป็นรัฐบาลเข้าไปช่วยผู้สมัครของพรรคตนหาเสียงอย่างเต็มที่ ด้วยการสื่อสารเป็นนัยว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทำงานร่วมกับ กทม.ได้ดีก็ต่อเมื่อประชาชนเลือกคนของพรรครัฐบาลเข้ามามีอำนาจใน กทม. เท่านั้น

วิธีแก้ตัวที่น่าสนใจกว่า คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์น่าจะประกาศเสียเลยว่า ไม่ว่าใครได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. รัฐบาลก็พร้อมจะอุดหนุนรถเมล์ฟรี เรือฟรี รวมถึงเงินกองทุน เงินประชานิยมต่าง ๆ นานา ที่จะอัดฉีดให้ โดยอุดหนุนมิให้แตกต่างกับคนของพรรคตัวเอง ส่วนผู้ว่าฯ คนใหม่จะเอาหรือไม่ ก็แล้วแต่เขา

๓) ความกระเหี้ยนกระหือรือ พยายามจะรวบอำนาจปกครองกรุงเทพฯ แบบเบ็ดเสร็จของรัฐบาลในเวลานี้ น่าจะสวนทางกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕o เกี่ยวกับการกระจายอำนาจและการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างชัดเจน

มาตรา ๒๘๓ ระบุว่า “...องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีความเข้มแข็งในการบริหารงานได้โดยอิสระ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ...”

๔) ในความพยายามใช้อำนาจรัฐบดขยี้ กดดัน ข่มขู่ บีบให้คนกรุงเทพฯ ยอมสยบต่อระบอบทักษิณนั้น ปรากฏว่า ได้เกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับ!

บรรดาคนที่มีหัวใจไม่เอาระบอบทักษิณเกิดความรู้สึก “ทนไม่ไหว”

แม้แต่บรรดาผู้มีชื่อเสียงในสังคม เริ่มออกมาแสดงตัว

ใช้สิทธิของตนในฐานะพลเมือง เสรีชน ประกาศจุดยืนชัดเจน ไม่ขอยอมจำนนต่อระบอบทักษิณ

หลายคนถึงกับประกาศว่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครพรรคคู่แข่งของทักษิณ ด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการเห็นกรุงเทพฯ ตกอยู่ในสภาพเสมือนเป็นเมืองขึ้นของระบอบทักษิณ แม้จะมิได้นิยมชมชอบผู้สมัครพรรคคู่แข่งของทักษิณมากที่สุดก็ตาม

หนึ่งในนั้น คือ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ประกาศจุดยืนผ่านเฟซบุ๊ค บอกว่า

“ตัวเต็งมันมีอยู่สองคนใช่ไหม สุขุมพันธุ์ เบอร์ ๑๖ กับพงศพัศเบอร์ ๙ คือ ๒ คน เป็นตัวเก็ง ไอ้คนอื่นน่าสนใจนะ แต่ผมเสนอว่าอย่าเลือกคนอื่น เพราะถ้าเลือกคนอื่นคะแนนจะหัวแหลกหัวแตก เพราะเวลานี้ต้องสู้ระหว่างประชาธิปัตย์กับพรรคทักษิณ

พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคดีเด่อะไร แต่พรรคทักษิณมัน...สุด ๆ แล้วเวลานี้มันครองอำนาจอยู่ในบ้านเมืองแล้ว เรายอมให้มีผู้ว่าฯ กทม. อีกแสดงว่าเราทั้งหมดแหย สยบกับมันทั้งหมดเลย

ผมจึงอยากเสนอว่า ใครก็ตามที่มีจิตสำนึกต่อต้านทักษิณ ต่อต้านเผด็จการ ต้องไม่ใช่ไม่เลือกเบอร์ ๙ อย่างเดียว ต้องเลือกสุขุมพันธุ์ เพราะเป็นอันเดียวที่จะเอาชนะเผด็จการทักษิณได้ เพราะตอนนี้มันใช้ทุกทางเลย มันปั่นกระทั่งโพลล์ ทำได้ทั้งหมด แล้วมันจะเอาเงินซื้ออะไรต่างๆ ทักษิณมันพูดเลย เอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ได้รับเลือก เพราะฉะนั้นผมว่า คนกรุงเทพฯ ต้องแสดงกึ๋นหน่อย คือ สุขุมพันธุ์ไม่ได้ดีวิเศษอะไรนักหนา ประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ดีวิเศษนักหนา แต่ระหว่างเขาเลือก ภาษาฝรั่งเรียก The lesser evil มันจำเป็น ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยกับผม ไม่เป็นไร ผมอยากให้ปรากฏจุดยืนผมอยู่ตรงนี้”

ล่าสุด ส.ศิวรักษ์ ยังย้ำจุดยืนในการตัดสินใจครั้งนี้อีกว่า

“...ทักษิณพูดด้วยว่าคนของเขาแม้เสาไฟฟ้าลงก็ชนะ นี่มันปรามาสคนกรุงเทพฯทั้งหมดเลย เอาเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ แล้วคุณจะให้มันชนะได้ยังไง เพราะฉะนั้น ผมก็ต้องออกมาสิครับ ไม่ชนะมีทางเดียว ก็ต้องให้สุขุมพันธุ์ได้ เพราะถ้าคุณไปเลือกคนอื่นๆ ผมชอบคนอื่นเยอะแยะเลย ไอ้สยามวาลา ผมชอบมันมากเลย คนรุ่นใหม่แล้วมันจะเล่นกับเด็กรุ่นใหม่ ถ้าเด็กรุ่นใหม่ไปเชื่อเลือกสยามวาลานี่ คะแนนเด็กรุ่นใหม่จะเสียหมดเลยครับ เพราะพวกไม่มีพรรคจะไม่มีทางได้ คุณอาจได้คะแนนเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคะแนนหัวแหลกหัวแตก ไอ้เบอร์ ๙ ได้แน่ ๆ เบอร์ ๙ ได้หมายความว่าเสาไฟฟ้าก็ได้ ก็หมายความว่าสมตามคำที่ไอ้ทักษิณมันพูดเลยว่า คนของมันจะต้องได้แน่ ๆ แล้วมันจะใช้ทุกวิถีทาง ทั้งโฆษณาชวนเชื่อ ทั้งปั่นโพลล์ต่าง ๆ โกงต่าง ๆ สารพัดที่มันจะทำได้ มันต้องการชนะ เพื่อจะพิสูจน์ว่ามันเป็นตัวสำคัญ เพราะฉะนั้น เราต้องพิสูจน์ให้มันเห็น ไม่ให้มันชนะ แล้ววิธีเดียวครับ ให้สุขุมพันธุ์มา สุขุมพันธุ์ไม่ใช่คนดีวิเศษ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรค...มากเลย แต่ที่ผมยังยืนยันคำนี้ ว่า lesser evil...”

จากวันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง คาดว่าจะมีบรรดาคนดังในแวดวงต่าง ๆ ผู้ทรงวุฒิ คนที่ไม่เอาระบอบทักษิณและรู้สึกว่ากรุงเทพฯ กำลังถูกคุกคามโดยระบอบทักษิณ ทนไม่ไหว ออกมาใช้สิทธิความเป็นเสรีชน ประกาศจุดยืนต่อต้านระบอบทักษิณในการเลือกตั้งครั้งนี้กันอีกอย่างแน่นอน


จากคอลัมน์ "กวนน้ำให้ใส"
นสพ.แนวหน้า ๒๗ ก.พ. ๒๕๕๖



บีจีและไลน์จากคุณญามี่


Free TextEditor





 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2556
0 comments
Last Update : 14 มิถุนายน 2556 20:39:07 น.
Counter : 2566 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.