happy memories
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
24 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 

เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๘)-เฟซบุคดร.เสรี วงษ์มณฑา





วันนี้ขอใช้สิทธิ์ใช้พื้นที่่บนเพจนี้คิดดัง ๆ อีกครั้งว่าเราตั้งใจจะเลือกเบอร์ ๑๖ อย่างแน่นอนเพราะเราคิดว่าท่านทำงานใช้ได้แม้ไม่ดีเลิศ แต่เราคิดว่าท่านเป็นคนเดียวที่มีโอกาสชนะเบอร์ ๙ ได้ และในความคิดของเรานั้น เราไม่อยากให้เบอร์ ๙ ชนะ เพราะเราไม่เชื่อว่าเมื่อเขาสังกัดพรรคเพื่อไทยเขาจะเป็นตัวของตัวเอง

อีกทั้งเรายังเชื่อว่านโยบายของเขาหลายอย่างเป็นไปได้ยาก เพราะบางเรื่องก็อยู่นอกอำนาจ บางเรื่องก็จะเป็นปัญหากับงบประมาณ บางเรื่องอาจจะส่งผลทางลบ ผู้สมัครคนอื่นไม่ใช่ว่าจะไม่ดี แต่เรามองว่าไม่มีโอกาสจะชนะ เราก็อยากจะให้กำลังใจแก่เขาด้วยการลงคะแนนให้เขา แต่เราคิดหลายตลบแล้วก็ได้บทสรุปว่า ยังไม่ใช่ครั้งนี้ที่มีการต่อสู้กันอย่างเข้มข้น

ถ้าหากเราลงคะแนนให้คนอื่น เราเกรงว่าจะสูญเปล่า ก็เลยจะเลือกเบอร์ ๑๖ ผู้สมัครรายเดียวที่เราคิดว่ามีโอกาสชนะเบอร์ ๙ เมื่อเราใช้สิทธิในการคิดดังๆแล้ว เราขอใช้สิทธิ์ในการเชิญชวนคนที่เห็นด้วยกับเรา อย่านอนหลับทับสิทธิ์ขอให้ออกไปเลือกตั้ง และลงคะแนนให้เบอร์ ๑๖ คนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา ท่านอยากเลืกใคร เราก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน เราจะไม่ประเมินการตัดสินใจของท่านว่าถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี

ดังนั้นก็หวังว่าท่านจะเคารพสิทธิ์ของเราด้วย และถ้าหากท่านอยากจะเชิญชวนคนอื่นให้คิดเหมือนท่านเลือกผู้สมัครคนเดียวแก่ท่าน ก็น่าจะทำได้ เพราะก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะทำเช่นนั้นเช่นกัน ดังนั้นเราต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเลือก ต่างคนต่างชวนตามที่เราต้องการเถอะนะ อย่าวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอต่อว่ากันเลย ในสังคมประชาธิปไตย เราคิดต่างได้ แต่เราอย่าแตกแยกกันเลย สังเกตไหมว่าเจ้าตัวนักการเมืองที่อยู่คนละพรรคกัน เขายังไม่ด่ากันรุนแรงเท่ากับคนบางคน (เน้นบางคน ไม่ใช่ทุกคน) ที่ทำตัวเป็นสาวกปกป้องนักการเมืองที่ตนรัก จนกลายเป็นคนหยาบคายกับคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นศัตรูกัน

การตัดสินใจของเราอยู่บนพื้นฐานการใช้ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบด้านนโยบาย ด้านนิสัยส่วนตัวจากเวลาที่ผ่านมา จากพรรคที่สังกัด โอกาสในการได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ โอกาสของการดำรงจริยธรรมในการทำงานตามหลักธรรมาภิบาล และบอกได้เลยว่าคนที่เราจะเลือกก็ไม่ได้ดีพร้อม มีจุดอ่อนจุดด้อยบ้าง แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบแล้ว เราเห็นว่าจุดด้อยของคนที่เราคิดจะเลือกไม่รุนแรงเท่ากับจุดด้อยของคนที่เราปฏิเสธจะเลือก

และขอบอกว่าข้อมูลที่เราเปรียบเทียบไม่ใช่ข้อมูลที่เราเชื่อ เพราะได้ยินมาโดยไม่ไตร่ตรองหาข้อเท็จจริง หลายอย่างเราเจอด้วยตนเอง (เช่นรายการถูกถอด มีคนโทรมาต่อว่า ไปในบางพื้นที่ไม่ได้) หลายอย่างคนใกล้ชิด (เพื่อน ลูกศิษย์ ลูกค้า) ที่โดนเล่าให้ฟังหรือมาปรึกษาหาทางแก้ไขและบางอย่างก็เป็นข่าวที่มีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์แบบไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้ ไม่อาจคิดว่าเป็นข่าวเต้า ข่าวปล่อยที่ออกมาด้วยอคติ เพื่อให้ร้ายใครบางคน

เมื่อไตร่ตรองแล้ว เราจึงไม่อาจจะชอบ หรือชื่นชม หรือยกย่องเขาได้ เพราะเรามีหลักการของเราว่าเราต้องการผู้นำที่มีจริธรรม มีสติปัญญาความสามารถและขยัน ถ้าหากเก่งและขยัน แต่ไม่มีจริยธรรม เราไม่เอา เพราะเราคิดวาจริธรรมเป็นคุณลักษณะที่สำคัญสำหรับคนที่จะมาบริหารบ้านเมือง การตัดสินใจของเราจึงเป็นการตัดสินใจของคนที่มีข้อมูล

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เคยอ่านบทความที่ฝรั่งเขียนเกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเมืองของคนไทยว่า เป็นเวทีของ "uninformed participants and informed spectators" แปลว่าคนที่มีส่วนร่วม (หมายถึงคนที่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง) เป็นคนไม่มีข้อมูล แต่คนที่มองดู (หมายถึงการไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง นอนหลับทับสิทธิ์) เป็นคนมีข้อมูลเกียวกับสถานการณ์ทางการเมืองเป็นอย่างดี

นัั่นเป็นการวิพากษ์ของฝรั่งในอดีต ตอนที่การออกไปเลือกตั้งยังเป็นแค่สิทธ์ิ ไม่ใช่หน้าที่ แต่ตอนนี้เป็นหน้าที่แล้ว อย่าให้คำวิพากษ์นี้เป็นจริงอีกเลย พวกเราที่มีข้อมูลและรู้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับพรรคที่ผู้สมัครสังกัด และเกี่ยวกับตัวผู้สมัครอย่าเป็น "ผู้ที่ดูเฉย ๆ" เลยนะต้องออกไปลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง แล้วใช้ข้อมูลที่เรามีอยู่เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ เราจะได้ไม่เสียใจว่าการที่เราไม่ได้ออกไปลงคะแนนเสียงเลือกคนที่เราควรจะเลือก กลายเป็นการหยิบยื่นชัยชนะให้กับคนที่เราไม่ต้องการให้ชนะ


๑๒ ก.พ. ๒๕๕๖








สำหรับคนที่ไม่ชอบทักษิณเพราะเชื่อว่าทักษิณเป็นคนไม่ดี เป็นนักโทษหนีคุก เป็นคนทำร้ายประเทศไทย (เป็นความเชื่อเพราะเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่ใช่เพียงฟังเขาเล่ามา) เราคงเห็นตรงกันว่า เราไม่อยากให้คนของทักษิณบริหาร กทม. เพราะเราไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นตัวของตัวเองบริหารกรุงเทพฯ โดยไม่ฟังการกำกับของทักษิณนักโทษหนีคดี

แต่ที่เราคิดไม่ตรงกันคือ

(๑ )เราชอบประชาธิปัตย์ไม่เท่ากัน บางคนอยู่ในขั้นเกลียดด้วยซ้ำไป

(๒) เรารับคุณชายได้ไม่เท่ากัน บางคนชื่นชม บางคนพอรับได้ บางคนไม่ชอบ ไม่อบากให้โอกาส

(๓) เรามองการลงคะแนนเชิงยุทธศาสตร์ต่างกัน
๓.๑ บางคนมองว่าจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้คนของทักษิณชนะ
๓.๒ บางคนมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาธิปัตย์ตีกิน
๓.๓ บางคนมองว่าประชาธิปัตย์จะได้โอกาสแล้วไม่สำนึกในบุณคุณของประชาชนซึ่งพวกเขาไม่ต้องการผิดหวังกับประชาธิปัตย์ ที่ไม่ค่อยแสดงความซาบซึ้งในบุญคุณใคร

(๔) เรามองเรื่องการเลือกผู้สมัครอิสระต่างกัน
๔.๑ บางคนมองว่าเสียของเพราะพวกนี้ไม่มีทางชนะ เสียของ เสียงแตกจะทำให้คนของทักษิณชนะ
๔.๒ อยากให้กำลังใจแก่ผู้สมัครที่มีวิสัยทัศน์ และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของ กทม.
๔.๓ บางคนบอกว่าอยากให้บทเรียนกับประชาธิปัตย์ที่ไม่ฟังเสียงประชาชน

ในเมื่อเราเห็นตรงกันว่าไม่อยากให้คนของทักษิณชนะ อยากขอเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายทบทวนการตัดสินใจของตนเองตามความคิดเห็นที่ท่านมีอยู่ตอนนี้ว่ามันจะส่งผลอย่างไร การตัดสินใจของท่านมีโอกาสจะกลายเป็นการหยิบยื่นชัยชนะให้คนของนักโทษผู้ทำร้ายประเทศไทยหรือเปล่า

ที่ท่านหวังจะให้โอกาสคนใหม่ ๆ ด้วยหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ท่านเชื่อจริง ๆ หรือว่าคนที่ท่านเลือกจะชนะ และถ้าเลือกเขาไปแล้ว แต่เขาไม่ชนะ ใครจะชนะ คนของทักษิณหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นท่าน care ไหม หรือว่าท่านไม่ care ว่าใครจะชนะจากการตัดสินใจของท่าน ขอทำตามใจตนเอง

ถ้าหากมีคนคิดแบบนี้เกิน ๓o,ooo คน พวกเราก็ต้องเตรียมตัวเศร้า มองเห็นคนของทักษิณฉลองชัยชนะ ไม่เพียงเท่านั้นนะ สิ่งที่ตามมาเรากำลังให้โอกาสทักษิณและพวกอ้างความชอบธรรมในการจะดำเนินนโยบายอะไรก็ได้ ทั้งระดับประเทศและระดับ กทม.

เขาจะบอกว่า "ประชาชนชอบเขา พอใจเขา ไม่ได้มองว่าพวกเขาเลวอย่างที่เรากล่าวหาพวกเขา" ต่อไปนี้ใครแย้งหรือขัดขวางการดำเนินตามนโยบายของเขาจะกลายเป็นคนกีดกันผลประโยชน์ของประชาชน ถ้าเราเปิดโอกาสให้เขาอ้างความชอบธรรมเยี่ยงนี้ได้ ประเทศไทยก็เอวังเป็นแน่แท้

เศร้านะ ไม่ได้บังคับนะ แค่เพียงขอโอกาสชวนคิด และขอย้ำว่า ไม่ใช่คนท่ีคิดว่า "คนดีต้องชอบประชาธิปัตย์และเกลียดทักษิณ" เพราะเป็นคนเกลียดทักษิณ แต่ไม่ได้นิยมประชาธิปัตย์มากมายอะไรเลย เคยตำหนิพวกเขาบ่อย ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง แต่ที่เชียร์คุณชายที่เป็นของของ ปชป. เพราะมองว่าเขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คนของทักษิณไม่ชนะ และแม้ไม่ใช่ผู้ว่าในอุดมคติ แต่ก็รับได้ และคิดว่าน่าจะพอเรียกร้องให้ทำอะไรให้กรุงเทพเจริญก้าวหน้าได้

อีกครั้งนะคะ ไม่ได้บังคับหรือขี้นำใคร แค่ชวนให้ลองพิจารณาดู ถ้าใครเห็นด้วยก็มาช่วยกัน ใครไม่เห็นด้วยก็ทำตามหัวใจเรียกร้องเรื่องนี้ไม่ว่ากัน เคารพการตัดสินใจของกันและกันตามแนวทางประชาธิปไตยอยู่แล้ว


๑๗ ก.พ. ๒๕๕๖








มีคนถามว่าเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ชั่วพอกัน จะเลือกไปทำไม ขออนุญาตคิดต่างนะคะ จริงอยู่ว่าเราไม่กล้ารับประกันว่าประชาธิปัตย์ดีพร้อม ข่าวเรื่องการทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรก็มีอยู่ ที่เป็นข้อกล่าวหาก็มี ที่เห็นเป็นเชิงประจักษ์สำหรับสมาชิกบางรายก็มี แต่เราคิดว่าสิ่งที่ไม่ดีีของประชาธิปัตย์ไม่เลวร้ายเท่าของเพื่อไทย

(๑) การคอรับชั่นของเพื่อไทยได้รับการพิสูจน์และตัดสินโดยศาลแล้วหลายเรื่อง ที่คาค้างรอการไต่สวนและตัดสินอีกหลายเรื่อง

(๒) สิ่งที่เป็นปัญหาของประชาธิปัตย์ไม่ใช่การเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติไปแลกกับประโยชน์ส่วนตน พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ใช่เรื่องขายชาติ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการได้ผลประโยชน์จากการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้าเป็นจริงก็ไม่ร้ายเท่าการยอมเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกกับผลประโยชน์ของธุรกิจตัวเอง

(๓) ประชาธิปัตย์ไม่มีข้อกังขาเรื่องความภักดี แต่เพื่อไทยมีหลายกรณีที่เห็นเป็นเชิงประจักษ์ตั้งแต่นายใหญ่ และคนอื่น ๆ ที่ยังคงได้ดีมีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลและภายในพรรค

(๔) ประชาธิปัตย์ไม่เคยสนับสนุนกลุ่มคนที่ต่อสู้ด้วยความรุนแรง คนของประชาธิปัตย์ไม่เคยคุกคามคนที่เห็นต่าง แต่เสื้อแดงของเพื่อไทยก้าวร้าวทางวาจาและร่างกายคุกคามคนคิดต่างหลากหลายวิธืโดยที่แกนนำไม่เคยห้าม

(๕) ประชาธิปัตย์ไม่ได้คอรับชั่นเชิงนโยบาย แต่เพื่อไทยออกนโยบายหลายอย่างเอื้อผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนายใหญ่มีธุรกิจของตนเอง

(๖) ประชาธิปัตย์ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อนอกทำร้าย ให้ร้ายประเทศไทย ดีชั่วอย่างไรก็เคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่นายใหญ่เพื่อไทยพูดจาทำลายความน่าเชื่อถือของศาล ไม่เคารพศาล ในการตัดสินคดีต่าง ๆ จะมีแกนนำและเสื้อแดงกดดันศาลทั้งทางวาจาและการชุมนุมข่มขู่

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าประชาธิปัตย์ดีเลิศบริสุทธิ์ผุดพร่อง แต่เราเชื่อว่าความผิดคิดชั่วของประชาธิปตย์ถ้ามีก็คงไม่ทำลายระบอบการปกครองของไทย และไม่มีการกระทำที่ขายชาติ อาจจะมีแกนนำบางคนมีความละโมภอยู่บ้าง ช่วยพวกพ้องบาง แต่ความผิดคิดชั่วของเพื่อไทยเป็นอันตรายต่อสถาบัน

การกระทำที่คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างกำลังพาประเทศเข้าสู่เผด็จการทางรัฐสภา มีรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้ตรวจสอบ อ้างเสียงข้างมากที่เลือกเข้ามาเป็นวาทกรรมปกป้องการทำผิดคิดชั่วของตัวเอง นโยบายหลายอย่างเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการสร้างคะแนนนิยมกับคนที่ต้องการผลประโยชน์ด้วยงบประมาณแผ่นดิน ทำให้ประเทศปริ่ม ๆ อยู่กับความล่มสลาย

และเพื่อประโยชน์ของตนเอง จึงบริหารประเทศด้วยความอวดดีดื้อรั้น ไม่ฟังคำท้วงติงใคร เดินหน้าทุกเรื่องที่อยากทำ ไม่สนใจผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ บางคนมองว่าทักษิณก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์กับคนจน ก็พูดได้ถูกต้อง แต่การช่วยคนจนที่มาพร้อมกับการทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายเรื่อง

และสถาบันถูกทำลายนั้น เราคิดว่ามันคุ้มแล้วหรือ จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงโดยรัฐบาลที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์แล้วปิดปากคนที่จะออกมาวิพากษ์ด้วยนโยบายประชานิยมกระนั้นหรือ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่ทำให้ความคิดที่ว่า ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยชั่วเท่ากันจะเลือกไปทำไม

ถ้าหากท่านเห็นด้วยกับตรรกะข้างต้น ท่านคงเห็นแล้วว่าทำไมต้องกีดกันไม่ให้พงศพัศได้เป็นผู้บริหาร กทม. ภายใต้การกำกับของนักโทษหนีคุกที่ยังมีคดีขี้โกงอีกหลายคดีรอการไต่สวนอยู่ ซึ่งยามนี้ที่มองเห็นคือจะต้องช่วยกันเลือกคนที่มีโอกาสชนะพงศพัศ อย่าให้เสียงแตก การให้กำลังใจผู้สมัครอิสระเป็นเรื่องดี แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ที่เราต้องคิดถึงประเทศชาติ พิจารณาให้ดี คนที่เราเลือกมีโอกาสไหม ถ้าไม่มีแล้วเราให้โอกาสคนของนักโทษให้ชนะหรือไม่

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น อย่าคิดว่าเป็นการชี้นำ ทุกคนมีหลักคิด มีมาตรการในการตัดสินใจของตัวเอง ท่านตัดสินใจอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับท่านที่มีสิทธิ์ตามหลักประชาธิปไตย แต่ที่เราพูดมาทั้งหมดเพราะเรารักและห่วงประเทศ จะหาว่าเราก้าวไม่ข้ามทักษิณก็ยอม เพราะทักษิณไม่เคยหยุดที่จะขวางทางของประเทศ เราจึงก้าวข้ามเขาไม่ได้สักที เกือบ ๑o ปีแล้วนะ


จากเฟซบุค ดร.เสรี วงษ์มณฑา








ช่วงนี้คนรักทักษิณเข้ามาป่วนเพจเราเยอะมากแล้วหยาบคายอย่างแรงด้วย เลยต้องขอให้ข้อมูลเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

(๑) เราไม่ได้ฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ แต่เราเกลียดทักษิณและไม่ต้องการให้คนของทักษิณบริหาร กทม. และด้วยความเป็นไปได้ทางสถิติ ก็มีเพียงเบอร์ ๑๖ ซึ่งก็ไม่ใช่คนที่แย่จนรับไม่ได้

(๒) ที่เราต่อต้านคนของทักษิณเพราะเราเชื่อว่าทักษิณเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่มีจริยธรรม ไม่ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ดังนั้น ไม่ว่าทักษิณจะมีผลงานอะไรก็ไม่ชดเชยความเลวหลาย ๆ เรื่องที่เขาทำ (เห็นได้ในเชิงประจักษ์ ไม่ใช่แค่ฟังเขาเล่ามา)

(๓) การให้ขอมูลเพื่อให้คนเอาไปคิด ไม่ใช่การชี้นำที่บังคบใคร ไม่ใช่การยุยงให้เกิดความแตกแยก แต่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นความจริงและหลักคิดตามตรรกะ

(๔) กลัวการชี้นำของเราอะไรหนักหนา ถึงมาบอกว่าเป็นอาจารย์ชี้นำไม่ได้ ไม่ว่าทางกฎหมายหรือทางจริยธรรม ไม่มีข้อห้ามว่าอาจารย์ชี้นำทางการเมืองไม่ได้ คนเป็นอาจารย์จะต้องห่วงศิษย์ ไม่ต้องการเห็นศิษย์เดินผิดลู่ผิดทาง ดังนั้นจึงพร้อมจะให้ข้อมูล ให้คำแนะนำแก่ศิษย์ ให้เก็บไปคิดแล้วตัดสินใจเอาเอง ไม่ได้บังค้บ

(๕) เพจของเรามีไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มคนที่คิดคล้ายคลึงกัน ไม่ใช่เราไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เราได้บอกไปแล้ว การถกอภิปรายไม่ควรประเมินซึ่งกันและกัน แต่คุณที่มีความเห็นต่าง ไม่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างเดียว แต่คุณมาประเมินเราด้วย โง่บ้าง คับแคบบ้าง สร้างความแตกแยกบ้าง ทำตัวไม่สมควรเป็นอาจารย์บ้าง อคติกับทักษิณบ้าง เก่าบ้าง ขี้อิจฉาบ้าง การที่คุณประเมินเราในทางลบเช่นนี้ก็เท่ากับคุณปิดโอกาสตัวคุณเองที่จะทำให้เราสนใจข้อความของคุณ เพราะรู้สึกว่าเป็นข้อความที่มาจากศัตรูมากว่าแค่คนคิดต่าง

(๖) คุณบอกว่าคนเกลียดเราเยอะ ลูกศิษย์ก็เกลียดเรา เรื่องนี้เรายอมรับว่าต้องมีคนเกลียดเราบ้าง แต่คงไม่เยอะ ไม่ทราบว่าคุณไปเอาสถิติมาจากไหน วันครู วันไหว้ครูเราจะได้พวงมาลัยมากกว่าคนอื่น วันเกิด วันปีใหม่เราได้รับของขวัญมากกว่าอาจารย์คนอื่น เพจของเรามีคนเข้ามาเป็นพัน ๆ มีคนที่ด่าเราก็คือพวกคุณประมาณ ๑o กว่าคน ดังนั้นทำความเข้าใจเสียใหม่ อย่าพูดด้วยอคติ คุณจะทำลายความน่าเชื่อถือของตนเอง

(๗) คุณอย่ากลัวอิทธิพลการชี้นำของเราจนกลายเป็นคนคับแคบคิดไม่ครอบคลุมทุกตัวแปร และกลายเป็นคนอารมณ์เสียจนไม่อาจจอดกลั้นการพูดจาด้วยวาจาที่ไม่สุภาพ เพราะคนที่เขาพิจารณาคำพูดของคุณ ความคิดของคุณ การเลือกใช้คำของคุณ เขาจะไม่ได้ตำหนิเพียงคุณ แต่เขาจะมองไปไกลกว่านั้น คุยกันดี ๆ แลกเปลี่ยนความคิดกัน เปิดโลกทัศน์ซึ่งกันและกัน

(๘) ถ้าหากคุณอ่านการคิดดังของเราทำให้คุณอารมณ์เสียแล้วต้องหยาบคาย ก็อย่าเข้ามาในเพจเราเลย สร้างความไม่สบายใจให้กันและกันทำไม ต่างคนต่างอยู่เถอะนะ เรายังไม่เคยคิดจะเข้าไปเพจคุณเลย เพราะรู้แล้วว่าคุณไม่พอใจเราและมองเราเสีย ๆ หาย ๆ เพราะเราไม่มีวันที่จะมองว่าทักษิณเป็นคนดี ไม่มีวัน ไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า

หากมีใครบอกว่า ดร. เสรีจะเบือกเบอร์ ๙ แล้วละก็ ขอบอกได้เลยว่าไม่เป็นความจริง เราไม่ต้องการให้คนของทักษิณมาบริหาร กทม. เราจึงคิดดัง ๆ ให้คนได้รับรู้ในเพจของเราว่าต้องช่วยกันเลือกเบอร์ ๑๖ อย่าให้เสียงแตก เพราะเบอร์ ๑๖ เท่านั้นที่มีโอกาสจะชนะเบอร์ ๙ ส่วนที่บ่นประชาธิปัตย์ว่าไม่ได้ทำให้คนประทับใจตอนมีอำนาจ จนคนที่ไม่ชอบเพื่อไทยคิดจะไปเลือกอิสระ ก็เพราะรู้สึกว่าการจูงใจให้คนช่วยสกัดเบอร์ ๙ ด้วยการยุติความต้องการเลือกอิสระไว้ก่อน กลายเป็นเรื่องยาก เพราะคนที่ผิดหวังประชาธิปัตย์คิดจะให้บทเรียนกับประชาธิปัตย์ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าจะให้บทเรียนกันตอนนี้จนยอมให้เบอร์ ๙ ชนะ เรานึกโมโหประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่ทำให้เราเจ็บใจจนจะให้บทเรียนเขาด้วยการเลือกเบอร์ ๙ ยืนยันว่าเลือก ๑๖ ป้องกันคนทักษิณครองกรุงเทพฯ ซึ่งเท่ากับครองประเทศไทย seamless cooperation could mean seamless corruption.


๒o ก.พ. ๒๕๕๖








ปัจจัยที่จะทำให้พงศพัศชนะ

(๑) แฟนพันธุ์แท้เพื่อไทยไม่แตกแถว

(๒) คนที่มองว่าเพื่อไทยมีผลงานไม่สนใจเรื่องจริยธรรม

(๓) คนที่เชื่อว่าอภิสิทธิ์สั่งทหารฆ่าประชาชน

(๔) คนที่มองว่าทุกพรรคการเมืองโกงเหมือนกัน แต่ทักษิณมีผลงานมากว่า

(๕) คนที่ไม่ชอบทักษิณแต่ก็ผิดหวังกับประชาธิปัตย์ที่ได้อำนาจแล้วไม่จัดการ

(๖) คนที่เชื่อข้อกล่าวหาพรรคเพื่อไทยที่กล่าวหาคุณชายเรื่องคอรัปชั่น

(๗) คนทพิจารณาด้วยตนเองแล้วไม่พอใจผลงานคุณชาย และไม่พอใจที่ประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนตัว

(๘) พวกเลือกอิสระเพราะชอบจริง ๆ หรือต้องการให้บทเรียนประชาธิปัตย์

(๙) พันธมิตรพันธ์แท้ที่เกลียดประชาธิปัตย์และ vote no.


ส่วนคุณชายจะชนะได้มีเพียงไม่กี่ข้อ

(๑) ประชาธิปัตย์พันธุ์แท้

(๒) คนที่ไม่ต้องการให้คนของทักษิณชนะ เพราะเกลียดทักษิณและมองว่าคุณชายเป็นเพียงคนเดียวที่จะเอาชนะพงศพัศได้ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ข้อสังเกต ๙ ข้ออะไรจะมีนำ้หนักกว่ากันในความรู้สึกของแต่ละคน

แปลกมาก ไม่ได้ด่าว่าอะไรเบอร์ ๙ เพียงแค่วิเคราะห์ตามที่เห็น ตามที่คิด อาจจะพูดไม่ครบ แต่ชี้ให้เห็นว่าเหตุผลจะเลือกเบอร์ ๙ มีมากกว่าเหตุผลที่คนจะเลือกเบอร์ ๑๖ ทำไมจึงมีคนเข้ามาด่าเราสาดเสียเทเสีย ไม่ไหวแล้วจริง ๆ คิดก็ไม่ได้ วิเคราะห์ ให้คนฟังก็ไม่ได้ จะเป็นศัตรูอะไรนักหนา ไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้เคยทำร้ายกัน ทำไมถึงต้องหยาบคายต่อกันขนาดนี้ เราทำอะไรให้คุณแค้นเคีองเป็นการส่วนตัว แค่เราไม่ชอบทักษิณ (ซึ่งก็น่าจะเป็นสิทธิ์ของเรา). ทำไมคุณต้องเกลียดเราขนาดนี้

คุณรักทักษิณ เราก็ไม่เคยดูถูกคุณ เพราะเราก็พอจะรู้เหตุผลว่าอะไร คุณยืนยันเรื่องผลงานทักษิณ เราก็ไม่เคยเถียงคุณประเด็นนั้น เราไม่ได้ปฏิเสธผลงานเขา แต่เราห่วงผลลัพธ์ระยะยาวตามความรู้ที่เรามี และเราไม่ชอบคนที่ขาดจริยธรรม เพราะเราไม่คิดว่าผลงานจะทดแทนการเป็นคนไร้จริยธรรมได้

แต่คุณจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องจริยธรรม เราก็เข้าใจและจะไม่ดูถูกอะไรคุณ และคุณบอกว่าพรรคไหนไม่โกง เราก็ไม่เถึยงคุณสักคำ เพราะเราก็ไม่กล้ารับประกับความโปร่งใสของประชาธิปัตย์ เพียงแต่สิ่งที่เรารู้เราเห็นว่าทักษิณและพวกทำสิ่งที่ไร้จริยธรรมหลาย ๆ เรื่อง เป็นสิ่งที่เลวร้ายเกินกว่าที่เราจะรับได้.

เพราะหลายอย่างเป็นอันตรายต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก เราบอกว่าความเลวของทักษิณนั้นหลายอย่างเรารู้เราเห็นเชิงประจักษ์ คุณก็ยังหาว่าเราโง่เชื่อสิ่งที่ได้ยินมา คุณไม่เข้าใจหรือคุณไม่เชื่อว่าเรา "รู้เชิงประจักษ์". ไม่ได้ฟังใครเขารู้มา คุณไม่ได้เป็นเรา คุณไม่รู้เครือข่ายของเราว่าผูกพันสันทนาการกับใครบ้าง แล้วคุณจะมาประณามว่าเราหลงเชื่อสิ่งที่เขาเล่ามาทำไม

คิดต่างกันแล้วคุยกันดี ๆ ไม่ได้ จะต้องด่ากันหยาบ ๆ คาย ๆ อย่างนี้ อย่าข้องเกี่ยวกันเลยนะขอร้อง เราไม่เคยไปยุ่งที่เพจของคุณ ก็อยากจะขอร้องว่าอย่ามายุ่งงกับเพจของเราเลย ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ดูเหมือนมีความพยายามจะทำลายความน่าเชื่อถือของเรา ถามจริง ๆ ก็พลังในการชักจูงของเรามากนักหรือไร คนอื่นแนะนำกัน วิเคราะห์กันตั้งมากมาย ทั้งเบอร์ ๙ เบอร์ ๑๖ แล้วทำไมต้องตามล้างตามผลาญตามด่าเราคนเดียว


๒๑ ก.พ. ๒๕๕๖








เพื่อรักษาอารมณ์ไม่ให้ขุ่นมัว ขออนุญาตไม่อ่าน comments ต่าง ๆ ชั่วคราว จนกว่าจะได้ให้ลูกน้องลบพวกหยาบคายใช้วาจาจาบจ้วงล่วงละเมิดสิทธิ์ออกไปให้หมดก่อนแล้วค่อยเปิดอ่าน ดังนั้น คนที่คิดจะด่าให้เจ็บช้ำอย่าเสียเวลาเลยค่ะ เพราะอย่างไรก็จะไม่ได้อ่าน ไม่ได้รู้เพราะได้สั่งลูกน้องแล้วว่าให้ลบออกให้หมด ให้ block และให้ ban ให้หมดก่อน แล้วห้ามเล่าด้วย เพราะจะไม่ถามว่าลบข้อความอะไร แต่ให้จดชื่อไว้จะได้เอามาเผยแพร่

ตอนนี้ขอสรุปแนวทางของเพื่อไทยดังนี้

(๑) พวกเขาต้องรณรงค์ให้พวกเขาทั้งหมดลงคะแนนให้พงศพัศได้ ๖oo,ooo ครบไม่ให้ตกหล่น

(๒) เขารู้ว่าจำนวนคนในกรุงเทพที่เกลียดเขามีมากกว่าคนที่รักเขา ดังนั้นเขาจะต้องทำให้คะแนน ๙oo,ooo ของคุณชายแตกให้ได้ ด้วยการทำคนท่ีเกลียดเขา รู้สึกเกลียดประชาธิปัตย์ด้วย โดยใช้กลยุทธ์หลายอย่าง

๒.๑ ทำลายความน่าเชื่อถือของคุณชายโดยตรงด้านผลงาน
๒.๒ ทำลายความน่าเชื่อถือคุณชายด้วยการกล่าวหาเรื่องคอรัปชั่นให้เป็นคดี
๒.๓ เรื่องปัญหาของสนามฟุตซอล
๒.๔ กล่าวหาว่าคุณชายแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ โดยไม่พูดถึงความขัดแย้งระหว่าง กทม. กับรัฐบาล
๒.๕ สร้างวาทกรรมว่าประชาธิปัตย์ก็โกงกินไม่แพ้ไทยรักไทย และขายชาติด้วยการอ้างเรื่องการเซ็น MOU กับเขมร
๒.๖ สรุปไปแล้วว่าอภิสิทธิ์กับสุเทพสั่งทหารฆ่าประชาชน
๒.๗ ย้ำความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพราะ ๔ ปีที่ผ่านมาใช้ไม่ได้ เลือกไปก็จะได้สิ่งที่เลวร้ายอีก ๔ ปี

(๓) เขาไม่ได้หวังว่าคนที่เกลียดเขา จะหันมาเลือกเขาเมื่อมีความรู้สึกไม่ดีกับประชาธิปัตย์ เขาแค่หวังให้คนที่เคยสนับสนุนประชาธิปัตย์เปลี่ยนใจไม่เลือกเบอร์ ๑๖ หันไปเลือกผู้สมัครอิสระให้ถึง ๓oo,ooo คน จนคะแนนคุณชายไม่ถึง ๖oo,ooo แค่นี้พงศพัศก็จะชนะ

(๔) ถ้าคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใคร ตัดสินใจไม่เลือกทั้งประชาธิปัตย์ (เพราะผิดหวังและอยากให้บทเรียนกับประชาธิปัตย์) และเพื่อไทย (เพราะเกลียดชัง โกรธที่เผาบ้านเผาเมือง ทำลายเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ) แต่ขอหวังการเปลี่ยนแปลง ขอเลือกคนที่นโยบายเข้าท่า พงศพัศก็ชนะแน่นอน

(๕) สาวกเพื่อไทยที่หยาบคาย (บางคน) จะด่าคนที่ออกมาชวนคนกรุงเทพฯ ให้ลงคะแนนแบบ strategic vote นั่นคือ ให้คิดว่าจะลงคะแนนอย่างไรไม่ให้พงศพัศชนะ จึงมีคนมาชี้ว่า เลือก ๑๖ ได้ ๑๖ เลือก ๙ ได้ ๙ เลือกเบอร์อื่น รวมกันทุกเบอร์เกิน ๓oo,ooo เสียงก็จะได้เบอร์ ๙

ใครพูดแบบนี้ คิดแบบนี้ดัง ๆ ให้คนกรุงเทพฯ ฟัง สาวกเพื่อไทยจะโกรธมาก กลัวคนคิดได้แล้วเปลี่ยนใจไม่เลือกคนที่ตนรัก หันมาเลือกพรรคที่มีโอกาสเอาชนะพงศพัศได้

วาทกรรมของเขาคือ "อย่ามาชี้นำ คนเขามีสมอง เป็นตรรกะของคนโง่ คนทำอย่างนี้สร้างความแตกแยก เป็นคนข้ามไม่พ้นทักษิณ เป็นคนที่ได้ข้อมูลผิด ๆ เชื่อตามที่ได้ยินมา ไม่มองผลงานทักษิณ (แต่ไม่พูดปัญหาด้านจริยธรรมและความไม่มีธรรมาภิบาลของทักษิณ)" เขากลัวมากว่าคนจะคล้อยตามคำเชิญชวนให้ลงคะแนนเพื่อสกัดพงศพัศ แล้วพงศพัศจะแพ้


บทเรียนว่าด้วยการหาเสียงให้ชนะจากโอบามา

(๑) ใช้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างมีเป้าหมายที่จะชนะการเลือกตั้ง

(๒) ใช้ผลของการวิจัยให้กำลังใจคนบางกลุ่มและทำลายอารมณ์คนอีกกลุ่มหนึ่ง

(๓) ปรับแนวทางในการหาเสียงให้กินใจกลุ่มแฟนพันธ์ุแท้ให้ได้มากที่สุด แต่ต้องไม่อวดโม้จนเกินกว่าอำนาจหน้าที่ของตำแหน่ง

(๔) ถามคำถามอย่างตรงไปตรงมาแบบให้เลือกข้างใดข้างหนึ่งไปเลย เพื่อให้รู้ความต้องการที่แท้จริง เช่นเก็บขยะทั้งวันเอาไหม รถเมล์ฟรีเห็นด้วยไหม เพื่อจะได้เลือกจุดยืนในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นปัจจุบันให้โดนใจประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง

(๕) จะต้องหาผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดมาเป็นแนวร่วม

(๖) ต้องกระตุ้นให้ผู้สนับสนุน ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด แนวร่วมทั้งหลาย และสมาชิกพรรคทุกระดับออกมาช่วยพูดในสื่อต่าง ๆ ใน social media และการพูดคุยซึ่งหน้ากับผู้คนที่รู้จักว่าท่านสนับสนุนใคร เพราะเหตุอะไร คนพวกนี้ต้องเป็นคนทันสมัยใช้ social media ได้เป็นอย่างดี

(๗) เรื่องดี ๆ ของพรรค ของผู้สมัคร จะต้องได้รับการเผยแพร่ใน social media เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาแนวร่วมที่มีความคิดไปในทางเดียวกันและลงคะแนนเสียงไปในทางเดียวกันจนคนทพวกเขาสนับสนุนได้รับชัยชนะ

๒๒ ก.พ. ๒๕๕๖








พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ตำรวจภักดีต่อรัฐบาลเป็นล้นพ้น ข้าราชการหลายฝ่ายพร้อมหนุนรัฐบาลเพื่อความอยู่รอด สื่อส่วนใหญ่เป็นพวกรัฐบาล โพลชี้นำให้ผู้คนเห็นว่าพงศพัศจะชนะ สาวกไล่ด่าผู้นำทางความคิดที่ชี้แนะ strategic vote หรือ vote against

มีคนอยากลองของใหม่ มีคนโกรธประชาธิปัตย์ที่ทำงานไม่เข้าตา มีคนไม่ชอบคุณชายและไม่พอใจที่ประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนตัว มีคนที่เกลียดเพื่อไทยแต่ก็ไม่ต้องการช่วยประชาธิปัตย์ มีแฟนพันธ์ุแท้พันธมิตรที่มองประชาธิปัตย์เป็นแมงสาบ มีวัยรุ่นที่อยากลองของใหม่เลือกคนที่ตนเองชอบ (๑๗) ทั้งหมดนี้คืออุปสรรคในการป้องกันไม่ให้คำดูถูกของทักษิณเป็นจริง เขาดูถูกว่าสำหรับคนกรุงเทพฯ นั้น พรรคเพื่อไทยเอาเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ

ตอนนี้โพลต่าง ๆ บอกว่าคำดูถูกคนกรุงเทพฯ ของทักษิณกำลังจะเป็นจริง เพราะคนที่รักทักษิณเขามีความเป็นเอกภาพเลือกเบอร์ ๙ แน่นอน แต่คนเกลียดทักษิณแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่น่าเชื่อว่ามีคนจำนวนมากเชื่อว่าถ้าหากคนกรุงเทพฯ รวมตัวกันเลือกเบอร์ ๑๗ เราก็จะเอาชนะพงศพัศได้ มองโลกด้วยความเป็นจริงตามทฤษฎีความน่าจะเป็นกันหน่อยว่า โอกาสที่คนกรุงเทพฯ จะเลือกเบอร์ ๑๗ กันจนได้คะแนนสูงกว่า ๖oo,ooo เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

ถ้าหากไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาก็ขอพูดอีกครั้งว่าเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งนี้ เลือก ๑๖ ได้ ๑๖ เลือก ๙ ได้ ๙ เลือกเบอร์อื่นได้ ๙ เพราะคนเกลียดทักษิณเสียงแตก

ถามตัวเองสักนิดว่าเราพร้อมจะเป็นคนหยิบยื่นชัยชนะให้พงศพัศกระนั้นหรือ ถามตัวเองอีกครั้งว่าถ้าจะสกัดไม่ให้ "คนของทักษิณ" ครองกรุงเทพฯ เราควรจะเลือกใคร อย่าหาว่าลงคะแนนด้วยความกลัวเลย เพราะความเลวร้ายของทักษิณนั้นน่ากลัวจริง ๆ ๘ ปีที่ผ่านมามีความเลวร้ายหลายอย่างมองเห็นเป็นเชิงประจักษ์อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ใช่เชื่อตามที่ได้ยินมา




โอ๊ยเหนื่อยที่จะพูด ทำไมตีความคำพูดเราผิดไปหมด เราบอกว่าเวลานี้เบอร์ ๑๖ เป็นเพียงคนเดียวที่จะเอาชนะพงศพัศได้ ก็ไปตึความว่าถ้า ปชป. ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ต้องเลือกอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่เลย เราก็บอกแล้วว่าคุณชายแม้จะไม่เลิศเลอ แต่ก็ไม่เลวร้ายถึงขนาดจะมองเป็นเสาไฟฟ้า เราบอกว่าเลือกอิสระอาจจะเสียของเพราะเสียงแตก ก็ตีความว่าเราไปว่าพวกลงสมัครอิสระเลว

เราไม่เคยว่าใครเลวเลยแม้แต่คนเดียวแต่เรามองตามหลีกของความน่าจะเป็นว่า "คนเหล่านั้นยากที่จะชนะพงศพัศ" แกนนำเพื่อไทยลงช่วยพงศพัศหาเสียงไม่ผิด ไม่ชี้นำ เราคิดดัง ๆ แสดงตรรกะให้เห็นว่าทำอย่างไรจะสกัดทักษิณได้กลายเป็นการชี้นำ สื่อต่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเขาแสดงจุดยืนและชี้นำกันทั้งนั้นใน "บทความ" แต่จะไม่ชี้นำใน "ข่าว" อยากให้เข้าใจหลักวารสารศาสตร์ให้มากกว่านี้

ทุกสังคมจะต้องมี "ผู้นำทางความคิดเห็น (opinion leaders) ที่จะต้องใช้ปัญญาของตนเองช่วยให้สังคมเข้าใจหลักคิดที่ถูกต้อง การอธิบายตรรกะของตนว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่เป็นการดูถูกใคร เพราะคนที่ชี้นำแนวทางคิดก็แค่เสนอแนะ สุดท้ายก็ต้องเป็นเจ้าตัวแต่ละรายไปว่าจะคัดสินใจอย่างไร ซึ่งถ้าไม่ได้ตัดสินใจตามการเสนอแนะก็ไม่ว่ากัน เราเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของทุกคน

ทำไมจึงกลัวการชี้นำของคนที่บอกว่า "อย่าเสียงแตก" จนยอมที่จะคิดตีควมคำพูดและตรรกะของคนที่เสนอแนะด้วยอคติ มิหนำซำ้บางคนยังมาด่าหาว่าการชี้นำเป็นเรื่องผิด ไปอ่านตำราสังคมวิทยาใหม่นะ ไม่มีสังคมใด ๆ ในโลกที่ปราศจาก opinion leaders ที่สังคมส่วนหนึ่งติดตามความคิดเห็นและใช้เป็นแนวทางในการแสดวพฤติกรรม (action guidance) ซึ่งเป็นความสมหวัง (gratification)

ข้อหนึ่งของการติดตามข่าวสารของมวลชน ทำไมคนบางคนจึงกลัวการชี้นำของฝ่ายตรงกันข้ามกับทักษิณ แต่ไม่เคยตำหนิพฤติกรรมของการลงหาเสียงช่วยพงศพัศของแกนนำเพื่อไทย ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สก. สข. แกนนำบ้านเลขที่ ๑๑๑ คนที่เขามีความคิดแล้วเสนอแนะ เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่เขาอาจจะทำในสิ่งที่พวกคุณกลัวเลยไม่พอใจ

แต่แกนนำเพื่อไทยนั่นแหละที่ต้องระวัง อาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ เอาชนะ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของการเป็น "พลเมืองดีที่รักชาติ" กันและกัน จะมาต่อว่าต่อขานกันจนกลายเป็นการคิดแบบสองมาตรฐานหรือหลายมาตรฐานไปทำไม เลือกตั้งคราวนี้สร้างความแตกแยกรุนแรงจริง ๆ

คนที่บอกว่า "การเลือกตั้งผู้ว่าเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสุขุมพันธ์กับพงศพัศ ทำไมคนที่เชียร์สุขุมพันธ์ต้องพูดถึงทักษิณด้วย ทักษิณเกี่ยวอะไร" ที่พูดอย่างนี้ "ไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้" เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นการขับเคี่ยวระหว่างยิ่งลักษณ์กับอภิสิทธิ์ แล้วทักษิณเกี่ยวไหมล่ะ อย่าตอบนะว่าไม่เกี่ยว ดูได้จากพฤติกรรมการบินไปดูไบฮ่องกง สิงคโปร์ และที่อื่น ๆ อีกหลายที่ กับคำพูดของทักษิณ ทั้งการโฟนอินวิดีฟโอลิงค์ สไกพ์ และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของทักษิณและแกนนำของเพื่อไทยหลายคน ก็บ่งชัดวาทักษิณเกี่ยวข้องทั้งเรื่องนโยบาย เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการประจำ ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม การเป็นท่อนำ้เลี้ยง ดังนั้น ครั้งนี้แม้จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสุขุมพันธ์กับพงศพัศ คงจะหนีการพูดถึงทักษิณไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ก้าวข้ามทักษิณ แต่ทักษิณออกมานอนขวางให้ต้องก้าวข้ามไม่เลิก หวังว่าคงจะเข้าใจและคง"หายไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้" ได้แล้วนะ


๑ มี.ค. ๒๕๕๖


บีจีและไลน์จากคุณญามี่


Free TextEditor





 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2556
0 comments
Last Update : 14 มิถุนายน 2556 20:40:36 น.
Counter : 1338 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.