Bloggang.com : weblog for you and your gang
happy memories
Group Blog
ใต้ร่มโพธิ์ทอง
ใต้ร่มโพธิ์ทอง (๒)
ถวายอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ ๙
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
หนังสือ ท่ามกลางประชาชน : เรื่องเล็ก ๆ ในรัชสมัยอันยิ่งใหญ่
Haiku
A Haiku Journey
ศิลปะ (๑)
ศิลปะ (๒)
อังคาร กัลยาณพงศ์
เสพงานศิลป์
เสพงานศิลป์ (๒)
เสพงานศิลป์ (๓)
เสพงานศิลป์ (๔)
พู่กันจีน
หยกใสร่ายคำ
ภาพวาดของละครศักดิ์ พิบูลพล
ผ่านตามาตรึงใจ
ชาวอิตาเลียนในราชสำนักสยาม
Movies in memory
ละคร "บุพเพสันนิวาส"
ดนตรี
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
เจษฎาภรณ์ ผลดี
Song Seungheon
แต่งเนื้อแต่งตัว
หนังสือ
ทักทายกันหน่อย
อยากคุยก็คุย
พ่อฉันเป็นช่างตัดเสื้อ
บล็อกนี้ให้อ่านเล่น เม้นท์หรือโหวตไม่ต้องจ๊ะ
บล็อกนี้ให้อ่านเล่น เม้นท์หรือโหวตไม่ต้องจ๊ะ (๒)
<<
มีนาคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
13 มีนาคม 2556
คนชื่อทักษิณ (๓)
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ (๒)
นิรโทษกรรม (๔)
นิรโทษกรรม (๓)
นิรโทษกรรม (๒)
เศรษฐกิจไทย (๓)
All Blogs
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๗)
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๖)
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๕)
คดีปราสาทพระวิหาร (๑๑)
คดีปราสาทพระวิหาร (๑o)
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๔)
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๓)
แก้รัฐธรรมนูญ (๕)
แก้รัฐธรรมนูญ (๔)
แก้รัฐธรรมนูญ (๓)
แก้รัฐธรรมนูญ (๒)
แก้รัฐธรรมนูญ (๑)
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๒)
ปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย (๑)
ปัญหาภาคใต้ (๘)
ปัญหาภาคใต้ (๗)
ปัญหาภาคใต้ (๖)
ท่านทูตวีรชัย พลาศรัย
อลินา มิรอง
คดีปราสาทพระวิหาร (๙)
คดีปราสาทพระวิหาร (๘)
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (๒)
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (๑)
คนชื่อทักษิณ (๔)
คดีปราสาทพระวิหาร (๗)
คดีปราสาทพระวิหาร (๖)
คดีปราสาทพระวิหาร (๕)
คดีปราสาทพระวิหาร (๔)
นิรโทษกรรม (๖)
นิรโทษกรรม (๕)
คดีปราสาทพระวิหาร (๓)
คดีปราสาทพระวิหาร (๒)
คดีปราสาทพระวิหาร (๑)
พลังงาน & แหล่งน้ำมันของไทย
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ (๓)
จำนำข้าว (๙)
จำนำข้าว (๘)
จำนำข้าว (๗)
จะเกิดเหตุใหญ่ที่ชายแดนไทยเขมร
ปราสาทพระวิหาร (๙)
ปราสาทพระวิหาร (๘)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๘)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๗)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๖)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๕)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๔)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๓)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท (๒)
เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาท
ปราสาทพระวิหาร (๗)
พงศ์พัศ พงษ์เจริญ
หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. (๔)
หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. (๓)
หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. (๒)
หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. (๑)
เศรษฐกิจไทย (๕)
เศรษฐกิจไทย (๔)
พระพุทธเจ้าน้อย
พระพายัพ ชินวัตร
คนชื่อทักษิณ (๓)
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ (๒)
นิรโทษกรรม (๔)
นิรโทษกรรม (๓)
นิรโทษกรรม (๒)
เศรษฐกิจไทย (๓)
พระพายัพ ชินวัตร
ปัญหาภาคใต้ (๕)
ปัญหาภาคใต้ (๔)
ปัญหาภาคใต้ (๓)
ปัญหาภาคใต้ (๒)
ปัญหาภาคใต้ (๑)
เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๑๑)
เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๑o)
เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๙)
เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๘)-เฟซบุคดร.เสรี วงษ์มณฑา
เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๗)
เลือกตั้งผู้ว่ากทมฯ (๖)
เศรษฐกิจไทย (๒)
เศรษฐกิจไทย (๑)
นิรโทษกรรม (๔)
บล็อกนิรโทษกรรม (๑)
บล็อกนิรโทษกรรม (๒)
บล็อกนิรโทษกรรม (๓)
"วิบากกรรมของกฎหมายนิรโทษกรรม"
เกียรติชัย พงษ์พาณิช
ข่าววันจันทร์ต้องนับเป็นข่าวที่คนในยุคเสพข่าวสารกระหายมากกว่าวันอื่น ๆ เพราะจากการหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เห็นความสนใจนอกเหนือจากข่าวไปในทางอื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ความรู้สึกต้องการรับรู้เรื่องข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะมีมาเองโดยปริยาย สังเกตเห็นได้เลยจากสื่อในรูปแบบต่างๆ จะขายดีขึ้นในวันจันทร์เริ่มต้นสัปดาห์ และเริ่มวันทำงานใหม่ของสัปดาห์นี่เอง
จะยังสังเกตเห็นได้อีกด้วยว่า ข่าวของวันจันทร์มักเป็นข่าวเริ่มต้น ที่จะมีประเด็นต่อเนื่องให้เป็นข่าวที่ต้องติดตามมาเสนอกันในช่วงสัปดาห์อีก ขึ้นอยู่กับว่าข่าวดังกล่าวนั้นถูกรับรู้ว่ามีผลสะท้อนกระทบในวงกว้างมากน้อยแค่ไหน เป็นข่าวเชิงนโยบาย ข่าวซึ่งกระทบโดยตรง หรือกระทบอย่างรุนแรงเฉพาะกลุ่มคนในสังคมนั้น จนนำมาซึ่งปฏิกิริยาต่าง ๆ ของสังคม ผลจากข่าวนำมาซึ่งพฤติกรรมทางสังคมตรงนี้เอง
และอิทธิพลของข่าวหรือของสื่อมวลชนนั้น มีผลในทางซึ่งหล่อหลอมทัศนคติของปัจเจกบุคคลในสังคมอยู่มาก ทั้งในทางบวกและลบ ชอบกัน เกลียดกัน หมั่นไส้กัน ก็มาจากข่าวนี้เอง ขี้เกียจเขียนในเชิงทฤษฎีสื่อสารมวลชนให้น่าเบื่อนะครับ เอาเป็นว่าข่าววันจันทร์โดยเฉพาะข่าวเมื่อวานนี้ เรื่องข้อเสนอเข้าสู่สภาฯ เรื่องนิรโทษกรรมผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ นั้น จะถูกจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์มากทีเดียว
เล่นแง่เล่นมุมกันเยอะจริงๆ กับข้อเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่ง ๔๒ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ ซึ่งจะมีการหารือกันตั้งแต่เมื่อวาน (จันทร์ที่ ๑๑) ซึ่งตามข่าวก็ปรากฏว่ากลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากกลุ่มคนของพรรคเพื่อไทยเอง ปฏิเสธการเข้าร่วมหารือไปหมดแล้ว แค่เริ่มต้นก็ไม่เป็นท่าเสียแล้ว เพราะไม่มีใครเขาเอาด้วย การปรึกษาหารือหากมีจริงก็คงพูดคุยกันเองของกลุ่มพรรคเพื่อไทย และก็มีแนวโน้มตะแบงกันต่อไป
หลายเหตุผลที่หลายผู้คนเขาไม่เห็นด้วย ที่สำคัญข้อหนึ่งก็คือ ข้อเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมที่ว่านี้ มีการซ่อนเร้นเรื่องที่จะรวมถึงเอาทักษิณ ชินวัตร มารับการนิรโทษกรรมด้วย ว่าไปแล้วนี่เป็นข้อทักท้วงมาแต่แรกเริ่มมีการพูดถึงความปรองดอง ที่นำเอาพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนี้มาเป็นกลไกขับเคลื่อนให้เป็นไปได้ น่าสนใจก็ตรงที่ว่า พรรคเพื่อไทยหรือกลุ่มผู้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ ไม่เคยแก้ข้อกล่าวหานี้ให้ตกไปได้เลย
ที่แก้ให้ตกไปไม่ได้ก็เพราะพฤติกรรมอันขาดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนี่เอง ที่เห็นกันชัดเจนยิ่งขึ้นทุกวัน จากการอยู่ภายใต้การบงการของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคดีความผิดดังศาลยุติธรรมของไทยลงโทษไปแล้ว และสื่อบางสื่อถึงกับใช้คำว่านักโทษหนีการลงโทษ และประทับตรารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเสมือนหนึ่งดั่งรัฐบาลเจว็ดก็ไม่ปาน
พฤติกรรมของรัฐบาลเช่นว่านี้เอง เลยไปถึงการไม่ยอมรับวุฒิภาวะของยิ่งลักษณ์ ในความเป็นผู้นำของประเทศไทย ซึ่งมองเห็นได้จากความพยายามหลีกเลี่ยงปัญหา เบี่ยงบ่ายปัญหา กลบเกลื่อนปัญหา ทำให้ลืมปัญหา ที่จะมองว่านายกรัฐมนตรีมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองนั้นน้อยมาก ยิ่งเมื่อภาพความจริงของการตกอยู่ภายใต้บงการของพี่ชาย ได้สร้างความเชื่อให้มากขึ้นในหมู่ปัญญาชนคนชั้นกลาง ความน่าเชื่อหรือในรัฐบาลจึงลดน้อยลงไป
และนี่เองคือความไม่เชื่อถือในคำยืนยันลอย ๆ ของผู้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมของฝ่ายรัฐบาล ว่าจะไม่มีวาระแอบแฝงนำเอาการนิรโทษกรรมคลุมไปถึงการนิรโทษกรรมต่อทักษิณ ชินวัตรด้วย กอปรกับยังมีข้อเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมที่หลายฉบับมีนัยถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ ว่าล้วนบูรณาการเพื่อเป้าหมายดังกล่าวไม่ต่างกัน และนี่เองที่กฎหมายนิรโทษกรรมต้องเผชิญวิบากกรรมเสียเอง
"นิรโทษ" แปลว่ายกโทษ "กรรม" ก็คือการกระทำ นิรโทษกรรมจึงหมายถึงยกโทษให้กับผู้ก่อกรรม ในความเป็นจริงเรื่องนิรโทษหรือยกโทษให้แก่กันนั้น โดยเนื้อแท้อันเป็นบุคลิกลักษณะประจำชาติของคนไทยแล้ว คนไทยมีความโอบอ้อมอารี ประนีประนอม ประสานประโยชน์ มีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรื่องการให้อภัยการยกโทษให้แก่กัน มีอยู่มากในสังคมไทยที่เอื้ออาทรต่อกันอยู่เสมอ การ "นิรโทษ" จึงไม่ใช่ทัศนคติในทางลบของคนไทยโดยทั่วไป
แต่กับ "กรรม" นั่นต่างหากที่ต้องดูผลแห่งการกระทำนั้น คนที่ทำกรรมดีก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปพูดถึงการนิรโทษ แต่คนที่ก่อกรรมทำชั่วจนบังเกิดความเสียหายใหญ่หลวง กระทบถึงสังคมในวงกว้างนั่นต่างหาก ที่จะต้องดูกันว่าควรได้รับการนิรโทษแค่ไหน หรือไม่ควรนิรโทษให้ ซ้ำในแง่มุมของความเป็นนิติรัฐ คนที่ก่อกรรมทำชั่วควรได้รับการลงโทษให้สาสมแค่ไหนด้วยซ้ำไป
พระราชบัญญัตินิรโทษที่พรรครัฐบาลเพียรพยายามอย่างเหลือเกินนี้ ดูจะยังไม่มีความชัดเจนแยก ๒ ลักษณะที่ว่านี้ออกมาให้เห็น ในบางมาตรานั้นแม้ประธานวุฒิสภาซึ่งควรเป็นกลางอย่างยิ่ง ยังเห็นว่าเหตุรวมกว้างเกินไปจนน่าจะต้องปรับปรุงความชัดเจนเสียก่อน มิฉะนั้นแม้จะตะแบงจนออกเป็นกฎหมายได้โดยกลไกทางการเมือง จากคะแนนเสียงที่มากกว่าในสภาฯ ปัญหาก็จะมีตามมาภายหลังได้
ปัญหาของกฎหมายนิรโทษกรรมที่ว่า เป็นปัญหาในทางจิต วิทยาสังคมมากขึ้น จากทัศนคติที่มองเห็นความพยายามเสนอกฎ หมายดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อถือว่าจะมีเจตนานิรโทษกรรมทางการเมืองจริง ๆ โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นนิรโทษกรรมอันเป็นประโยชน์กับบุคคลบางคน การกล่าวอ้างว่าบุคคลของฝ่ายตนเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ก็ไม่เคยอธิบายให้ยอมรับได้เลยว่า แล้วคนของตนเป็นผู้กระทำอย่างไรในทางซึ่งจะต้องนิรโทษต่อกัน
ในทางการเมืองยังต้องดูกันด้วยว่า ได้มีการยุติการกระทำในลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการคุกคามความสงบ และกระบวนการอันเป็นสันติวิธีแค่ไหนด้วย มีการนำกฎหมู่มาข่มขู่กระบวนการดังกล่าวอีกหรือไม่ เพราะในหลายประเทศที่สร้างกระบวนการความปรองดองแห่งชาติขึ้นนั้น ต้องยุติการข่มขู่ที่จะสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีกเสียก่อน ไม่ใช่ฮึกเหิมจากอำนาจที่ได้มาจากการเอ่ยอ้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง และหนี้บุญคุณของกลุ่มก่อการสนับสนุนการได้มาซึ่งอำนาจรัฐ พฤติกรรมเหล่านี้เองได้ก่อวิบากกรรมแก่กฎหมายนิรโทษกรรมที่เพียรพยายามกันอยู่
นี่เป็นแนวคิดพื้นฐานเริ่มแรกสุดของกระบวนการสร้างความปรองดอง ในที่ทุกแห่งทุกชาติประพฤติปฏิบัติกัน แต่ไม่มีไม่เห็นไม่ทำกันในกรณีของประเทศไทย ยังเห็นการข่มขู่ คุกคาม เรียกร้อง คิดแต่จะได้ หมายแต่จะเอาถ่ายเดียว เหล่านี้หรือไม่ที่ผมเขียนมาหลายครั้งว่า โดยปริยายแล้วมันสร้างบรรยากาศของ สังคมทั้งประเทศ จนน่ามองได้ว่า ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในอาณา จักรของความกลัว
จุดนี้คือจุดอ่อนด้อยของความเป็นรัฐบาล เพราะหัวใจสำ คัญที่สุดของการเป็นรัฐบาลชาติไหนๆ โลกไหนๆ คือต้องสร้างความมั่นใจ (Confidence building) ให้เกิดขึ้น ขณะที่ปัญหาภาคใต้ได้รับความสนใจและลำดับความสำคัญน้อยกว่าการเลือกตั้ง กทม. ขณะที่ปัญหา ๔.๖ ตร.กม. บริเวณเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาก็มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง นโยบายประชานิยมเลอะเทอะ สร้างความมั่นใจตรงไหนหรือกับสังคมไทย
เวลาที่มีปัญหารุมเร้า หยุดสงบนิ่งและตั้งสติกันเสียหน่อยว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไรดี ไม่ใช่คิดแต่จะได้หมายแต่จะเอา เจ้าคิดเจ้าแค้น หวังแต่จะเอาชนะคะคานกัน โดยมีบ้านเมืองเป็นเครื่องต่อรองของเอ็งหรือ.
จากคอลัมน์ "มิติโลกาภิวัฒน์"
นสพ.ไทยโพสต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๕๖
"เดินหน้าออกกม.นิรโทษกรรม สังคมต้องมีข้อยุติร่วมกันเสียก่อน"
กองบก.นสพ.ไพสต์
ในที่สุด ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.สายแกนนำ นปช. ก็ได้ร่วมกันลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ.... ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ อันเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่มีด้วยกันทั้งสิ้น ๗ มาตรา หากการตรวจสอบของสภาพบว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวถูกต้อง ทางสภาผู้แทนราษฎรก็จะนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
อย่างไรก็ตาม การที่กฎหมายฉบับนี้จะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบในวาระแรกกันไปก่อน ทันสมัยการประชุมสภารอบนี้ที่จะปิดสมัยประชุมสภากันในช่วงวันที่ ๑๙ เมษายน ทันหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ทางวิปรัฐบาลหรือเสียงส่วนใหญ่ของสภา ที่ก็คือ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จะเห็นด้วยหรือไม่ ที่ดูแล้ว ก็ต้องรอดูการส่งสัญญาณการเมืองมาจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยว่าจะเอาอย่างไร แม้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้เสนอในนามพรรคเพื่อไทย แต่ก็เสนอโดย ส.ส.เพื่อไทยทั้งสิ้น หากว่าสุดท้าย ฝ่ายพรรคเพื่อไทยเอาด้วย ก็จะเกิดการใช้เสียงข้างมากในสภาโหวตให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่มีแค่ ๗ มาตรา ขึ้นมาพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อนกฎหมายฉบับอื่น ชนิดลัดคิวขึ้นมาก่อนเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดายมาก เพราะลำพังแค่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ก็มี ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งของสภาอยู่แล้ว หาก ส.ส.เพื่อไทยทั้งพรรค มาร่วมโหวตกันหมด ก็สามารถดันร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อนฉบับอื่นแบบลัดคิวได้เลย
มันก็ขึ้นอยู่กับแกนนำพรรคเพื่อไทย ไล่ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงมา ว่าจะเอาอย่างไร หากประเมินว่าจำเป็นต้องเร่งออกกฎหมายฉบับนี้ เพื่อเป็นการเอาใจคนเสื้อแดง-ญาติคนเสื้อแดง ที่มีคดีความค้างคาอยู่ ก็สามารถใช้เสียงข้างมากในสภาเร่งให้ความเห็นชอบออกมาก็ทำได้ รวมถึงหากเชื่อว่ากระแสต่อต้านการออกกฎหมายฉบับนี้ แม้จะมีคนไม่เห็นด้วยบ้างแต่ไม่มากเท่าที่ควรและน่าจะพูดคุยกันได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการเร่งดันกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ดังกล่าว ในช่วงเวลาอันใกล้ หากว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยสั่งลุย แม้หลายคนจะวิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่น่าจะเร่งดันกฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวในช่วงการเปิดประชุมสภาสมัยนี้ อย่างไรก็ตาม หากเพื่อไทยจะเดินหน้าจริง สิ่งที่ ส.ส.เพื่อไทย และเสียงข้างมากในสภา ต้องพิจารณาประกอบด้วยก็คือ เวลานี้ผู้คนในสังคมก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันมากในเรื่องแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฯ
แม้ว่าเวลานี้หลายฝ่ายดูจะเห็นด้วยในหลักการบางประการ เช่น เห็นด้วยกับการให้นิรโทษกรรมกับผู้ทำผิดหรือฝ่าฝืนการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ อันเป็นการกระทำผิดในคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ และก็ยังพบว่า ผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิดดังกล่าว เกือบทั้งหมดก็ได้รับการประกันตัวกันไปหมดแล้ว ไม่ได้ถูกจองจำในเรือนจำแต่อย่างใด และที่ถูกคุมขังส่วนใหญ่จะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เช่น เผาหรือทำลายสถานที่ราชการ เช่น เผาศาลากลางจังหวัด ที่ศาลก็ได้มีการตัดสินไปแล้วหลายคดี
แต่ในส่วนหลักการใหญ่ของแนวคิดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ว่าจะเป็นโมเดลไหน ก็ยังพบว่ามีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่มาก หลังจากช่วงที่ผ่านมา มีการเสนอแนวคิดและตัวร่างกฎหมายนิรโทษกรรมออกมาหลายโมเดล ไม่ว่าจะเป็นของ คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ร่างของฝ่าย นปช. หรือแนวคิดของกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อเพิ่มหมวดว่าด้วยการปรองดองและการนิรโทษกรรมที่มีหลักการคือ ให้นิรโทษกรรมกับผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ ๑๙ ก.ย.๔๙ โดยไม่รวมคนที่กระทำผิดที่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ จะเห็นได้ว่าคนในสังคมยังมีความเห็นแตกต่างกันมากในรายละเอียดหลายเรื่อง
ดังนั้น จะดีอย่างยิ่งที่วิปรัฐบาลหรือเสียงข้างมากในสภา ควรต้องให้สังคมได้ตกผลึกในเรื่องการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมเสียก่อนว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในจุดไหน กลุ่มผู้กระทำความผิดทางการเมืองประเภทไหนที่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม หรือไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม รวมถึงกระบวนการกลั่นกรองผู้จะได้รับการนิรโทษกรรม จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง เพราะหากกระบวนการนิรโทษกรรมและการปรองดอง มีข้อคิดเห็นที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันจากทุกฝ่ายออกมาแล้ว ชนิดมีแรงต้านน้อยที่สุด และเห็นชัดว่าเป็นแนวทางที่ออกมาแล้วทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ก็เชื่อได้ว่าความพยายามจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือการปรองดอง ไม่ว่าจะเป็นโมเดลไหน ก็จะมีแรงหนุนมากกว่าแรงต้านแน่นอน.
จากนสพ.ไพสต์ ๘ มี.ค. ๒๕๕๖
"นิรโทษกรรม-ความปรองดอง"
กองบ.ก.นสพ.คม ชัด ลึก
เหลือเวลาอีกเพียง ๑ เดือนเท่านั้นที่สมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้จะสิ้นสุดลง แต่การเร่งเร้าให้ที่ประชุมสภาได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้นกลับรัวเร้าจนส.ส.ใจพรรคเพื่อไทยอย่าง นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ถึงกับเดินทางไปยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพื่อให้บรรจุเข้าในระเบียบวาระการประชุมในสมัยประชุมนี้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ยื่นให้สภาพิจารณานั้นจะนำมาซึ่งความปรองดองของคนในชาติ
แต่ความเชื่อมั่นของนายวรชัย เหมะ กลับแตกต่างจากคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาลที่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมนั้นเป็นตัวแทนที่สังกัดพรรคเพื่อไทยที่มีการประชุมกันในช่วงเวลาหลังจากที่นายวรชัย ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้แก่ประธานรัฐสภา กลับไม่เห็นด้วยกับการเร่งเร้าให้สภา พิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยให้เหตุผลว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ถกเถียงกันจนได้สรุปว่าจะเดินทางไปในทิศทางใด ดังนั้นร่างกฎหมายที่นายวรชัยยื่นต่อสภา ก็คงจะคาไว้เช่นนั้น คงจะไม่ขอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนระเบียบวาระการประชุมอื่น และพรรคเพื่อไทยคงมีการพูดคุยกับนายวรชัยอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพียรที่จะยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรม มาหลายครั้ง ล่าสุดเดินคู่ขนานไปกับการขับเคลื่อนของ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเพื่อไทยที่พยายามเชิญทุกฝ่ายให้มีถกหาข้อยุติว่าจะปรองดองกันอย่างไร แต่ก็มีหลายฝ่ายที่ปฏิเสธจะไปร่วมปรึกษาหารือด้วย แม้ว่าการปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุมดังกล่าว จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเหตุให้วิปรัฐบาลลงมติ "ดอง" ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย แต่ก็ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่คิดที่จะใช้วิธีการนี้หักหาญที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมาก
แม้ว่าการพูดคุยการหารือจะเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายเชื่อว่า จะนำไปสู่การปรองดอง แต่ทุกฝ่ายก็ต้องชัดเจนในเรื่องของหลักกฎหมาย ขอบเขตของการกระทำ ว่าจะเอาอย่างไร และที่สำคัญ หารเจรจาพูดคุยเพื่อความปรองดองนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นได้ก็แต่ในที่ประชุมซึ่งบางฝ่ายยังถูก "สั่ง" ให้ไปร่วมเสียด้วยซ้ำไป ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบางฝ่ายเป็นเพียงหน่วยงานที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของฝ่ายการเมืองแล้วก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นตามสถานการณ์ที่ค่อยๆ พัฒนาจากการยื่นเงื่อนไขไปสู่การตอบโต้กันและกัน
การสร้างความปรองดองให้แก่คนในชาตินั้นไม่ได้มาจากการออกกฎหมาย ไม่ได้มาจากการบังคับ หรือได้มาจากการยื่นเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติตามที่อีกฝ่ายต้องการ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามแล้วก็เกิดการละเมิดกฎหมายเหมือนเมื่อครั้งที่ผ่านมา ความปรองดองต้องเกิดจากความมุ่งมั่นศรัทธาที่จะหันหน้าพูดคุยกัน ต่างคนต่างฟังเหตุฟังผลซึ่งกันและกัน โดยที่ไม่มีใครไปชักนำหรือยื่นเงื่อนไขให้แก่อีกฝ่ายปฏิบัติตามแต่เพียงฝ่ายเดียว
จากนสพ.คม ชัด ลึก ๑๒ มี.ค.๒๕๕๖
"นับหนึ่งนิรโทษกรรม"
ศรุติ ศรุตา
หลายคนสงสัยว่า ความมั่นอกมั่นใจของ วรชัย เหมะ ส.ส.ปากน้ำ ที่พักหลังทุกครั้งที่มีรายการ "โฟนอิน" ไม่ว่าสถานที่จะอยู่ที่ไหน วรชัย "จัดให้ไม่มีขาด" ที่เดินทางไปยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นั้นเขาเอามาจากไหน
เพราะ เจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา ที่ลงทุนลงแรงเดินหน้าเชิญฝ่ายนั้นฝ่ายนี้มาหารือโดยเอาคำว่า "ปรองดอง" ไปมัดคอทุก ๆ ฝ่าย
แต่สุดท้ายทั้งพรรคฝ่ายค้าน ทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำท่าว่าจะเอาด้วยก่อนหน้านี้ ก็เสนอเงื่อนไขย้อนกลับมา จนทำให้ เจริญ จำต้องเดินหน้าหารือกันในเฉพาะ "คนกันเอง" ที่เออออห่อหมกด้วยเท่านั้น เพื่อให้ภาพของ "รองประธานสภา" พอจะยังดูดี
แต่ที่ช็อกมากไปกว่าวงถกปรองดองเกือบล่ม ก็คือ วิปรัฐบาลมีมติไม่เร่งดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ วรชัย เสนอในบ่ายวันเดียวกันนั่นเอง
จะเป็นไปได้อย่างไรว่า พรรคเพื่อไทยจะหักหน้า วรชัย ได้ขนาดนี้ ก็ในเมื่อการเคลื่อนไหวของ วรชัย สอดคล้องกับกระแสข่าวมาตลอดว่าได้ "ไฟเขียว" จากแดนไกลให้ขับเคลื่อน
เพราะหากปล่อยเวลาเนิ่นนานออกไปจนสิ้นสมัยประชุมสภาสมัยนี้ โอกาสที่จะได้ยื่น นิรโทษกรรม ก็ไม่รู้จะเกิดขึ้นได้อีกเมื่อไหร่ เพราะสมัยหน้าฝ่ายค้านยื่นซักฟอกได้อีกครั้ง
การที่ วรชัย เอากฎหมายมาคาไว้ที่สภา รอเพียงการผลักดันให้ขึ้นมาพิจารณาในวาระแรก แม้ว่า วิปรัฐบาลจะมีมติให้เก็บเอาไว้ก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า "เหตุผล" ในวันข้างหน้าจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการที่มีคำสั่งให้กองทัพส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมกับ เจริญ จรรย์โกมล แล้วก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรหลังจากนั้น
นอกจากนั้น ยังมีการประเมินว่า การรวมตัวของกลุ่มที่ต่อต้านคัดค้านยังต่อกันไม่ติด แม้ว่า กลุ่ม เสธ.อ้าย ยังมีอยู่ แต่ก็เชื่อว่า ช่วงเดือนเมษายนนี้แรงต้านจะมีแค่ประปราย แล้วก็เป็นช่วงท้ายสมัยประชุมสภา
ที่สำคัญช่วงใกล้เทศกาลเฉลิมฉลองวันสงกรานต์จิตใจผู้คนคงจะจดจ่อกับการสาดน้ำดับร้อน มากกว่าจะสนใจการประชุมสภา ที่ก่อนหน้านี้ก็สร้างความน่าเบื่อหน่าย เพราะขนาดแทบจะหาประเด็นมาถกเถียงกันไม่ได้ ยังล่มแล้วล่มอีก
สถานการณ์เช่นนี้แหละที่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ !
การยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เนื้อหายกเลิกทั้งคดีความที่พิพากษาไปแล้วและคดีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายก็ให้ยุติลง เพราะถือว่าเป็นผลมาจาก วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ คาไว้ในสภา เปรียบไปก็เหมือนกับ เอาปืนใหญ่ไปตั้งเรียงรายตามแนวชายแดนที่กำลังคุกรุ่น แต่ภายในประเทศกำลังเตรียมเทศกาลเฉลิมฉลอง
ยิ่งประธานวุฒิสภา นิคม ไวยรัชพานิช ก็ออกมาหนุนกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้แล้ว กระแสปรองดองภายใต้เงื่อนไขของคนเพื่อไทย ถ้าเข้าสภาได้ มีการตั้งกรรมาธิการเต็มคณะ อาจพิจารณารวดเดียว ๓ วาระ ก่อนส่งให้วุฒิสภาพิจารณาเสร็จสรรพ ออกมาบังคับใช้ในเร็ววัน
ส่วนวันข้างหน้าฝ่ายค้าน หรือกลุ่มพันธมิตรจะค่อยๆ ไปนัดหมายการชุมนุมคัดค้าน ก็คงจะช้าเกินไป เพราะอ้างได้เต็มที่ว่า ตัวแทนของประชาชนให้ความเห็นชอบไปแล้ว
จากนั้นค่อยมาเริ่มกระบวนการว่า แล้วใครล่ะที่จะได้อานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้
แน่นอน คนไกลบ้านย่อมฉลาดพอที่จะไม่ผลีผลามโดดรับเอาในห้วงเวลาเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง-เสื้อเหลือง
รออยู่ได้ตั้งนาน อดใจอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป
จากคอลัมน์ "ขยายปมร้อน"
นสพ.คม ชัด ลึก ๑๒ มี.ค.๒๕๕๖
"ปล่อยนักโทษการเมือง ปล่อยใครเพื่อใคร"
กองบ.ก.นสพ.ไทยโพสต์
การหารือระหว่างฝ่ายต่างๆ ยกเว้น พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ซึ่งประโคมกันว่าเพื่อความปรองดอง และวางแนวทางออกกฎหมายนิรโทษกรรม ได้ข้อสรุปเบื้องต้นออกมาแล้ว จำนวน 4 ข้อ
๑. ต้องการบรรเทาความขัดแย้งร่วมกัน โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เสนอข้อคิดเห็นเพื่อหารือเป็นทางออกร่วมกัน ๒. ต้องให้อภัยกัน มีความสำนึกและแสดงความรับผิดชอบ ส่วนวิธี รายละเอียด เงื่อนไข ของกฎหมายนิรโทษกรรม ทุกฝ่ายต้องออกแบบร่วมกัน โดยผู้ที่มาร่วมประชุมได้ถามว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เข้าร่วมหารือ ซึ่งนายเจริญได้รับปากว่าจะพยายามเจรจากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ กลุ่ม พธม.ต่อไป
๓. การบรรเทาความขัดแย้งให้เกิดทัศนคติที่ดีในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม อยากให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวสำหรับนักโทษการเมือง ที่ยังถูกคุมขังอยู่ เพื่อให้มีอิสระและเสรีภาพในการต่อสู้คดี ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่นักโทษพึงจะมี และ ๔. การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อและพรรคการเมือง ขอให้ยึดประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง
ประเด็นที่น่าสนใจ คือข้อสรุปข้อ ๓. อยากให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวสำหรับนักโทษการเมือง ที่ยังถูกคุมขังอยู่ เพื่อให้มีอิสระและเสรีภาพในการต่อสู้คดี ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่นักโทษพึงจะมี ที่จะมีคำถามว่า 'นักโทษการเมือง' คือใคร ถูกคุมขังในฐานความผิดอะไร
โดยทั่วไปแล้วความผิดทางการเมืองนั้น ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายฉบับใด นั่นหมายความว่า ผู้กระทำผิดในทางการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในทางกฎหมาย อย่างไรเสียในสภาวการณ์ที่เป็นจริง ปรากฏว่า 'นักโทษการเมือง' นั้น เป็นคำที่มีใช้ และมีบุคคลที่ถูกเรียกว่าเป็น 'นักโทษการเมือง' อยู่จริง ในกฎหมายระหว่างประเทศ อาทิ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. ๒๕๕๑ กล่าวว่า
รัฐบาลไทยอาจพิจารณาส่งบุคคลข้ามแดน เพื่อการฟ้องร้องหรือรับโทษตามคำพิพากษาของศาลในความผิดทางอาญา ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจดำเนินคดีของประเทศผู้ร้องขอให้แก่ประเทศนั้น ๆ ตามคำร้องขอได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) กรณีเป็นความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ และไม่เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายไทย หรือมิใช่ความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหาร
(2) กรณีที่มิได้มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน เมื่อประเทศผู้ร้องขอได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่ประเทศไทย ในทำนองเดียวกันเมื่อประเทศไทยร้องขอความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองตามวรรคหนึ่ง ไม่หมายความรวมถึงความผิด ดังต่อไปนี้
(ก) การปลงพระชนม์ ประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท
(ข) การฆ่าประทุษร้ายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของประมุขแห่งรัฐ ผู้นำรัฐบาล หรือ สมาชิกโดยตรงในครอบครัวของบุคคลนั้น
(ค) การกระทำความผิดที่ไม่ถือว่าเป็นความผิดทางการเมือง เพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี
นั่นคือ 'นักโทษการเมือง' ที่มีการบัญญัติไว้ในกฎหมาย แต่มีการนำคำนี้มาใช้แพร่หลายกับคนเสื้อแดงที่ร่วมชุมนุม จนนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง และคนเสื้อแดงที่ยังติดคุกอยู่ส่วนใหญ่มีฐานความผิดในคดีอาญา โดยเฉพาะร่วมเผาในหลายเหตุการณ์ และปล้นปืนไปจากเจ้าหน้าที่ เป็นความเข้าใจเอาเองว่าผู้ที่อยู่ในคุกคือ นักโทษการเมือง เช่นเดียวกับการที่คนเสื้อแดงเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย
ข้อเสนอที่อ้างว่าเพื่อนำไปสู่การปรองดองนี้ จึงมิได้เริ่มต้นเพื่อให้เกิดความปรองดองแม้แต่น้อย เพราะหากคนเผาบ้านเผาเมือง คนที่ใช้อาร์พีจียิงวัดพระแก้ว คนที่ร่วมกันทำร้ายทหารแล้วปล้นปืนไป ได้รับเกียรติเป็นนักโทษการเมือง ต่อไปกรุงเทพฯ คงจะราบเป็นหน้ากลอง.
จากนสพ.ไทยโพสต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๕๖
"พท.ดิ้นดันนิรโทษกรรมฯ ล้วนเพื่อแม้ว สังคมไม่ได้ประโยชน์ซ้ำสุมไฟวิกฤติ"
ทีมข่าวการเมืองนสพ.แนวหน้า
พรรคเพื่อไทยเล่นบทตีสองหน้า และใช้กลยุทธ์แยกกันเดินร่วมกันตีโดยด้านหนึ่งพยายามสร้างภาพอ้างการสร้างความปรองดองบังหน้า ด้วยการเชิญตัวแทนจากทุกสีเพื่อร่วมหารือหาแนวทางผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่คนทุกสีตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙ จนถึง ๑o พ.ค. ๒๕๕๔ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ๔๒ สส.กลุ่มเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยกลับเดินหน้าหักดิบเตรียมที่จะใช้ปฏิบัติการวัดใจขอมติจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เลื่อนวาระร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของตัวเองเข้าสู่การพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แต่ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเดินเกมตีสองหน้าสร้างภาพอย่างไรก็ตามล้วนถูกจับได้ไล่ทันว่าอ้างการสร้างความปรองดองบังหน้า แต่ซุกเป้าหมายแอบแฝงสำคัญที่แท้จริงมุ่งฟอกโทษความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี ๒๕๕๓
แกนนำ ๔๒ สส.พรรคเพื่อไทยกลุ่มเสื้อแดงนำโดย นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ ยื่นร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเพื่อไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่ง นายสมศักดิ์ รีบบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในทันทีอย่างมีข้อน่าสังเกต
ล่าสุด นายวรชัย ประกาศดับเครื่องชนว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้กลุ่ม ๔๒ สส.จะขอให้เลื่อนวาระนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของกลุ่มขึ้นมาพิจารณาทันทีเพราะล่าช้ามานานแล้วจนกลุ่มคนเสื้อแดงทนไม่ไหวอีกต่อไป โดยจะขอวัดใจพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลด้วยว่าจะสนับสนุนร่างของกลุ่มหรือไม่ หากไม่สนับสนุนก็อาจเกิดปัญหาต่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลได้ในอนาคต
เพราะฉะนั้นก็คงต้องรอดูว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไรกับปฏิบัติการหักดิบของ ๔๒ สส. กลุ่มเสื้อแดง เพราะหากมีการรวบรัดผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ ๔๒ สส.เสื้อแดงเท่ากับเติมเชื้อไฟให้การเมืองนอกสภาเดือดพล่านแน่นอน
ส่วนความพยายามของ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชื่อว่าได้รับใบสั่งจากนายใหญ่จากแดนไกลที่เดิมเกมสร้างภาพเชิญตัวแทนจากทุกสีรวม ๑๑ กลุ่มมาร่วมหารือเพื่อผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในที่สุดก็ส่อเค้าล้มไม่เป็นท่าเพราะ ๖ กลุ่มประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วว่าไม่ร่วมสังฆกรรมกับแผนของ นายเจริญ ซึ่งความจริงก็คือตัวแทนพรรคเพื่อไทยนั่นเองเพราะเชื่อว่าการหารือเป็นเพียงปาหี่สร้างภาพทางการเมืองที่ซ่อนเป้าหมายแอบแฝงเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดย ๖ กลุ่มที่ปฏิเสธคำเชิญประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน
ส่วนตัวแทนที่ตอบรับคำเชิญเพื่อผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจึงเหลือเพียง ๕ กลุ่ม ได้แก่ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคภูมิใจไทย กองทัพ และกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง
ข้อน่าสังเกตก็คือในส่วนของกองทัพนั้น บรรดาผู้นำเหล่าทัพต่างวางเฉย แต่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมกลับใช้อำนาจสั่งให้ตัวแทนกองทัพเข้าร่วมหารือ
ที่น่าจับตาก็คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศแข็งกร้าวชัดเจนแล้วว่า หากมีการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาเมื่อไหร่กลุ่มพันธมิตรฯจะชุมนุมคัดค้านทันที ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงกดดันพรรคเพื่อไทยให้เดินหน้าดับเครื่องชนโดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น ทำให้อุณหภูมิการเมืองเสี่ยงที่จะพัฒนาไปสู่จุดเดือดดังนั้นพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเป็นชนวนสุมไฟวิกฤติให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์เปราะบางที่เกิดขึ้นจึงต้องจับตาว่าเพื่อไทยจะเดินหน้าหักดิบหรือซื้อเวลาประคองอายุรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมา
จากคอลัมน์ "ผ่าประเด็นร้อน"
นสพ.แนวหน้า ๑๒ มี.ค. ๒๕๕๖
บีจีและไลน์จากคุณญามี่
Free TextEditor
Create Date : 13 มีนาคม 2556
Last Update : 14 มิถุนายน 2556 20:30:50 น.
0 comments
Counter : 3001 Pageviews.
Share
Tweet
haiku
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [
?
]
New Comments
Friends' blogs
โจเซฟิน
สาวไกด์ใจซื่อ
ป้ามด
ณ มน
Sweety-around-the-world
อุ้มสี
angy_11
JewNid
กะว่าก๋า
เนยสีฟ้า
ยิปซีสีน้ำเงิน
มาเรีย ณ ไกลบ้าน
SevenDaffodils
Insignia_Museum
มัชชาร
chinging
เริงฤดีนะ
ร่มไม้เย็น
Million Stars
ยายกุ๊กไ่ก่
dingtech
เป็ดสวรรค์
sawkitty
หมีปุ๊
ณ ปลายฉัตร
สายหมอกและก้อนเมฆ
toor36
กิ่งฟ้า
คนผ่านทางมาเจอ
ญามี่
tui/Laksi
พรหมญาณี
ข้ามขอบฟ้า
nulaw.m
ซองขาวเบอร์ 9
เกศสุริยง
mastana
diamondsky
pantawan
Schnuggy ชนุ๊กกี้
Close To Heaven
AppleWi
somjaidean100
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
**mp5**
Rinsa Yoyolive
แฟนlinKinPark
lovereason
ที่เห็นและเป็นมา
newyorknurse
multiple
เนินน้ำ
Tristy
ชมพร
Sweet_pills
ชีริว
mambymam
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน
กาบริเอล
พรไม้หอม
kae+aoe
tuk-tuk@korat
หอมกร
moresaw
ดอยสะเก็ด
ไวน์กับสายน้ำ
mariabamboo
voneye
ก้นกะลา
ปรัซซี่
ผีเสื้อยิปซี
auau_py
เรียวรุ้ง
ตุ๊กจ้ะ
ฟ้าใสวันใหม่
The Kop Civil
Sai Eeuu
noirathsub
วลีลักษณา
mcayenne94
JinnyTent
จอมใจจอมมโน
ล้งเล้งลัลล้า
ruennara
ตะลีกีปัส
ชานไม้ชายเขา
สันตะวาใบข้าว
อาจารย์สุวิมล
wicsir
Cherry_Wawa
โอน่าจอมซ่าส์
PANDIN
โอพีย์
นกสีเทา
ปรศุราม
เพรางาย
katoy
ตุ๊กตาไขลาน
Sakormaree
ลำเนา
nonnoiGiwGiw
Sleepless Sea
ทนายอ้วน
สิงห์ริมถนน
บ่งบ๊ง
สมาชิกหมายเลข 5106714
มยุรธุชบูรพา
มาช้ายังดีกว่าไม่มา
ทูน่าค่ะ
SertPhoto
จอมแก่นแสนซน
LittleMissLuna
Kero Is My Remedy
tanjira
Rain_sk
Webmaster - BlogGang
[Add haiku's blog to your web]
Links
www.seungheonplanet.com
ไทยโพสต์
ผู้จัดการ
แนวหน้า
Alongkorn.com
Takase Studios
กลอนไทย
บ้านกลอนไทย
คำคมไทย
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.