▷▷เที่ยว 'อ่างขาง' เพลินชมพูบานสะพรั่ง หลากสีสันจากยอดดอย...สู่เมือง
เที่ยว 'อ่างขาง' เพลินชมพูบานสะพรั่ง หลากสีสันจากยอดดอย...สู่เมือง
แปดปีให้หลังไม่หย่อนไปกว่านั้น...ผมได้มีโอกาสกลับมาค้นพบโลกสีชมพูที่เคยเจอ มันแต่งแต้มด้วยชมพูสะพรั่งของ ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ดอยอ่างขาง จ.เชียง ใหม่ ถึงอากาศหนาวจนแทบจับไข้ แต่ก็ดีใจและเดินวนเวียนรอบโคนต้นอยู่นาน
▷▷อ่างขางในหน้าหนาว อาจทำให้คุณรู้สึกอุ่นกว่าที่เคยเป็น เพราะได้เจอสิ่งเก่า ๆ คล้ายของเดิม โลกสีชมพูของผมเริ่มเมื่ออยู่ ม.ปลาย บนลานตัวหนอนที่ตั้งอยู่กลางโรงเรียน ปกคลุมด้วยต้นชมพูพันธุ์ทิพย์กว่ายี่สิบต้น แน่นอนว่าเมื่อยามออกดอกบาน ทั้งลานเหมือนถูกย้อมไปด้วยสีชมพู บรรดาเพื่อนผู้หญิงต่างเก็บดอกหล่นร่วงมาเล่นต่าง ๆ นานา โต๊ะม้าหินในร่มเงาเนืองแน่น เป็นช่วงเวลาที่เราอยากหัดเล่นกีตาร์โปร่งจีบสาว หรือเพื่อนบางคนถูกหักอกก็ปลุกปลอบกันตรงนั้น
แต่ทุกสิ่งไม่ได้งดงามไปหมดหรอกนะ สำหรับลุงภารโรงคืองานน่าเหนื่อยหน่ายที่ต้องคอยกวาดเศษดอกไม้ไปสุมใต้โคนต้น ต่างจากดอกนางพญาเสือโคร่งที่อ่างขาง ซึ่งแย้มกลีบรับแสงตะวันในลมหนาว ไม่ต้องมีคนมานั่งปัดกวาดเพราะธรรมชาติได้ออกแบบการย่อยสลายไว้หมดแล้ว
บนอ่างขางหัวค่ำตลาดตรงหัวมุมถนนคนคึกคัก มีข้าวของเครื่องใช้ไว้คอยบริการ ถ้าใครอยากฝากท้องไว้ที่นี่ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งพอลึกเข้าไปมีโรงแรมราคาถูกไว้คอยบริการ หรือคนที่ชอบนอนกางเต็นท์ก็หาที่นอนไม่ยากนัก สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่ออากาศเริ่มลดองศา ในตลาดมีร้านขายนมร้อนผสมน้ำผึ้งและน้ำขิงร้อน ๆ เพียงแก้วละ 10 บาท พอจะทำให้ร่างกายได้อุ่นขึ้นมาบ้าง
หรืออยากดื่มชาก็หากันได้ทั้งช่วงมืดและเช้าตรู่ ดูสดชื่นไม่น้อยเมื่อยามเช้ามาถึงนั่งดูดอกนางพญาเสือโคร่งกับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ แล้วจิบชาไปเพลิน ๆ เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้ความง่วงห่างหายไปได้บ้าง
ใครที่ชอบชมดอกไม้ไม่ควรพลาดสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแรกของโครงการหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร มีเนื้อที่ครอบคลุมกว่าหมื่นไร่ มีแปลงทดลองพืชเกษตร กรรมเมืองหนาวที่ใช้รับประทานและใช้ในการตกแต่ง
พื้นที่น่าสนใจอย่าง ไร่สตรอเบอรี่ขั้นบันได ในยามเช้าชาวเขาผู้รับผิดชอบจะมารดน้ำและตัดแต่ง เป็นอีกแห่งสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ ได้ดูการเก็บผลผลิตอย่างใกล้ชิด เราเองเดินไปเรื่อย ๆ ตามขั้นบันได สูดอากาศสดชื่นกลางหุบเขาแล้วคอยหาสตรอเบอรี่สีแดงสดให้ได้ชื่นชม
นอกจากนี้ยังมี สวนกุหลาบ ให้ได้ถ่ายรูป กุหลาบที่นี่มาแล้วไม่ผิดหวังด้วยสีสันจัดจ้านแถมยังขนาดใหญ่ สาว ๆ หลายคนเลยไม่วายต้องถ่ายรูป อย่างน้อยแม้พวกเธอไม่ได้รับจากชายใดสักช่อ แต่ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดี
ลงจากดอยมาเข้าเมืองไปแวะ วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) เป็นอีกแห่งที่มีความเก่าแก่มานาน เต็มไปด้วยศิลปะตามแบบล้านนา ขณะเดียวกันยังมีป้ายบอกถึงหลักธรรมในการดำเนินชีวิตติดตามต้นไม้ตลอดทาง เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยที่จะเข้าไปเรียนรู้บรรยากาศร่มรื่น เพราะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มากนัก
วัดอุโมงค์ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ ตามประวัติการสร้างวัดเมื่อปี พ.ศ.1839 พระยามังรายทรงสร้างอาณาจักรล้านนาร่วมกับพระสหายคือ พ่อ ขุนรามคำแหงมหาราช ผู้ปกครองสุโขทัย และพระเจ้างำเมือง กษัตริย์ปกครองพะเยา มาสร้างเมืองเวียงเหล็ก (บริเวณวัดเชียงมั่นปัจจุบัน) โดยตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า ’นพบุรี ศรีนครพิงค์” ด้วยพระยามังรายมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงส่งคนไปนิมนต์พระสงฆ์จากลังกาที่มาจำวัดอยู่ที่นครศรีธรรมราช ให้มาจำพรรษาที่วัดการโถม ต่อมาพระยามังรายสร้างวัดเวฬุกัฏฐารามหรือวัดอุโมงค์ในปัจจุบัน
หลังจากพระยามังรายสวรรคต วัดจึงถูกทิ้งร้างและได้รับการบูรณะตามยุคสมัย วัดนี้โดดเด่นตรงมีการสร้างอุโมงค์ไว้ทางทิศเหนือจากเจดีย์ โดยในอุโมงค์มีทางเดิน 4 ช่องซึ่งเชื่อมต่อกัน
ยามบ่ายที่ ถนนนิมมานเหมินท์คนยังไม่พลุกพล่านนัก มานั่งรับลมหาร้าน กาแฟเบเกอรี่อร่อย ๆ กันก่อน ละแวกนี้มีร้านตกแต่งเก๋ ๆ ถูกใจวัยรุ่นและคนชอบซื้อสินค้าที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ส่วนใครชอบทานไม่พลาดที่จะเดินหาร้านอาหารซึ่งมีให้เลือกมากมายตามตรอกซอกซอยละแวกนี้ ถ้าคนไหนไม่รีบร้อนลองเช่าจักรยานมาปั่นเล่นเพลิน ๆ ได้ เพราะถ้านำรถยนต์เข้ามาค่อนข้างหาที่จอดยากและรถค่อนข้างติด
ปิดท้ายด้วยการไปชม มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่ง “แอร์เอเชีย” เป็นหนึ่งองค์กรที่ได้ตกแต่งสวนในงาน ด้วยแนวคิดรักษาสิ่งแวดล้อม โดยภายในงานพบกับการแสดงพืชสวนและไม้ดอกไม้ประดับเมืองเหนือหลากสีสัน รวมถึงดอกไม้นานาพันธุ์จากต่างประเทศ ขณะเดียวกันในช่วงหัวค่ำมีการแสดงแสงสี โดยเฉพาะการแสดงประกอบเพลงด้วยน้ำพุ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
มาเชียงใหม่ชมโลกสีชมพูรอบนี้ถือว่าได้สัมผัสบรรยากาศ ทำให้รำลึกถึงความหลัง เพราะลานชมพูพันธุ์ทิพย์ที่เคยบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ถูกโค่นลง เป็นความปวดร้าวที่ไม่อาจไปยืนบนความร้อนผ่าวของพื้นปูนที่เทลาดทับลานตัวหนอนและโลกสีชมพูใบเก่าได้.
รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว
การเดินทาง ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเซีย ผ่านพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ หลังจากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปยังพิษณุโลก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 695 กิโลเมตร อีกทางหนึ่งคือจากนครสวรรค์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก และลำปาง ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 696 กิโลเมตร
รถประจำทาง มีรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
รถไฟ มีรถด่วน และรถเร็ว ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงทุกวัน
เครื่องบิน มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทุกวัน
ของฝาก น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู หมูยอ แหนม ไส้อั่ว
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยว ระหว่างเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์
▷▷ทีมวาไรตี้
credit : dailynews
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2555 13:26:15 น. |
Counter : 1269 Pageviews. |
|
|
|