|
|
ท่องประวัติศาสตร์ใน "พระราชวังสนามจันทร์"
พระราชวังสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และความสวยงามของสถาปัตยกรรม
โดยพระราชวังแห่งนี้ได้รับการบูรณะให้มีสภาพสมบูรณ์สวยงาม เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ
พระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าไปเยี่ยมชมได้ทุกวัน (ปิดวันนักขัตฤกษ์) ภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ของพระราชวังนั้นมีพระตำหนักและพระที่นั่งที่สวยงามมากมายให้ศึกษาและเยี่ยมชม
ที่แรกที่เราเข้าไปคือ พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งแห่งแรกที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2450 พระที่นั่งแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 6 ชั้นบนจึงมีห้องต่างๆ ทั้งห้องบรรทม ห้องสรง ชั้นล่างเป็นห้องเสวย ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ที่จำลองมาให้เหมือนอยู่ในสมัยนั้นมากที่สุด
รูปทรงของพระตำหนักเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก ช่องระบายลม และระเบียง ลูกกรงตามทางเดินนั้นมีความสวยงามด้วยการฉลุลายแบบไทย และอยู่ตรงกันเพื่อให้อากาศถ่ายเทด้วย
เดินสำรวจห้องชั้นบนจนทั่วก็พบห้องสวยงามมากในพระที่นั่งนี้คือ ห้องพระเจ้า มีพระพุทธรูปและฉัตรประดิษฐานอยู่ ภายในห้องมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังรูปฤๅษีที่สวยงามมาก ด้านนอกของห้องพระเจ้าเป็นระเบียง ที่เมื่อมองออกไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นเทวาลัยคเนศวร์ และพระปฐมเจดีย์ อยู่เป็นเส้นตรงในแนวเดียวกัน
ที่ตรงนี้ยังมีเรื่องเล่าถึงมหัศจรรย์ที่เคยเกิดขึ้นว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประทับทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างปรากฏรอบพระเจดีย์ ถือเป็นปาฏิหาริย์ขององค์พระปฐมเจดีย์ ขณะที่ประทับอยู่บนแท่นไม้สักมีชื่อว่า พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย แต่ว่าพระที่นั่งดังกล่าวได้ถูกนำไปตั้งไว้หน้าพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
พระที่นั่งพิมานปฐมเต็มไปด้วยงานศิลปะ ทั้งภาพปัก และไม้แกะสลัก เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า ที่นี่ใช้สำหรับเก็บของที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทูลเกล้าฯ ถวายให้พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันด้วย
เมื่อเดินไปตามทางเดินของ พระที่นั่งวัชรีรมยาน ที่มีความสวยงามสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทย เสาไม้ย่อมุม 12 ลงรักพิมพ์ลายสีทองอย่างงดงาม หลังคาซ้อน มียอดปราสาทมุงด้วยกระเบื้องสี มีช่อฟ้าใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ มองดูคล้ายหลังคาโบสถ์วัด เพราะเราเชื่อว่า พระมหากษัตริย์นั้นเปรียบเสมือนสมมติเทพ พระที่นั่งนี้จึงเหมือนเป็นที่อยู่ของเทวดานั่นเอง
รัชกาลที่ 6 ทรงประทับที่นี่เพื่อประพันธ์บทกลอน ภายในพระที่นั่งมีห้องอักษร ห้องบรรทม และห้องเปลี่ยนพระภูษา ชั้นล่างของพระที่นั่งปัจจุบันมีการจัดแสดงงานประณีตศิลป์ ที่ทำจากไม้ตะเคียนที่เหลือจากการใช้บูรณะพระราชวังสนามจันทร์ และที่ชั้นล่างมีประตูที่เดินเชื่อมต่อกับ พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ สมัยก่อนพระที่นั่งนี้ใช้เป็นที่ออกงานสโมสรสันนิบาต เป็นท้องพระโรงเวลาเสด็จฯ ออกขุนนาง ประชุมกองเสือป่า และใช้เป็นโรงละครสำหรับการแสดงโขนด้วย ปัจจุบันพระที่นั่งนี้จะเปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์
หลังจากที่เดินสำรวจพระที่นั่งทั้งสามที่เชื่อมติดกันหมดแล้ว เราจึงเดินไปสำรวจอีกด้านของพระราชวัง ระหว่างทางเดินบรรยากาศที่พระราชวังนั้นร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จะเห็นกระรอกไต่ตามต้นไม้ และมีไก่เดินเล่นไปมาที่สนามหญ้า
ไม่นานเราก็เดินมาถึง พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักนี้ดูจะสวยงามและโดดเด่นกว่าพระที่นั่งอื่นๆ เพราะคล้ายกับปราสาทขนาดย่อม เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ของฝรั่งเศสกับอาคารฮาร์ฟทิมเบอร์ของอังกฤษ สร้างแบบตะวันตก สมัยก่อนใช้เป็นที่ประทับเมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า
ด้านหน้าของพระตำหนักเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ย่าเหล ย่าเหลเป็นสุนัขทรงเลี้ยงในรัชกาลที่ 6 ย่าเหลเป็นสุนัขที่จงรักภักดีและเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มาก จึงมีคนริษยาและลอบยิงย่าเหลตาย พระองค์ทรงโศกเศร้าอาลัยมาก ทรงพระกรุณาให้หล่อรูปย่าเหลด้วยทองแดงตั้งไว้หน้าพระที่นั่ง และทรงพระราชนิพนธ์กลอนไว้อาลัยย่าเหลติดไว้ที่แท่นใต้รูปหล่อด้วย
พระตำหนักนี้มีสะพานข้ามคูน้ำเป็นทางเดินเชื่อมต่อกับ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ แต่มีประตูกั้น เพราะพระตำหนักนี้เป็นของฝ่ายใน เป็นที่ประทับของพระชายา พระตำหนักนี้เป็นเรือนไม้สักทอง 2 ชั้นแบบตะวันตก ทาสีแดง เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักทั้งสองขึ้นด้วยแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่อง "My Friend Jarlet" หรือเรื่อง "มิตรแท้" ปัจจุบันใช้เป็นห้องจัดแสดงเครื่องแต่งกายสมัยรัชกาลที่ 6 รวมถึงแสดงบทประพันธ์ต่างๆ ของพระองค์ด้วย
นอกจากนี้ยังมี พระตำหนักทับแก้ว และ พระตำหนักทับขวัญ ที่ถือเป็นเรือนไทยภาคกลางที่สมบูรณ์แบบ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดแวะชม และก่อนที่จะกลับควรแวะสักการะพระพิฆเนศ และพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวนครปฐมด้วย
พระอัจฉริยภาพและการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจมากมาย ทั้งทางด้านการปกครอง การทหาร และที่สำคัญที่สุดด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ของรัชกาลที่ 6 ล้วนเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านได้สร้างไว้ให้แก่ราษฎรอันเป็นที่รักของพระองค์ พระราชวังสนามจันทร์จึงเปรียบเหมือนมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าไม่เสื่อมคลาย
......................
หมายเหตุ : บทความจากหนังสือ "ปิดทองหลังพระ" โดยมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
credit : admin
| Create Date : 22 มกราคม 2555 |
| Last Update : 22 มกราคม 2555 21:13:22 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1421 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Upper Midwest United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]
|
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557
| | | |
