|
ส่งตะวันลาลับฟ้าวันดอกหญ้าบานที่ผาแต้ม
ส่งตะวันลาลับฟ้าวันดอกหญ้าบานที่ผาแต้ม
นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์มานาน ผาแต้ม ยังได้ชื่อว่า เป็นพื้นที่ที่มีทำเลตั้งอยู่ประชิดติดแม่น้ำโขง ฝั่งตรงข้ามกับประเทศเพื่อนบ้าน คือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และคู่ขนานกันยาวสุดถึง 63 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังได้รับการกล่าวขานกันอีก ว่าเป็นเมืองที่สามารถสัมผัสแสงตะวันก่อนใครในสยาม ด้วยลักษณะภูมิประเทศของผาแต้ม ที่ตั้งอยู่ตรงตำแหน่งทิศตะวันออกสุดของประเทศ จึงทำให้เห็นดวงตะวันโผล่พ้นจากฟากฟ้าขึ้นก่อนใครสุด
ปรากฏการณ์นี้เองที่ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ ช่วยกันนำมาเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ด้วยข้อเสนอขายอันชวนให้น่าสนใจตรงที่ว่า รับตะวันก่อนใครในสยาม
โดยใช้ลานหินบนเนินผาแต้ม ที่ไม่ห่างไกลกันกับบริเวณปรากฏภาพเขียนสีมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ บนผนังหน้าผานั่นแหละ เป็นเวทีสำหรับการประกอบพิธีส่งตะวันสุดท้ายในวันส่งท้ายปีเก่า แล้วก็รับแสงตะวันที่จะส่องรับกับปีพุทธศักราชใหม่ในวันรุ่งขึ้น
แนวคิดของการจัดกิจกรรมที่ดูจะมีชีวิตชีวากับผู้คนที่ว่านี้ ดูเหมือนจะประสบผลสำเร็จอย่างสูง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย ที่พากันเดินทางขึ้นไปร่วมงานบนลานผาแต้ม ต่างไม่สนใจไยดีต่ออุณหภูมิที่เริ่มหนาวเย็น ในช่วงที่ดวงตะวันกำลังจะสั่งลาลับฟ้าของวันสุดท้ายปลายปี หรือกระทั่งย่ำพรุ่งรุ่งเช้าของวันเริ่มต้นศักราชใหม่ แม้ความหนาวที่ชวนเหน็บอยู่รายรอบ ด้วยอุณหภูมิที่ลดต่ำลงระหว่าง 1518 องศาเซลเซียส ผู้คนก็ยังคงคึกคักอยู่ตรงนั้น
ใครที่เคยเดินทางไปร่วมสืบสาน งานที่น่าจะถือเป็นประเพณีของการส่งท้ายปีเก่า แล้วก็รับปีใหม่ไปพร้อมกัน คงจะจดจำกันได้ดีว่าแค่ช่วงบ่ายคล้อยของวันที่ปีเก่ากำลังจะอำลา ผู้คนซึ่งต้องถือว่าคือนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย เริ่มเดินทางทยอยขึ้นสู่ปากประตูอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ในพื้นที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี กันตลอดวัน ส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวคับคั่งกว่าวันปกติ
โดยเฉพาะในช่วงย่ำเย็นที่แสงตะวันชักอ่อนแรงลง ขณะแรงคนที่ต้องการขึ้นไปร่วมส่งตะวัน มีแต่จะเริ่มทวีจำนวนขึ้น และคึกคักขึ้นจนกลายเป็นปัญหาการกระจุกตัวของยวดยานแล้วก็ผู้คนอยู่บ้าง
หลายคนที่ไม่อยากผจญกับปัญหาดังกล่าว จึงมักชวนกันเดินทางผ่านบานประตูสู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มกันเสียตั้งแต่หัววัน เพื่อใช้เวลาให้มันนานเท่านาน ในการเดินทางท่องเที่ยวกับปรากฏการณ์ด้านธรรมชาติเชิงธรณีวิทยา ที่มีอยู่มากมายบนนั้น อาทิ เสาเฉลียง ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกเมื่อหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมา หรือไม่ก็ผ่านเข้าไปศึกษาถึงภาพเขียนที่บอกเล่าความจริงบางอย่างในชีวิตประจำวัน ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ตรงเพิงด้านล่างลานผาแต้ม
ขณะที่หลายคนนิยมขึ้นไปก่อนใครอื่น ก็เพื่อเลือกทำเลในการจับจองพื้นที่สำหรับกางเต็นท์แรมคืนกันบนนั้น เพราะมันสะดวกต่อการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ให้คุณค่ามหาศาลกับประสบการณ์ที่ผูกพันถึงแก่นแท้ของธรรมชาติอันบริสุทธิ์
ยามเย็นของวันส่งท้ายปีเก่า ใครต่อใครต่างคลาคล่ำกันอยู่บนลานหิน ขณะดนตรีอีสานขยับขับขานเป็นการบ่งบอกว่า วาระสำคัญแห่งการลาจากของตะวันแสงสุดท้ายสำหรับปีเก่ากำลังจะมาถึง จนเมื่อพานบายศรี และตะวันบนโค้งฟ้า ตั้งท่าจะลับลงหลังแนวภูผาเหนือลำน้ำโขงด้านหน้า
สายลมจะเริ่มแผ่วพัดมาเชื่องช้า ขณะความเย็นเริ่มโปรยปรายไปรายรอบ บรรยากาศของการส่งตะวันยามนั้นก็ยิ่งทำให้ดูชวนขลังในวังวนของความสงบเงียบ ต่อเมื่อพิธีนั้นจบลงตรงการผูกแขนบุคคลรอบวงบายศรี ลานหินตรงนั้นก็จะกลายเป็นเวทีรำฟ้อนของเหล่าสาวงามชาว บรู ชนเผ่าซึ่งมีถิ่นพำนักถาวรอยู่ในสังคมปัจจุบันที่บ้านท่าล้ง อ.โขงเจียม หรือตรงตำแหน่งด้านล่างของแนวผาแต้มริมขนานแม่น้ำโขง
บรูเป็นชนเผ่าที่มีวัฒนธรรมทั้งด้านศิลปะและภาษาเป็นของตนเอง และเป็นเพียงชนกลุ่มเดียวที่ถูกเชิญให้เข้าไปร่วมอยู่ในพิธีกรรม ส่งตะวันสุดท้ายแห่งปีเป็นประจำทุกปี จนกลายเป็นที่รู้จักของคนต่างถิ่นอย่างกว้างขวางเวลานี้
หลังพิธีที่แปลกแตกต่างจากท้องถิ่นอื่นที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายแห่งปี ลานหินผาแต้มก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความบันเทิงเชิงวัฒนธรรมพื้นบ้านจากเครื่องดนตรีอีสาน ที่ขับกล่อมอยู่บนเวที หลายคนที่เห็นสมควรแก่เวลาก็จะแยกย้ายกลับไปพักหลับนอน ซึ่งบางรายก็จับจองห้องนอนไว้ตามธุรกิจห้องพักแบบรีสอร์ททางแถบ อ.โขงเจียม ซึ่งไม่ห่างไกลกันเท่าไหร่นัก และก็มักถูกจองไว้เต็มล่วงหน้าในช่วงก่อนเทศกาลสำคัญเช่นปีใหม่
มีหลายรายที่เลือกพักหลับนอนอยู่กับแผ่นดินบนลานผาแต้มแบบกางเต็นท์แรมคืน แต่จะเลือกพักแบบหนึ่งแบบใดก็ตามที เมื่อย่ำรุ่งก่อนแสงตะวันของวันพรุ่งจะพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในวันเปิดปีพุทธศักราชใหม่ จำนวนผู้คนก็จะชวนกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กับการประกอบพิธีกรรมของชาวบรู เพื่อรับกับตะวันในวันฟ้าใหม่ ไปพร้อมกับการทำบุญตักบาตรแก่หมู่สงฆ์ ที่มีการนิมนต์ขึ้นไปรับบิณฑบาตกันถึงบนนั้น
เหล่านี้คือรูปโฉมของการเดินทางท่องเที่ยวแบบร่วมส่งและรับตะวัน ในช่วงรอยต่อระหว่างปีศักราชเก่ากับใหม่ ที่คนไทยต่างเชื่อถือว่ามันคือการสร้างมงคลให้แก่ชีวิต ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปในภายภาคหน้าแห่งปีอย่างมีความสุข ซึ่งเริ่มจะหายากมากขึ้นจากช่วงทศวรรษที่ผ่านมา?
ในช่วงอิทธิพลของลมมรสุมที่พัดผ่านทะเลจีน เวียดนาม สู่แผ่นดินอีสานเข้ามาในยามนี้ การสร้างบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวให้สมบูรณ์ และเต็มอิ่มไปด้วยสีสันภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มนั้น ก็คือ การเลือกเดินทางในยามเช้า ไปสู่แปลงป่ากลางผืนป่าดงนาทาม บริเวณพื้นที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างที่ตั้งอุทยานฯ ขึ้นไปทางตอนเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร ตรงนั้นธรรมชาติได้ปั้นแต่งให้เป็นทุ่งดอกไม้ป่าละลานตาอยู่บนที่ราบกว่า 80 ไร่ และมีพรรณไม้ที่ให้ดอกประดับทุ่งในช่วงหนาวโดยเฉพาะกว่า 33 ชนิด
และพันธุ์ดอกหญ้าหลากชนิดได้รับพระราชทานนามที่ดูไพเราะเหมาะกับความงามวิจิตร จากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่เคยเสด็จฯ แปลงดอกไม้ป่าแห่งนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ในช่วงที่มวลดอกต่างพากันอวดดอกบนเรียวช่อประดับลานดิน ระหว่างเดือนตุลาคม ไปจนถึงต้นปีถัดไป
ตัวอย่างของดอกไม้ป่าที่ได้รับพระราชทานนาม อาทิ ดุสิตา ที่มีกลีบดอกสีน้ำเงินขำ, ขณะ สร้อยสุวรรณา มีสีเหลืองเข้มเป็นจุดเด่น, ส่วน มณีเทวา แลเห็นเป็นสีขาวสด, ทิพเกสร สีกลับแดงอมม่วง, สรัสจันทร ดูน่ารักตรงสีม่วงแกมน้ำเงินแซมขาว
ดอกไม้ป่าบางชนิดของที่นี่ก็ยังมีชื่อเรียกที่เป็นเสน่ห์ของท้องถิ่นซึ่งใช้เรียกขานกัน เช่น หยาดน้ำค้างหรือ หนามเดือนหน้า, จอกบ่วาย พืชล้มลุกและเป็นพืชที่ชอบจับแมลง, กระดุมทองหรือหญ้าขนไก่, หญ้าข้าวก่ำหรือหงอนนกยูง, เอื้องเหลืองพิศมรหรือเอื้องดินลาว แต่ละชื่อฟังดูแล้วชวนพิศชม!
ถัดจากแปลงไม้ดอกออกไปยังป่าผืนเดียวกันไม่มากนักก็จะเป็นที่ตั้งของน้ำตกแสงจันทร์ ที่มักเรียกเปลี่ยนไปเป็น น้ำตกลงรู ตามลักษณะทางลอดของสายน้ำที่ไหลผ่านรูจากช่องหินลงมา ไม่ไกลจากน้ำตกแห่งนี้ ก็ยังมีเถาวัลย์ยักษ์ซ่อนตัวอยู่ในแนวป่าขนาดหลายคนโอบจึงจะรอบ
บนเส้นทางท่องเที่ยวสายเดียวกัน หากแต่อยู่ตรงประมาณกิโลเมตรที่ 80 ตรงนั้นได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งสามพันโบก ด้วยเมื่อลำน้ำโขงเริ่มแห้งขอดนับแต่ช่วงนี้ สิ่งที่ปรากฏขึ้นแทนที่ก็คือ ลานหินที่กระแสน้ำขุดเจาะจนกร่อน กลายเป็นบ่อหินเรียงรายกระจายกันไปประมาณสามพันบ่อ นี่จึงเป็นที่มาของสามพันโบก...
สุดท้ายของ การท่องเที่ยวให้ครบวงจร บนดินแดนด้านตะวันออกสุดของเมืองอุบลราชธานี ต้องยกให้กับการเดินทางผ่านปากประตูพรมแดนไทย-สปป.ลาว ทางช่องเม็กไปสู่เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ซึ่งที่นั่นวิถีดิบในชีวิตประจำวันเชิงวัฒนธรรมของพวกเขายังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง
แต่ทางด้านวัตถุปัจจุบันดูเหมือนกำลังเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเร็วขึ้นกว่าวันที่ผ่านมา จนน่าจับตามองอยู่ด้วยเหมือนกันว่า ยามนี้เมื่อการศึกของเขาสงบจบสิ้นลงกว่า 3 ทศวรรษแล้ว แผ่นดินผืนนั้นจะก้าวไกลไปขนาดไหน?
จากนั้นก็ให้เหลียวกลับมามองแผ่นดินเรา ที่ใครต่อใครกำลังเปิดสงครามเข้าใส่กันไม่เว้นแต่ละวัน จึงถามเถอะว่า...แล้วเราจะก้าวเดินไปทางไหน มุ่งไปข้างหน้าหรือถอยไปข้างหลัง เราจะเป็นยังงี้กันแล้วหรือ? - อนิจจา.
.........................................................................................
รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตั้งอยู่ที่พิกัด 105 องศา 38 ลิปดา 23 ฟิลิปดา มีพื้นที่ 140 ตารางกิโลเมตร เป็นที่ราบสูงและเนินเขาหน้าผาสูงชันเกิดจากการแยกตัวของผิวโลก ทำให้มีเสาเฉลียงหรือเสาหินมากที่สุดในประเทศมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ อายุประมาณ 3,000-4,000 ปีเป็นแหล่งภาพเขียนสีที่ใหญ่และยาวที่สุดของประเทศ (180 เมตร)
ชนเผ่า บรู แห่งบ้านท่าล้ง อ.โขงเจียม สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าขอม มีถิ่นพำนักต้นกำเนิดอยู่ในแขวงจำปาสัก และอพยพข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาเมื่อครั้งหนีภัยสงครามฝรั่งเศส เริ่มแรกเดินทางเลียบขนานแม่น้ำโขงเข้าสู่ อ.โขงเจียม และพำนักถาวรอยู่ริมฝั่งโขงใต้เพิงผาของผาแต้ม ตรงบริเวณบ้านท่าล้ง ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านพัฒนาและชุมชนเข้มแข็ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0-45 24-3770.
credit : dailynews
Create Date : 11 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 11 ธันวาคม 2554 2:23:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1393 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Upper Midwest United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]
|
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น" ขุ.ธ. 25/15/24 เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557
| | | |