Bloggang.com : Rain_sk : เยือนบุรีรัมย์ ถิ่นความงามอีสานใต้

เยือนบุรีรัมย์ ถิ่นความงามอีสานใต้

ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยล้วนมีเรื่องราวซ่อนเอาไว้มากมาย การเดินทางเข้าไปเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆของแต่ละสถานที่นั้นเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลายคนให้ความสนใจ

วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ พร้อมรอให้คนเข้ามาสัมผัสอยู่มากมายที่ จังหวัดบุรีรัมย์

การเดินทางเยือนถิ่นอีสานใต้ที่จังหวัดบุรีรัมย์ครั้งนี้เริ่มต้นทริปที่ ช่องโอบก หนึ่งในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติตาพระยาและเป็นส่วนหนึ่งในเทือกเขาพนมดงรัก เป็นเส้นทางติดต่อระหว่างคนไทยและคนกัมพูชาในอดีตเป็นเวลาช้านาน จากจุดนี้จะมองเห็นผืนป่าแน่นทึบเบื้องล่างในเขตกัมพูชาได้กว้างไกล

ในช่วงปี พ.ศ.2518 หลังจากที่กัมพูชาได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบสังคมนิยม กัมพูชา ใช้ ช่องโอบก เป็นช่องทางลำเลียงกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ข้ามมาก่อการร้ายในประเทศไทย ทำให้มีการสู้รบอย่างต่อเนื่องโดยกัมพูชายึดเอาช่องโอบกเป็นเนิน 472 และเนิน 538 เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบ

จนเมื่อปี พ.ศ.2528 กองกำลังสุรนารีกองทัพภาค ที่ 2 โดย ฉก.ร.23 ได้เข้าผลักดันและยึดเนิน 472 ไว้ได้ และในปี พ.ศ.2530 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 โดย ฉก.ร.8 ได้ยึดฐานปฏิบัติการปากช่องโอบกแห่งนี้ไว้ได้จนถึงปัจจุบัน โดยทุกวันนี้มีหน่วยทหารพรานคอยดูแลพื้นที่

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังช่องโอบกจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามจากหอสังเกตการณ์ ซึ่งสามารถมองเห็นภาพของผืนป่าแน่นทึบเบื้องล่างในเขตกัมพูชาได้กว้างไกล นับเป็นป่าทึบที่ดูมีความงามแต่ลึกลับสมกับเป็นป่าที่กั้นขายชายแดนของสองประเทศ

จากนั้นมุ่งหน้าไปกันต่อที่ แหล่งหินตัดบ้านกรวด เป็นแหล่งหินทรายที่คนสมัยก่อนตัดหินเอาไปสร้างปราสาทต่างๆในเขตอีสานใต้ ซึ่งแหล่งตัดหินนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2539 มีพื้นที่ 810 ไร่ โดยเรื่องราวที่น่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คือภูมิปัญญาอันน่าทึ่งของคนยุคก่อน ที่สามารถตัดหินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องจักรใดๆ และยังสามารถลำเลียงไปสร้างเป็นปราสาทต่างๆได้

โดยมีการสำรวจพบ ชุมชนโบราณใกล้บริเวณตัดหิน อยู่ทางด้านทิศเหนือของแหล่งตัดหินไปประมาณ 2 - 3 กิโลเมตร มีอยู่ 3 จุด มีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ ดูจากเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน น่าจะอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 – 18 และสันนิษฐานว่าการลำเลียงหินเพื่อไปสร้างปราสาทนั้นใช้วิธีการขนส่งทางเกวียน หรือไม่ก็ปล่อยให้ไหลไปตามทางน้ำ

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า จากร่องรอยที่เหลืออยู่บริเวณตัดหิน ทำให้ทราบว่าก่อนตัดหินต้องมีการสำรวจหินก่อน เพราะมีร่องรอยการทำรอยประด้วยเหล็กเป็นจุดบางๆเป็นทางไว้ให้ผู้ตัดได้ทราบว่าต้องตัด ณ จุดนี้ สำหรับขั้นตอนการตัด จะมีวิธีตัดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความหนา บาง และยาวของหิน ซึ่งการตัดหินจะตัดใน 3 ลักษณะคือ ตัดหินที่อยู่เหนือดิน ตัดหินที่เป็นลานอยู่ในระดับดิน และตัดหินที่อยู่ใต้ดิน

การเดินทางเยือนบุรีรัมย์ครั้งนี้มีจุดหมายสุดท้ายคือที่ พิพิธภัณฑ์บ้านกรวด แหล่งเครื่องเคลือบดินเผาโบราณศูนย์วัฒนธรรมโรงเรียนบ้านกรวด เป็นแหล่งเก็บเครื่องปั้นดินเผาโบราณ จากกลุ่มเตาเผาต่างๆ เช่น แหล่งเตาเผาบ้านถนนน้อย แหล่งเตาเผาบ้านสวาย ที่อยู่ภายในบริเวณของ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

โดยการคัดเลือกนั้นจะคัดเลือกจาก ความสวยงามของภาชนะ ลวดลายและการเผาจนได้ที่โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคารได้รับการจัดสรรงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้จัดสร้างเตาเผาเครื่องเคลือบดินเผาขึ้นโดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร และมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ให้คำแนะนำและบริจาคเครื่องมือผลิตต่างๆให้กับทางโรงเรียน

ศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้เป็นสถานที่ให้ความรู้ในเรื่องราวเกี่ยวกับลักษณะและแหล่งเครื่องเคลือบที่มีมากในท้องถิ่นตำบลบ้านกรวด โดยมีการใช้มัคคุเทศก์น้อยที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ มาเป็นคนคอยให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว ซึ่งนับเป็นวิธีที่ดีที่หลายสถานที่ท่องเที่ยว พยายามเสริมสร้างให้เยาวชนเข้ามาสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้มากขึ้น

ฐานปฏิบัติการช่องโอบก ตั้งอยู่ที่ ตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 08 9286 0261 , 08 1999 5412, 08 1760 8318

แหล่งหินตัดบ้านกรวด อยู่ในเขตตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด พิพิธภัณฑ์บ้านกรวด ตั้งอยู่ที่ โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร อำเภอบ้านกรวด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 044 679-098