Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

อาบแสงจันทร์บนลานผา เขาใหญ่

โดย : คมฉาน ตะวันฉาย


ผมนั่งมองสายน้ำลำห้วยไสใหญ่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลตกกระทบก้อนหินเบื้องล่าง ละอองน้ำฝอยฟุ้งลอยมาพร้อมลมป่า แสงสีนวลตาของพระจันทร์สาดเทไปทั่วป่าและลานหินกว้างที่เรามาตั้งแคมป์กันบนลานหินเหนือธารน้ำตกแห่งนี้ แสงไฟจากกองไฟนั้นวับแวม เปลวไฟไหวโยกราวมีชีวิต มิตรสหายที่ร่วมเดินทางนอนเล่นกันบนลานหิน นานๆ จึงได้ยินเสียงนกตบยุงร้องหวีดฉีกความเงียบกลางป่า ผมนึกถึงเพลง เดือนหงายกลางป่า ของพี่ป๋อง ต้นกล้า ฮึมฮัมเป็นทำนองในลำคอ แล้วดูสายน้ำไหลผ่านหน้าผาหินที่สูงราว 8-10 เมตร ที่เรียกว่า น้ำตกฟองสบู่

ท่านผู้อ่านรู้สึกว่าแสงจันทร์อร่ามนวลนั้นจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้คนเมื่ออยู่ในสถานที่แบบไหนบ้าง



สำหรับผม ต้องเป็นที่บึงน้ำกว้างหรือหาดทรายริมทะเล บนที่โล่งสูงๆ ไร้สิ่งกีดขวาง ในเวลาอย่างนั้นหากคิดถึงใครบ้างก็แค่อยากได้นั่งคุยกันใต้แสงจันทร์ หากรักก็จะผูกพันและหยุดคืนวันนั้นไว้ และหากเหงาหรือเปลี่ยวดาย ก็จะรู้สึกเหงาเข้าไปถึงขั้วความรู้สึก พระจันทร์ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่เปล่งแสงนวลตาก็มีอิทธิพลแก่ความรู้สึกของคนได้ถึงขนาดนี้


ผมนั่งมองสายน้ำลำห้วยไสใหญ่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลตกกระทบก้อนหินเบื้องล่าง ละอองน้ำฝอยฟุ้งลอยมาพร้อมลมป่า แสงสีนวลตาของพระจันทร์สาดเทไปทั่วป่าและลานหินกว้างที่เรามาตั้งแคมป์กันบนลานหินเหนือธารน้ำตกแห่งนี้ แสงไฟจากกองไฟนั้นวับแวม เปลวไฟไหวโยกราวมีชีวิต มิตรสหายที่ร่วมเดินทางนอนเล่นกันบนลานหิน นานๆ จึงได้ยินเสียงนกตบยุงร้องหวีดฉีกความเงียบกลางป่า ผมนึกถึงเพลง เดือนหงายกลางป่า ของพี่ป๋อง ต้นกล้า ฮึมฮัมเป็นทำนองในลำคอ แล้วดูสายน้ำไหลผ่านหน้าผาหินที่สูงราว 8-10 เมตร ที่เรียกว่า น้ำตกฟองสบู่




ปลายเดือนธันวาคม แม้จะเพิ่งผ่านฤดูฝนมาไม่นาน
แต่ธรรมชาติก็ปรับตัวรอรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือความชุ่มชื้นในดินค่อยๆ หมดไป ต้นไม้ยืนต้นตลอดทางเดินแม้จะเป็นป่าดิบผลัดใบบางส่วนเพื่อลดการคายน้ำทางใบให้มากที่สุด ป่าแม้จะหนาแน่นแต่ก็ดูโปร่งตา พืชชั้นล่างทั้งเถาวัลย์ ไม้พุ่มก็พลอยดูโปร่งตาไปด้วย ทำให้การเดินป่ากลางหน้าหนาวไม่ใช่อุปสรรคในการก้าวเดินแบกเป้ท่องไปในป่า


ลักษณะของป่าเขาใหญ่ทางด้านตะวันออก ในเขตจังหวัดปราจีนบุรีนั้น จะเป็นหินทรายเป็นส่วนใหญ่ บรรดาทุ่งหญ้า ดอกไม้ดินพวกดุสิตา สร้อยสุวรรณาแบบทางอุบลฯนั้นจึงมาอยู่ทางฝั่งนี้ ถ้าเราคุ้นชินกับการขึ้นไปบนเขาใหญ่ย่านน้ำตกกองแก้ว เหวสุวัต จะเห็นว่าเป็นป่าดงดิบเขา ดงดิบชื้น ถ้าเหลื่อมไปทางสระบุรี ปากช่องจะเห็นป่าเบญจพรรณมาก แต่ถ้ามาทางด้านประจันตคามนี้จะพบป่าเต็งรังอย่างชัดเจน


อันที่จริงถ้าเป็นคนเที่ยวป่าศึกษาหรือสังเกตธรรมชาติ เมื่อเห็นต้นไม้ เห็นลักษณะป่า เราจะคาดเดาหรือโยงใยไปถึงระบบนิเวศอื่นๆ ของที่นั่นได้ รู้จักพื้นดินก็จะรู้ว่ามีอะไรให้เราดู ให้เราเที่ยว และควรจะไปช่วงไหน อย่างไร ดังนั้นการมาน้ำตกฟองสบู่ครั้งนี้ เราจึงไม่ได้คาดหมายว่าจะมาพบเห็นน้ำตกที่สูงใหญ่ มีปริมาณน้ำมากมายอะไร แค่ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากแบกเป้เดินป่า ก็แค่นั้น ยิ่งทางเดินจากหน่วยพิทักษ์ฯ ขญ.10 (น้ำตกตะคร้อ) ไปน้ำตกฟองสบู่ เดินขึ้นเนินแค่นิดหน่อย นอกนั้นก็เดินตามทางในป่า 8-10 กิโลเมตร ใช้เวลาแค่นั่งพักระหว่างทางไม่กี่ครั้ง ทางก็ตัดจากสันเขาลงสู่หุบห้วยเบื้องล่าง มุดบ้าง ก้มบ้าง ก็มาโผล่ริมลำห้วยใหญ่ ที่ชื่อห้วยไสใหญ่ ซึ่งปลายน้ำจะไหลตกไปเป็นแก่งหินเพิงที่คนเขามาล่องแก่งนั่นเอง



น้ำในลำห้วยที่ลึกแค่หน้าแข้งนั้นใสแจ๋ว
น้ำแบบนี้วักดื่มกินได้สนิทใจชนิดไม่ต้องกลัวอะไร ผมดื่มน้ำในป่ามาแทบทุกลำห้วยในป่าเกือบทั่วประเทศ ไม่เคยเจอตัวประหลาดอะไรที่มาจากน้ำสักที น้ำในป่ามาจากต้นน้ำ คุณภาพไม่ด้อยกว่าน้ำประปาที่ไหลผ่านเมืองมาเป็นร้อยๆ กิโลเมตร แล้วเก็บขยะ ทำให้ตกตะกอน แล้วอัดคลอรีน เพียงแค่นี้ เรายังดื่มกินกันสนิทใจ น้ำที่นี่ใส่ขวดใสแล้วมองดูไม่ต่างจากน้ำที่บรรจุขวดขาย กลางธารน้ำมีต้นไคร้น้ำถักรากยึดโยงลำต้นทานกระแสน้ำในหน้าน้ำ ตามโคนจึงมีดินมาสะสม พอเข้าช่วงน้ำลดจะมีต้นสร้อยสุวรรณาสีเหลืองเข้ามายึดครอง แล้วออกดอกอร่ามงามตา ถือเป็นสีสันกลางป่า นอกจากดอกสีบานเย็นของมะจ้ำก้อง พืชยืนต้นที่ออกดอกช่วงนี้ให้คนเขาสงสัยเล่นว่าคือดอกอะไร


ช่วงที่เป็นน้ำตกฟองสบู่นี้เป็นลานหินกว้าง เหนือลานหินเป็นเหมือนเขื่อนธรรมชาติที่หินทรายช่วงนี้เป็นเหมือนขอบคูกั้นน้ำไว้ แล้วปล่อยที่ล้นให้ไหลมาตามร่องหินก่อนจะตกลงไปจากหน้าผากลายเป็นน้ำตกเล็กๆ สองฝั่งลานหินเป็นชายป่า ด้านหนึ่งเป็นป่าดิบมีต้นไม้พวกไม้ยาง ไม้ตะเคียน ฯลฯ ขึ้นสูง อีกฝั่งค่อยๆ ลาดเอียงขึ้นไปเป็นไม้พุ่มและป่าไผ่รวก มนุษย์ 7 คน กลางป่าใหญ่ จึงดูน้อยนิดและขี้ปะติ๋วมากเมื่อเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่


หนึ่งเหตุผลที่ผมมักเข้าป่าก็คือ เมื่อไหร่ที่เพริดไปกับความสะดวกในเมืองจนหลงคิดไปว่าเรานั้นควบคุมและอยู่เหนือธรรมชาติ ผมก็มักเข้าป่ามาเพื่อเตือนตัวเองให้กลับมาสู่ความจริงว่าแท้จริงเรานั้นเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับธรรมชาติ ดังนั้น อย่าได้ผยอง ไม่อย่างนั้นหายนะจะมาเยือนแบบที่เห็นๆ กัน ธรรมชาติไม่มีการต่อรองแบบนักการเมือง หากแต่เป็นประเภทอดทน ถูกกระทำทีละนิดก็อดทน ทนไม่ไหวก็บอกให้รู้เสียทีหนึ่ง แต่บอกแต่ละครั้งมนุษย์หายนะทุกทีไป
กิจกรรมในป่าไม่มีอะไรมาก นอกจากตั้งแคมป์ ทำอาหาร ทานกันในป่า เล่นน้ำ พูดคุยกัน ดูแมลง ดูต้นไม้ หรือจะเดินถ่ายรูปแบบที่ผมทำก็ได้ เมื่อเที่ยวป่าผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอยากให้สิ่งดีๆ ที่ป่ามีให้นั้นเราได้รับรู้แบบมีสติครบ 100% ค่ำคืนจึงดื่มด่ำบรรยากาศของป่ามากกว่าดื่มร่ำสุรา


เข้าป่าทีไรได้นอนเต็มอิ่มทุกที เช้าตื่นขึ้นมาจึงสดชื่นมาก วักน้ำในลำธารล้างหน้า ดื่มกาแฟหอมกรุ่นริมธารน้ำใส เพียงแค่นี้ก็สวรรค์สุดๆ แล้ว สายๆ แคมป์กลางป่าก็สลาย ขยะถูกเก็บ กองไฟถูกรื้อ เป้ใบเก่าถูกสะพายใส่หลังแล้วเดินเท้าเข้าป่า เลียบทวนน้ำขึ้นไปราว 3 กม. ก็ไปถึงลานหินอีกแห่งที่เรียกว่าน้ำตกตาขนดำ ที่เป็นน้ำตกขนาดเล็ก สูงไล่เลี่ยกับน้ำตกฟองสบู่


ต่างกันก็แต่ว่าที่นี่มาคราวไรก็เจอร่องรอยของช้างป่าทุกที ครั้งนี้ก็เห็นป่าราบอยู่ในดงไผ่ มูลแห้งไปแล้ว แต่ยังพอคาดเดาได้ว่าเขามาไม่นานก่อนหน้านี้เท่าไหร่ มีสัตว์ป่าปรากฏก็แสดงว่าย่านนั้นมีความปลอดภัย สะท้อนถึงความเอาใจใส่ของทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และชาวบ้านย่านนั้นที่ให้ความสำคัญกับป่าและสัตว์ป่า ไม่เหมือนบางที่วังน้ำเขียว เรียกร้องให้คนมาเที่ยว แต่พอเจ้าหน้าที่เขามาทำตามคำสั่งศาลให้มารื้อพื้นที่ที่ทำผิดกฎหมาย ดันมาปิดถนน สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไปทั่ว ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาไม่รู้เรื่อง เหมือนจับคนที่เดินทางสัญจรมาเป็นตัวประกัน ขัดใจอะไร คิดว่าไม่ได้รับเป็นธรรมอะไร ทำไมไม่ทำตามกระบวนการของกฎหมาย...แบบนี้มันน่าไปเที่ยวไหมครับ


ผมจึงยินดีนอนในป่า ยอมแบกเป้เดินเข้าป่า ดีกว่าไปพายเรือให้โจรนั่ง เราไม่อาจทำการท่องเที่ยวที่ผิดทาง ผิดรูป ผิดรอย ร่ำรวยท่ามกลางความหายนะของทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างไร ผมว่าคนวังน้ำเขียวที่ทำการท่องเที่ยวอย่างสะอาด ได้ที่ดินมาอย่างถูกต้องไม่มีลับลมคมใน น่าจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่ให้กระทำการตามกฎหมายด้วยซ้ำไป ทำให้การท่องเที่ยวของวังน้ำเขียวสะอาด ร่างกายมีเนื้อร้ายเรายังไปให้หมอตัดออกให้เหลือแต่เนื้อดี


คนที่เก็บเนื้อร้ายไว้ไม่ยอมให้หมอผ่า รังแต่จะพาให้ร่างกายดับสิ้นไปก่อนวัยด้วยซ้ำ โตกันหมดแล้วจะยอมให้คนอื่นชักจูงจนลืมเหตุผลก็ตามใจ ปีใหม่ทั้งทีไม่ถือเป็นโอกาสฟอกใจบ้างหรอกหรือ?

credit :  bangkokbiznews




 

Create Date : 09 มกราคม 2555
0 comments
Last Update : 9 มกราคม 2555 20:25:40 น.
Counter : 1832 Pageviews.


Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.