Group Blog
All Blog
### ชาจีนเพื่อสุขภาพลดไขมันในเลือด ###














ชาจีนเพื่อสุขภาพลดไขมันในเลือด 

ชอบดื่มชากันไหมค่ะ

การดื่มชาทำให้เราได้สารอาหารจากพืช

แต่ละชนิดที่นำมาชง

สกัดชา แตกต่างกันไป สมุนไพรเป็นยาเพื่อสุขภาพ

ที่เป็นวิธีการที่ทำดื่มได้เองได้ง่าย

 ชาในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย เช่น ชาญี่ปุ่น ชาแดง ชาจีน

 ชาสมุนไพร ชาเพื่อสุขภาพ การชงชาหรือต้ม

 การสกัดชาออกมาก็มีนำชาใส่ ถ้วยชา กาชา

 ให้ได้เลือกใส่ชงชาตามความชอบของแต่ละคนได้อีก

นำเรื่องชาจีนช่วยลดไขมันในเลือดมาฝาก

วิธีใช้

ใบแห้ง 1 หยิบมือ ชงน้ำร้อน 1-2 แก้ว

ทิ้งไว้ 5-10 นาที นำมาจิบบ่อยๆ ดื่มต่างน้ำ

สรรพคุณ


วิธีชงแบบรวดเร็วทันใจง่ายๆ

น้ำร้อนใส่กาให้กาอุ่นสักนิด เทน้ำทิ้ง

ใส่ชาสัก 1 หยิบมือใส่น้ำร้อนใส่แค่พอล้างใบชา

 เทน้ำที่ล้างใบชาทิ้ง แล้วเติมน้ำร้อนใหม่อีกครั้ง

 น้ำร้อนๆจะช่วยสกัดสารอาหารจากใบชาออกมา

รวมทั้งกลิ่นหอม แช่ไว้ประมาณ 5 นาที

เทใส่ถ้วยดื่มอุ่นๆชื่นใจได้ประโยชน์


ขอบคุณที่มา fb. ทวีศํกดิ์ ยุวนะวนิช









Create Date : 15 มีนาคม 2558
Last Update : 15 มีนาคม 2558 11:12:17 น.
Counter : 1103 Pageviews.

0 comment
### น้ำอ้อยดำกับใบเตยล้างพิษในเส้นเลือดฝอย ###
















น้ำอ้อยดำกับใบเตยล้างพิษในเส้นเลือดฝอย 

ปกติก็ทราบแต่ว่าการลดไขมันในเลือด

ใช้สมุนไพรที่หาได้ไม่ยากและรู้จักทำดื่มได้ง่าย

เช่น กระเจี๊ยบ ขิง ชา คำฝอย ตะไคร้ มะขามป้อม

 ทับทิม สตรอเบอร์รี่ มะนาว ฯ

 การทำน้ำอ้อยดำกับใบเตยนั้น

หลายท่านอาจจะได้เคยทำดื่มบ้างแล้ว

พอดีพึ่งได้ทราบครับว่ามีการนำสมุนไพร 2 อย่างนี้

มารวมกันแล้วล้างพิษในเส้นเลือดฝอยได้

สูตรโดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา จึงทดลองทำดื่มดูและนำมาฝาก

สำหรับสูตรการทำพร้อมคำอธิบายที่มีการเผยแพร่มี ดังนี้


สูตรล้างพิษในเส้นเลือดฝอย

เส้นเลือดฝอยของคนเราเมื่อใช้ไปนานๆก็ย่อมมีอาการตีบตัน

 ทั้งจากอาหารไขมัน ของหวาน หรือสารพิษต่างๆ

สะสมจนกลายเป็นขยะพิษ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก

 แขนขาชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง

ก็ให้มั่นล้างเส้นเลือดฝอยให้สะอาดด้วย

น้ำอ้อยดำ+ใบเตย อ้อยดำ 7 ข้อ

(นับตามข้อที่นูนออกมา )ใบเตย 3 ใบ

นำอ้อยดำมาสับเป็นท่อนๆเติมน้ำสะอาดพอท่วมอ้อย

ใส่ใบเตยลงไป ต้มจนเดือดสักพัก

(ห้ามใส่น้ำตาลโดยเด็ดขาด)

ดื่มได้ทั้งร้อนท้ั้งเย็น ดื่มติดต่อกัน

จนกว่าจะรู้สึกตัวเบาโล่งสบาย

 สูตรนี้ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ดีเยี่ยม

( บางทีก็เรียกอ้อยแดงหรืออ้อยขม

เป็นไม้มงคลปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยดูดโชคลาภเข้าบ้าน)



ขอบคุณที่มา fb. ทวีศักดิ์ ยุวนะวนิช







Create Date : 15 มีนาคม 2558
Last Update : 15 มีนาคม 2558 11:01:54 น.
Counter : 1286 Pageviews.

0 comment
### กล้วยน้ำว้าแก้โรคกระเพาะ ###













"กล้วยน้ำว้า" แก้โรคกระเพาะ

ถ้าใคร เป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่เป็นชนิดไม่รุนแรง

 ให้เอา “กล้วยน้ำว้าดิบ” ที่ยังไม่สุกปอกเปลือกออก

ฝานเนื้อเป็นแว่นบางๆ ตากแดดให้แห้งหรืออบแห้ง

แล้วบดเป็นผงละเอียดรับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

ละลายกับน้ำข้าวที่หุงแบบเช็ดน้ำ หรือผสมน้ำผึ้ง

หรือกับน้ำเปล่า กินก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง

เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอนทุกวัน

จะช่วยให้โรคกระเพาะอาหารที่เป็นอยู่ค่อยๆทุเลาลง

และหายได้ในที่สุด สูตรนี้ใช้กันมาแต่โบราณแล้ว





ขอบคุณที่มา fb. ทวีศักดิ์ ยุวนะวนิช








Create Date : 15 มีนาคม 2558
Last Update : 15 มีนาคม 2558 10:36:17 น.
Counter : 1784 Pageviews.

0 comment
### กระเจี๊ยบเขียว ###















กระเจี๊ยบเขียว

............

...พืชพื้นเมืองประเทศเอธิโอเปีย

แถบศูนย์สูตรของทวีปแอฟริกา อียิปต์

หมู่เกาะอินเดียตะวันตก และเอเชียใต้

กระเจี๊ยบเขียวจึงไม่ค่อยมีประวัติการใช้เป็นยามากนัก

แต่เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก

 ปัจจุบันประเทศไทยมีการปลูกและส่งออกกระเจี๊ยบเขียว

เป็นจำนวนมากปีละหลายล้านบาท

...คนไทยทุกภาคมักติดใจกระเจี๊ยบเขียว

เพราะรสชาติจืด หอม มัน กินได้ทุกเพศ ทุกวัย

แต่ละภาคมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป

กระเจี๊ยบเขียวมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการคือ

 มีคาร์ดบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลท แคลเซียม ฟอสฟอรัส

โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี1

วิตามินบี2 ไนอาซิน วิตามินซี อยู่ปริมาณพอสมควร

...และที่สำคัญของกระเจี๊ยบเขียวเกิดจาก

การที่กระเจี๊ยบเขียว มี กลูตาไทโอน (Glutathione)

 ซึ่งถือว่าเป็นราชาของสารต้านอนุมูลอิสระ

ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี

 และมีสารอาหารที่ไม่ละลายน้ำและเส้นใยละลายน้ำได้

เพคติน และเมือก จึงช่วยระบบขับถ่าย ระบบดูดซึม

ลดความเสี่ยงโรคแผลในกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่

...เส้นใยที่ละลายน้ำกระเจี๊ยบเขียว จะช่วยลดการดูดซึม

ของคอเลสเตอรอลและน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย

และทำให้อุจจาระคล่อง จึงเป็นการกำจัดไขมันปริมาณสูง

ที่จับกับน้ำดีอยู่ เป็นผลให้ลดไขมันและคลอเลสเตอรอลได้

คล้ายกับกินยา "สแตติน"

...และ สารเมือกหรือเส้นใยของกระเจี๊ยบเขียว

 เมื่อเข้าสู่ลำไส้ใหญ่จะช่วยให้การเจริญเติบโต

ของแบคทีเรียที่มีประโยชน์(พรีไบโอติก) ดีขึ้น

ซึ่งจะเป็นตัวช่วยลดปริมาณสารพิษ

ที่แบคทีเรียตัวร้ายในลำไส้นั้นสร้างข้นมาได้

ช่วยให้ถ่ายคล่อง สบายท้อง สมองผ่องใส

...นอกจากนี้ สารกลูตาไทโอน ยังมีบทบาทสำคัญ

ในการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย

 การสร้างซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยากำจัดพิษในร่างกาย

ปัจจุบันนิยมใช้สารนี้เพื่อให้ผิวขาวขึ้น

(เนื่องจากไปกดการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีชั่วคราว)

...หมอพื้นบ้านไทยทุกภาค รู้เหมือนกันอยู่ว่า

กระเจี๊ยบเขียว สามารถต้มกินรักษาพยาธิตัวจี๊ดได้

และได้รับความนิยมสืบต่อความรู้กันมาจนปัจจุบัน

 มีรายงานการทดลองพบว่า

สารสกัดกระเจี๊ยบเขียวด้วยแอลกออฮอล์สามารถ

ลดจำนวนพยาธิตัวจี๊ดในหนูถีบจักรได้

...สรรพคุณเด่นอีกอย่างหนึ่งของกระเจี๊ยบเขียว

คือการใช้รักษาโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ

บรรเทาอาการปวดท้องจากแผลในกระเพาะอาหาร

และลำไส้เล็กส่วนต้น มีรายงานการศึกษาพบว่า

สารประกอบไกลโคซิลเลทในกระเจี๊ยบเขียว

มีฤทธิ์ยับยั้งความสามารถของเชื้อแบคทีเรีย

 Helicobacter pylori (H. pylori)

ในการเกาะเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร

(เชื้อนี้เป็นตัวที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร)

 แต่สารไกลโคซิลเลทนี้จะมีฤทธิ์ลดลงเมื่อถูกความร้อน

...เล่ากันว่าชุมชนในมุสลิมสามจังหวัดใต้สมัยก่อน

นิยมกินผักที่เป็นเมือกเพื่อเพิ่มไขมัน หรือเมือกในข้อกระดูก

 เชื่อว่าจะทำให้ข้อเข่า ข้อต่อกระดูกมีน้ำเมือก ไม่เจ็บ

 ดังนั้นคนแก่จะชอบกินผักกูด และกระเจี๊ยบเขียวที่มีเมือกนั่นเอง

...ยางจากผลสดกระเจี๊ยบเขียว ช่วยรักษาแผลสด

เช่น เมื่อถูกของมีคมบาดให้นำยางจากผักกระเจี๊ยบทาแผล

 แผลจะหายไวไม่เป็นแผลเป็น และผลอ่อนกระเจี๊ยบ

มีเมือกลื่นทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น

มีชาวบ้านบางพื้นที่นำผลอ่อนกระเจี๊ยบเขียวพอกผิวหนัง

ที่รู้สึกแสบร้อนพบว่าช่วยบรรเทาได้

ตำรับยา

1.ตำรับยาแก้พยาธิตัวจี๊ด

>> ตำรับ1. ผลกระเจี๊ยบเขียวที่ยังอ่อนมาปรุงอาหารกิน

กินวันละ 3 เวลา อย่างน้อย 4-5ผล กินติดต่อกัน 15 วัน

บางคนอาจกินเป็นเดือนจนกว่าจะหาย

>> ตำรับ2. ใช้รากกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบขาว

 รากบักถั่วต้น(กระเจี๊ยบเขียว) ต้มกิน

2.ตำรับยารักษาโรคกระเพาะ

>> ฝักอ่อนกระเจี๊ยบเขียวหั่นตากแดด บดละเอียด

 กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำกิน

เวลาละลายจะได้น้ำยาเหนียวๆ ถ้ามีนมหรือน้ำผลไม้

หรืออาหารอ่อนๆ ละลายแทนน้ำจะทำให้รสชาติดีขึ้น

 รับประทานวันละ 3-4 เวลาหลังอาหาร

3. ตำรับยาบำรุงข้อกระดูก

>> นำผลจำนวน 3 ผล กินสดหรือต้มกินกับหอมแดง

 ขนาดใหญ่ 1 หัว เพื่อบำรุงร่างกาย

และเพิ่มความยืดหยุ่นในกระดูกโดยเชื่อว่า

เมือกในกระเจี๊ยบช่วยได้

(ตำรับของนายเซ็ง นาสูนา : หมอยาพื้นบ้าน จ.นราธิวาส)

4.ตำรับยาแก้ไข้แปลู

>> นำรากต้มผสมกับรากมะละกอตัวผู้ต้มกิน

แก้ไข้แปลู (ไข้แปลู คือไข้ที่ทราบสาเหตุ)

 (ตำรับของแมะ จ.ยะลา)

5. ตำรับยาแก้ปวดท้อง เจ็บท้อง ลงท้อง

>> ใช้รากกระเจี๊ยบเขียวฝนน้ำธรรมดากิน

(ตำรับหมอยาเมืองเลย)

ขอบคุณที่มา fb.#‎สมุนไพรอภัยภูเบศร‬
‪#‎ผักเป็นยา‬





ขอบคุณเจ้าของภาพ





Create Date : 13 มีนาคม 2558
Last Update : 13 มีนาคม 2558 15:34:35 น.
Counter : 2231 Pageviews.

0 comment
### ว่านหางจระเข้ ###















ว่านหางจระเข้

............

 สุมนไพรเก่าแก่มีใช้มานานกว่าสามพันปี

ถิ่นกำเนิดแถวเยเมนตะวันออกกลาง

แล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก

 ปัจจุบันแทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก

แต่ใครจะรู้บ้างว่าเจ้าว่านหางจระเข้นี้

เป็นยาวิเศษจากสวรรค์แท้ๆ

 พวกอินเดียนแดงถึงกับเรียกว่า ไม้เท้าศักดิ์ศิทธิ์จากสวรรค์

 นั่นก็คงเพราะเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาอวัยวะได้แทบทุกส่วน

 ทั้งรักษาแผล ฆ่าเชื้อ แก้ปวด แก้อักเสบ รักษาโรคท้องไส้

 ใช้คุมเบาหวาน และเป็นเครื่องสำอางค์อย่างดีเสียด้วย

จริงแล้วคนไทยเองได้มีการใช้ว่านหางจระเข้มานาน

 ในรูปแบบของ "ยาดำ" ..ยาดำคือยาที่ได้ยางของว่านหางจระเข้

 น้ำยางสีเหลืองที่รวบรวมได้หลังจากตัดว่านหางจระเข้

ก็จะนำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆจนข้นเหนียว

นำไปผึ่งแดดให้แห้งแข็งเป็นก้อนสีน้ำตาลดำ รสขมเหม็นเบื่อ

 กลิ่นชวนคลื่นไส้อาเจียนเสียจริง

ในตำรับยาไทยเรามักจะพบการใช้ยาดำอยู่เสมอ

โดยมากอยู่ในหม้อแรกๆ ที่ใช้รักษาเพื่อถ่ายของเสียออก

 สรรพคุณยาดำ คือ ถ่ายลมเบื้องสูงลงสู่เบื้องต่ำ

 กัดฟอกเสมหะและโลหิต ถ่ายพิษไข้ ถ่ายพยาธิตัวตืด ไส้เดือน

ขับน้ำดี มีฤทธิ์ไซร้ท้อง ฝนกับเหล้าขาวทาหัวฝี ทาแก้ฟกบวม

มีสารกลุ่มแอนทราควิโนนพวกบาร์บาโลอิน(barbaloin)

 คล้ายพวกมะขามแขก แต่มีฤทธิ์แรง

 ปกติไม่กินตัวเดียวจะเข้ายาตำรับ หรือกินแค่เม็ดถั่วเขียว

หรือจะเริ่มจากการรับประทานวุ้นว่านหางจระเข้

เพื่อช่วยระบายก็ได้เนื่องจากมีสารบาบาโลอินอยู่บ้าง

และมีเมือกช่วยหล่อลื่นได้ดีอีกด้วย

..สรรพคุณโด่งดังของว่านหางจระเข้

 คงหนีไม่พ้น การรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก

แต่ต้องรู้จักใช้ให้เป็น คือใช้ในปริมาณที่มากพอ

โดยสังเกตความปวดแสบร้อนหายไป

 แผลอื่นๆวุ้นว่านหางก็ช่วยได้

แต่ระวังยางเหลืองจะทำให้ระคายเคืองได้

มีงานศึกษวิจัยในห้องทดลองและในคนว่า

 วุ้นว่านหางจระเข้ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วได้

เนื่องจากมีสารอัลล็อคติน สารอโลอิน และอโลอิโมดิน

 ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบ

 และสารอัลลอคตินจะช่วยให้แผลตื้นและหายเร็วขึ้น

เพราะกระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อ

...ในหมู่หมอยาพื้นบ้าน รู้กันดีว่า ถ้ามีอาการปวดท้อง

ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ให้กินวุ้นว่านหางจระเข้

 ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า วุ้นว่านหางจระเข้

ช่วยลดการหลั่งของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร

และป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ

รวมทั้งทำให้การหายของแผลดีขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามในการรักษาโรคกระเพาะต้องมองเป็นองค์รวม

 ดูสาเหตุและแก้ให้ตรงจุด ที่สำคัญคือพฤติกรรมการบริโภค

...วุ้นว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณในการบำรุงผิว ป้องกันสิวฝ้า

 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผมมากมาย

จึงมีการใช้สารสกัดว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ

 แต่ทุกคนก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ

เช่น วัยรุ่นหน้ามัน ใช้วุ้นว่านหางจระเข้

เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าได้เลย

 ถ้าสูงอายุมาหน่อยใช้วุ้นว่านหางจระเข้อย่างเดียว

จะทำให้หน้าตึงไป ควรนำมาผสมกับครีมทาหน้าเล็กน้อย

 นอกจากนี้ วุ้นว่านหางจระเข้ยังช่วยทำให้ผมงอก

 ลดการหลุดร่วง ใช้วุ้นแทนเจลใส่ผมได้

สำหรับคนผมเสียแห้งกรอบแตกปลายไม่มีน้ำหนัก

ให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ ไข่แดง น้ำมันมะกอก

หมักผมก่อนสระอาทิตย์ละครั้ง

ช่วยดูแลเส้นผมให้ดกดำ มีน้ำหนักได้

...นอกจากนี้ วุ้นว่านหางจระเข้ ยังช่วยดูแลโรคบางโรค

เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ

 ไข้หวัด หอบหืด มีงานวิจัยพบว่าวุ้นว่านหางจระเข้

ช่วยลดเบาหวานได้

ตำรับยา

* สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

> วุ้นว่านหางจระเข้สด ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร กินทุกวัน

* แก้เมารถเมาเรือ

> กินวุ้นว่านหางจระเข้ ขนาด 2-3 เซนติเมตร ก่อนเดินทาง

* ยาโรคกระเพาะ

> วุ้นจากใบสดกว้างประมาณ 3 นิ้ว ยาว 4 เซนติเมตร

 แบ่งรับประทาน สองครั้ง

นอกจากรักษาโรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย ลำไส้อักเสบแล้ว

ยังมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรง

มีภูมิต้านทานดี

* ยาบำรุงร่างกาย

> ว่านหางจระเข้ทั้งเปลือก หั่นตากแดดให้แห้ง

ชงกินแบบชา ช่วยบำรุงร่างกายขับถ่ายสะดวก

* ยารักษาไฟไหม้น้ำร้อนลวก

> เตรียมวุ้นว่านหางจระเข้ ขนาดพอแปะบริเวณแผล

 ล้างยางสีเหลืองออก ฝานวุ้นเป็นแผ่นบางๆ

วางบนแผลมากพอจนอาการปวดแสบร้อนหายไป

เปลี่ยนเมื่อรู้สึกร้อน หรืออาจนำวุ้นไปแช่เย็นก่อนได้

* ยาบำรุงผม

> ไข่แดง น้ำมันมะกอก วุ้นว่านหางจระเข้อย่างละหนึ่งส่วน

ใสน้ำเล็กน้อย ปั่นให้เข้ากัน นำไปหมักผมที่เปียกชุ่มด้วยน้ำ

 ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก

ทำสัปดาห์ละครั้ง สองครั้งเห็นผล

ข้อควรระวัง

* การใช้เป็นเครื่องสำอางค์ต้องระวังยางสีเหลือง

ให้ล้างออกให้หมด เพราะจะทำให้ระคายผิว

* การใช้ยาดำเป็นยาระบาย ควรแค่เม็ดถั่วเขียว

ไม่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และไม่ใช้ประจำ

เพราะจะทำให้ลำไส้ชิน

และการใช้ยาดำจะมีผลทำให้ไซร้ท้องได้

.................

ขอบคุณที่มา fb. สมุนไพรอภัยภูเบศร
ขอบคุณเจ้าของภาพ





Create Date : 12 มีนาคม 2558
Last Update : 12 มีนาคม 2558 12:50:11 น.
Counter : 4754 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ