ห้ามกินผลไม้บางชนิดตอนท้องว่าง
อธิบดีกรมอนามัยเผยไม่มีงานวิจัยใดสนับสนุนให้กินผลไม้ก่อนอาหาร
ระบุผลไม้บางประเภทอาจส่งผลเสียต่อการดูดซึมสารอาหารของร่างกาย
ทั้งลูกพลับ สับปะรด ส้ม และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคือง
แนะควรกินผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม
สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และป้องกันมะเร็งบางชนิด
แถมช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า
ความเชื่อที่ว่า การกินผลไม้ก่อนอาหาร
จะช่วยให้ร่างกายการดูดซึมสารต่างๆในผลไม้ได้อย่างเต็มที่นั้น
ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าการกินผลไม้ตอนท้องว่าง
จะช่วยให้การดูดซึมได้ดีขึ้น มีเพียงข้อแนะนำ
ในการเลือกกินผลไม้ให้เหมาะสม
เพราะผลไม้บางชนิดก็ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เช่น ลูกพลับ
เนื่องจากกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามาก
หากไปรวมตัวกับยางและสารแขวนลอย
ในลูกพลับแล้วจะทำให้คลื่นไส้ และระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
ขณะที่มะละกอเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก
ส่วนสับปะรด ส้ม และมะนาว มีรสชาติเปรี้ยว
ทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
แต่ถ้าจะกินก่อนกินอาหารแค่ 2-3 ชิ้นเล็กๆ
ก็พอจะกินได้ และควรล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
เพื่อเป็นการลดสารเคมีตกค้าง
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า การกินผลไม้ให้ได้คุณค่าแต่ละครั้ง
ควรคำนึงถึงปริมาณที่เพียงพอ
มากกว่าช่วงเวลา โดยในหนึ่งวันควรกินผลไม้ให้ได้มื้อละ1-2 ส่วน
ตามแต่ละประเภท เช่น มะละกอสุก 6 ชิ้นพอคำ
เงาะ 4 ผล ฝรั่งครึ่งผล สับปะรด 6 ชิ้นพอคำ กล้วยน้ำว้า 1 ผล
ชมพู่ 2 ผลขนาดใหญ่ มังคุด 4 ผลขนาดกลาง ส้มสายน้ำผึ้ง 1 ผล เป็นต้น
ซึ่งจากรายงานทางคลินิกและระบาดวิทยาพบว่า การกินผลไม้เป็นประจำ
สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และป้องกันมะเร็งบางชนิด
รวมทั้งทำให้ระบบขับถ่ายปกติ
และช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากในผลไม้มีใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำ
เมื่อกินเข้าไปจะเกิดการพองตัวเป็นเจล
แทนพื้นที่บางส่วนในกระเพาะอาหาร
ทำให้รู้สึกอิ่ม อีกทั้งยังกักน้ำตาลและคอเลสเตอรอล ลดการดูดซึม
ดังนั้นเมื่อกินผลไม้ตอนท้องว่าง จึงทำให้รู้สึกอิ่ม
ส่งผลให้กินอาหารมื้อหลักหลังจากนั้นในปริมาณที่ลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ในผลไม้ยังมีใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ
ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น
ช่วยเร่งให้อาหารที่กินเข้าไป ผ่านไปตามทางเดินอาหารได้เร็วขึ้น
ทำให้ขับถ่ายได้เร็ว ช่วยลดการดูดซึม
หรือสัมผัสสารมะเร็งที่ปนเปื้อนเข้ามาและเพิ่มมวลอุจจาระ
ลดปัญหาท้องผูก
ทั้งนี้ ควรกินผลไม้ให้หลากหลายสลับกันไป
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต่างๆ
ที่มีประโยชน์อย่างสมดุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
#RamaChannel
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาฝากครับ