มะสัง
......
ชื่อสามัญ Wood apple ชื่ออื่น ผักสัง
(มุกดาหาร) หมากกะสัง มะสัง (ภาคกลาง) กะสัง (ภาคใต้)
หมากสัง กระสัง มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย
ต้นมะสังกลายเป็นต้นไม้มีราคา คนนิยมทำ บอนไซ
เพราะต้นสามารถตัดแต่งกิ่งให้สวยงามได้นั่นเอง
ผลมะสังมีสรรพคุณ ช่วยในการขับไขมัน
ออกจากร่างกาย ช่วยขับเหงื่อ ขับลม
จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร
แผ่กิ่งก้านจำนวนมาก ตั้งฉากกับลำต้นออกเป็นทรงพุ่ม
ลำต้นและกิ่งก้าน มีหนามแหลมยาว แข็ง
ประมาณ 1 - 2 เซนติเมตร
ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว หรือสองชั้น
ออกเวียนเป็นเกลียวตามกิ่ง ใบอ่อนออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน
ตรงปลายมีใบยอดเพียงใบเดียว ใบกลมรี
ขอบใบเว้าเข้าหาเส้นกลางใบ ดูคล้ายก้างปลา มี 3-5 แฉก
แผ่นใบโค้งขึ้นด้านบนเล็กน้อย สีเขียวเข้ม เป็นมันวาว
ความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร
ฐานใบแหลม มน หรือกลม ตามผิวใบมีต่อมน้ำมัน
ดอกออกเป็นช่อแยกแขนงที่ซอกใบ
คล้ายดอกกระถิน เป็นปุยๆ มีสีขาว
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี 5-6 กลีบ
เกสรเพศผู้มี 10-12 อันแยกกัน เกสรเพศเมียมี 1 อัน
ผลมะสัง มีผิวเปลือกนอกเป็นตุ่ม ๆ คล้ายมะกรูด
แต่มีลูกแป้น ๆ คล้ายมะนาว เปลือกจะแข็งมาก
ส่วนภายในลูกมะสัง จะไม่เหมือนมะนาว และมะกรูด
ที่มีเนื้อเป็นกลีบ ๆ แต่ข้างในจะมีเมล็ดคล้าย ๆ กับเมล็ดฝรั่ง
เมื่อกัดกินเข้าไปแล้ว จะรู้สึกว่ามีรสชาติเปรี้ยว ซ่า
นอกจากนี้ มะสัง ยังมีความโดดเด่น เรื่องกลิ่นหอม
เพราะมีน้ำมันหอมระเหย ที่เกิดจากการสะสมอาหารของพืช
ที่เปลี่ยนรูปไปเป็นส่วนต่าง ๆ กลิ่นหอมของมะสังนั้น
จะมีไว้เพื่อดึงดูดสัตว์ให้มากินผล
สาเหตุที่ต้องให้สัตว์มากินผล เพื่อให้เกิดการงอกของเมล็ด
เนื่องจากลูกมะสังแข็งมาก ตกก็ไม่แตก
อีกทั้งรสเปรี้ยว ของมะสังนั้นยังเป็นตัวยับยั้ง
การงอกของเมล็ด ถ้าปล่อยให้ผลสุกและงอกตามธรรมชาติ
จะใช้เวลานานมาก ต้องรอให้รสเปรี้ยวสลายไป
อาหารอร่อย สูตรเด็ดของชาวบ้านที่สืบทอดกันมานาน
กับเมนู "เลียงมะสังใส่ปลากด"
ตำ "น้ำพริกกะปิ "แทนมะนาว
แกงเลียง
ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ