Group Blog
All Blog
### ทุเรียน ###














ทุเรียน

........

ชื่อสามัญ Durian มาจากคำว่า duri ในภาษามาเลย์

ซึ่งแปลว่า “หนาม” จัดว่าเป็น “King of fruits"

เป็นพืชพื้นเมือง ของมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน

ทุเรียนนั้นมีมากกว่า 30 ชนิด แต่มีเพียง 9 ชนิดเท่านั้น

ที่สามารถรับประทานได้

แต่มีเพียงสายพันธุ์ Durio zibethinus ชนิดเดียวเท่านั้น

ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก

และชนิดนี้ก็แบ่งแยกย่อยไปอีกมากกว่า 200 สายพันธุ์ โ

ดยสายพันธุ์ ได้รับความนิยมและปลูกกันมากก็คือ

 พันธุ์หมอนทอง ชะนี กระดุมทอง และพันธุ์ก้านยาว

ปัจจุบัน ไทยผลิตทุเรียนมากที่สุด

รองลงมา คืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์

เนื้อและเมล็ดของทุเรียน มีคุณค่าทางอาหารสูง

 และให้พลังงานสูงเช่นกัน ประมาณ 124 กิโลแคลอรี/100 ก.

 เพราะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน

 และมีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส

 แคลเซียม ในเนื้อของทุเรียนยังมีสารประกอบ

ซัลเฟอร์หรือกำมะถัน เช่น thiols, thioethers, ester

 และ sulphides ซึ่งทำให้ทุเรียน มีกลิ่นเฉพาะตัวที่รุนแรง

 และสารสำคัญที่พบในทุเรียนคือสารในกลุ่ม คาโรทีนอยด์

ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล

เนื้อทุเรียน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และฤทธิ์ลดไขมันในเลือด

 แต่ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีแป้งและน้ำตาลสูง

จึงไม่เหมาะ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว

เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง

ซึ่งต้องควบคุมปริมาณ น้ำตาลและไขมันในเลือด

การกินทุเรียน 4 - 6 เม็ด จะเทียบเท่า

การดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง

 พลังงานประมาณ 400 กิโลแคลอรี

 และการกินทุเรียน กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

จะทำให้ร่างกาย เกิดความร้อนสูง

เสี่ยง ต่อการเสียชีวิตจากการขาดน้ำได้

และแนะนำว่าไม่ควรกินเกิน 2 เม็ดกลาง

หลังกินอาหารจานหลัก

สำหรับคนธาตุไฟ การกินทุเรียน ทำให้เกิดโรคร้อนใน

 และเจ็บคอได้ง่าย วิธีป้องกัน คือ

ดื่มน้ำผสมเกลือแกง ครึ่งช้อนชา หรือดื่มน้ำตามมากๆ

 เพื่อขับสารซัลเฟอร์ และช่วยลดอาการร้อนในได้

นอกจากนี้ยังพบว่าสาร polysaccharide gel

ที่ได้จากเปลือกทุเรียน มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด

และเมื่อนำไปผสมในอาหารสัตว์ ก็พบว่า

สามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกันให้กับกุ้งได้

และมีการนำสารดังกล่าวไปพัฒนาเป็นแผ่นฟิล์มปิดแผล

 ซึ่งพบว่าช่วยสมานแผลและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี

ทุเรียน ทานได้ทั้งสุกและห่าม แล้วแต่คนชอบ

นอกจานี้ยังนำไปใช้ทำอาหารได้ อย่างหลากหลาย

แม้แต่เมล็ดก็รับประทานได้ แต่ต้องทำให้สุกก่อน

 ผลสุกของทุเรียน ที่กินเนื้อทุเรียนสด

 ยังนำไปแปรรูปได้อีกหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นขนม

หรืออาหารหวาน อาทิ ทุเรียนกวน ทอฟฟี่ทุเรียน

 ทุเรียนแช่อิ่ม ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน ขนมเปี๊ยะไส้ทุเรียน

 หรือขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียน ไอศครีมทุเรียน

เนื้อทุเรียนที่ยังไม่สุก สามารถแปรรูป เป็นทุเรียนทอด

 ทำเป็นอาหารคาว อย่างเช่น แกงมัสมั่นทุเรียน

ที่จะใช้เนื้อทุเรียน หมอนทองที่ยังไม่สุก แทนมันฝรั่ง

หอมอร่อยมากกว่า แกงเขียวหวานทุเรียน แกงส้มทุเรียน

ทอดมันทุเรียน แกงฉู่ฉี่ทุเรียน ผัดเปรี้ยวหวานทุเรียน

 ส้มตำทุเรียน แทนมะละกอ ยำทุเรียน

เมล็ดทุเรียน กินได้ คล้ายๆ กับเมล็ดของขนุน

โดยการนำมานึ่ง คั่ว หรือทอดให้สุกหรือจะนำไปเผาแบบมันเผา

 โดยเนื้อของเมล็ดทุเรียน จะมีลักษณะคล้ายกับเผือก

 หรือมันเทศ แต่มีความเหนียวกว่า

ที่กัมพูชา ทุเรียนที่ขึ้นชื่อ ต้องมาจาก จ.กำปอด

 และเมนูที่เป็นที่ยอดนิยม คือ น้ำทุเรียนปั่น

 ส่วนมากจะนิยมปั่นผสมกับผลไม้อื่นๆ

อาจจะใส่ไข่ หรือใส่กะทิลงไปด้วย

ส่วนที่มาเลเซีย จะทำทุเรียนดอง และทุเรียนแช่อิ่ม

ทำลูกกวาด ขนมปัง และขนมต่างๆ ได้อีกหลากหลาย

อินโดนีเซีย มีทั้งการนำทุเรียนไปทอด กับหัวหอมและพริก

 เพื่อให้เป็นเครื่องเคียง บ้างก็ใส่เนื้อทุเรียนลงในซุป

นำทุเรียนไปทำเป็นซอสปรุง กับเนื้อสัตว์

 และยังทำเป็นทุเรียนดอง ที่สามารถกินแบบดิบ

หรือจะนำไปปรุงผสม กับส่วนผสมอื่นๆ

ตำราแพทย์ไทยหรือจีน ต่างก็แนะนำการแก้อาการร้อนใน

 จากทุเรียนไว้คล้ายกัน คือ ให้กินอาหารธาตุเย็น

 เข้าไปปรับสมดุลของร่างกาย เช่น มังคุด แตงโม ส้ม สับปะรด

 อาจชงน้ำเกลือ เจือจางดื่ม หรืออาจจะดื่มน้ำเปล่าตามไปมากๆ

ส่วนเปลือกทุเรียน ก็มีประโยชน์มากกว่าใช้ตบคน

ความเชื่อโบราณบอกไว้ ให้รินน้ำใส่เปลือกทุเรียนที่กินเนื้อไปแล้ว

 และดื่มน้ำนั้น หรืออาจจะใส่เกลือ ลงไปในน้ำเล็กน้อย

จะช่วยแก้อาการร้อนใน จากการกินทุเรียน และดับกลิ่นปาก

 และ กลิ่นติดมือ

ลักษณะของผลทุเรียน จะมีขนาดใหญ่ ผลรีถึงกลม

และมีเปลือก สีเขียวถึงสีน้ำตาล ที่ปกคลุมไปด้วยหนามแข็ง

ผลทุเรียนอาจมีเส้นผ่าศูนย์กลางของผลยาวถึง 15 ซม.

 น้ำหนักโดยทั่วไปประมาณ 1-3 กิโลกรัม

และมีเนื้อที่นำมารับประทานเป็นสีเหลืองซีดจนถึงสีแดง

 ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์


























 

ทุเรียนแดง ....ทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของรัฐ Sabah

 ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีแถบเดียวในโลก ที่มีสายพันธุ์นี้อยู่

 เนื้อของทุเรียนจะมี สีแดงมรกต สีเข้ม ต้นจะสูงหลายสิบเมตร

 มีหนามที่ยาว ผลสุกจะแตกคาต้น กลิ่นของเนื้อทุเรียน

 จะไม่รุนแรงเหมือนทุเรียนทั่วไป กลิ่นคล้ายอัลมอนด์คั่ว

 รสชาดสู้ทุเรียนไทยไม่ได้เลย

 

 











ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 10 มิถุนายน 2558
Last Update : 10 มิถุนายน 2558 9:00:57 น.
Counter : 2674 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ