ข้อสังเกตุเกี่ยวกับการทดสอบ GT200
- น่าสงสัยว่าทำไมถึงไม่ให้คนดูการทดสอบ แต่ถ้าหลังจากนี้เปิดเผย VDO บันทึกการทดสอบทั้งหมดก็ถือว่า OK
- ประเด็นที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ทำไมต้องรอการประชุมลับก่อนที่จะประกาศผล ทั้ง ๆ ที่ก็สามารถประกาศข้อมูลดิบออกมาได้เลยโดยไม่ต้องรอสัปดาห์หน้า (ข้อมูลดิบคือข้อมูลหลังจากการทดสอบว่าทั้ง 20 ครั้งหาเจอกี่ครั้ง โดยไม่ต้องรอผลวิเคราะห์ทางสถิติ ซึ่งประกาศออกมาก็ไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์ผิดพลาดแต่อย่างใด) การประชุมลับแบบนี้ เพื่ออะไร? ความจริงถ้าจะต้องการทำให้มันเกิดความประจ่าง ก็ควรจะให้สาธารณะชนรับทราบแนวทางและวิธีการอันนำมาซึ่งข้อสรุปในทุกขั้นตอน ไม่ใช่ว่าเอาผลกลับไปประชุมลับก่อนแล้วค่อยสรุปออกมา แบบนี้ คนที่สงสัย เขาก็ยังสงสัยต่อไปว่า ... แล้วในที่ประชุมลับ พูดอะไรกัน?
- การทดสอบทำในห้องปิดขนาด 2,500 ตารางเมตร ใช้เจ้าหน้าที่ใช้เครื่อง GT200 หาจำนวน 20 ครั้ง ในกล่องทั้ง 4 กล่อง ซึ่ง 1 กล่องนั้นมีระเบิด C4 อยู่ โดยคนหาและคนซ่อนไม่ทราบว่าระเบิดอยู่กล่องไหน
ตรงนี้ อยากให้นึกถึงว่า เราทำข้อสอบ 20 ข้อ แต่ละข้อมีตัวเลือก 4 ตัวเลือกคือ ก. ข. ค. ง. ข้อสอบให้เลือกตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดเพียงหนึ่งตัวเลือก
- ดังนั้น คิดในทางคณิตศาสตร์ โอกาสของเจ้าหน้าที่ที่จะหาระเบิดเจอโดยการสุม/โอกาสของผู้ทำข้อสอบที่จะมั่วข้อสอบถูก เท่ากับ 25% เหมือนกัน
- ในเชิงเปรียบเทียบแล้ว ถ้าผลการทดสอบ GT200 ออกมาได้ว่า เครื่องสามารถหาเจอได้สัก 50% ขึ้นไป อันนี้น่าเชื่ออย่างไร้ข้อสงสัยว่า เครื่องใช้งานได้จริง
- แต่ถ้าเครื่องหาเจอได้ต่ำกว่าราว 30% ลงมา แปลว่า เครื่องทำไม่ได้ดีไปกว่าการเดาสุ่มเลย ซึ่งสรุปได้เลยว่า เครื่องใช้งานไม่ได้ เพราะแม้จะใช้เครื่องหา หรือใช้เจ้าหน้าที่หรือใครก็ตามลองเดาว่ากล่องไหนมีระเบิดโดยเอามือชี้ ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน
- ถ้าผลการทดสอบออกมาแล้วเป็นที่ยอมรับว่าใช้ได้ รัฐบาลก็ควรค้นหาจุดบกพร่องในการใช้งานที่เครื่องเคยผิดพลาดและผลสรุปออกมาว่ามาจากความผิดพลาดของมนุษย์ว่า เกิดจากอะไร เพื่อที่ได้ปิดจุดผิดพลาดนั้นและทำให้การใช้งานเครื่องเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และที่สำคัญ อย่าลืมไปเคลมเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญจากเจมส์ เรดี้ด้วย ซึ่งผมขอเสนอให้นำเงินนี้มาตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาในหลักสูตรการถอดทำลายวัตถุระเบิด (EOD)
- ถ้าเครื่องใช้ไม่ได้ รัฐบาลควรสั่งการให้เหล่าทัพทั้งสามเหล่าทัพปลดประจำการเครื่องทั้งหมดในทันที รวมถึงทบทวนกระบวนการการจัดหายุทโธปกรณ์เข้าประจำการใหม่
- และถ้าเครื่องใช้ไม่ได้ เรื่องนี้จะหาคนรับผิดชอบลำบาก เพราะเท่าที่ดูแล้ว กระบวนการตามขั้นตอนการจัดหาแล้ว ถูกต้องตามหลักของกรมบัญชีกลาง ก็อาจจะเป็นไปได้หรือเปล่าว่า กองทัพก็ถูกเล่นตุกติกจากบริษัทเอกชนเหมือนกัน ก็คือบริษัทเอกชนหลอกกองทัพเสียสนิทว่าเครื่องได้ผลหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ บอกได้ว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายของกองทัพ ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีเลย มีรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกถูกหลอกมากกว่าเราอีก การออกมายอมรับและดำเนินการจะถือว่ากองทัพเป็นลูกผู้ชายด้วยซ้ำ ผมว่าคนชื่นชมจะมีมากกว่า ดังนั้นถ้าจะดำเนินการ ควรดำเนินการฟ้องร้องบริษัทเอกชนให้มีการรับผิดชอบความเสียหายของรัฐ
- การปรับปรุงกระบวนการการจัดหาอาวุธนั้น อาจจะใช้การจัดหาอาวุธของสิงคโปร์เป็นตัวเปรียบเทียบ เนื่องจากกระบวนการการจัดหาอาวุธของสิงโปร์นั้น ดำเนินการโดยกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นฝ่ายทหาร ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นพลเรือน โดยฝ่ายทหารทำหน้าที่ประเมินค่าว่าอาวุธนั้นเหมาะสมสำหรับยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์หรือไม่ ส่วนฝ่ายพลเรือนทำหน้าที่ประเมินประสิทธิภาพในแง่ของเทคโนโลยี หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยี และยังให้กระทรวงพาณิชย์มีส่วนร่วมในการเจรจาผลประโยชน์ทางการค้าการและลงทุนในสิงคโปร์ ทำให้เมื่อสิงคโปร์ประกาศเลือกอาวุธแบบใด ก็มีสามารถตอบคำถามได้ทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และเชิงวิทยาศาสตร์
| Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553 |
| Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 20:00:59 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 2201 Pageviews. |
 |
|
|
เจิมมั่ว ๆ ยังได้เจิม
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [