ชีวิตก็คือละครหรือนิยายเรื่องหนึ่ง
|
||||||
เวลาทืหายไป - บทที่ 56 ลลิตานั่งคอยอยู่แล้วที่เก้าอี้ชุดในส่วนที่จัดเป็นที่รับรองแขก เมื่อคริสผ่านประตูอพาร์ตเมนท์ของเธอเข้ามา สีหน้าของเขาไม่ปกติ มีรอยกังวลและหมองเศร้าที่หญิงสาวเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาสังเกต เธอรู้ว่าไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เขาก็คงอึดอัดแทบพูดไม่ออกด้วยกันทั้งนั้น ทั้งๆที่เตรียมใจรับคำพิพากษาของคริสเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ลลิตาก็ยังอดใจหายไม่ได้ เพราะคำพิพากษานั้นคือคำสั่ง...ตัดสินประหารชีวิตเธอ คริสทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ ลลิตาอดยอกแปลบในหัวใจไม่ได้กับท่าทีเหมือนระวังตัวของเขา ปกติที่นั่งของเขาจะอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับเธอ นั่งแบบแนบชิดตามประสาคนที่รักกัน แต่วันนี้เขาคงจงใจทำตัวเหินห่างราวกับแขกที่มาเยือน หญิงสาวพยายามข่มสีหน้าให้เป็นปกติทั้งๆที่หัวใจร้อนรุ่ม เธอเข้าไปจัดน้ำเย็นมาวางให้เขาตรงหน้า แล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม “ลิตาเพิ่งกลับมาหรือ?” คริสเริ่มต้นเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร “ลิตากลับมาเมื่อเช้านี้ค่ะ ความจริงตอนแรกลิตากะจะอยู่ต่ออีกสองวัน แต่เห็นพี่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย ลิตาก็เลยกลับมาก่อนกำหนด” ลลิตามองสีหน้าเจื่อนสนิทของคริส เขาไม่สบตาเธอ แต่เสยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ยังพูดอะไรไม่ออก จนในที่สุดเธอต้องเป็นฝ่ายเตือนเขา “พี่มีเรื่องอะไรจะพูดกับลิตาก็พูดมาเถอะค่ะ” ชายหนุ่มอึกอักอยู่อึดใจเต็ม ก่อนเริ่มต้นด้วยการถามว่า “ลิตาคงพอจะรู้ใช่ไหมว่าพี่จะพูดอะไร” หญิงสาวเลิกคิ้ว ถามตัวเองว่าทำไมเขาจึงยังรีรออยู่ ทำไมไม่พูดในสิ่งที่เขาตั้งใจมาพูด แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคริสจะพูดเรื่องอะไร แต่ทำไมเธอจะต้องช่วยเปิดทางให้เขา “ลิตาไม่แน่ใจว่าพี่มีเรื่องอะไรจะพูดกับลิตา” แล้วเธอก็ยิ้มนิดๆเมื่อถามว่า “หรือพี่จะถามเรื่องรายชื่อแขกที่จะต้องส่งให้เคธี่ช่วยพิมพ์?” คริสหน้าเจื่อน ที่เขาถามเช่นนั้นก็เพราะรู้จากมารดาตอนที่พบกันเมื่อเช้านี้ ว่าลลิตาเห็นรูปลูกของเขาที่เธอวางลืมไว้บนโต๊ะในห้องนอนของเขาแล้ว ตอนนั้นแม้จะตกใจมาก แต่ขณะเดียวกันเขาก็โล่งใจที่จะไม่ต้องหาวิธีพูดกับลลิตา โดยไม่ให้เธอตกใจจนเกินไป ถ้าไม่เคยระแคะระคายอะไรมาก่อน “ลิตาคงเห็นรูป..เอ้อ..เด็กแล้วใช่ไหม?” ลลิตาส่งยิ้มเย็นๆให้เขาเมื่อย้อนถามว่า “เด็ก? เด็กที่ไหนคะ? แล้วพี่รู้ได้อย่างไรว่าลิตาเห็นแล้ว หรือที่รู้ก็เพราะพี่จงใจวางทิ้งไว้ตรงนั้นเพื่อให้ลิตาหายโง่เสียที หลังจากที่โง่มานาน” ชายหนุ่มหน้าเสียไปทันที อ้อมแอ้มแก้ตัวว่า “เปล่า พี่ไม่ได้เจตนาอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เอาออกมาดูแล้วลืมเก็บ ไม่นึกว่าลิตาจะไปเห็นเข้า” หญิงสาวเยาะว่า “ลืมหรือคะ? ลืมเหมือนที่ลืมเอารายชื่อแขกของพี่ให้ลิตาหรือเปล่า?” คริสนิ่งอึ้ง เขาจำเป็นต้องทำให้ลลิตาเชื่อว่าเขาเป็นคนลืมรูปพวกนั้นไว้ในห้อง เพราะไม่ต้องการให้มารดาต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยโดยไม่จำเป็น “ที่พี่มาวันนี้เพื่อจะมาขอร้องลิตาเรื่องงานแต่งงาน..." ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้พูดจนจบ เพราะลลิตาพูดแทรกขึ้นมาทันที “เอาละ ตอนนี้ลิตาก็รู้เรื่องหมดแล้ว พี่ไม่ต้องพูดอะไร ให้ลิตาเป็นคนพูดดีกว่า “ เธอยิ้มเศร้าๆที่ทำให้คริสใจหายด้วยความสงสาร “ลิตายอมรับว่าโง่มานาน ที่ยอมให้พี่หลอกไม่มีที่สิ้นสุด ยอมแม้แต่จะหลอกตัวเองว่าพี่ยังรักลิตาเหมือนเดิม ถึงพี่จะมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่ลิตาก็ยังอยากแต่งงานกับพี่ พยายามปลอบใจตัวเองว่าถ้าแต่งงานกันแล้ว พี่ก็จะลืมเขาได้ในที่สุด ลิตาโง่มาก จริงไหมคะพี่?” ชายหนุ่มนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก หัวอกหัวใจเต็มไปด้วยความละอายและสงสารเธอ ในขณะที่ลลิตาก็พูดต่อไปด้วยเสียงเรียบๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร “ลิตาเจอรูปพวกนี้ในห้องพี่ที่บ้านคุณป้า ลิตาไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีคนอยากให้ลิตาเข้าไปเอาของในห้องพี่ ทั้งๆที่เอามาวางไว้ให้ในห้องโถงข้างนอกก็ได้ แม้แต่รูปพวกนี้มันก็อยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ ลิตาไม่รู้ว่ามีใครจัดฉากอะไรหรือไม่อย่างไร แต่ลิตาจะไม่สนใจอีกแล้ว” สีหน้าของเธอมีแววเยาะหยันใครหรืออะไรบางอย่าง ลลิตาไม่คิดที่จะเอ่ยถึงรูปที่ได้จากนักสืบของมารดา เพราะมันจะทำให้คริสรู้ว่า เธอและมารดาใช้นักสืบติดตามตัวเขาไปจนถึงเวียงพุกาม ซึ่งอาจจะทำให้เขาพาลโกรธและทำให้สถานการณ์พลิกกลับไป กลายว่าเป็นความผิดของเธอที่ไม่ไว้วางใจเขา จนต้องส่งสายสืบไปแอบถ่ายรูปเขามา “เขาเป็นลูกของพี่ใช่ไหม?” แต่เธอคงไม่ต้องการคำตอบเพราะเธอพูดต่อไปว่า “เขาคงเป็นลูกของพี่กับผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆที่พี่ก็ไม่เคยยอมรับกับลิตาเลย ว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาจนมีลูกด้วยกัน ลิตาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาคนนั้นจะเก่งกาจ จนสามารถยั่วคนอย่างพี่ให้ตบะแตกจนยอมมีลูกกับเขาได้” ลลิตาทำหน้าเย้ยหยันเหยียดหยาม ฝากไปถึงผู้หญิงอีกคนที่เป็นศัตรูหัวใจของเธอ คำพูดพาดพิงถึงทิพย์สุรางค์ในแง่มุมนั้นทำให้คริสรู้ต้องอึ้งไป ทิพย์สุรางค์ไม่เคยทำอะไรแบบนั้น เขาต่างหากที่ทำเรื่องน่าอัปยศให้เธอ แต่เขาก็พยายามทำใจให้ให้อภัยลลิตา ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่คนผิด ความจริงเขาเองก็รู้อยู่เต็มอก ว่าทั้งทิพย์สุรางค์และลลิตาต่างก็ไม่มีความผิดอะไรเลย คนที่ผิดก็คือเขา “ลิตาไม่รู้ว่าพี่คิดจะบอกเรื่องนี้กับลิตาหรือเปล่า แต่คงไม่บอกหรอก พี่คงคิดว่าลิตาโง่เง่า พี่บอกอะไรก็เชื่อหมด ลิตาจะทำเฉยๆไม่ปริปากเรื่องลูกของพี่แล้วแต่งงานไปกับพี่ก็ได้ พี่ก็คงจะยอมแต่งงานกับลิตาอยู่ดี ถึงหมดรักลิตาแล้วพี่ก็จะแต่ง เพราะพี่คิดว่าต้องรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับลิตา” “ลิตา พี่คิดจะบอกลิตาหมดทุกอย่างวันนี้แหละ” เขารู้สึกละอายใจที่คิดจะบอกเรื่องนี้กับเธอก็จริง แต่เพื่อจุดประสงค์อื่น “ที่ผ่านมาพี่ไม่กล้าบอกลิตา เพราะรู้ว่าจะทำให้ลิตายิ่งเสียใจมากขึ้นจากที่เสียใจอยู่แล้ว” “พี่ไม่รู้หรอกหรือว่าไม่ว่าจะบอกตอนไหน ลิตาก็ต้องเสียใจทั้งนั้น พี่ใจร้ายมาก เรารักกันมานานมาก นานจนตอนนี้ลิตารู้สึกเสียใจที่ยอมรอพี่นานขนาดนั้น ลิตาเสียใจที่ไม่ยอมมองหาตัวสำรองเอาไว้บ้าง ถ้าลิตายอมรับไมตรีของใครอีกสักคน ในช่วงที่พี่หายตัวไปมีความสุขกับผู้หญิงอื่น ปล่อยให้ลิตารอพี่ทั้งๆที่ไม่แน่ใจเลยว่าพี่จะกลับมาหรือไม่ ลิตาก็คงไม่ต้องเศร้าและรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างนี้” น้ำตาของเธอเริ่มไหลรินลงมาช้าๆโดยไม่ได้เสแสร้ง หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูบนโต๊ะกลางขึ้นมาซับน้ำตา ในขณะที่คริสมองน้ำตาของเธออย่างสงสารและหดหู่หัวใจ อยากจะปลอบเธอก็ไม่กล้า จะแก้ตัวอะไรก็คงฟังไม่ขึ้น “ลิตาเจ็บปวดที่สุดในชีวิตวันที่รู้ว่าพี่มีลูกกับเขา เราเคยคุยกันเรื่องลูก พี่บอกว่าพี่จะมีลูกกับผู้หญิงที่พี่รักเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นคือลิตา แต่แล้ววันหนึ่งความจริงก็ปรากฏออกมา ว่าพี่แอบไปมีลูกกับคนอื่นเสียแล้ว” น้ำเสียงของเธอเศร้าสร้อยจนคริส ต้องนิ่งอึ้งอย่างละอายใจ เขาจำได้ว่าเคยพูดและตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าบางครั้งโชคชะตา ก็เล่นตลกกับชีวิตมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะไม่ได้เกิดขึ้นโดยความตั้งใจของเขา แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าเขาไม่อยากจะแก้ตัวอีกแล้ว “ลิตาเคยตั้งใจเอาไว้ตอนที่รู้ว่าพี่มีคนอื่น ว่าถ้าพี่มีอะไรกับเขาแล้วลิตาก็จะไม่สนใจ จะไม่คิดมาก จะพยายามทำใจให้คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย ที่อาจจะไขว้เขวไปบ้าง ขอเพียงพี่อย่าไปติดต่อกับเขาอีกและลืมเขาเสีย แล้วเราก็จะแต่งงานกัน พี่เห็นไหมว่าลิตาซึ่งไม่ใช่คนผิด ต้องกลายเป็นฝ่ายถอยรับอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ตั้งรับอย่างที่ควรจะเป็น แล้วนี่มันอะไรกัน? พอลิตาทำใจเรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ชั่วครั้งชั่วคราวของพี่ได้ ก็มีเรื่องลูกของพี่กับเขาโผล่ออกมาอีกเรื่องหนึ่ง” ลลิตาพยายามที่จะหยุดร้องไห้ เธอต้องเข้มแข็งเอาไว้ คริสกลายเป็นคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว ตอนนี้เขามีทั้งลูกและเมีย ส่วนเธอกลายเป็นส่วนเกิน หญิงสาวเช็ดน้ำตาจนแห้งสนิทแล้วกล่าวต่อไป “ความจริงลิตาก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ ลิตาไม่ได้รังเกียจลูกของพี่ เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ของคนที่ลิตารักมากที่สุดในชีวิต ถ้าลิตาแต่งงานกับพี่ เขาก็เป็นลูกของลิตาได้เหมือนกัน แต่ลิตาก็ไม่อยากทำบาป ด้วยการพรากเด็กคนหนึ่งไปจากพ่อหรือแม่ของเขา ลิตาจึงจำเป็นต้องขอยกเลิกการแต่งงานของเรา ยอมเสียสละยกพี่ให้ผู้หญิงคนนั้นไปเพราะเห็นแก่เด็กคนหนึ่ง ที่ลิตาไม่แน่ใจว่าเกิดมาจากความประมาทขาดสติของพี่ หรือความจงใจของเขาคนนั้น ที่แน่ๆคือเขาคงไม่ได้เกิดมาจากความรัก พี่ไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย พี่จะให้เกียรติผู้หญิงที่พี่รัก พี่จะไม่มีวันทำลายเขาให้เสียหายจนท้องไม่มีพ่อขึ้นมา ลิตารู้ว่าพี่ลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเขาคนนั้นมีลูกกับพี่ๆก็คงทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รับผิดชอบเขาไม่ได้ ส่วนลิตาเองก็ไม่อยากให้พี่ กลายเป็นผู้ชายที่ขาดความรับผิดชอบในสายตาของคนอื่น ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ ลิตายอมเป็นฝ่ายเสียสละเดินจากพี่ไปเสียเอง ทั้งๆที่ยังรักพี่อยู่เหมือนเดิม” ลลิตาหยุดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีก ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นอีกแล้ว เธอมองหน้าผู้ชายคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้า ด้วยสายตาที่ทั้งรักและแค้น “โธ่! ลิตา ทั้งพี่และเขาต่างก็ไม่ได้อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเลย พี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทรยศต่อลิตา เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะรักพี่ พี่จะพูดยังไงลิตาถึงจะเข้าใจว่า ไม่มีใครต้องการหรือวางแผนให้มันเกิดขึ้น” คริสทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว และเขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ เพราะถึงเขาจะเห็นว่าทิพย์สุรางค์เป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์อย่างมาก ผู้ชายคนไหนได้เข้าใกล้เธอ ก็มีสิทธิที่จะไขว้เขวไปได้จากแรงดึงดูดที่ทรงพลังของเธอ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะไปวุ่นวายอะไรกับเธอ ทั้งๆที่ตอนนั้นเขาไม่มีความทรงจำที่เกี่ยวกับลลิตาเลยด้วยซ้ำ ในสายตาของเขา ทิพย์สุรางค์เป็นหญิงสาวที่สูงส่ง เป็นธิดายอดดวงใจของเจ้าของอาณาจักรเวียงพุกามผู้ทรงอิทธิพล ในขณะที่เขาเป็นเพียงลูกจ้างต๊อกต๋อยของบิดาเธอ ที่แม้แต่ชื่อตัวเองยังจำไม่ได้ เขาอยู่ที่เวียงพุกามอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แล้วคนอย่างนั้นน่ะหรือที่จะบังอาจเผยอหน้าไปรักเธอ ให้เป็นที่เย้ยหยันไยไพของคนอื่น แต่แล้วก็เหมือนกับพระพรหมแสร้งบันดาลให้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ที่ทำให้ชีวิตของเขาและทิพย์สุรางค์ต้องมีอันผันแปรไป ซึ่งย่อมต้องส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อลลิตาด้วย อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ “เอาเถอะ พี่ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ลิตาแค่อยากจะบอกพี่ว่า ถึงเราจะเคยมีสัญญาต่อกัน แต่พี่ก็ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นกับคำสัญญานั้น เพราะสัญญาระหว่างเราเป็นสัญญาใจที่เกิดขึ้นตอนที่มีเราเพียงสองคน ตอนนั้นพี่ยังไม่ได้เจอเขา เมื่อพี่ได้เจอเขา หัวใจที่เคยมีแต่ลิตาเพียงคนเดียวก็กลับมีเขาเพิ่มเข้ามาอีกคน พี่อาจจะไม่ได้รักเขามากมาย เพราะเวลาระหว่างเขากับพี่มันน้อยนัก แต่เขามีสิ่งที่ลิตาไม่มี คือเด็กคนนั้น ลิตาให้อภัยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่ลิตาเห็นแก่เด็กคนหนึ่ง จึงจำเป็นต้องปล่อยพี่ไปทำหน้าที่พ่อให้เขา พี่จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ลิตายอมเสียสละเป็นฝ่ายเจ็บปวดเสียเอง” แล้วลลิตาก็หยุดมองคริส ด้วยสายตาที่ทั้งเจ็บปวดและเศร้าหมอง เธอจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงให้เขาเห็นว่า เธอไม่ได้นึกรังเกียจลูกของเขาเลย ทั้งๆที่ความจริงเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจะทำใจให้รับหรือให้รักลูกของเขา เหมือนลูกตัวเองได้หรือไม่ถ้าแต่งงานไปกับเขา แต่เมื่อถูกบีบบังคับโดยสถานการณ์ให้ต้องจำใจเป็นฝ่ายปล่อยเขาไป เธอก็จะต้องทำให้คริสรู้สึกสงสารความเสียสละ และยกย่องความเป็นคนดีมีคุณธรรมของเธอด้วย ลลิตา ภักดีวงค์จะเป็นผู้หญิงใจร้ายใจดำในสายตาของคนอื่นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของผู้ชายคนที่เธอรัก ผู้หญิงคนนั้นควรจะสำนึกเอาไว้ด้วย ว่าทุกอย่างขึ้นกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่ยอมปล่อยคริสเด็กคนนั้นก็จะต้องไม่มีพ่อต่อไป เธอจำเป็นต้องเล่นบทแม่พระทั้งๆที่ไม่เต็มใจเลย ส่วนคริสก็นั่งฟังคำพูดของลลิตาเงียบๆราวกับคนใบ้ หัวใจของเขาก็ถูกบีบคั้นด้วยความสงสารและความเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเธอ ซาบซึ้งในน้ำใจของเธอที่มีต่อลูกของเขา เขาคงไม่อาจลืมลลิตาได้ง่ายๆเพียงชั่วข้ามคืนเหมือนที่คิดเอาไว้ ความรักที่เคยบ่มเพาะร่วมกันมาเนิ่นนาน ไม่อาจจะถูกทำลายลงไปหมดได้ในชั่วพริบตา เขารู้ว่ามันคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร กว่ามันจะค่อยๆจางลงแล้วเหือดหายไปจนหมดในที่สุด เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของคริส ที่ฟังคำพูดของเธออยู่เงียบๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไร ลลิตาก็กล่าวต่อไป “ลิตาขอบอกพี่ว่า ถึงเราจะเลิกกันแต่ลิตาก็คงจะยังรักพี่ต่อไป เพราะลิตาแค่เลิกแต่งงานกับพี่ แต่ไม่ได้เลิกรักพี่ พี่จะยังอยู่ในหัวใจของลิตาเสมอและตลอดไป กาลเวลาและความห่างไกลอาจจะทำให้มันจืดจางลงไปบ้าง แต่มันก็จะยังอยู่ในหัวใจของลิตาเสมอ อาจจะเหลือเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆเมื่อลิตาได้พบใครคนใหม่ แต่เศษเสี้ยวนั้นจะยังคงอยู่ แม้แต่พี่ก็เหมือนกัน อย่านึกว่าพี่จะลืมความรักความหลังของเราได้ง่ายๆ ถึงพี่จะมีรักใหม่ที่พี่คิดว่ายิ่งใหญ่กว่าความรักที่เคยมีให้ลิตา ถึงพี่จะอยู่กับเขาอย่างมีความสุข แต่ก็จะมีบางช่วงบางเวลาที่พี่จะคิดถึงลิตา เพราะอะไรรู้ไหม? ก็เพราะพี่เป็นคนดีมีจิตใจอ่อนโยน ถึงยังไงพี่ก็ต้องนึกสงสารลิตาอยู่บ้างหรอก” ถึงจะรู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า เธออาจจะได้พบรักใหม่และอาจจะลืมคริสได้จนหมดสิ้น แต่ลลิตาก็จำเป็นต้องพูดเช่นนี้เพื่อลงโทษเขา เธอรู้จักเขาดี เธอรู้ว่าคริสรู้สึกผิดอย่างมหันต์ต่อเธอ ความสำนึกผิดนี้จะทำให้เขาลืมเธอไม่ลง เธอตอกย้ำเขาด้วยการสะกิดเตือนให้เขาเข้าใจว่า เธอยังรักเขาอยู่เสมอและอาจจะตลอดไป ยามใดที่เขาคิดถึงสิ่งที่เธอพูดในวันนี้ มีหรือที่เขาจะไม่รู้สึกเสียใจ ที่ทำให้เธอต้องยอมเป็นผู้เสียสละเพราะเห็นแก่ลูกของเขา จำใจเดินจากเขาไปทั้งๆรัก แล้วเขาจะมีความสุขอย่างเต็มที่กับผู้หญิงคนนั้น บนความทุกข์และน้ำตาของเธอได้ก็ให้มันรู้ไป “ลิตาเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม "หญิงสาวตอกย้ำต่อไป " ลิตาเชื่อว่าสักวันหนึ่ง สิ่งที่เขาทำกับลิตาจะย้อนกลับมาสนองเขา รักกันมานานถึงสิบปีพี่ยังเปลี่ยนใจได้เลย นับประสาอะไรกับความรักของพี่กับเขาเพียงไม่ถึงปี จะมั่นคงยืนยงอยู่ได้ ช่วยบอกเขาด้วยว่าอย่าทะนงตน คิดว่าชาตินี้พี่จะรักเขาคนเดียวได้ตลอดไป อย่าลืมบอกให้เขารู้ด้วยว่าตอนนี้ลิตายอมหลีกทางให้ เพราะเห็นแก่พี่และลูกของพี่ ไม่ใช่เพราะเขา แต่วันข้างหน้าไม่มีอะไรแน่นอน อะไรๆก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ” ลลิตาต้องการจะพูดทุกอย่างให้คริสเสียใจ สำนึกผิดและสงสารเธอ เธอจะทำให้เขาและผู้หญิงคนนั้นมีความสุขน้อยกว่าที่ควร ถึงจะไม่แน่ใจว่าจะรักเขาได้ตลอดไป หรือจะรอให้เขากลับมาหาเธอ หลังจากความหลงที่เธอคิดเอาเองว่าบังตาเขาอยู่หมดไปแล้ว แต่เธอก็ต้องการจะทิ้งบาดแผลเจ็บๆคันๆไว้ในชีวิตของคนทั้งสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงคนที่แย่งชิงหัวใจของคริสไป ให้ได้รู้รสชาติของความหวาดระแวง เกรงว่าจะถูกทรยศขบถรักเสียบ้างว่าเป็นอย่างไร ความจริงลลิตารู้จักคริสดี ว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีความมั่นคงโดยธรรมชาติของเขาเองอยู่แล้ว เธอรู้ว่าเขาจะรักและซื่อสัตย์ต่อผู้หญิงคนที่เขาแต่งงานด้วยเสมอ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร ตอนนี้หญิงสาวแน่ใจแล้วว่าถ้าเขาไม่สูญเสียความจำในช่วงที่หายตัวไป เขาจะไม่มีทางนอกใจเธอไปรักผู้หญิงคนนั้นได้เลย เขาจะปิดกั้นหัวใจตัวเอง ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางไปจากเธอได้ แต่ถึงจะรู้เช่นนี้ก็ไม่มีทาง ที่เธอจะอภัยให้ผู้หญิงคนใหม่ของเขาได้ ก็ทำไมเธอจะต้องให้อภัยศัตรูหัวใจของเธอด้วยเล่า? “ส่วนเรื่องงานแต่งงานของเราพี่ก็ไม่ต้องห่วง พี่ก็แค่สั่งเคธี่ให้จัดการยกเลิกเสีย พี่จะเป็นฝ่ายได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ถ้าจะต้องเสียบ้าง ก็คงเป็นเงินมัดจำค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานเท่านั้น อ้อ..แล้วเรื่องพ่อกับแม่ของลิตา พี่ก็ไม่ต้องกังวล ลิตาจะบอกท่านเองว่าลิตาจะไม่แต่งงานกับพี่ ลิตาขอเลิกกับพี่ ท่านคงจะไม่เสียใจหรอก อาจจะดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่ลูกสาวของท่านจะได้เป็นอิสระ หลุดพ้นจากพันธนาการของความรักงี่เง่านี้เสียที” แล้วหญิงสาวก็หยิบกล่องแหวนหมั้นวงที่เป็นทางการ ที่มารดาของเขามอบให้ออกมา ที่เธอเตรียมเอาไว้แล้ว ยื่นมันไปวางไว้ตรงหน้าคริส “ลิตาจะเก็บแหวนหมั้น วงที่พี่ซื้อหามาด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงของพี่เอาไว้ เพราะมันมีความหมายสำหรับลิตามาก เป็นสิ่งที่พี่มอบให้แทนหัวใจพี่ตอนที่มีแค่เราสองคน ส่วนแหวนวงนี้ขอคืนพี่ไป พี่จะเอาไปโยนทิ้งหรือจะเอาไปมอบให้เขาก็ได้” แล้วลลิตาก็ยิ้มเย้ย เมื่อเชือดเฉือนทิพย์สุรางค์ผ่านไปทางเขา “เขาคงยินดีที่จะรับกากเดนจากลิตาเป็นครั้งที่สอง คนบางคนไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ เพราะความอยากมันบังตาจนไม่ยอมรับรู้ว่าอะไรเป็นของใคร ควรจะทำอย่างไร” ลลิตามองหน้าที่หมองคล้ำของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแน่วแน่ ดวงตาของเธอมีรอยเศร้าและเจ็บปวดที่คริสมองเห็นได้ชัดเจน เขารู้ว่าเธอเจ็บปวดและเสียใจมาก...มากที่สุดในชีวิต เขาเองก็เช่นเดียวกัน เขารู้สึกเศร้าใจสงสารลลิตาผู้ไม่มีความผิด นอกจากนี้ยังรู้สึกซาบซึ้งกับคำพูดของเธอ ที่บอกว่าจะรักเขาตลอดไปไม่อาจลืมเขาได้ เขาก็เป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งที่มีหัวจิตหัวใจ เขาหรือจะไม่หวั่นไหว เสียใจและสงสารเธอ แล้วยังความใจกว้างของเธอที่ยอมเสียสละ เพื่อประโยชน์ของเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอีกเล่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้คริสรู้ว่า ไม่สามารถจะตัดลลิตาออกไปจากหัวใจได้อย่างง่ายดาย รวดเร็วและโดยเด็ดขาดเหมือนที่เคยคิด เขาคงจะเก็บเธอแอบซุกซ่อนไว้ในเศษเสี้ยวเล็กๆของหัวใจ โดยที่ทิพย์สุรางค์ไม่จำเป็นต้องรู้ ความจริงเขาเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ต้องลาจากกันไปและกลายเป็นคนอื่น หลังจากรักกันมาเนิ่นนานถึงสิบปี เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่เคยรักลลิตา หรือตอนนี้หมดรักเธอ ไม่หลงเหลือแม้แต่เยื่อใยใดใดแล้ว เขายังรักเธออยู่ แม้จะไม่เท่าเก่าและไม่ซาบซึ้งดื่มด่ำเหมือนเดิม เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นกรรมหรือเวรอันใดที่ทำร่วมกันมา ที่ทำให้ความรักต่อผู้หญิงอีกคนหนึ่ง มีพลังและอิทธิพลเหนือหัวใจเขามากกว่า โดยที่ไม่ต้องนำเด็กชายตัวน้อยคนนั้นมาขึ้นตาชั่งด้วยเลย คริสไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าเขาก็เหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไปทุกคน ที่เมื่อโชคชะตาพัดพาเอาผู้หญิงสองคนเข้ามาอยู่ในหัวใจ ก็ย่อมอยากจะเก็บเธอทั้งสองคนนั้นเอาไว้ ไม่อยากจะสูญเสียใครคนใดคนหนึ่งไปถ้าเป็นไปได้ แต่เมื่อกฏเกณฑ์ของสังคมและมโนธรรมของเขาเองไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นได้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทำตามความต้องการของหัวใจ เก็บผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ แล้วปล่อยผู้หญิงอีกคนหนึ่งไป ให้กลายเป็นเพียงแค่คนเคยรักเท่านั้น ในที่สุดลลิตาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ พูดกับคริสด้วยเสียงเรียบสนิท “หมดธุระของพี่แล้ว พี่ได้สิ่งที่อยากได้แล้ว คืออิสรภาพที่ลิตายอมมอบคืนให้พี่ ขอให้เราลาจากกันตั้งแต่วันนี้ วันหนึ่งข้างหน้าไม่ว่าเราจะได้พบกันอีกหรือไม่ ลิตาก็จะไม่ลืมพี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะยังอยู่ในหัวใจของลิตาเสมอ ลิตาขอขอบคุณพี่ที่ทำให้ลิตาเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกอยู่ถึงแปดปีเต็ม แต่ตอนนี้เวลาของลิตากับพี่หมดแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงลิตา แม้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีพี่อีกแล้ว แต่ลิตาก็จะอยู่ต่อไปให้ได้ ลาก่อนนะคะพี่คริส หวังว่าพี่จะมีความสุขอย่างที่พี่หวังเอาไว้” แล้วเธอก็เดินไปเปิดประตูอพาร์ตเมนท์ ยืนรอให้เขาเดินผ่านหน้าเธอออกไป คริสลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่เดินออกไป สีหน้าของเขาซีดเศร้าเต็มไปด้วยความละอายใจ เขาหยุดตรงหน้าลลิตา “ลิตา พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบใจที่ลิตาเข้าใจและเห็นใจพี่ ขอให้เชื่อเถิดนะว่าพี่ไม่เคยตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา พี่ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปรักผู้หญิงอื่น แต่มันก็เหมือนเป็นกรรมเป็นเวร ที่ทำให้พี่ถูกทำร้ายจนเสียความจำ แล้วเรื่องต่างๆมันก็เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นลูกโซ่อย่างที่เห็น พี่ต้องขอโทษลิตาอีกครั้ง พี่จะคิดว่าลิตาเป็นน้องสาวของพี่ มีอะไรที่พี่ช่วยได้ก็ขอให้บอก” ลลิตาตัดบทด้วยสีหน้าที่ทรนงว่า “ลาก่อนค่ะพี่คริส พี่กลับไปเสียเถิด ลิตาอยากอยู่คนเดียว” คริสมองหน้างามที่ซูบซีดเศร้าหมองอย่างแสนสงสาร แต่เมื่อได้ตัดสินใจแล้วเขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป “ลาก่อน ลิตา ขอให้ลิตาโชคดี ได้พบผู้ชายสักคนที่ดีกว่าพี่ พี่เชื่อว่าลิตาจะได้พบผู้ชายคนนั้นในไม่ช้า พี่ลาก่อน” คริสมองหน้าลลิตาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินผ่านเธอออกประตูไป โดยไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย ทิ้งให้หญิงสาวปิดประตูแล้วลงนั่งร่ำไห้เหมือนหัวใจแตกสลาย เมื่อคิดถึงวันพรุ่งนี้ที่จะไม่มีเขาคนนั้นอีกต่อไป เขาไปแล้ว ไปหาผู้หญิงที่เขารัก เอาข่าวดีไปบอกแล้ววางแผนแต่งงานกันโดยเร็ว ทิ้งเธอให้จมอยู่คนเดียวกับภาพความรักความหลัง ที่ประดังประเดลื่นไหลผ่านเข้ามาในมโนภาพ ความรักความหลังที่ยาวนานเกือบสิบปี ที่เคยมีกันและกันเพียงสองคนเท่านั้นในโลกใบนี้....พี่คริสกับลิตา ! เลิกกันแล้ว
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 ตุลาคม 2567 เวลา:21:57:58 น.
ดีเหมือนกันค่ะคุณตุ้ย
ไม่ต้องอธิบายอะไรเลย มีคนอื่นพูดแทนจนหมด โดย: หอมกร วันที่: 30 ตุลาคม 2567 เวลา:7:33:56 น.
ตามมาอ่านอย่างต่อเนื่องตลอดนะคะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 30 ตุลาคม 2567 เวลา:10:19:23 น.
สวัสดี จ้ะ น้องตุ้ย
เฮ้อ ! บทบาทตอนนี้ของ ลิตา คงทำให้คริส ซาบซึ้งใจเนาะ ถึงแม้ ว่า ไม่ใช่ยอมเสียสละอย่างจริงใจ แต่เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตนเองก็ เถอะ ก็ดี ทำให้เรื่องจบลงอย่างง่ายขึ้น พระเอกของเราเลยโล่งใจไม่ ต้องแก้ตัว อิอิ รออ่านตอนต่อไป จ้ะ โหวดหมวด งานเขียนฯ โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 31 ตุลาคม 2567 เวลา:21:21:24 น.
|
BlogGang Popular Award#20
ดอยสะเก็ด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
|
|||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |