ชีวิตก็คือละครหรือนิยายเรื่องหนึ่ง
|
||||||
เวลาที่หายไป - ยทที่ 55 หลังจากพูดกับมารดาจบ ลลิตาก็ลงนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป คำพูดบางอย่างของคุณลักษณา ทำให้เธอเริ่มคิดหาทางหนีทีไล่ เป็นไปได้มากทีเดียวที่คริสจะมาหาเธอทันทีที่ถึงนิวยอร์ค เขาอาจจะมาหาเธอตามปกติ หรืออาจจะมาสารภาพเรื่องผู้หญิงและเด็กคนนั้น เพื่อขอยกเลิกการแต่งงานกับเธอก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แม้ประเด็นหลังนี้เธอจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นักว่าเขาจะกล้าทำได้ แต่อย่างน้อยคำเตือนของมารดา ก็ทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอยังไม่พร้อม ยังไม่ได้เตรียมการอะไรเลย ถ้าคริสมาขอเลิกกับเธออย่างกะทันหันโดยที่เธอยังไม่มีแผนที่จะรับมือกับเขา เธอคงทำอะไรไม่ถูกแน่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ ต้องออกจากกรุงนิวยอร์คไปเสียก่อนที่เขาจะมาถึง ไปหาที่เงียบๆคิดทุกอย่างให้รอบคอบ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วค่อยกลับมาเผชิญหน้ากับคริส แล้วในที่สุดวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ลลิตาก็จับเครื่องบินในประเทศมุ่งหน้าไปลอสแองเจลิส เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งที่จองเอาไว้ล่วงหน้า เธอมีเพื่อนที่สนิทกันพอสมควรคนหนึ่งทำงานอยู่ในแอลเอนี้ แต่ไม่ได้คิดจะไปหา ตอนนี้เธอไม่ต้องการพบใครทั้งสิ้น ปัญหาชีวิตที่หนักหน่วงกดดันยิ่งกว่าครั้งใด ทำให้หญิงสาวต้องการเวลาอยู่ตามลำพังกับตัวเอง เพื่อที่จะพิจารณา วิเคราะห์และหาข้อสรุปว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นสาเหตุ และสุดท้ายคือจะแก้ปัญหานั้นได้หรือไม่และด้วยวิธีใด จึงจะเป็นประโยชน์กับเธอมากที่สุด เท่าที่ผ่านมาเธอกับคริสยังไม่เคยมีปัญหาที่ร้ายแรงถึงขั้นนี้ ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับเขาและผู้หญิงคนนั้น ที่พัทยาเมื่อสองสามเดือนที่แล้วที่คิดว่ารุนแรงที่สุดแล้ว ก็ยังนำมาเปรียบไม่ได้กับครั้งนี้ หญิงสาวใช้เวลาเกือบทั้งวัน คิดทบทวนถึงเหตุการณ์และพฤติกรรมต่างๆของคริส ในช่วงที่เขากลับมาหลังการหายตัวไปจนถึงวันนี้ แล้วก็ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่เธอเคยแค่สงสัยไม่แน่ใจ แต่ถูกเขากลบเกลื่อนปัดเป่าไป ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในช่วงนั้น แล้วเธอก็หลงเชื่อเขา ไม่ว่าเขาจะทำท่าทุกข์ตรมเศร้าสร้อยเหม่อลอยเหมือนหัวใจอยู่ไกลลิบ และความผิดปกติอื่นๆอีกมากมาย แม้แต่ตอนที่เขาสารภาพว่ารักผู้หญิงอีกคนหนึ่งในช่วงที่หายไป แต่ไม่มีแม้แต่สักครั้งที่เธอจะสงสัยไปไกล ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขนาดมีลูกด้วยกัน ลูกที่เขาเคยพร่ำพูดเสมอว่าจะมีกับเธอแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด จนแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ลลิตาก็น้ำตาไหลพรากด้วยความเศร้าโศกเสียใจ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไป ถ้าต้องเลิกกันเธอจะทนได้หรือ กับชีวิตที่ปราศจากผู้ชายคนที่รักกันมานานถึงสิบปี แต่ถ้าไม่เลิกเธอจะทนได้ไหม ถ้าคริสในฐานะพ่อจะยังต้องการเด็กคนนั้น หรือถ้าแต่งงานกันไปแล้ว เธอจะแน่ใจหรือไว้ใจเขาได้อย่างไร ว่าความผูกพันทางสายเลือดระหว่างเขากับเด็กชายคนนั้น จะไม่ดึงเขาและผู้หญิงคนนั้นให้หันกลับมาหากันอีก เธอจะต้องอยู่กับความหวาดระแวงไปตลอดชีวิตหรือเปล่า หญิงสาวคิดเพ้อเจ้อไปไกล ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ลลิตาบอกตัวเองว่าเธอจะดึงดันแต่งงานกับคริส โดยทำไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องเด็กคนนี้ก็ได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเธอกับเขา เธอรู้จักคริสดีว่าเขาเป็นคนที่มีมโนสำนึกและความรับผิดชอบ เขาอาจจะยอมรับผิดชอบโดยเดินหน้าแต่งงานกับเธอ แต่เขาก็คงอยากรับผิดชอบลูกของเขาด้วย แม้เขาอาจจะไม่ได้รักแม่ของเด็กคนนั้นมากเหมือนที่รักเธอก็ตาม แล้วหัวใจที่วุ่นวายสับสนของลลิตา ก็ย้อนนึกไปถึงรูปถ่ายของเด็กตัวเล็กๆคนนั้น ไม่เข้าใจว่ามันมาวางรวมอยู่กับกระดาษรายชื่อแขกของคริสได้อย่างไร ซองขนาดเอ4ทั้งใบเทียวนะ ไม่ใช่แค่รูปโปสการ์ดใบสองใบ ที่อาจจะหลงปะปนอยู่กับกระดาษพวกนั้นได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น จึงน่าจะเป็นไปได้ว่าผู้วางของสองสิ่งนั้นไว้ด้วยกันมีเจตนาให้มันอยู่ด้วยกัน ลลิตาถามตัวเองว่าเพื่ออะไร แล้วก็ได้คำตอบว่าเพื่อให้เธอเข้ามาเอารายชื่อแขกแล้วพบซองรูปพวกนั้นน่ะสิ พอคิดเช่นนั้นหัวใจของหญิงสาวก็ปวดแปลบขึ้นมาอีก นี่หมายความว่าคริสเจตนาจงใจไม่ส่งรายชื่อแขกของเขาให้เธอ เพื่อที่จะให้เธอติดตามหาจนได้พบมันพร้อมกับรูปพวกนั้นหรือ? เขาเป็นนักวางแผนที่โหดเหี้ยมร้ายกาจขนาดนั้นเลยหรือ? รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะต้องสงสัยและพยายามค้นหาความจริงด้วยตัวเองจนได้ ความจริงที่เขาเองก็รู้ว่าอาจจะฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็นได้ ลลิตาร้องไห้สะอึกสะอื้นคร่ำครวญอยู่คนเดียว ด้วยความเสียใจแค้นใจผู้ชายคนที่เธอจงรักภักดี เชื่อถือและเชื่อมั่นมายาวนาน แต่แล้วครู่ต่อมา ใจของหญิงสาวก็กระตุกวาบขึ้น เมื่อความฉลาดบวกกับการที่รู้จักคริสเป็นอย่างดีบอกเธอว่า เขาไม่ใช่คนที่จะคิดหรือทำอะไรยอกย้อนซ่อนเงื่อนแบบนั้น ถ้าเช่นนั้นรูปพวกนั้นไปอยู่ตรงที่ไม่ควรอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่ใช่เขา หรือว่าเรื่องนี้จะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ปกติห้องนอนของคริสไม่เคยถูกปิดทิ้งไว้เฉยๆไม่มีใครเข้าไปแตะต้อง เวลาที่เขาอยู่ในวอชิงตัน ดีซี. ไม่คุณนวลละออกก็คุณธัญญาจะเข้าไปดูแลจัดการ ให้มันอยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมใช้อยู่เสมอ หรือว่า...หรือว่ามันเป็นแผนการของใครสักคนในบ้านนั้น ที่ต้องการให้เธอรู้เรื่องลูกของคริสทางอ้อม ใคร..คุณธัญญาหรือคุณนวลละออ? หรือทั้งสองคนร่วมมือกันเพื่อที่จะเขี่ยเธอให้ออกไปพ้นทาง เพื่อต้อนรับเด็กคนนั้นซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเข้าสู่ตระกูลเลย์ตัน หลังจากคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดกลับไปกลับมา หญิงสาวก็เริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง อะไรที่ยิ่งทำให้เจ็บช้ำหนักขึ้นไปอีก ทำไมทั้งคุณธัญญาและคุณนวลละออ จะต้องบังเอิญไม่อยู่บ้านพร้อมๆกันในวันนั้น ทำไมคุณนวลละออจึงบอกเธอว่าคริสคงจะเดินทางไปเมืองไทย ทั้งๆที่เธอไม่ได้ถาม แสดงว่าทั้งคุณธัญญาและคุณนวลละออ รู้เรื่องเด็กคนนี้มาก่อนแล้วและคงสนับสนุนให้คริสเดินทางไปเมืองไทย ไปหาผู้หญิงและเด็กเพื่อตกปากรับคำยอมรับผิดชอบพวกเขาอย่างนั้นหรือ ลำพังตัวคริสเอง ลลิตาไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำอย่างนั้นได้หรอก ถ้าไม่มีใครสนับสนุนส่งเสริม หมายความว่าคนบ้านนั้นช่วยกันหลอกเธอใช่ไหม เมื่อคิดว่าเห็นจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้ครบถ้วนแล้ว ลลิตาก็ถอนใจยาวอย่างเคียดแค้นและอัดอั้นตันใจ ทำไมหญิงสาวจะไม่รู้ว่าเธอถูกต้อนเข้ามุม ด้วยแผนการซับซ้อนของใครคนหนึ่ง ที่ตอนนี้เธอค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเป็นใคร ความจริงการได้พบรูปเด็กชายคนนั้นและแม้แต่รูปสามรูปที่นักสืบของมารดาส่งมาให้ ซึ่งทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่ลลิตาก็ไม่ได้คิดจะนำมันมาเป็นสาเหตุหลักที่จะเลิกกับคริส แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่เมื่อเธอยังรักคริสอยู่ ไม่อยากจะเสียเขาไป และในช่วงเวลาฉุกละหุกอย่างนี้ที่ทำอะไรไม่ได้มาก เธอก็จำเป็นที่จะต้องมองข้ามเรื่องนี้ไปก่อน ไว้ค่อยจัดการทีหลังเมื่อเรื่องต่างๆจบลงอย่างที่เธอต้องการแล้ว ลลิตายังเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองว่าจะรับมือกับแม่ลูกคู่นั้นได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่หญิงสาวยอมรับไม่ได้ คือแผนการของใครคนนั้นที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก ที่บีบให้เธอจำเป็นต้องรีบตัดสินใจ ใครคนนั้นที่เคยสนับสนุน เห็นดีเห็นงามกับความรักระหว่างเธอกับคริสได้เปลี่ยนไปแล้ว ใครคนที่เธอทั้งรักและเคารพและเชื่อว่ารักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ ได้ทรยศหักหลังเธอ หันไปสนับสนุนศัตรูหัวใจของเธอแทน ซึ่งคงจะสืบเนื่องมาจากเด็กตัวเล็กๆคนที่อยู่ในรูปนั่นแหละ ลลิตาจะทนแต่งงานอยู่กินกับคริสได้อย่างไร ถ้ารอบตัวเธอมีแต่คนทรยศ ถ้าเธอยังทำไม่รู้ไม่ชี้ยืนขวางอยู่ระหว่างคริสกับลูกของเขา คนพวกนี้จะยังเห็นเธอเป็นสะใภ้ ที่พวกเขารักและเกรงใจ รวมทั้งยกย่องให้เกียรติ อย่างที่เธอฝันมาตลอดสิบปีอยู่อีกหรือ? ถ้าเธอกับคริสแต่งงานกันไปแล้ว แต่ใครคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องรูปพวกนี้ ซึ่งมีอิทธิพลต่อคริสมากที่สุด เกิดอยากได้เด็กคนนั้นขึ้นมาและคอยกระตุ้น ให้เขาสำนึกถึงความรับผิดชอบต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเธอ ตอนนี้คนที่เธอไม่สามารถจะอภัยให้ได้ ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงคนที่เป็นศัตรูหัวใจของเธอคนเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่บีบเธอให้ต้องยอมจำนนอีกด้วย เธอรักคริสมากและยังรักอยู่เสมอ ไม่คิดว่าจะลืมเขาได้ง่ายๆ แต่เธอก็ต้องรักตัวเองและเกียรติยศศักดิ์ศรี ของตัวเองและครอบครัวด้วย ถ้าเธอยังอยู่เฉยๆไม่เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน แล้วเขามาบอกเธอเรื่องเด็กคนนั้นแล้วขอเลิกกับเธอเล่า เธอจะทนไหวหรือที่ต้องเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดรูป หญิงสาวรู้สึกเหมือนคนจนตรอกที่ถูกต้อนให้เข้ามุม เหลียวซ้ายก็เจอเสือ เหลียวขวาก็เจอจระเข้ แล้วนี่จะทำอย่างไรต่อไป ถึงจะคิดเหมือนกับจะยอมแพ้เช่นนั้น แต่ต่อมาอีกครู่หนึ่ง ลลิตาก็นึกฮึดอยากเอาชนะขึ้นมาอีก บอกตัวเองว่าดีละ ถ้าคนบ้านนั้นรุมข่มเหงหัวใจเธอขนาดนั้น ทำไมเธอจะต้องยอมแพ้ช่วยเปิดทาง ให้พวกเขาได้มีโอกาสชื่นชมเด็กคนนั้น ในฐานะทายาทคนหนึ่งของตระกูลเลย์ตันด้วยเล่า ถ้าเธอทำไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างแล้วแต่งงานกับคริส คนพวกนั้นจะทำอะไรได้ คริสนั่นหรือจะกล้าออกปากขอเลิกกับเธอ เขาเป็นคนรู้การณ์ควรไม่ควร ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามตามใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อคนรอบข้าง กำหนดการแต่งงานของเธอกับเขาก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เขาหรือจะใจร้ายยกเลิกการแต่งงาน ที่ฝ่ายเธอต้องเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่าฝ่ายเขาได้ลงคอ ดีละ..เธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ที่จะกล้ำกลืนความเจ็บปวดทั้งหมดเก็บไว้ในอก เดินหน้าแต่งงานกับเขาไปตามกำหนด โดยไม่สนใจหรือเห็นแก่ใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วคอยดูกันต่อไปสิว่าหลังการแต่งงาน เธอจะมีวิธีจัดการกับคนรอบตัวคริสได้อย่างไร คนพวกนี้ประมาทเธอเกินไปเสียแล้ว แต่หลังจากที่ลลิตาเริ่มสบายใจ เพราะมีคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าจะเดินหน้าเข้าพิธีวิวาห์กับคริส รวมทั้งวางแผนที่จะรีบกลับไปพบคริส ที่เธอรู้ว่าคงมาถึงกรุงนิวยอร์คเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเขาในตอนดึกของคืนนั้น “ลิตาอยู่ที่ไหนน่ะ ถามใครก็ไม่มีใครรู้” เสียงของเขาค่อนข้างห้วน เหมือนไม่พอใจที่หาเธอไม่พบ ลลิตาฝืนหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ “ลิตาอยู่แอลเอค่ะ มีธุระกับเพื่อนคนหนึ่ง พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ” คริสอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนถามอีกว่า “จะกลับมานิวยอร์คเมื่อไร” “คงจะพรุ่งนี้แหละค่ะ พี่เพิ่งมาจากดี.ซี. หรือคะ” ตอนนี้แม้จะได้ยินเสียงที่ไม่ค่อยปกติของคริส ลลิตาก็ยังมั่นใจอยู่ว่าจะเอาชนะเขาและทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ แต่แล้วคำถามประโยคต่อๆไปของเขานั่นน่ะสิ ที่ชักจะมีอะไรแปร่งๆ “รายชื่อแขกทั้งหมดที่อยู่กับลิตา ยังไม่ได้เอาไปทำอะไรต่อใช่ไหม?” “กลับไปนี่ลิตาจะเอาไปให้เคธี่ช่วยจัดการทำต่อให้ค่ะ พี่ถามทำไมหรือคะ” เขานิ่งไปนานจนหญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนแรกเธอนึกว่าเขาห่วงกลัวจะแจกบัตรเชิญไม่ทัน แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว “เอางี้ดีไหมลิตา เรื่องรายชื่อแขก เรื่องบัตรเชิญอะไรนั่นเก็บเอาไว้ก่อน ยังไม่ต้องทำอะไร” “พี่คริส! พี่หมายความว่ายังไงคะ? อย่าลืมว่าถ้าช้าไปจะไม่ทันนะคะ” เสียงของเธอเริ่มสั่น “เอาเถอะ เอาอย่างที่พี่ว่านี่แหละ ลิตา..เรา” เขาชะงักไปอึดใจหนึ่ง เหมือนไม่อยากพูดหรือไม่กล้าพูดต่อ แต่จำเป็นต้องพูด “เราต้องคุยกัน พี่มีเรื่องสำคัญจะพูดกับลิตา พี่จะไปหาลิตาที่อพาร์ตเมนท์พรุ่งนี้ตอนค่ำๆ รอพบพี่นะ อย่าเพิ่งไปไหนหรือทำอะไร แค่นี้ก่อนนะ” จบคำพูดของเขาลลิตาก็ตกตะลึงจังงัง รู้สึกราวกับต้องสายฟ้าฟาดจนชาไปทั้งตัวและหัวใจ นี่หมายความว่าอะไร? นี่ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าเขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ตัดสินใจที่จะล้มเลิกการแต่งงาน เพื่อไปรับผิดชอบผู้หญิงและเด็กตัวเล็กๆคนนั้น เขาทำอย่างนั้นกับเธอได้อย่างไร ความหวังอันน้อยนิดและริบหรี่ ที่จะได้คริสกลับคืนมาเมื่อครู่ก่อน พลันมอดดับจนไม่เหลือแม้แต่ซาก หญิงสาวผู้หมดทั้งแรงกายสิ้นทั้งแรงใจ ซมซานไปล้มตัวลงบนเตียงนอนที่อยู่ใกล้ๆ น้ำตาแห่งความผิดหวังเสียใจ แค้นและเจ็บปวดราวจะขาดใจ หลั่งไหลออกมาไม่ยอมหยุด ตัวของเธอสั่นสะท้าน เสียงสะอื้นของเธอที่หลุดออกมาโดยบังคับไม่ได้ก้องสะท้อนไปมา อยู่ในห้องเล็กๆแคบๆที่มีแต่เธอเพียงผู้เดียว โธ่เอ๋ย..เป็นไปได้หรือนี่ว่าคริสไม่ต้องการเธออีกแล้ว หมดสิ้นเยื่อใยทั้งสิ้นทั้งปวงที่เคยมีต่อกันมาเนิ่นนาน เขาหรือนี่ที่กำลังเงือดเงื้อดาบคมกริบพร้อมที่จะฟันฉับลงมา เพื่อตัดสายใยแห่งรักที่ได้ร่วมถักทอกันมาเนิ่นนาน เริ่มจากเส้นใยเล็กๆสองเส้น ที่เรียงร้อยเป็นห่วงสอดรัดเกี่ยวพันกันไปเรื่อยๆ จนในที่สุดกลายเป็นพรมทอมือผืนใหญ่ลวดลายสวยงามตระการตา รอแต่วันเวลาที่จะถูกนำไปใส่กรอบแขวนประดับไว้บนฝาผนัง ให้คนทั่วไปได้ชื่นชมกับความประณีตงดงามอลังการของมันเท่านั้น เขาจะรู้บ้างไหมว่าแม้เขาจะสามารถทำลายพรมผืนนั้น ให้ขาดวิ่นเสียหายหมดค่าหมดราคาลงไปได้ในพริบตา ด้วยการฟันอย่างแรงเพียงครั้งเดียวก็จริง แต่จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรกว่าที่ห่วงเล็กๆแต่ละห่วง โซ่เล็กๆแต่ละโซ่เป็นแสนเป็นล้าน ที่รึงรัดร้อยเรียงเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นพรมผืนงามขึ้นมา จะค่อยๆคลายตัวแล้วขาดหลุดออกจากกันกลายเป็นเส้นใยธรรมดา ตามสภาพเดิมของมันได้ ตอนนี้คริสปิดประตูทางออกของเธอหมดแล้ว บีบให้เธอต้องเล่นไปตามเกมของเขา เกมที่มีเธอเป็นผู้แพ้ แต่คนอย่างลลิตาถึงจะถูกต้อนเข้ามุมก็ยังมีวิธีที่จะเต้นออกไปจากมุมนั้นได้เสมอ ตอนนี้เธอเห็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว เธอรู้แน่ชัดแล้วเมื่อครู่นี้เองว่าคริสจะมาพบเธอที่อพาร์ตเมนท์พรุ่งนี้ เพื่อพูดเรื่องสำคัญกับเธอ เรื่องที่ว่านี้ไม่มีทางจะเป็นเรื่องอื่นไปได้เลย มีเรื่องเดียวเท่านั้นคือขอยกเลิกการแต่งงานและขอเลิกกับเธอ หญิงสาวที่ตอนนี้หยุดร้องไห้ไปแล้ว กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เพื่อพลิกสถานการณ์ให้การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เป็นไปในทางที่รักษาหน้าเธอและครอบครัวเอาไว้ได้บ้าง เธอจะรอให้คริสเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอเลิกกับเธอก่อนไม่ได้ แม้จะยอมรับว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมที่จะต้องแพ้อย่างหมดรูป จำเป็นอย่างยิ่งที่เธอจะต้องเป็นฝ่ายชนะในสายตาของคนนอก ด้วยการช่วงชิงโอกาสที่จะเป็นฝ่ายขอเลิกกับคริส เพื่อศักดิ์ศรีหน้าตาของตัวเองและบิดามารดา แทนที่จะนั่งงอมืองอเท้ารอให้เขามาเป็นฝ่ายขอเลิกเสียเอง เธอจำเป็นต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน พรุ่งนี้เธอจะต้องเล่นละครชีวิตบทสำคัญที่มีเธอเป็นตัวเอก บทของการยอมเป็นผู้แพ้ที่มีศักดิ์ศรี ผู้แพ้ที่สมควรได้รับการยกย่อง เพราะไม่ใช่การแพ้ชนะในสถานการณ์ปกติ แต่เป็นการยอมเสียสละของเธอเอง เสียสละเพื่อหาทางชำระแค้นคืนในวันข้างหน้า วันที่ความรักของหญิงชายคู่นั้น ล่วงเลยผ่านช่วงเวลาที่หวานชื่นไปแล้ว ไม่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เธอจะยังรักและอยากได้คริสคืนมาหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางที่เธอจะยอมปล่อยให้คนที่บังอาจมาลูบคมเธอ หลงระเริงเสวยสุขกับชัยชนะ ที่ปล้นเอาไปอย่างหน้าด้านๆได้นานนักหรอก คอยดูกันต่อไปก็แล้วกัน แม้ใครจะตราหน้ากล่าวหาเธอว่าไม่รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ไม่มีน้ำใจนักกีฬาเมื่อเวลานั้นมาถึง ลลิตาก็ไม่สนใจไม่แยแส ก็เธอเป็นใคร บรรลุโสดาบันมาจากไหนกันเล่า จึงจะตัดได้แล้วซึ่งรัก โลภ โกรธ หลง หรือแม้แต่ริษยาอาฆาต ไม่รู้สึกเจ็บแค้นแสนสาหัสเสียจนต้องหาทางเอาคืนให้สาแก่ใจ ก็ไหนชอบอ้างกันนักไม่ใช่หรือว่ากรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับไป แล้วกรรมครั้งนี้ใครเป็นคนก่อ ไม่ใช่หญิงชายคู่นั้นและครอบครัวของพวกเขาหรอกหรือ??? ผู้หญิงนะผู้หญิงค่ะคุณตุ้ย
โดย: หอมกร วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:8:47:46 น.
สวัสดี จ้ะ น้องตุ้ย
บล็อกนี้ ลลิตา ก็รู้แล้วว่า คริส ต้องบอกเลิกงานแต่งกับเธอแน่นอน จากหญิงสาวที่ดูนุ่มนิ่ม กลายเป็นอาฆาตมาดร้าย เตรียมหาหนทางแก้ แค้น เฮ้อ! ความรักที่ผิดหวังก็จะทำให้ร้ายได้ นะ เนี่ย น่าสงสารที่กำลัง จะให้ เลยลดลงไปเลย อิอิ รออ่านต่อไป จ้ะ โหวดหมวด งานเขียนฯ โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 25 ตุลาคม 2567 เวลา:11:19:28 น.
อ่านเพลิน น่าติดตามตอนต่อไปเช่นเคยค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 28 ตุลาคม 2567 เวลา:10:51:01 น.
|
BlogGang Popular Award#20
ดอยสะเก็ด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
|
|||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |