เวลาที่หายไป - บทที่ 34


ลลิตาพยายามต่อโทรศัพท์หาคู่หมั้นตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนคริสจะปิดโทรศัพท์เพราะไม่มีสัญญาณตอบรับจากเครื่องของเขา ตอนนั้นหญิงสาวยังไม่คิดอะไรมาก เขาคงยังไม่ตื่นนอน เมื่อคืนเขาคงกลับดึก เขาอาจจะไปกินเหล้ากับเพื่อนซึ่งเธอรู้ว่ามีอยู่หลายคนในกรุงนิวยอร์ค

ประมาณ 11.00 นาฬิกา ลลิตาโทร.ไปหาคริสอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อยังติดต่อเขาไม่ได้เหมือนเดิมเธอก็เริ่มกังวล เขาไม่ใช่คนนอนตื่นสาย แม้แต่บางครั้งที่เขาไปกินเหล้าหรือสังสรรค์กับเพื่อนแล้วตื่นสายในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ไม่เคยสายขนาดนี้

ในที่สุดเมื่อความร้อนใจเพิ่มมากขึ้น หญิงสาวก็คว้ากุญแจรถคันเล็กของเธอ ที่ปกติจะไม่ใช้ถ้าคริสอยู่ในกรุงนิวยอร์ค เพราะเขาจะทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้เธอทุกครั้ง เมื่อถึงอพาร์ตเมนท์ของคุณธัญญา ลลิตาซึ่งมีกุญแจสำรองเก็บไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังพำนักอยู่ที่นี่ ก็ไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปข้างใน เธอพบว่าไม่มีใครอยู่เลยนอกจากคุณนวลละออ

“คุณป้าออกไปข้างนอกกับคุณแม่หนู” เป็นคำตอบของคุณนวลละออเมื่อลลิตาถาม “คริสยังไม่ออกจากห้องเลย สงสัยจะยังไม่ตื่น เมื่อคืนรู้สึกว่าจะกลับดึกมาก”

หญิงสาวชักตกใจ เธอรีบสาวเท้าไปที่ห้องของคริส ยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง สองสามครั้งตามธรรมเนียม เมื่อเปิดประตูเข้าไปเธอเห็นคริสนอนหงายหลับสนิทอยู่บนเตียง ดูเหมือนจะยังอยู่ในเครื่องแต่งกายแบบออกนอกบ้าน ลลิตาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของเขา แสดงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาคงเมามาก จนเข้านอนโดยไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

หญิงสาวนั่งลงบนเตียงใกล้ตัวเขา “พี่คริสคะ สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว ยังไม่ตื่นอีกหรือคะ?”

ชายหนุ่มลืมตาที่แดงก่ำขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเธอสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มีแววละอายใจปรากฏขึ้น แล้วเขาก็เหนี่ยวตัวเธอลงไปกอด หญิงสาวได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งจากตัวเขา ใบหน้าที่เผือดซีด ตาแดงก่ำและสีหน้าที่แห้งแล้งของคริสทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่วันทำไมเขาจึงดูทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้

“พี่เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร เมื่อคืนกินเหล้ามากไปหน่อย”

ลลิตาทำท่าโล่งใจเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเมามากไปหน่อยเท่านั้น “ มิน่า..เหม็นเหล้าหึ่งเลย เพิ่งตื่นหรือคะ? ป่านนี้พี่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เมื่อคืนก็คงไม่ได้อาบน้ำด้วยใช่ไหมล่ะ” เธอทำเสียงบ่น

“เหม็นมากหรือไง” คริสพยายามซ่อนแววตาที่ร้าวรานไม่ให้เธอเห็น ด้วยการกอดเธอเอาไว้ ให้หน้าเธอซุกซบอยู่ตรงซอกคอเขา “งั้นต้องจูบหน่อยแล้วละ จะได้เหม็นเหมือนๆกัน”

หญิงสาวหัวเราะคิก ผลักไสเมื่อคริสพยายามจะแกล้งจูบเธอ 


“ไม่เอา ไม่ให้จูบ พี่ต้องไปอาบน้ำก่อน หน้าตาดูไม่ได้เลย”
คริสยกมือขึ้นเสยผม ถามว่า “มีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่า?”

“ว่าจะชวนพี่ไปดูชุดแต่งงานน่ะค่ะ ทั้งของพี่และของลิตา แล้วดูหนังต่อก็ได้ถ้าพี่อยากดู”

“ของพี่ไม่ต้องก็ได้มั้ง มีหลายชุดแล้ว ยังใหม่อยู่เลย”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องซื้อหรือตัดใหม่ จะแต่งงานทั้งทีจะใช้ของเก่าทำไมล่ะคะ”

ชายหนุ่มนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอกเธอด้วยเสียงอ่อยๆว่า “ ไปตอนบ่ายได้ไหมตอนนี้พี่อยากนอนต่ออีกสักพัก”

“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลิตาจะโทรไปเลื่อนช่าง ว่าแต่ว่าตอนที่พี่นอน จะให้ลิตาไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ” เธอทำเสียงอ้อน

“อยู่ตรงนี้ใกล้ๆพี่ก็ได้ จะได้ขอยืมเป็นหมอนข้างสักสองชั่วโมง”

ชายหนุ่มพยายามทำเสียงให้รื่นเริง หยอกล้อเธอเล่นเหมือนปกติ ทั้งๆที่หัวใจร้อนรนกระวนกระวาย

เห็นคริสทำท่าเหมือนอยากนอนต่ออีกสักพักจริงๆ ลลิตาก็ผละออกจากเขา บอกด้วยเสียงหวานและอารมณ์ที่สดใสว่า “พี่อยากนอนก็นอนไปเถอะ แต่ห้ามนาน ลิตาจะไปทำอาหารไว้ให้พี่ เสร็จแล้วจะเข้ามาปลุก”

ลลิตาออกจากห้องไปแล้ว แต่แทนที่จะพยายามนอนให้หลับเหมือนที่บอกเธอ ชายหนุ่มกลับนอนลืมตาโพลง กระสับกระส่ายกระวนกระวายกับเรื่องราวที่ได้รับรู้จากทิพย์สุรางค์ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไป เรื่องใหญ่ที่สุดตอนนี้คือเรื่องลูก ใจหนึ่งก็อยากจะเล่าให้บิดามารดารู้ เพราะถึงอย่างไรลูกของเขาก็เป็นหลานของท่าน แต่ก็กลัวว่าบุพการีทั้งสองโดยเฉพาะคุณธัญญาซึ่งภูมิใจในตัวเขามาตลอด จะผิดหวังและเสียใจกับพฤติกรรมเลวๆของเขา

สำหรับลลิตานั้น เป็นคนสุดท้ายที่เขาอยากจะบอก คริสไม่คิดว่าเธอจะรับเรื่องนี้แล้วให้อภัยเขาได้ เพราะมันมีผลกระทบต่อเธอโดยตรง ผู้หญิงคนไหนจะทนได้ ถ้ารู้ว่าคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แอบไปมีลูกอายุขวบกว่ากับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ชายหนุ่มพยายามที่จะไม่คิดถึงทิพย์สุรางค์ ทั้งๆที่ใจหนึ่งคร่ำครวญถึงเธอ เสียดายเธอ มันคงเป็นสัญชาติญาณลึกๆที่เห็นแก่ตัวของผู้ชายที่คอยสะกิดเขาว่า ก็เธอเป็นของเขาแล้วไม่ใช่หรือ ถีงจะเพียงครั้งเดียวก็ตาม เมื่อเธอเป็นของเขาแล้วทำไมไม่รอเขา ทำไมไปแต่งงานกับคนอื่นได้หน้าตาเฉย

แต่แล้วคริสก็ต้องสะดุ้งวาบด้วยความละอายใจเมื่อสติกลับคืนมา สติที่เตือนว่าเขาไม่มีสิทธิใดใดทั้งสิ้นในตัวทิพย์สุรางค์ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความขาดสติของเขาที่เธออ่อนเดียงสาเกินกว่าจะต้านทานได้ เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แล้วตอนนี้เธอโชคดีได้พบผู้ชายดีที่เห็นคุณค่าของเธอ แต่งงานกับเธอโดยไม่รังเกียจเดียจฉันท์ ควรแล้วหรือที่เขาจะกลับเข้าไปวุ่นวายกับเธอ ทำให้ชีวิตของเธอตัองพังพินาศลงไปอีกครั้งหนึ่ง!!

คิดแล้วชายหนุ่มก็ถอนใจยาวบอกตัวเองว่า ปล่อยทิพย์สุรางค์ไปเสียเถิด เลิกคิดถึงเธอได้แล้ว ตอนนี้คนที่เขาควรจะคิดถึงและรับผิดชอบคือลลิตา ผู้หญิงคนที่จงรักภักดี รอคอยเขามาอย่างอดทน กำหนดการแต่งงานก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว เขาไม่มีสิทธิที่จะคิดถึงหญิงอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงที่เป็นภรรยาของชายอื่นโดยถูกต้องตามกฏหมายไปแล้ว

แล้วคริสก็หวนกลับไปคิดเรื่องลูกอีก สัญชาติญาณความเป็นพ่อที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนกระตุ้นหัวใจเขาให้อ่อนโยน นึกรักนึกเอ็นดู วาดภาพตัวตนจริงๆของลูกที่คงจะน่ารักนักหนา อยากกอดอยากอุ้ม อยากได้ยินคำเรียก ‘พ่อ’ จากปากน้อยๆที่เขาเห็นแล้วในรูปถ่าย ว่าห้อยย้อยแดงระเรื่อน่ารักราวกับตุ๊กตา

ถึงทิพย์สุรางค์จะขู่เขาต่างๆนานาไม่ให้ได้รู้จักหรือเข้าใกล้ทารกผู้นั้น แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าเขาจะต้องหาทางเข้าถึงลูกของเขาให้ได้ ไม่มีใครจะมาขวางระหว่างเขากับลูกของเขาได้ ส่วนปัญหาจากบิดามารดาของเขาหรือลลิตา ในเรื่องที่เกี่ยวลูกน้อยคนนี้ ค่อยคิดหาทางแก้ทีหลัง แต่ตอนนี้ที่เขายังทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยไปก่อน

ในที่สุด คริสก็ฝืนใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เดินออกไปหาลลิตาที่ห้องแพนทรี รับประทานอาหารเช้าที่เธออุตส่าห์ลงมือทำให้ ทั้งๆที่รู้สึกเบื่อหน่ายไปหมดทุกอย่างไม่อยากจะทำอะไรเลย

หลังจากนั้นก็ขับรถพาเธอไปตัดชุดเจ้าสาวที่ห้องเสื้อหรูหราระดับไฮโซ ในศูนย์การค้าใหญ่โตที่เธอนัดหมายเอาไว้ล่วงหน้า ลลิตาจัดการให้พนักงานของห้องเสื้อแห่งนั้นวัดตัวคริสก่อน ส่วนของเธอจะวัดทีหลัง เธอไม่ต้องการให้เขาเห็นแบบเสื้อชุดเจ้าสาวของเธอก่อนวันงาน หญิงสาวอ้างกับเขายิ้มๆว่ามารดาของเธอสั่งมา เพราะโบราณถือว่าถ้าเจ้าบ่าวเห็นชุดของเจ้าสาวก่อนวันงานจะเป็นลางไม่ดี

ระหว่างที่รอลลิตา คริสซึ่งกำลังเบื่อหน่ายสิ่งต่างๆรอบตัวก็ออกเดินเล่นไปเรื่อยๆ ในศูนย์การค้าราคาแพงแห่งนั้นโดยไม่มีจุดหมาย เดินผ่านร้านบูติค ร้านเครื่องประดับและร้านโก้ๆอีกหลายร้านที่ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว เมื่อเห็นร้านเพชรขนาดไม่เล็กนัก เขาก็หยุดมองเครื่องประดับหลากหลายที่อยู่ในตู้โชว์

มองไปมองมาแล้วก็คิดว่าน่าจะเข้าไปเลือกหาเครื่องประดับสวยๆ สักชิ้นหนึ่งให้ลลิตา เพื่อเป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆไถ่บาปต่อเธอ แม้จะรู้ว่าไม่สามารถชดเชยบาปของเขาได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาคงจะสบายใจขึ้นบ้าง คริสเลือกได้เข็มกลัดที่ทำเป็นช่อดอกไม้ทับทิมฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ฝีมือปราณีต เขารู้ว่าลลิตาชอบเครื่องประดับที่เป็นเข็มกลัดชิ้นเล็กๆมากเป็นพิเศษ ซึ่งเขาก็เคยให้เธอในโอกาสต่างๆมาสองสามชิ้นแล้ว

ระหว่างที่รอของ ชายหนุ่มก็เหลือบเห็นสายสร้อยทองคำขาวเส้นหนึ่ง ห้อยจี้เพชรรูปหัวใจสามดวงซึ่งมีขนาดลดหลั่นกัน แต่เชื่อมติดไว้ด้วยกันเหมือนหัวใจดวงเดียว ประกายเพชรวูบวาบบาดตาที่ทำให้คริสนึกแวบไปถึงประกายตา ที่แวววับบาดใจของผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าคงไม่มีโอกาสมอบให้เธอ เพราะเธอแต่งงานไปแล้วและคงไม่ยอมรับ แต่เขาก็ยังอยากซื้ออยู่ดี แม้อาจจะต้องเก็บเอาไว้เฉยๆก็ตาม

ถึงราคาที่ติดไว้จะสูงลิบ สูงกว่าเข็มกลัดทับทิมล้อมเพชรชิ้นนั้นหลายเท่า ชายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะเซ็นเช็คสั่งจ่ายรวมกับเข็มกลัดชิ้นนั้น เมื่อได้ของสองชิ้นนั้นมาแล้ว เขาก็แยกเก็บกล่องที่บรรจุสร้อยคอไว้ต่างหาก แล้วเดินกลับไปหาลลิตาที่ห้องเสื้อที่เธอรออยู่

ทันทีที่คริสเดินเข้ามาหา หญิงสาวที่กำลังรออยู่ก็ถามว่า “พี่ไปไหนมาคะ ลิตาเสร็จตั้งนานแล้ว”

“ไปเดินเล่น แล้วก็เลยซื้อนี่มาฝากลิตา”

ลลิตารับกล่องเล็กๆที่รู้ว่าเป็นเครื่องประดับจากมือเขามาเปิดออกดู 


“ต๊าย...สวยน่ารักจังเลย” เธอหยิบเข็มกลัดออกมาชื่นชมอย่างดีใจ “พี่ซื้อให้ลิตาในโอกาสอะไรคะ?”

ชายหนุ่มยักไหล่ ตอบโดยไม่สบตาเธอว่า “ให้เพื่อขอบใจลิตาที่รักพี่มากไง”
ลลิตาทำตาโตอย่างน่ารัก อ้อนว่า “งั้นพี่คงต้องให้ลิตาทุกวัน เพราะลิตารักพี่อยู่ตลอดเวลานี่คะ”

“เอางั้นเหรอ ชักสงสัยเสียแล้วละ ว่าเงินเดือนพี่จะเลี้ยงลิตาไหวไหมเนี่ย”

หญิงสาวหัวเราะชอบใจ เก็บเข็มกลัดลงในกล่องแล้วหย่อนลงกระเป๋า สอดแขนเข้ากอดแขนข้างหนึ่งของคริสเอาไว้ เดินคู่กันออกไปนอกห้องเสื้อ

เมื่อมาถึงรถและเข้าไปนั่งกันเรียบร้อยแล้วคริสก็ถามว่า “จะไปไหนต่อหรือเปล่า?”

“พี่อยากไปไหนล่ะคะ?” เธอกลับย้อนถามเขา

“เฉยๆ ไม่ได้อยากไปไหนเป็นพิเศษ อ้อ..ลิตา พี่จะกลับไปที่โน่นพรุ่งนี้นะ” เขาหมายถึงกรุงวอชิงตันที่เขาทำงานอยู่

ลลิตาทำหน้าแปลกใจ ท้วงว่า “อ้าว..ทำไมล่ะคะ? ไหนพี่บอกว่าอีก 2-3 วันถึงจะกลับไง”

ชายหนุ่มอึกอัก พยายามหาข้ออ้าง “ก็เรื่องงานน่ะแหละ พี่ต้องกลับไปเตรียมงานบางอย่าง”

ความจริงไม่มีงานด่วนรอให้เขารีบกลับไปจัดการหรอก แต่เขาไม่อยากอยู่ในกรุงนิวยอร์ค อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ ช่วงที่จิตใจของเขากำลังสับสนวุ่นวายกลับไปกลับมา คริสไม่ไว้ใจตัวเองว่าจะไม่พาตัวไปพบทิพย์สุรางค์อีก จะอ้างเรื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม ใจที่ยังอาลัยอาวรณ์เธอและอยากพบอยากเห็นลูกสั่งเขาให้หาทางต่อไป ที่จะได้ทั้งแม่ทั้งลูกกลับมาเป็นของเขา

แต่แล้วใจดวงเดียวกันที่บอบช้ำจากคำพูดและสีหน้าหยามหยัน ของหญิงสาวคนนั้นเมื่อวานนี้ รวมทั้งสำนึกความรับผิดชอบต่อลลิตา สั่งเขาให้ถอยห่างจากทิพย์สุรางค์เสีย คริสจึงมองไม่เห็นทางใดดีไปกว่าไปเสียจากกรุงนิวยอร์ค ที่มีทิพย์สุรางค์ ผู้หญิงแสนสวยแต่ใจร้ายที่จงใจพรากลูกพรากพ่อออกจากกัน ด้วยการแต่งงานไปกับผู้ชายคนที่เธอบอกว่าแสนดีแสนวิเศษคนนั้น แล้วยกตำแหน่งพ่อของลูกเขาแถมไปให้ด้วย


คืนนั้นคุณลักษณา ซึ่งกำลังเตรียมตัวจะเดินทางกลับเมืองไทยในเช้าวันรุ่งขึ้น นั่งรอบุตรสาวอยู่ที่อพาร์ตเมนท์ของลลิตา คุณปราโมชสามีของเธอเดินทางกลับไปก่อนหน้านี้สองสัปดาห์แล้ว ทันทีที่สามีกลับเมืองไทยคุณลักษณาก็ย้ายออกจากโรงแรมเลย์ตันที่คุณธัญญาจัดให้เป็นที่พัก มาอยู่ในอพาร์ทเมนต์ของครอบครัวเลย์ตัน เพื่อใช้เวลาอยู่กับคุณธัญญา เธอเพิ่งจะมาค้างที่อพาร์ตเมนท์ของลลิตาได้เพียงสองคืน

เมื่อพบหน้าคริสซึ่งมาส่งลลิตาคุณลักษณาก็ทักทายเขาอย่างดี ด้วยวาจาที่อ่อนหวาน ในขณะที่แววตาคมกริบเฉลียวฉลาดของเธอคอยลอบสังเกตสีหน้าท่าทางของเขา เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามันค่อนข้างเจื่อน ไม่ค่อยจะอยากสบตาเธอนัก เธอไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มผู้นั้นรู้สึกไม่พอใจที่เธอไปวุ่นวายกับทิพย์สุรางค์ ซึ่งเขาถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ถึงจะไม่พอใจ คริสก็ไม่สามารถจะแสดงออกมาได้

หลังจากที่คริสลากลับไปและลลิตาทำท่าจะปลีกตัวเข้าห้องนอน คุณลักษณาก็บอกบุตรสาวว่า “พรุ่งนี้แม่จะกลับบ้านแล้ว มานั่งคุยกันหน่อยสิ”


หญิงสาวเดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับมารดา “แม่มีอะไรหรือคะ?”

คุณลักษณาลอบสังเกตสีหน้าบุตรสาว เห็นความสุขความสมหวังที่เปี่ยมเต็มอยู่ในรอยยิ้มและแววตา แต่ก่อนที่จะเอ่ยปากว่าอะไรลลิตาก็เปิดกระเป๋าถือหยิบกล่องเข็มกลัดออกมาส่งให้มารดา 


“วันนี้ไม่รู้พี่คริสนึกยังไง อยู่ๆก็ไปซื้อเข็มกลัดอันนี้ให้ลิตา แม่ดูสิคะ สวยไหม?”

คุณลักษณารับกล่องเครื่องประดับมาเปิดดูของที่อยู่ข้างใน เห็นแล้วก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนบุตรสาว เข็มกลัดรูปช่อดอกไม้ทำด้วยทับทิมฝังเพชรอันกระจิ๊ดริ๊ดนี่น่ะหรือ? เธอมีเครื่องประดับพวกนี้มากมาย ล้วนแต่หรูหราราคาสูงลิบด้วยกันทั้งนั้น

“ก็น่าเอ็นดูดี” แล้วเธอก็ส่งเข็มกลัดคืนให้ลลิตา ว่าจะไม่พูดอะไรแต่ก็อดไม่ได้ “ของแม่มีเยอะแยะ ดีๆแพงๆทั้งนั้น อีกหน่อยก็เป็นของลิตาหมดแหละ ไอ้ชิ้นเล็กๆแบบนี้น่ะ เหมาะจะเอาไว้ใส่เล่นแค่นั้น ใส่ออกงานออกการไม่ไหวหรอก”

“แม่จะยกให้ลิตาหมดเลยหรือคะ แล้วพี่ชัยล่ะคะ เขาจะไม่นึกยังไงหรือ?”


มารดาของเธอโบกมือว่อน “โฮ๊ย..ขานั้นน่ะหรือ เขาไม่สนใจหรอก ไม่เห็นเขาเคยอยากได้อะไรนี่”

“ลิตาหมายถึงถ้าพี่ชัยแต่งงานน่ะค่ะ แม่ก็คงต้องแบ่งให้ลูกสะใภ้มั่งไม่ใช่หรือคะ?”


“พี่เธอน่ะหรือ ป่านนี้ยังไม่เห็นมีแฟนสักคน จะมีลูกสะใภ้ให้แม่เมื่อไหร่
ล่ะ” แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่อง “ หมู่นี้คริสเป็นยังไงบ้าง”

ลลิตาซึ่งยังชื่นชมเข็มกลัดเพชรชิ้นนั้นไม่เลิก เงยหน้าขึ้นมองมารดาอย่างสงสัย “หมายความว่ายังไงคะ แม่? อยู่ๆก็ถามว่าพี่คริสเป็นยังไง”

คุณลักษณาอึกอักนิดหน่อย แก้ตัวว่า “เปล่า แม่ไม่ได้หมายความอะไรเป็นพิเศษหรอก เพียงแต่รู้จากธัญญาว่าหมู่นี้คริสกินเหล้าจัดกว่าเก่า แม่เลยอยากรู้ว่าเขามีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่าเท่านั้น”

ลลิตานิ่งคิดก่อนตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนักว่า “ลิตาก็รู้สึกเหมือนกันว่าเขากินเหล้ามากขึ้น แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ พี่คริสก็ยังเหมือนเดิม หรือแม่เห็นว่าเขาเปลี่ยนไป”

“เปล่า ก็ไม่มีอะไร “

คุณลักษณาไม่คิดจะเล่าเรื่องที่หน้าลิฟต์ให้บุตรสาวฟัง แต่ที่ถามเรื่องคริส ก็เพราะอยากรู้ว่าหลังจากที่เธอได้ไปพบกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขามีปฏิกิริยาหรือท่าทีอะไร ที่น่าสงสัยว่าจะกลับไปติดต่อกันอีกหรือเปล่า เมื่อลลิตาบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติเธอก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก คิดว่าคริสคงเกรงใจเธอ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่คิดจะมาลองดีกับเธออีกแล้ว เรื่องต่างๆก็คงจะจบลงเพียงนั้น

แต่คุณลักษณาก็คือคุณลักษณาผู้ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ เธอถือโอกาสเตือนบุตรสาวกลายๆว่า “ ใกล้จะแต่งงานกันอยู่แล้วลิตาต้องหมั่นเอาใจพี่เขาไว้ คุณลุงคุณป้าก็เหมือนกัน ฝากเนื้อฝากตัวให้ดี แม้แต่ป้านวลก็เถอะ อย่าลืมว่าเขาเป็นคนเลี้ยงคริสมาตั้งแต่เล็กๆ คริสเองก็รักป้านวลมาก”

ลลิตาทำสีหน้าเบื่อๆ “โธ่..แม่ ลิตาน่ะต้องเอาใจคนบ้านนั้นอยู่แล้วละ ถึงบางครั้งจะเบื่อก็ต้องทน ที่จริงพี่คริสเขาน่าจะเห็นใจลิตานะคะ ลิตาทำทุกอย่างเพื่อเขาอยู่ตลอด แม้จะต้องฝืนใจมั่งก็ตาม”

“เอาเถอะน่า ทำดีกับเขาไว้ไม่เสียหลายหรอก ที่แม่เตือนเรื่องป้านวลก็เพราะเห็นบางครั้ง ลิตาทำท่าเหมือนไม่สนใจเขาเลยนี่ ความจริงป้านวลไม่ได้มีความหมายอะไรกับเราหรอก แต่คริสเห็นเขาสำคัญไม่น้อยไปกว่าธัญญาสักเท่าไหร่ จะว่าเป็นแม่คนที่สองก็ยังได้เลย ลิตาต้องคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ อย่ามองข้ามความสำคัญของเขาไป”

หญิงสาวยักไหล่ แม้จะไม่เห็นด้วยนักแต่ก็ไม่ค้าน เปลี่ยนไปถามถึงเรื่องที่ยังข้องใจอยู่

“เรื่องสถานที่จัดงานน่ะ แม่กับคุณป้าตกลงกันได้หรือยังคะ? นี่ก็ใกล้วันงานเต็มทีแล้ว เดี๋ยวจะเตรียมตัวไม่ทันนะคะ”

“ทำไมจะไม่ทัน วันนี้ลิตาก็ไปตัดชุดเจ้าสาวแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ค่ะ ไปตัดแล้ว แต่เรื่องอื่นๆล่ะคะ สถานที่ก็ยังไม่ได้จอง “

“ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องสถานที่น่ะ เห็นธัญญาบอกว่าถ้าจัดที่นี่ก็จะจัดที่โรงแรมเก่า แต่จะเปิดห้องบอลรูมบนชั้น 11 ให้เลย เพราะจุคนได้มากกว่าห้องที่จัดงานหมั้นคืนนั้น”

ลลิตามีสีหน้าดีใจ “อ๋อ แม่กับคุณป้าตกลงกันได้แล้วหรือคะ จัดที่โรงแรมคุณป้าแน่แล้วใช่ไหมคะ?”

มารดาของเธอสั่นหน้าปฏิเสธทันที “ยังหรอก ยังไม่แน่ แม่เพียงแต่บอกธัญญาให้จองห้องเอาไว้ก่อน ถ้าเกิดต้องจัดที่นี่จะได้ไม่มีปัญหา แม่ถึงบอกไง ว่าเรื่องสถานที่จัดน่ะ ยังไงๆก็ต้องมี”

แต่ลลิตายังมีข้อข้องใจ “แล้วถ้าต้องไปจัดที่กรุงเทพฯล่ะคะ ยังไม่ตัดสินใจกันเสียที ถ้าถึงตอนนั้นหาที่จัดงานไม่ได้ล่ะคะ จะทำยังไง?”


คุณลักษณายิ้มอย่างผู้ชำนาญการ “ไม่ต้องห่วง ทางกรุงเทพฯน่ะแม่ให้คนจองเผื่อเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่ได้ฤกษ์แต่งงานแล้ว”

“งั้นก็ดีสิคะ แม่คะ..ลิตาว่าจะถามแม่หลายทีแล้วแต่ก็ลืมอยู่เรื่อย ทำไมแม่ไม่ยอมให้จัดงานที่นี่ล่ะคะ สะดวกดีออก แขกของคุณลุงคุณป้าหรือแม้แต่ของพี่คริสก็อยู่ทางนี้ทั้งนั้น ทำไมแม่ถึงจะต้องไปจัดที่เมืองไทยให้ได้ล่ะคะ”

“อ้าว..ทำไมถึงไม่ควรไปจัดที่บ้านเราล่ะ อย่าลืมนะเรื่องงานหมั้นน่ะ แม่ยอมธัญญามาทีหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยตกลงกับแม่ว่าจะไปทำพิธีสู่ขอหมั้นกันตามประเพณีที่เมืองไทย ให้ญาติพี่น้องของเราของเขาร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อเป็นเกียรติแก่ฝ่ายเรา แล้วอยู่ๆก็มารวบรัดจัดที่นี่ แถมจัดรวมกันไปกับงานคริสต์มาสอะไรนั่นอีก แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่หรอก ที่ยอมก็เพราะอยากให้มันจบๆไปเสียทีเท่านั้นแหละ”

ความหมายของเธอคือรีบจบเพื่อที่จะได้รวบรัดจัดงานแต่งงานต่อไป จะได้หมดเรื่องหมดราว ไม่ต้องมานั่งกังวลกับอะไรอีก

เหลือบเห็นสีหน้าของบุตรสาวที่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยเข้าใจเจตนาของเธอ คุณลักษณาก็สาธยายว่า “ที่แม่อยากให้จัดที่กรุงเทพฯน่ะ ก็เพื่อหน้าตาของเราเอง อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณพ่อมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาล แต่งงานลูกสาวทั้งทีจะมางุบงิบทำที่นี่ได้ยังไง สมัครพรรคพวกในวงการเมืองของคุณพ่อมีตั้งเท่าไหร่ แล้วอีกอย่าง แม่บอกคุณพ่อให้ลองทาบทามเชิญท่านรองนายกฯพิชัย เป็นเจ้าภาพฝ่ายหญิงไว้แล้ว คิดดูสิว่างานของลิตาจะโก้หรูขนาดไหน”

ฟังเหตุผลของมารดาแล้วหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอะไรได้ ผู้หญิงคนไหนบ้างเล่า ที่จะไม่ฝันอยากให้งานแต่งงานของตัวเองโก้หรู เป็นที่โจษขานกันไปทั้งเมือง

“ตกลงแม่จองโรงแรมไหนคะ?”
“โอเรียนเต็ลไง ลูกสาวรัฐมนตรีแต่งงานทั้งที จะจองโรงแรมไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่โอเรียนเต็ล”

“ความจริงตอนนี้ที่เมืองไทยมีโรงแรมหรูๆอีกหลายแห่ง”
“ก็จริง แต่แม่ชอบโอเรียนเต็ล คลาสสิคดี”

ลติตานิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่งก็ถามมารดาว่า “ถ้าคุณป้ายืนกรานจะให้จัดที่นี่เล่าคะ แม่”

คุณลักษณาทำสีหน้าอย่างหนึ่ง “เรื่องอะไรแม่จะยอม เออนี่..ลิตา แม่ว่าลูกลองคุยกับคริสดูสิ บอกเขาว่าลูกอยากให้จัดที่กรุงเทพฯ ธัญญาน่ะไม่กล้าขัดคริสหรอก แม่คิดยังงั้นนะ”

“ค่ะ ลิตาก็คิดเหมือนแม่นั่นแหละ ยังไงลิตาจะลองคุยกับเขาดูอีกที แต่แม่คะ ของอื่นๆเล่าคะจะมีเวลาพอหรือ พวกของชำร่วย บัตรเชิญอะไรพวกนี้น่ะ” หญิงสาวยังกังวลอยู่ดี “ยังจะเรื่องส่งบัตรเชิญอีก จะทันหรือคะ”

“ที่นี่แม่ไม่รู้นะ แต่ถ้าที่กรุงเทพฯไม่มีปัญหาหรอก มีเงินเสียอย่างจะให้ใครเนรมิตอะไรให้เมื่อไหร่ก็ได้ กลับไปนี่แม่กะว่าจะจัดการเรื่องพิมพ์บัตรเอาไว้ก่อน เอาวันตามฤกษ์น่ะแหละ รายชื่อแขกทางโน้นก็มีอยู่แล้ว ส่วนแขกทางนี้ธัญญารวบรวมเสร็จจะส่งไปให้ ไม่ว่าจะจัดที่โน่นหรือที่นี่ แม่ก็กะว่าจะส่งบัตรเชิญเหมือนกัน ใครจะไปร่วมงานหรือไม่ไปก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ให้เขารับรู้เรื่องการแต่งงานของลูกกับคริส”

วางแผนเรื่องงานแต่งงานกันต่ออีกพักหนึ่ง คุณลักษณาก็ถามว่า “คริสจะกลับไปที่โน่นเมื่อไหร่ล่ะ” เธอหมายถึงวอชิงตัน ดี.ซี

“พรุ่งนี้ค่ะ หลังจากไปส่งแม่ที่สนามบินแล้ว เห็นเขาว่ามีงานที่ต้องกลับไปเตรียมให้เรียบร้อย”

คุณลักษณาซึ่งเป็นโรคขี้แวงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว และยิ่งเมื่อมาเจอหตุการณ์ที่หน้าลิฟต์ รวมทั้งท่าทางอวดดีของหญิงสาวคนนั้นด้วย ทำให้เธออดเตือนเรื่องคริสอีกไม่ได้ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่พูดอะไรให้บุตรสาวไม่สบายใจ

“ว่างๆลิตาก็น่าจะไปดูเขาเสียหน่อย ผู้ชายน่ะต้องคุมให้ดีเสียแต่ต้นมือ ปล่อยนักไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะเหมือนคุณพ่อ”

หญิงสาวมองหน้ามารดาอย่างสงสัย “มีอะไรหรือคะ? แม่พูดยังกับว่าพี่คริสมีอะไรที่น่าสงสัยงั้นแหละ หรือแม่รู้อะไรมา”

มารดาของเธอรีบปฎิเสธทันที แม้สีหน้าจะเจื่อนๆอยู่บ้าง

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แม่ก็แค่เตือนเอาไว้ก่อนเท่านั้น เรื่องแบบนี้ระวังเอาไว้ก่อนดีกว่า ไม่ต้องทำหน้าตกใจยังงั้นหรอก แม่ไม่ได้รู้ได้เห็นอะไร”

ลลิตาทำท่าโล่งใจ ยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง “เรื่องนั้นลิตาไม่ห่วงเท่าไหร่หรอกค่ะ แม่ พี่คริสไม่ใช่คนเจ้าชู้ เคยกังวลอยู่มั่งตอนที่เขากลับมาใหม่ๆ ก็อย่างที่แม่รู้น่ะค่ะ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร หลังๆนี่ลิตาก็ไม่อยากจะไประแวงเขาโดยไม่มีเหตุผลอีก”

หญิงสาวพยายามปิดบังไม่ให้มารดารู้ว่าเธอระแวงคริสมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่เขากลับมาแล้วค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กละน้อย การแอบเดินทางกลับไปเมืองไทยของเขาหลายครั้ง และความผิดปกติเล็กๆน้อยๆที่คนใกล้ชิดอย่างภรรยาหรือคู่รักเท่านั้นจะสามารถสัมผัสได้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ลลิตาสงสัยว่า คงจะต้องมีใครหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้คริสเปลี่ยนแปลงไป

แต่ตอนนี้เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องวันแต่งงานกันได้แล้ว ความกังวลของลลิตาก็ลดน้อยลงไปมาก แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ไว้ใจเขาเหมือนสมัยก่อน เธอไม่ต้องการให้คริสเดินทางไปเมืองไทยในช่วงนี้ ถ้าจำเป็นจะต้องไปจริงๆ ก็ควรไปเพื่อไปเข้าพิธีแต่งงานด้วยกันในกรุงเทพฯ ตามความต้องการของคุณลักษณาเท่านั้น




 



Create Date : 19 พฤษภาคม 2567
Last Update : 19 พฤษภาคม 2567 10:36:24 น.
Counter : 357 Pageviews.

8 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmultiple, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณmariabamboo, คุณThe Kop Civil, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณปัญญา Dh, คุณดาวริมทะเล, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณหอมกร, คุณร่มไม้เย็น, คุณnewyorknurse, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณเนินน้ำ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณtanjira, คุณeternalyrs

  
ตอนนี้ไม่มีความคืบหน้าค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 19 พฤษภาคม 2567 เวลา:15:16:28 น.
  
ใครที่อ่านนิยายขอวเราต้องทำใจนะคะ นักเขียนแต่ละคนก็มีสไตล์แตกต่างกัน บางคนชอบเขียนแบบรวบรัด ให้จบเร็วๆ แต่เราชอบแต่งนิยายแบบมีรายละเอียดเยอะๆค่ะ ใครอยากอ่านแบบไหนก็เลือกเอาเองนะคะ 555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 19 พฤษภาคม 2567 เวลา:18:19:31 น.
  
โอ้ หนึ่งชาย สองหญิง
ถ่านไฟเก่า ที่เป็นรักครั้งแรก แถมมีลูกด้วยกันอีก
ผู้หญิงอีกคนก็ผิดตรง มาทีหลังนะครับ

แค่ตอนซื้อ ของฝากนี้ก็พอจะเดาได้แล้วนะครับ
ว่าพระเอกของเรา ใจยังอยู่กับคนรักเก่า
แถมงานแต่ง จะกลับไปจัดที่เมืองไทยอีก

ถ้าเจอนางเอกคนรักเก่า ละก็ ไม่รอดแน่
อ.เต๊ะ ยังสงสัยว่า งานแต่งจะโดนเทมั้ยน้อ

ความรัก แบบนี้ ทรมาณและปวดร้าว ทุกคนเลยนะครับนี่


โดย: multiple วันที่: 19 พฤษภาคม 2567 เวลา:20:02:46 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

ตามมาอ่านแล้ว จ้ะ ตอนนี้ ไม่ค่อยตื่นเต้น แสดงถึงความหวาด
ระแวงของคนเป็นแม่ มันก็เป็นธรรมดาของคนเป็นแม่ เนาะ
สร้องข้อมือ รูปหัวใจ 3 ดวง แพงลิบ เก็บไว้ มีความหมาย ร้อย
หัวใจ พอ แม่ ลูก แพงลิบ ด้วย บ่งบอกว่า คริสต์รักทิพย์สุรางค์มาก
แน่นอน อิอิ รออ่านต่อไป จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียนฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 20 พฤษภาคม 2567 เวลา:22:13:09 น.
  
แหมคุณตุ้ยนี่ร้ายกาจชะมัด
ชอบการแปลความของอาจารย์สุวิมลค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 21 พฤษภาคม 2567 เวลา:6:42:05 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 23 พฤษภาคม 2567 เวลา:8:46:37 น.
  
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
โดย: tanjira วันที่: 23 พฤษภาคม 2567 เวลา:11:46:38 น.
  
สวัสดีครับคุณดอยสะเก็ด
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 พฤษภาคม 2567 เวลา:13:18:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2567

 
 
 
2
3
4
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com