ชีวิตก็คือละครหรือนิยายเรื่องหนึ่ง
|
|||||
เวลาทื่หายไป - บทที่ 49 ระหว่างอยู่บนเครื่องบินที่มุ่งหน้าไปเมืองไทย คริสนั่งคิดถึงเรื่องที่คุณธัญญาพูด แล้วก็มองเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย นั่นคือทิพย์สุรางค์อาจจะรักเขาเหมือนกับที่เขารักเธอ ที่เธอผลักไสไม่ยอมให้รับผิดชอบ ไม่ใช่เพราะเกลียดชังหรือรังเกียจเขา แต่อาจจะเป็นเพราะเธอไม่มั่นใจในตัวเขา เพราะเขามีลลิตาอยู่อีกคนหนึ่งซึ่งกำลังจะแต่งงานกัน ส่วนเขาเองนั้นแม้แรกๆจะไม่รู้ตัวว่ารักเธอหรือเปล่า แต่ยิ่งนานวันเข้าหัวใจของเขากลับปวดร้าวเฝ้าพะวงหาเธอ อยากเห็นหน้าอยากใกล้ชิด แม้เธอจะผลักไสไล่ส่งอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเขาเคยนึกโกรธและน้อยใจทิพย์สุรางค์ แต่ทำไมถึงโกรธเธอจริงๆไม่ลง ลืมเธอไม่ได้ ยามใดที่ได้เห็นหน้าแสนสวยหยิ่งยโสที่ทำบึ้งตึงใส่เขา ทำไมเขาจึงรู้สึกดีใจ ความทุกข์ความเจ็บปวดทั้งหลายมลายไปสิ้น เขาอิจฉาผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอ ยามอยู่ไกลก็เฝ้ากังวลกลัวคนอื่นจะคว้าเธอไป ถ้าเขาไม่ได้รักเธอ ทำไมเขาจึงรู้สึกหึงหวงนายชาคริตนั่นเสียนักหนา ทำไมเขาถึงโง่ไม่รู้ใจตัวเองมาถึงป่านนี้ที่เกือบจะสายเกินไป ตอนนี้ชายหนุ่มแน่ใจแล้วว่าเขารักทิพย์สุรางค์ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะรักผู้หญิงคนใดได้มากเท่านี้อีกแล้ว แม้แต่ลลิตาที่เขาเคยคิดว่ารักมากที่สุดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะค่อยๆเลือนลางไปจากหัวใจเขาทีละเล็กทีละน้อย คริสตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ตอนนี้คนที่สำคัญที่สุดต่อชีวิตและอนาคตของเขา คือทิพย์สุรางค์และลูกชายตัวน้อยที่เขายังไม่เคยเห็นหน้า เขาไปคราวนี้เพื่อไปช่วงชิงหัวใจของผู้หญิงคนที่เขาเพิ่งแน่ใจว่ารักและอยากร่วมชีวิตด้วย ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร ไม่ว่าทิพย์สุรางค์จะผลักไสไล่ส่งเขาอย่างไร เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เขาจะทำทุกอย่างที่จะได้หัวใจเธอมา ตอนนี้คริสรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้คุยกับมารดา ที่ผ่านมาคุณธัญญาเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง ที่ทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจเรื่องลลิตา เขาห่วงใยความรู้สึกของเธอมาก เพราะรู้ว่าเธอรักลลิตาและอยากได้หญิงสาวคนนั้นเป็นลูกสะใภ้ รวมทั้งความเป็นเพื่อนระหว่างเธอกับคุณลักษณาด้วย ที่ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ตอนนี้หลังจากพูดคุยกับคุณธัญญาแล้ว ชายหนุ่มก็รู้ว่าไม่ว่าเขาจะเลือกเดินทางใด มารดาของเขาก็รับได้ทั้งนั้น ขอเพียงให้เขามีความสุขเธอก็พอใจแล้ว เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอุปสรรคจากทางครอบครัวของเขา คริสก็คิดถึงอุปสรรคจากครอบครัวของทิพย์สุรางค์ ตอนนี้ไม่มีคุณดนัยบิดาของเธอแล้วก็จริง แต่ก็ยังมีวุฒิเลิศและภรรยา ที่ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าจะยอมรับเขาหรือไม่ แต่เมื่อตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเดินหน้าช่วงชิงทิพย์สุรางค์กลับมา เขาก็จำเป็นต้องฟันฝ่าปราการสำคัญนี้ไปให้ได้ ก่อนที่จะไปพบทิพย์สุรางค์ ซึ่งเขารู้จากการโทรศัพท์พูดคุยกับกร ว่าเธอพาลูกไปอยู่ที่เวียงพุกามประมาณสองสัปดาห์แล้ว ทันที่เครื่องบินถึงสนามบินสุวรรณภูมิ คริสเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านที่ถนนสาทร สิ่งแรกที่เขาทำหลังอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว คือโทรศัพท์ไปที่บ้านของวุฒิเลิศเพื่อขอนัดพบเขา ปรากฏว่าสิริมาภรรยาของวุฒิเลิศมารับโทรศัพท์แทนสามีของเธอ เมื่อเขาบอกเธอว่าตอนนี้เขาอยู่ในกรุงเทพฯและอยากจะขอพบชายหนุ่มคนนั้น สิริมาก็บอกเขาว่า “คุณมาพบคุณใหญ่ก็ดีแล้ว เขาเองก็อยากพบคุณเหมือนกัน แต่ตอนนี้คุณใหญ่อยู่ที่สนามกอล์ฟใกล้ๆนี่เอง คงอีกสักชั่วโมงถึงจะกลับ” เธอหยุดคิดอยู่อึดใจหนึ่งแล้วบอกเขาว่า “เอายังงี้ดีไหมคะ คุณจะมาตอนนี้เลยก็ได้ เพราะฉันเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน” “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะออกไปเลย” คริสขับรถออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปที่บ้านของวุฒิเลิศ ระหว่างทางชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าภรรยาของวุฒิเลิศมีอะไรจะพูดกับเขา น่าจะเป็นเรื่องระหว่างเขากับทิพย์สุรางค์ แต่เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก เขาไม่รู้ว่าสองสามีภรรยารู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ตั้งใจว่าจะเล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟังตามความเป็นจริง สิริมาออกมาต้อนรับแล้วเชิญเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น หลังจากเด็กรับใช้ที่เข้ามาเสิร์ฟกาแฟออกจากห้องไปแล้ว และคริสมองหน้าเธอเป็นเชิงถาม สิริมาก็พูดว่า “ฉันโทรศัพท์ไปบอกคุณใหญ่แล้วว่าคุณอยากพบเขา อีกสักครู่เขาคงจะมาถึง” สิริมาสังเกตเห็นว่าหน้าตาของชายหนุ่มสดชื่น ไม่เคร่งเครียดเหมือนคืนนั้น วันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคิดอย่างไรกับน้องสามีของเธอ “ตอนนี้น้องทิพย์ไปเวียงพุกาม ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร” “ครับ ผมทราบแล้ว” คริสตอบเรียบๆ “คุณคงยังไม่ทราบ ว่าทำไมอยู่ๆน้องทิพย์ก็หอบลูกไปเวียงพุกาม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเอาสิงห์ไปด้วย” เธอพยายามสังเกตสีหน้าคริส เห็นเขาทำท่าสะดุดใจก่อนจะถามอย่างร้อนรนว่า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ? แล้วเธอไปทำไม?” “คุณคงรู้จักผู้หญิงที่ชื่อลักษณา เขามาที่นี่มาขอพบฉัน มาประกาศตัวว่าเป็นว่าที่แม่ยายคุณ แล้วก็เล่าเรื่องของคุณกับน้องทิพย์ เป็นทำนองว่าน้องทิพย์ตั้งใจจะแย่งคุณ จากลูกสาวของเขาที่เป็นคู่หมั้นของคุณ” สิริมาเห็นสีหน้าของคริสเครียดขึ้นมาทันทีด้วยความไม่พอใจ “ผมไม่เคยทราบเลยว่าคุณน้าลักษณามาที่นี่ แล้วทำไมคุณน้าถึงรู้ว่าคุณหนูอยู่ที่นี่ ผมต้องขอโทษคุณสิริมาด้วย” หญิงสาวหยิบรูปสองใบ ที่ได้มาจากคุณลักษณาที่เธอเตรียมไว้ ส่งให้ชายหนุ่ม ทันทีที่เห็นรูปของเขากับทิพย์สุรางค์ที่ถ่ายในบ้านหลังนี้ คริสก็รู้ว่าเป็นฝีมือของคุณลักษณา เขาเคยรู้จากลลิตาเรื่องที่มารดาของเธอจ้างนักสืบคอยติดตามสามีอยู่บ่อยๆ ชายหนุ่มขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ถึงจะเห็นใจเธอที่พยายามหาทางช่วยลูก แต่ก็ไม่พอใจที่เธอมาก้าวก่ายวุ่นวายกับวุฒิเลิศและภรรยา ถ้าเธอจะวุ่นวายส่งนักสืบเที่ยวตามเขาคนเดียว เขาก็จะอภัยให้เธอเพราะรู้ว่าตัวเองผิด แต่นี่มันเกินไปแล้ว “แล้วเขาได้พบคุณหนูหรือเปล่าครับ?” คริสชักกังวล ป่านนี้ทิพย์สุรางค์มิพาลโกรธเขาแย่แล้วหรือ ทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้เรื่องและไม่เคยคิดว่าคุณลักษณาจะวุ่นวายได้ถึงขนาดนี้ “วันนั้นน้องทิพย์ไม่อยู่บ้าน” สิริมาเล่าไปเรื่อยๆก็จริง แต่เธอก็คอยสังเกตความรู้สึกของเขาไปด้วย “เขาก็เลยขอพบผู้ใหญ่ในบ้าน เอารูปสองใบนี้มายืนยัน กล่าวหาว่าคุณกับน้องทิพย์มีอะไรกัน เขาพูดอะไรหลายอย่าง แต่ฉันจำไม่ได้ทั้งหมดหรอกเพราะตกใจมาก เราไม่เคยถูกใครมากล่าวหาเสียๆหายๆแบบนี้ แล้วยังมีการข่มขู่อีกด้วยว่าให้คุณใหญ่กับฉันจัดการให้เรียบร้อย ไม่ให้น้องทิพย์กับคุณติดต่อกันอีก ไม่งั้นเขาจะเอาน้องทิพย์และพวกเราไปประจานให้เสียหาย” เธอเห็นเขานิ่งอั้น หน้าของเขาแดงระเรื่อ หญิงสาวคิดว่าเขาคงโกรธคุณลักษณาและอายเธอ “ ผมต้องขออภัยแทนเธอด้วย ผมเองเป็นคนผิด ทำเรื่องให้เธอระแวงแล้วก็เลยออกมาแบบนี้ ผมเสียใจจริงๆครับ” สิริมากล่าวต่อไปว่า “ทางเราไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง เราเองก็มีฐานะหน้าตาที่ต้องรักษาเหมือนกัน แต่ได้ข่าวว่าคุณจะแต่งงานเร็วๆนี้แล้วไม่ใช่หรือ? ทางเราอาจจะไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ เพราะถ้าคุณแต่งงานกับลูกสาวเขาเมื่อไหร่ เขาก็คงไม่ตามมาราวีน้องทิพย์อีก คุณคิดเหมือนฉันไหมคะ?” คริสเงยหน้าขึ้นมองสิริมา เขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วกลับเปลี่ยนใจ หญิงสาวเห็นแล้วก็กล่าวต่อไปเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ความจริงคุณลักษณาคนนั้นไม่น่าใจร้อนบุกบั่นมาถึงที่นี่เลย เท่าที่ฉันสังเกต น้องทิพย์กับคุณก็ไม่เห็นว่าจะมีทีท่ารักใคร่ชอบพออะไรกันสักนิด แกคงจะเข้าใจผิดไปเอง จริงไหมคะ?” ท่าทางร้อนใจของคริส ทำให้สิริมาคิดว่ากำลังจะได้รู้ความในใจของเขาต่อทิพย์สุรางค์แล้ว แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอ วุฒิเลิศก็เดินเข้ามาในห้องพอดี เขากลับมาเมื่อสักครู่นี้ ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงเข้ามาที่นี่ เมื่อเห็นสามีสิริมาก็ลุกขึ้นยืน เพราะได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าทางโทรศัพท์แล้ว ว่าจะปล่อยให้ผู้ชายสองคนพูดคุยกันตามลำพัง นอกจากนี้เธอยังได้แนะวุฒิเลิศให้ทำเหมือนว่า ทิพย์สุรางค์ยังไม่ได้เล่ารายละอียดทั้งหมดให้ฟัง เหตุผลของเธอคือต้องการรู้ว่า รายละเอียดของเขาและทิพย์สุรางค์จะตรงกันหรือไม่ คริสมีความจริงใจแค่ไหน “เชิญคุณคริสคุยกับคุณใหญ่ตามลำพังแล้วกัน ฉันมีอะไรต้องทำนิดหน่อย เดี๋ยวจะให้เด็กเอาของว่างมาให้” ในที่สุดสองชายก็มานั่งเผชิญหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง วุฒิเลิศมองชายหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งอย่างสุภาพสำรวมอยู่ตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลย ว่าเจ้าหนุ่มท่าทางเซื่องซึมไม่ค่อยพูดค่อยจา ที่เขาเคยพบไม่กี่ครั้งที่เวียงพุกามในฐานะลูกจ้างของบิดาคนนั้น จะกลายมาเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของน้องสาวสุดที่รักของเขา ต้องมีอันผันแปรไปได้ถึงขนาดนี้ เขารู้สึกโกรธแค้นและเจ็บใจที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี จนนึกอยากจะฆ่ามันทิ้งหรืออย่างเบาะๆที่สุด ก็ต่อยหน้ามันสักสองสามทีเผื่อจะแค้นน้อยลงได้บ้าง แต่วุฒิเลิศก็พยายามหักห้ามใจ โดยเอาประโยชน์ของน้องสาวและหลานชายตัวน้อยของเขาเป็นที่ตั้ง “คุณมีธุระอะไรถึงอยากพบผม” ในที่สุดเขาก็ตั้งคำถามเปิดทางให้ด้วยเสียงแข็งๆ เพื่อจะดูว่าเจ้าหนุ่มหน้าตาคมสัน บุคลิกลักษณะชวนมองคนนี้ มีความจริงใจแค่ไหนที่มาหาเขาถึงที่นี่ คริสมองสบตาวุฒิเลิศอย่างเปิดเผย พี่ชายของทิพย์สุรางค์มองเห็นความซื่อตรง ความละอายใจและความสำนึกผิดในดวงตาคู่นั้น “ผมมากราบขอโทษคุณใหญ่ สำหรับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับคุณหนู ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมเสียใจจริงๆ” แล้วเขาก็ก้มลงกราบวุฒิเลิศอย่างนอบน้อม วุฒิเลิศมองแล้วก็เมินไปอีกทางหนึ่ง คริสเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายดี ถ้าเขามีน้องสาว แล้วมีไอ้หนุ่มที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าสักคนมาทำกับน้องสาวเขาแบบนี้ เขาก็คงจะโกรธแค้นจนแทบจะฆ่ามันทิ้งเสียด้วยซ้ำ “คุณมีอะไรก็พูดมา ผมเป็นพี่ชายของเขา รักและเป็นห่วงเขามาก เขาน่าสงสารที่ต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่สามขวบ เวลามีปัญหาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร ผมเองก็ต้องไปเรียนหนังสือที่เมืองนอกตั้งแต่อายุสิบสี่สิบห้า แต่ทุกครั้งที่ปิดภาคเรียนผมก็ต้องกลับบ้านเพราะเป็นห่วงเขา น้องสาวผมเป็นผู้หญิงที่ดีมีอนาคตยาวไกล เขาไม่เคยทำเรื่องอะไรให้ผมและคุณพ่อต้องเสียใจเลยสักครั้ง แต่แล้วอยู่ๆวันหนึ่ง เขาก็ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่เหมือนมีลูกโดยไม่มีพ่อ ต้องระเหเร่ร่อนไปซ่อนตัวอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด ต้องแต่งเรื่องมาหลอกว่าอยู่กินเงียบๆกับผู้ชายคนหนึ่งจนมีลูกกับเขา เพราะกลัวว่าผมจะโกรธ หรือต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงที่มีน้องประพฤติตัวไม่ดี” เขาพูดอย่างเจ็บช้ำ สีหน้าของเขาหม่นหมอง เมื่อนึกถึงสภาพของทิพย์สุรางค์ที่ต้องดิ้นรนปิดบังซ่อนเร้นหลีกลี้หนีหน้าคนไปอยู่ไกลถึงอเมริกา คริสมองวุฒิเลิศอย่างเห็นใจ รู้สึกเสียใจอย่างมากกับความผิดของตัวเอง ที่มีผลกระทบถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทิพย์สุรางค์ “จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่รู้แน่ ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างน้องสาวของผมกับคุณ” วุฒิเลิศสรุปแบบต้องการคำอธิบาย “คุณใหญ่ครับ ผมเสียใจจริงๆ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณใหญ่ดี ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องต่างๆเป็นไปแบบนี้ แต่ผมก็ไม่อยากจะแก้ตัวอะไร” แล้วคริสก็รีรออยู่ เขาอยากจะเล่าเรื่องทั้งหมด รวมทั้งความรู้สึกที่แท้จริงของเขาต่อทิพย์สุรางค์ให้หนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามฟัง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทนรับฟังได้หรือไม่ แต่แล้ววุฒิเลิศก็ช่วยเปิดทางให้ “คุณมีอะไรที่อยากให้ผมรู้ อยากให้ผมเข้าใจก็ลองเล่ามา เผื่อผมจะเข้าใจหรือเห็นใจคุณบ้าง เมื่อได้ฟังเหตุผลของคุณแล้ว” คริสรู้สึกโล่งใจที่จะมีโอกาสได้พูด ได้แสดงความจริงใจของเขาต่อทิพย์สุรางค์ให้พี่ชายของเธอรับรู้ แล้วเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับลลิตาและอุปสรรคนานาประการ ที่เกิดขึ้นจากฝ่ายเขา รวมทั้งความตั้งใจของทิพย์สุรางค์เอง ที่ไม่ยอมให้เขารับผิดชอบต่อเธอและลูก หลังจากฟังแล้ววุฒิเลิศก็รู้สึกดีขึ้น เขามองเห็นความทุกข์ร้อนความจริงใจ ความเสียใจและความต้องการของชายหนุ่มที่จะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจในบางเรื่อง “คุณบอกว่าถ้าน้องสาวผมยอมให้คุณรับผิดชอบ คุณก็จะแต่งงานกับเขาทันที แล้วเรื่องคู่หมั้นของคุณล่ะ คุณจะเอาเขาไปไว้ที่ไหน? คุณคงรู้นะว่าน้องสาวผมไม่เหมือนผู้หญิงบางคน ที่จะยอมเป็นเบอร์สองเบอร์สามของใครได้ ผมขอบอกให้คุณรู้ไว้ด้วยว่าสมมติว่าเขาบ้าพอที่จะยอม ผมก็ไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้นไปได้เป็นอันขาด” “เรื่องนี้ผมเข้าใจครับ คุณใหญ่ คุณหนูเป็นผู้หญิงที่ดีมีคุณค่ามากสำหรับผม ผมเองก็ไม่มีวันจะดึงเธอลงมาอยู่ในสภาพนั้นได้” ชายหนุ่มยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคง สบตาวุฒิเลิศแน่วแน่ “สำหรับเรื่องลลิตา ผมจะปล่อยเธอไป ผมไม่ห่วงเรื่องนั้น ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่าการเป็นคู่หมั้น เธออาจจะเสียใจบ้าง แต่ก็คงยอมเข้าใจว่าทำไมเราถึงแต่งงานกันไม่ได้” “คุณแน่ใจได้อย่างไร? ผมเข้าใจว่าภรรยาผมคงเล่าให้คุณฟังแล้ว ที่ว่าที่แม่ยายของคุณมาอาละวาดด่าทอน้องผมถึงที่นี่” แววตาของวุฒิเลิศดุกร้าวขึ้นมาทันทีเมื่อพูดเรื่องนี้ หน้าของคริสแดงระเรื่อด้วยความละอายใจและสำนึกผิด ที่เป็นต้นเหตุทำให้วุฒิเลิศและภรรยา ต้องมาโดนหางเลขจากคุณลักษณาอย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้ “ผมเสียใจมากครับ ผมขออภัยแทนคุณน้าลักษณาด้วย” เมื่อได้ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้รู้สึกผิดและพร้อมที่จะแก้ตัวทำความผิดที่เกิดขึ้น ให้ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว วุฒิเลิศก็ตั้งคำถามสำคัญต่อไป “ฟังจากที่คุณพูดมาทั้งหมด ผมเข้าใจว่าตอนนี้คุณพร้อมที่จะจัดการกับเรื่องส่วนตัวทางโน้นของคุณให้เรียบร้อย แล้วแต่งงานกับน้องสาวผมถ้าเขาไม่ขัดข้อง แต่คุณก็น่าจะรู้ว่าการแต่งงานโดยปราศจากความรัก หรือแต่งงานเพราะตกกระไดพลอยโจนเพื่อรักษาหน้าฝ่ายหญิง จะเป็นการแต่งงานที่ไม่มีความสุข ในที่สุดก็อาจจะต้องทนอยู่กันไป รอเวลาเลิกกันเท่านั้น คุณเคยคิดเรื่องนี้บ้างไหม ก่อนที่จะมาตกปากรับคำ ขอรับผิดชอบแต่งงานกับน้องสาวผม” ได้ผลตามที่วุฒิเลิศต้องการ เมื่อคริสรีบกล่าวอย่างร้อนใจ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดเลยไม่อนุญาตให้ทิพย์สุรางค์แต่งงานด้วย “ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ คุณใหญ่ ผมไม่ได้จะแต่งงานกับคุณหนูเพื่อกู้หน้าให้เธอ ผมอยากจะแต่งงานกับเธอ ก็เพราะผมรักและอยากร่วมชีวิตกับเธอ ตอนนี้ผมรู้แน่ชัดแล้วว่าผมขาดเธอไม่ได้ จึงอยากจะขอความกรุณาจากคุณใหญ่ด้วย” วุฒิเลิศฟังและมองสีหน้าร้อนรนที่พยายามร้องขอความเมตตาจากเขา เห็นแววตาที่ซื่อตรงและจริงใจ ที่กำลังสบตาเขาอยู่ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้น “แล้วน้องหนูล่ะ เขารักคุณหรือเปล่า?” คราวนี้เขาเห็นคริสทำหน้าเก้อๆ ลังเลไม่แน่ใจก่อนตอบอย่างท้อแท้ว่า “ผมไม่แน่ใจ เธอไม่เคยบอกว่ารักผม เธอคอยแต่จะผลักไสไล่ส่ง ไม่ยอมให้ผมรับผิดชอบ แม้แต่ตอนที่เกิดเรื่องใหม่ๆจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังยืนกรานคำเดิม” วุฒิเลิศนึกหัวเราะอยู่ในใจ คิดว่าไอ้เจ้าหนุ่มคนนี้มันช่างงี่เง่าเสียจริงๆที่อ่านใจน้องสาวของเขาไม่ออก สิริมาพูดกับเขามาก่อนหน้านี้แล้วว่า เธอแน่ใจว่าที่ทิพย์สุรางค์เมินไม่รับไมตรีจากผู้ชายคนใด รวมทั้งชาคริตด้วยก็เพราะเธอรักและรอคริสคนเดียวเท่านั้น แต่ทิพย์สุรางค์มีเงื่อนไขส่วนตัวของเธอ ที่จะทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อนดิ้นรน ต่อสู้ข้ามพ้นอุปสรรคต่างๆ มาหาเธอให้ได้ด้วยตัวของเขาเอง เพื่อพิสูจน์ความรักและกอบกู้เกียรติยศชื่อเสียงของเธอและครอบครัว ที่ถูกเขาทำให้เสียหาย “คุณเคยบอกน้องหนูบ้างไหมว่ารักเขา?” ชายหนุ่มทำหน้าเจื่อนๆ เมื่อตอบคล้ายๆกับที่เคยตอบคุณธัญญามาแล้ว “ผมไม่กล้าบอก เพราะไม่ทันได้พูดอะไรเธอก็ไล่ผมเสียแล้ว ไม่งั้นก็เดินหนีไม่ยอมฟังอะไรเลย แต่เธอก็น่าจะรู้ว่าผมรักเธอนี่ครับ” พี่ชายของทิพย์สุรางค์ฟังแล้วก็นึกอยากหัวเราะ พร้อมๆกับรู้สึกเวทนาความซื่อของเขา “ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาก็คงอยากฟังคำสารภาพรักด้วยกันทั้งนั้นแหละ บางทีพวกผู้ชายอย่างเราก็ไม่เข้าใจหรอก ว่าสำหรับผู้หญิงคำพูดสำคัญกว่า ถ้าคุณคิดว่าเขาจะมองการกระทำของคุณ แล้วไปคิดเอาเองว่าคุณรักเขา คงเป็นไปไม่ได้ ความจริงเรื่องพวกนี้ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนหรอก ภรรยาผมเขาเป็นคนอธิบายให้ฟัง ผู้หญิงเขาคงจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันดีละมัง” สีหน้าของคริสเปลี่ยนไปทันที จากความท้อแท้ไม่แน่ใจเป็นตื่นเต้นยินดีและมีความหวัง “ผมควรจะทำยังไงดีครับ เอ้อ.. ผมอยากขออนุญาตคุณใหญ่แต่งงานกับคุณหนู” “ถ้าคุณรักน้องสาวผมจริงผมก็คงไม่ขัดข้อง อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่อยากให้หลานคนเดียวของผมต้องมีพ่อเลี้ยง เขาควรจะได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา แต่ก่อนอื่นคุณควรจะไปตกลงทำความเข้าใจ กับน้องหนูให้เรียบร้อยเสียก่อน ถ้าเขายอมรับคุณได้ทางผมกับภรรยาก็คงไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มพูดขึ้นทันทีอย่างกระตือรือร้นว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตคุณใหญ่ ไปหาคุณหนูที่เวียงพุกามนะครับ” “ก็แล้วแต่คุณ” คริสนิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่งก็กล่าวต่อว่า “ผมจะไปเงียบๆไม่ให้เธอรู้ตัว ไม่งั้นเธอก็อาจจะหอบลูกหนีผมไปอีก ถ้ายังไงคงต้องขอความกรุณาคุณใหญ่ อย่าเพิ่งส่งข่าวให้เธอรู้ว่าผมกำลังจะไปหาเธอ ได้ไหมครับ?” วุฒิเลิศซึ่งรู้นิสัยความรั้นชอบกระบิดกระบวนของทิพย์สุรางค์ดี พยักหน้า “คุณจะเอายังงั้นก็ได้ แต่ผมว่าคุณคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ ไม่มีใครเอาชนะน้องหนูได้ง่ายๆหรอก” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเข้าใจดี เขาผจญกับอารมณ์ต่างๆของเธอมาจนชินแล้ว แต่ที่ผ่านมาเขามัวแต่โง่ไม่เข้าใจผู้หญิง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะเอาชนะความดื้อรั้นของทิพย์สุรางค์ได้ กำลังสนุกเลยค่ะคุณตุ้ย
โดย: หอมกร วันที่: 11 กันยายน 2567 เวลา:7:02:02 น.
5555ตอนนี้ติดนิยายออนไลน์มาก เดี๋ยวมาแวะอ่านที่นี้ดีกว่าคะ มีใจไม่เสียตังค์
มาตามเวลาที่หายไปคะ ตั้ง 12ปี โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 11 กันยายน 2567 เวลา:9:56:14 น.
❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙
💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร ❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก 💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง ❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง 💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม ❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร? 💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม ❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร? 💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร? https://justpaste.it/b790p โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 176.16.165.99 วันที่: 12 กันยายน 2567 เวลา:16:40:16 น.
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด
ตามมาอ่านต่อจ้ะ เนื้อหากำลังเข้มข้น ขมวดปม ต้องจบลง ที่ คริสและทิพย์สุรางค์ แแต่งงานแน่แล้ว สงสาร ลลิตาเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง เนาะ ว่า ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ก็มีอันต้องพลัดพราก จากกันไป เนาะ โหวดหมวด งานเขียนฯ โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 12 กันยายน 2567 เวลา:19:35:12 น.
ชื่อนางเอกคืองามมาก นึกภาพว่านางต้องสวยเหมือนชื่อ
โดย: ข้าน้อยคาราวะ (ข้าน้อยคาราวะ ) วันที่: 14 กันยายน 2567 เวลา:14:29:34 น.
|
BlogGang Popular Award#20
ดอยสะเก็ด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
|
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |