เวลาที่หายไป - บทที่ 57
และแล้ว...วันแต่งงานที่คริสเร่งวันเร่งคืนให้มาถึงเสียทีก็มาถึงจนได้ในที่สุด เจ้าบ่าวและเจ้าสาวอยู่ในเครื่องแต่งกายแบบล้านนา ทิพย์สุรางค์นั้นสวยสุดใจจนน่าตะลึง ในชุดผ้านุ่งยกทองสีฟ้าครามและเสื้อแบบเกาะอกสีเหลืองทอง มีสะไบสีฟ้าครามริ้วทองพาดเฉียงจากไหล่ลงมา ผมยาวของเธอถูกเกล้าขึ้นสูงแบบชาวเหนือ ประดับด้วยคัทลียาสีเหลืองทองดอกใหญ่สองดอก แซมด้วยดอกไม้สีขาวดอกจิ๋วๆ ส่วนเจ้าบ่าวของเธอสวมเสื้อแขนยาวคอตั้งแบบล้านนาสีเหลืองทองผ่าอก มีกระดุมทองคำลงยาในรังดุมที่มีสาบในแนวขวาง เข้าชุดกันกับกางเกงทรงหลวมสีเดียวกัน เขาก็มีสะไบสีครามริ้วทองพาดเฉียงบ่าเช่นเดียวกับเธอ

ญาติสนิทมิตรสหายของทั้งสองฝ่าย มาร่วมงานกันอย่างคับคั่งเกือบห้าสิบคน ทั้งๆที่กำหนดกันเอาไว้ว่าจะเชิญแขกไม่กี่คนเพื่อความเรียบง่าย แต่ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริง ก็มีผู้มาร่วมแสดงความยินดีมากกว่าที่กะไว้ ทำให้ห้องโถงใหญ่ที่ใช้จัดพิธีคับแคบลงไปถนัด เจนนิเฟอร์มาร่วมงานด้วย เธอมากับบ็อบซึ่งตอนนี้ได้หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว กำหนดจะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า คนทั้งคู่มีแผนจะไปเที่ยวต่อที่ภูเก็ตหลังงานแต่งงานของเพื่อนสนิท 


นายแพทย์ประสพชัยและชาคริตก็มาร่วมงานด้วย สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นแม้จะหมองไปบ้าง แต่ก็มีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะมาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว กรก็แต่งตัวหล่อในชุดเด็กชายชาวล้านนามาร่วมงานด้วยเหมือนกัน เขาเตรียมสร้อยคอที่ขอยืมมาจากแสงดาวไว้พร้อม กะจะคอยกั้นประตูขบวนขันหมากของเจ้าบ่าว โดยหมายมาดว่าจะต้องต่อรองให้ได้เงินมากกว่าหนึ่งซองให้ได้ ไม่งั้นจะไม่ยอมปล่อยคริสให้ผ่านไปหาเจ้าสาวแสนสวยของเขาได้เป็นอันขาด กรเป็นคนหนึ่งที่ตื่นเต้นดีใจกับพิธีแต่งงานในวันนี้ของคนสองคนที่เขารักมากที่สุด

พิธีเริ่มต้นด้วยขบวนขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าว ที่ประกอบด้วยบิดามารดา ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงของเจ้าบ่าว ซึ่งต่างก็อยู่ในชุดไทยล้านนาสวยงาม จอห์น เลย์ตันเป็นผู้ถือพานบายศรี คุณธัญญาถือพานบรรจุของหมั้นที่อยู่ในห่อผ้าตาดทองผูกริบบิ้นสีแดง ส่วนคนที่อยู่ในขบวนประมาณสิบห้าคนถือพานขันหมาก ห่ออย่างสวยงามด้วยผ้าตาดทองผูกริบบิ้นสีแดง ท้ายขบวนมีคนแบกกล้วยเครือใหญ่ทั้งเครือและต้นอ้อยจำนวนหนึ่ง ปิดขบวนขันหมากด้วยขบวนกลองยาวสี่ห้าคน

เมื่อขบวนขันหมากเดินผ่านประตูหน้าบ้าน เข้ามาตามถนนในบ้านได้ประมาณห้าเมตร ก็ถูกญาติและเพื่อนฝูงของฝ่ายเจ้าสาวที่ดักรออยู่แล้ว ใช้สายสร้อยทองกั้นประตูไว้เป็นระยะๆหลายด่าน จนเกือบถึงบริเวณหน้าตึก

ประสพชัยซึ่งได้รับการขอร้องจากคริส ให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเดินตามหลังคุณธัญญาคู่มากับคริส ซึ่งมีคนถือร่มกระดาษสีแดงคันใหญ่กางให้ ต้องแจกเงินค่าผ่านประตูซึ่งจัดไว้ในซองสีชมพูอ่อน จนเป็นที่พอใจของผู้กั้นประตูแล้วจึงจะผ่านแต่ละด่านเข้าไปได้ ด่านที่ต้องแจกเงินหนักที่สุด คือด่านที่มีกรกับเด็กชายอีกคนหนึ่งถือสายสร้อยยืนกั้นอยู่ ขบวนขันหมากเสียเวลาอยู่ตรงด่านต่างๆนี้นานพอควร ท่ามกลางเสียงโห่ เสียงหัวเราะและเสียงต่อรองกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง

ขบวนขันหมากซึ่งผ่านด่านกั้นประตูของฝ่ายเจ้าสาวมาได้แล้ว เดินผ่านเข้าไปในซุ้มประตูรูปโค้ง ที่ตั้งติดต่อกันสามซุ้มอยู่หน้าตัวตึก แต่ละซุ้มประดับตกแต่งอย่างงดงาม ด้วยดอกไม้นานาพันธ์หลากสีและแซมด้วยดอกรักและดอกมะลิเป็นช่วงๆ คุณพงศ์ศักดิ์ ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาวซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของคุณดนัย มายืนรอรับขบวนขันหมากอยู่หลังซุ้มประตูสุดท้าย 


รับพานบายศรีจากฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว คุณพงศ์ศักด์ก็กล่าวคำอนุญาตให้หญิงรุ่นสาวซึ่งเป็นญาติของฝ่ายเจ้าสาว ตักน้ำจากโอ่งดินเผาใบเล็กๆ ที่วางเตรียมอยู่ ล้างเท้าให้เจ้าบ่าว เป็นพิธียินดีต้อนรับเข้าบ้าน แล้วเดินนำหน้าพาขบวนขันหมากขึ้นไปในห้องโถงใหญ่บนตึก 

วุฒิเลิศ สิริมาและญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงอีกสองสามคน ซึ่งนั่งรออยู่แล้วบนเก้าอี้นวมตรงบริเวณทำพิธี รับพานขันหมากมาวางเรียงรายลงบนพรมสีแดงผืนใหญ่ ที่ปูอยู่หน้าเก้าอี้นวมชุดใหญ่ ก่อนจะเชิญเฒ่าแก่ฝ่ายชายคือคุณภรณี มารดาของคุณธัญญา ซึ่งถึงแม้จะอายุเจ็ดสิบห้าปีแล้วก็ยังกระฉับกระเฉงแข็งแรง รวมทั้งจอห์นกับคุณธัญญาให้นั่งบนเก้าอี้นวมชุดใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายอยู่หน้าพรมผืนนั้น

ต่อจากนั้นคุณพงศ์ศักดิ์ ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ที่รอบรู้เรื่องพิธีกรรมต่างๆดี ก็ดึงริบบิ้นแก้ผ้าตาดทองที่ห่อขันหมากเอาไว้ออกให้เห็นของในห่อ แล้วนำออกมาวางต่อๆกันไว้มุมหนึ่งบนพรมผืนนั้น ขันหมากที่ฝ่ายชายนำมานี้ประกอบด้วยขนมหวานแบบไทยๆ เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ขนมลูกชุบ ขนมเปี๊ยะ ขนมถ้วยฟู ขนมตาล ผลไม้ต่างๆ อาทิ ส้ม แอปเปิล มะพร้าวอ่อน กล้วย ฯลฯ

ประสพชัยซึ่งทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวพาตัวคริสเข้ามาในห้องพิธี คริสนั่งคุกเข่าบนพื้นแล้วคลานเข้าไปกราบวุฒิเลิศและภรรยา ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนบิดามารดาของเจ้าสาว หลังจากนั้นก็เข้าไปกราบคุณภรณี จอห์นและคุณธัญญา ต่อจากนั้นเจนนิเฟอร์ซึ่งทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาว ก็จูงทิพย์สุรางค์เข้ามาในห้องพิธี เจ้าสาวตรงเข้าไปกราบมารดาของคุณธัญญา ซึ่งนั่งเป็นประธานอยู่คู่กับคุณพงศ์ศักดิ์ ต่อด้วยการกราบบิดามารดาของเจ้าบ่าว หลังจากนั้นจึงเข้าไปกราบวุฒิเลิศและสิริมา ซึ่งทำหน้าที่แทนบิดามารดาของเธอ แล้วลงนั่งพับเพียบคู่กับคริส

พิธีหมั้นเริ่มขึ้นด้วยการที่คุณภรณี มารดาของคุณธัญญา กล่าวคำขอหมั้นทิพย์สุรางค์ให้คริสสั้นๆ พอเป็นพิธีการ หลังจากนั้นก็มอบพานของหมั้นให้คุณพงศ์ศักดิ์ที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง คุณพงษ์ศักดิ์รับพานมาแก้ผ้าตาดทองที่ห่ออยู่ออก หยิบกล่องของหมั้นที่มีหลายกล่องออกมาเปิด กล่องแรกเป็นเงินสินสอดซึ่งเป็นธนบัตรใหม่เอี่ยมจำนวนมาก เขายกกล่องใส่สินสอดให้แขกที่นั่งเป็นสักขีพยานกันอยู่เต็มห้องดูแล้วประกาศเสียงดัง ได้ยินกันอย่างถ้วนถึง 

“นี่คือเงินบริสุทธิ์จำนวนห้าล้านบาท ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้บิดามารดาของเจ้าสาวเป็นเงินสินสอด ซึ่งบิดามารดาของเจ้าสาวจะเก็บไว้ หรือจะมอบให้คู่บ่าวสาวเพื่อนำไปใช้ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็สุดแท้แต่” แล้วเขาก็ส่งกล่องนั้นให้สิริมา ซึ่งทำหน้าที่แทนมารดาของทิพย์สุรางค์

ต่อจากนั้นคุณพงศ์ศักดิ์หยิบกล่องสีแดงขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกมาเปิดดูของหมั้น ก่อนประกาศว่า “นี่คือเครื่องเพชรบริสุทธิ์ ที่ฝ่ายชายนำมาขอหมั้นฝ่ายหญิง เพื่อเป็นตัวแทนของความรักอันบริสุทธิ์” 


เขาจาระไนทีละชิ้นว่า “แหวนเพชรหนึ่งวง สร้อยคอเพชรหนึ่งเส้น ต่างหูเพชรหนึ่งคู่ สร้อยข้อมือเพชรหนึ่งเส้นและกำไลข้อมือทองคำขาวฝังเพชรอีกหนึ่งเส้น ของหมั้นชุดนี้ขอมอบให้แม่เจ้าสาวรับไปตรวจดูแล้วส่งต่อให้เจ้าบ่าว เพื่อเป็นการอนุญาตให้หมั้นกันได้”

สิริมารับกล่องเครื่องเพชรจากคุณพงศ์ศักด์ เธอเลือกหยิบเฉพาะแหวนเพชรออกมาส่งให้คริส เพื่อสวมให้ทิพย์สุรางค์เป็นแหวนหมั้น แหวนวงนี้เป็นแหวนที่จอห์นมอบให้คุณธัญญา ในวันแต่งงานเมื่อสามสิบกว่าปีมาแล้ว เป็นแหวนที่คุณธัญญารักมากแต่ก็เต็มใจมอบให้หญิงสาว คนที่เธอแน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่ลูกชายของเธอรักมากที่สุด

คริสรับแหวนมาบรรจงสวมลงไปในนิ้วนางข้างซ้ายของทิพย์สุรางค์ พอสวมแหวนเสร็จทิพย์สุรางค์ก็ยกมือไหว้คริสอย่างอ่อนช้อย ตามเสียงกระซิบบอกบทของสิริมา ต่อจากนั้นเธอก็รับแหวนทองคำขาวหัวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประดับเพชรเม็ดเล็กๆเรียงรายเป็นตาตาราง ที่คุณธัญญาเตรียมไว้ให้และใส่รวมกันมาในกล่องแหวนหมั้น ที่สิริมาส่งมาให้ สวมให้คริส คู่บ่าวสาวมองสบตากันอย่างซาบซึ้งดื่มด่ำไปด้วยความสุขสมหวัง

คุณพงษ์ศักดิ์หยิบของหมั้นกล่องสุดท้ายออกมาเปิด ชูให้ดูกันโดยทั่วถึง 


“นี่คือของหมั้นอีกชุดหนึ่ง เป็นชุดทองคำบริสุทธิ์ เพื่อเป็นตัวแทนความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าบ่าวมอบให้เจ้าสาว มีสร้อยคอทองคำหนึ่งเส้นพร้อมจี้พระพุทธรูปทองคำ ต่างหูทองคำหนึ่งคู่ แหวนทองคำหนึ่งวงและกำไลข้อมือทองคำหนึ่งชิ้น ขอมอบให้มารดาเจ้าสาว ส่งต่อให้เจ้าบ่าวเพื่อประดับให้เจ้าสาวด้วย”

คริสรับกล่องเครื่องทองรูปพรรณมาจากสิริมา หยิบสร้อยคออุบะลวดลายปะณีตละเอียดยิบ มาสวมลงบนลำคอที่ว่างเปล่าของเจ้าสาว สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างขวา เนื่องจากนิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนหมั้นสวมอยู่แล้ว ต่อจากนั้นก็หยิบกำไลทองมาบรรจงสวมลงไปบนข้อมือข้างหนึ่งของหญิงสาว

แต่เมื่อเขาพยายามจะใส่ต่างหูระย้าให้ทิพย์สุรางค์ คริสก็เก้กังมากจนไม่สามารถใส่ให้เธอได้ ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เคยต้องสวมต่างหูให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย เขาเห็นแล้วละรอยเจาะตรงติ่งหูของเธอนั่นน่ะ แต่ไอ้แท่งแหลมๆน่ากลัวตรงก้านต่างหูนี่ล่ะ จะใส่เข้าไปอีท่าไหนกันจึงจะไม่พลาดไปโดนเนื้อเธอเข้า แล้วเขาก็ลอบถอนใจเบาๆ ชักจะกลุ้มใจขึ้นมาหน่อยๆแล้ว

ท่าทางเก้งก้างตัดสินใจไม่ตกของคริส ทำให้แขกที่นั่งเป็นสักขีพยานอยู่ ต่างก็หัวเราะกันคิกคักอย่างขบขันแกมเอ็นดู ร้อนถึงสิริมาต้องบอกทิพย์สุรางค์ให้ใส่เอง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณพงษ์ศักดิ์ก็บอกเจ้าสาวให้กราบเจ้าบ่าว ซึ่งเธอก็อมยิ้มน้อยๆแล้วทำตามอย่างน่ารัก ในขณะที่คริสจับมือที่กราบลงมาบนตักของเขาเอาไว้ มองเธออย่างเอ็นดูกับท่าทางแช่มช้อยนุ่มนวลที่ไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน

เมื่อพิธีหมั้นจบลงแล้ว ต่อไปก็เป็นพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อมือตามประเพณีของชาวล้านนา แต่ในช่วงสิบห้านาทีที่ต้องรอฤกษ์ทำพิธี วุฒิเลิศจัดการให้คู่บ่าวสาวเข้าไปกราบรูปเขียนขนาดครึ่งตัวของคุณดนัย ที่ติดอยู่บนผนังห้องทำงานของเขา เพื่อขอพรเนื่องในวันวิวาห์ หนุ่มสาวทั้งสองเข้าไปนั่งคุกเข่าคู่กันบนผืนพรม ตรงหน้ารูปของคุณดนัย ที่ดูเหมือนจะจ้องมองมาเขม็ง ทิพย์สุรางค์มีน้ำตาคลออยู่จางๆ เมื่อพนมมือพูดกับรูปเขียนของบิดาในใจ

“พ่อขา ลูกมากราบขออภัยที่ทำสิ่งที่ผิดพลาด แต่พ่อก็คงรู้นะคะว่าลูกไม่ได้ตั้งใจเลย ลูกเองก็ต้องทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอด แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกกับคนที่ลูกรัก ลูกมากราบขอพรจากพ่อ ขอให้พ่ออวยพรให้ชีวิตแต่งงานของเราราบรื่นและมีความสุขเหมือนพ่อกับแม่ด้วย ลูกสัญญาว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของเขา ลูกจะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อหมดห่วงลูกคนนี้ของพ่อนะคะ”

ส่วนคริสยกสองมือขึ้นพนม หลับตาแล้วพูดกับเจ้าของรูปในใจว่า ‘คุณดนัยครับ ผมกราบขอโทษกับเรื่องที่ผมทำให้คุณหนูต้องเสียใจและเป็นทุกข์ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ว่าผมจะรักและทนุถนอมคุณหนูอย่างสุดหัวใจไปตลอดชีวิต ขอบคุณที่ท่านให้กำเนิดคุณหนูและอบรมเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี ผมภูมิใจที่ตั้งแต่วันนี้จะมีเธอเป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันจนวันตาย ขอให้ท่านไว้ใจผมและอวยพรให้เราด้วยนะครับ ‘

หลังจากนั้นเขาก็กราบลงกับพื้น ทิพย์สุรางค์ไม่รู้ว่าคริสพูดหรือให้สัญญาอะไรกับบิดาของเธอ แต่เธอก็แน่ใจว่าเขาจะรักษาสัญญานั้นตลอดไป

พิธีบายศรีสู่ขวัญเริ่มขึ้น ด้วยการที่คู่บ่าวสาวถูกพาขึ้นไปนั่งพับเพียบคู่กัน บนตั่งใหญ่ ที่ตกแต่งประดับประดาโดยรอบอย่างงดงาม ด้วยอุบะที่ประกอบด้วยดอกรักและดอกมะลิ บนตั่งมีหมอนขวานสีแดงสองใบคลุมด้วยผ้าตาดทอง ระหว่างหมอนสองใบนี้มีพวงมาลัยดอกมะลิผสมดอกรัก ยาวประมาณหนึ่งเมตร คล้องหมอนสองใบนี้เอาไว้ด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์ถึงความผูกพันที่ร้อยรัดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคู่สมรส ถัดไปตรงหน้าคือพานบายศรีขนาดใหญ่

ผู้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญเป็นชายชรา วัยประมาณหกสิบปีท่าทางภูมิฐานในเครื่องนุ่งห่มสีขาว คู่บ่าวสาวนั่งพนมมืออยู่เคียงกันขณะฟังคำกล่อมขวัญเป็นภาษาเหนือ ซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นชายชราจบพิธีบายศรีสู่ขวัญ ด้วยการนำเชือกเส้นบางสีขาวนวลซึ่งวางอยู่ในพานใกล้กับพานบายศรี มาผูกให้ที่ข้อมือของคู่บ่าวสาวคนละเส้น แล้วอวยชัยให้พรให้ครองคู่อยู่กินกันด้วยความสุข ต่อจากนั้นบรรดาแขกเหรื่อและญาติพี่น้องที่มาร่วมพิธี ก็ทยอยต่อแถวกันเข้ามาผูกข้อมือและอำนวยพรให้คู่บ่าวสาว ที่นั่งทอดแขนวางไว้บนหมอน

หลังพิธีผูกข้อมือที่ใช้เวลานานพอสมควร คู่บ่าวสาวซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นสามีภรรยากันตามประเพณีแล้ว นำของไหว้ซึ่งห่ออยู่ในกล่องของขวัญผูกริบบิ้นสีแดงสวยงาม ไปไหว้บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายด้วยกัน และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ผู้ใหญ่จะให้ของรับไหว้แก่คู่บ่าวสาว วุฒิเลิศมอบเครื่องเพชรชุดใหญ่ของมารดาให้ทิพย์สุรางค์ในนามของคุณดนัย ในขณะที่สิริมามอบสร้อยมรกตล้อมเพชรและต่างหูเข้าชุดกัน เป็นของขวัญจากเธอและสามี จอห์นและคุณธัญญามอบเช็คเงินสดจำนวนสองหมื่นดอลลาร์ เป็นของรับไหว้ให้คู่บ่าวสาว ส่วนญาติผู้ใหญ่คนอื่นๆ ต่างก็มอบของรับไหว้ที่มีค่าให้คู่บ่าวสาวด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นก็เป็นการร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งจัดเป็นแบบขันโตก ในที่สุดพิธีแต่งงานตามแบบล้านนาก็จบลงอย่างสวยงามประทับใจ แขกเหรื่อและญาติพี่น้องที่มาร่วมงานแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อเตรียมตัวไปร่วมงานเลี้ยงรับรอง ที่จะเริ่มในเวลาสิบแปดนาฬิกาครึ่งต่อไป


งานเลี้ยงรับรองของคริสและทิพย์สุรางค์เป็นไปอย่างสวยงามสมเกียรติ แขกเหรื่อญาติพี่น้องมาร่วมงานกันคับคั่งเกือบสองร้อยคน ทำให้ห้องบอลรูมเล็กไปถนัดตา เจ้าสาวอยู่ในชุดราตรีผ้าลูกไม้สีขาวแบบเรียบแต่หรู ประดับระยิบระยับด้วยมุกด์และคริสตัลสีขาวใส ผมหยักโศกดำยาวของเธอถูกหวีเปิดหน้าผากไปเกล้าเป็นมวยหลวมๆ ไว้ตรงท้ายทอย ประดับปิ่นเพชรเล็กๆวูบวาบ ใบหน้าของเธอได้รับการแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์แต่เพียงเบาบาง แต่ยิ่งเน้นความงามตามธรรมชาติของเธอให้โดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น

นอกจากแหวนหมั้นแล้วทิพย์สุรางค์ยังสวมสร้อยคอ ต่างหูระย้าและกำไลเพชรชุดที่เป็นของหมั้น ที่ส่องประกายวูบวาบบาดตา ส่วนเจ้าบ่าวนั้นร่างสูงใหญ่ผึ่งผายปราดเปรียวของเขาอยู่ในชุดทักซิโดโก้หรู หน้าตาสดใสประกายตาแพรวพราวไปด้วยความสุข คริสเหลือบมองเจ้าสาวของเขาอย่างภูมิใจในความงดงามเป็นพิเศษของเธอ วันนี้ทิพย์สุรางค์สวยที่สุดในชีวิต เธองามสง่าราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย

หลังการรับประทานอาหารสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ออกไปเปิดฟลอร์ในจังหวะสโลว์อันไพเราะอ่อนหวาน คริสโอบประคองทิพย์สุรางค์ลื่นไหลไปตามจังหวะดนตรี เขาก้มลงมองเธอซึ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน ทั้งคู่คิดตรงกันถึงคืนนั้น ที่หลังจากที่จากกันไปนานกว่าสองปี แล้วอยู่ๆก็ได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้งโดยไม่คาดหมาย ในอ้อมแขนของกันและกันราวกับสวรรค์บันดาล ทำให้เหตุการณ์ต่างๆที่ควรจะจบไปแล้ว กลับเริ่มต้นขึ้นมาใหม่ แล้วนำมาจนถึงวันนี้ วันที่เขาทั้งสองรู้ตัวว่ารักกันจนไม่อาจจะพรากจากกันได้อีกต่อไป !!












 



Create Date : 04 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2567 13:52:15 น.
Counter : 197 Pageviews.

6 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณกะริโตะคุง, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณผู้ชายในสายลมหนาว

  
Congratulations on your new move and may everything go smoother every day. Enjoy [url=https://wordleunlimited.io]wordle unlimited[/url] online free
โดย: Lindora IP: 104.194.11.90 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:16:13:27 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องตุ้ย

บล็อกนี้ เจ้าบ่าว เจ้าสาว ได้สมหวัง หมั้นและแต่งงานกันแล้ว
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน เนาะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:19:03:13 น.
  
จบแบบแฮปปี้
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:41:12 น.
  
น่าจะยังไม่จบดีใช่มั๊ยคะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:7:03:07 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:11:40:45 น.
  
เย้ๆๆๆๆ ได้ครองรักกันเสียทีนะคะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:13:02:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20



ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤศจิกายน 2567

 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com