เพื่อน จากเมืองไทยไปใช้ชีวิตกับครอบครัวที่ประเทศกรีซที่เมืองเทสซาโลนิกิ (Thessaloniki) ยี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ เราอยู่ไกลกันก็อาศัยคุยผ่านไลน์เป็นหลัก ไม่กี่วันมานี้เพื่อนเดินทางไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านติดกับกรีซชื่อประเทศนอร์ธมาซิโดเนีย (ชื่อทางการคือ Republic of North Macedonia เดิมชื่อ Fyrom) ชมภาพและอ่านที่เพื่อนเล่ารู้สึกเพลิดเพลินได้ชมบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามน่าสนใจจึงอยากเรียบเรียงเป็นบันทึกเพื่อกลับมาอ่านซ้ำได้ เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้าเดินทางออกจากเทสซาโลนิกิด้วยรถบัส ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตรโดยใช้เส้นทางเก่าถึงเมือง Edessa ชื่อเมืองหมายถึง "Tower in the Water" เป็นเมืองเล็กๆมีน้ำตกใจกลางเมือง มีผลิตผลทางการเกษตรเช่น เชอรี่ พีช แอปปริคอท แวะพักดื่มกาแฟราว 45 นาที ออกจากร้านกาแฟเดินทางผ่านภูเขาและทะเลสาบเมือง Florina แต่ไม่ได้แวะ ตรงไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองเลย ผ่านด่านแล้วไปยังเมืองแรกซึ่งห่างจากชายแดนราว 15 กิโลเมตร ชื่อเมือง Bitola เมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ North Macedonia ถึงเมือง Bitola เดินถนนคนเดินซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง ร้านอาหารและแผงขายของมือสอง เดินถึงศูนย์กลางของเมืองเป็นที่ตั้งของโบสถ์ออร์โธด็อกซ์ ชมภาพได้เพียงบรรยากาศภายนอกเนื่องจากไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน ออกจากโบสถ์ก็แยกย้ายสำหรับอาหารมื้อกลางวัน เพื่อนสั่งอาหารจากร้านขายอาหารพื้นเมืองแบบ Self Service มีชุดโต๊ะเก้าอี้พลาสติกนั่งกินนอกร้าน สั่งสเต็กเนื้อ 3 ชิ้น ใบเชอรี่ห่อข้าวราดซอส ปลาคอดทอดชิ้นเล็ก 1 ชิ้น หมูย่าง 1 ไม้ มันฝรั่งทอดกับโค๊ก อิ่มแล้วเดินกลับถนนคนเดินที่เดินผ่านมาแล้วเดินทางต่อไปยังเมือง Ohrid เครดิตแผนที่ tripadvisor.com Ohrid เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านทิศตะวันตกของ Lake Ohrid มีประชากรราว 42,000 คน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศ นอร์ธมาซิโดเนีย เคยมีโบสถ์มากถึง 365 แห่ง ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น "เยรูซาเลมแห่งบอลข่าน" เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านและประติมากรรมที่งดงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ด้วยทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบจึงได้รับเลือกเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ รวมถึงอาคารบ้านเรือนซึ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก ใช้เวลาเดินทางจากเมือง Bitola ถึงเมือง Ohrid ราวชั่วโมงกว่า เช็คอินแล้วเดินเล่นแถวโรงแรม หลังอาหารมื้อค่ำที่โรงแรมมาต่อที่แจ๊สผับซึ่งปรับปรุงและต่อเติมมาจากบ้านเก่า ดนตรีเริ่มเที่ยงคืน ไม่ได้อยู่ฟังค่ะ วันรุ่งขึ้นไปล่องเรือที่ทะเลสาบ Lake Ohrid ซึ่งเป็นทะเลสาบที่น้ำใสสะอาดและลึกมากอีกทั้งยังเก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปมีพื้นที่ประมาณ 138 ตารางไมล์ บ้านพักตากอากาศของติโต (Josip Broz Tito) มีบ้านรับรองของผู้ติดตาม 4-5 หลังถัดไปด้วย หลังจากเรือเทียบท่าก็เลือกรูปที่ทางเรือถ่ายให้ จ่ายเงินค่ารูป จากนั้นเดินเข้าเขตเมืองเก่า พิพิธภัณฑ์ Robevci Family House ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าของ Ohrid เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมมาซิโดเนียดั้งเดิมในศตวรรษที่ 19 เดิมสร้างขึ้นเพื่อครอบครัว Robevci ที่ร่ำรวยผู้ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 35 ปีก่อนที่จะถูกไฟไหม้ ต่อมาถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างสมบูรณ์ แบ่งออกเป็นสองส่วนสำหรับพี่น้องคอนสแตนตินและ Atanas Robev ปัจจุบันบ้านหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แสดงความทรงจำจากตระกูล Robevci และสิ่งประดิษฐ์โรมันและกรีกจาก Ohrid ผ่านร้านจำหน่ายของที่ระลึก ผ่าน Church of St.Pantaleon เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของยุโรป เปิดในศตวรรษที่ 10 และเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญของคริสตศาสนา เดินชมเมืองต่อ มาถึง Ancient Theatre ซึ่งเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สร้างขึ้นราว 200 BC ด้วยความจุของผู้ชม 4,000 คน ปัจจุบันยังใช้เป็นเวทีในช่วงเทศกาลฤดูร้อน Ohrid ประจำปี ผ่านโบสถ์อีกแห่งชื่อ Church of St.Mary Peribleptos เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Ohrid สร้างในปี ค.ศ. 1295 byzantine ภายในเป็นศิลปะยุคเรเนสซอง ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เดินขึ้นเนินเขาไปยังปราสาทเป็น fortress อยู่จุดสูงสุดของเมือง ผ่านป่าสน จนมาถึง St. Jovan of Kaneo Monastery ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 13 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ไบแซนไทน์ที่โดดเด่นและทำเลที่ตั้งที่สวยงามจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในมาซิโดเนีย เดินลงจากเนินเขามายังทะเลสาบอีกครั้ง ประมาณสี่โมงเย็นออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง Struga อยู่เลียบฝั่งทะเลสาบ ห่างจากเมือง Ohrid ประมาณ 1 ชั่วโมง เดินเล่นเลียบแม่น้ำ Drim อาหารค่ำแบบ traditional สั่งเมนูปลาเทราท์จากทะเลสาบราคา 9 ยูโร ประมาณ 18.45 น. ขึ้นรถบัสเพื่อกลับเมือง Ohrid วันรุ่งขึ้นหลังจากอาหารเช้าแล้วเช็คเอาท์ออกเดินทางไปยังเมืองริมทะเลสาบอีกเมือง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ จนถึง St. Naum Monastery ตั้งอยู่ปลายสุดของทะเลสาบ เป็นโมนาสทรีที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ปัจจุบันเป็นโรงแรมและโบสถ์ตรงกลางเปิดปกติ วิวโดยรอบประกอบด้วยภูเขาและทะเลสาบ น้ำใสแจ๋ว มีเหรียญจำนวนมากที่นักท่องเที่ยวโยนลงไปด้วย ใช้เวลาที่นี่สองชั่วโมงครึ่งในการเดินชมสถานที่ ดื่มกาแฟ ซื้อของที่ระลึกและถ่ายรูป มื้อกลางวันกลับมาโรงแรมเดิมที่ Ohrid แล้วแยกย้ายตามอัธยาศัยก่อนถึงเวลานัดพบเพื่อเดินทางกลับกรีซ เป็นอันจบทริปสั้นๆของเพื่อน 3 วัน 2 คืนค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมานะคะ ขอบคุณโค๊ดแต่งบล็อกจากคุณป้าเก๋า (ชมพร) และคุณมาเรีย ณ ไกลบ้านค่ะ |