กราบหลวงพ่อเฉย ชมจิตรกรรมพระอภัย "วัดใหญ่อินทาราม อ.เมือง จ.ชลบุรี"
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดชลบุรี ซึ่งเมื่อพูดถึงจังหวัดนี้ ส่วนมากเราก็จะนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เช่น พัทยา หรือหาดบางแสน แต่คราวนี้ผมจะแหวกแนวออกมาจากทะเล ๆ มาเที่ยวชมวัดในจังหวัดนี้บ้าง
วัดที่ผมจะนำเที่ยวในครั้งนี้เป็นวัดที่อยู่ในเขตตัวเมืองครับ เดินทางสะดวก เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดด้วย วัดนั้นคือ วัดใหญ่อินทาราม
วัดใหญ่อินทารามเป็นมีประวัติคือ สมเด็จพระนครอินทราธิราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๖ แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้ทรงเสด็จพยุหยาตราทางชลมารคผ่านมาทางนี้ และทรงเห็นว่าบริเวณนี้เหมาะกับการสร้างวัด จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
จริง ๆ รัชสมัยของสมเด็จพระนครอินทราธิราชนั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับกรุงสุโขทัย ซึ่งในเวลานั้น หลังสิ้นพระมหาธรรมราชาที่ ๓ แห่งกรุงสุโขทัย พระยาบาลเมือง และพระยารามซึ่งเป็นพระอนุชาของพระองค์ได้มีข้อพิพาทกันเรื่องราชบัลลังก์ สมเด็จพระนครอินทราธิราชจึงเสด็จมาไกล่เกลี่ยจนเรื่องจบลงด้วยดี
นอกจากนี้ สมเด็จพระนครอินทราธิราชยังได้ทรงขอพระราชธิดาพระองค์หนึ่งของพระมหาธรรมราชาที่ ๓ มาอภิเษกสมรสกับเจ้าสามพระยาพระราชโอรสของพระองค์ที่ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ ซึ่งต่อมา เจ้าสามพระยาและพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ ๓ ได้มีพระราชโอรสคือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์ที่สำคัญอีกพระองค์หนึ่งแห่งกรุงศรีอยุธยา
เนื่องจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงมีเชื้อสายกรุงสุโขทัยด้วย ทำให้ต่อมาพระองค์ได้ทรงสร้างวัดในเขตพระบรมมหาราชวังเฉกเช่นวัดมหาธาตุในกรุงสุโขทัย จึงเกิดเป็น "วัดพระศรีสรรเพชญ์" ขึ้น
มาเข้าเรื่องวัดใหญ่อินทารามกันเลยดีกว่า วัดนี้อยู่ในตัวเมืองติดริมถนนใหญ่เลย ไปถึงเราจะเข้าไปกราบพระประธานในพระอุโบสถกันก่อน
พระอุโบสถ
พระประธานในพระอุโบสถ
ภายในพระอุโบสถก็เป็นตามแบบฉบับวัดทั่ว ๆ ไป คือ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทศชาติชาดก ซึ่งเป็นสิบชาติสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีก่อนที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ไล่ตั้งแต่ พระเตมีย์,พระมหาชนก,สุวรรณสาม,พระเนมิราช,มโหสถ,พระภูริทัตต์,พระจันทกุมาร,พระนารทพรหม,พระวิธูรบัณฑิต และ พระเวสสันดร
จิตรกรรมเรื่องพระเนมิราช ซึ่งจุดเด่นของเรื่องนี้คือภาพของนรกและสวรรค์ เนื่องจากเรื่องราวในพระเนมิราชจะมีการที่พระเนมิราชไปเที่ยวชมนรกและสวรรค์ด้วย
เรื่องพระเวสสันดรชาดก ตอนชูชกมาขอชาลีและกัณหาไปเป็นเด็กรับใช้ ครั้นสองกุมารรู้ก็หลบไปอยู่ในสระบัว แต่พระเวสสันดรก็รู้และขอร้องให้สองกุมารขึ้นมา เพราะพระองค์จะต้องบำเพ็ญบารมีขั้นสุดท้ายเพื่อจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติหน้า
จิตรกรรมเรื่องไตรภูมิด้านหลังพระประธาน
จิตรกรรมฝั่งตรงข้ามพระประธานเป็นรูปมารผจญตามแบบฉบับวัดทั่วไป
วันนั้นมีหลวงพ่อรูปหนึ่งมาเล่าประวัติความเป็นมาของวัดให้ฟังด้วย
นอกจากจิตรกรรมฝาผนังเรื่องทศชาติชาดกแล้ว บริเวณหน้าพระอุโบสถยังมีการต่อเต็มออกมาอีก ซึ่งบริเวณที่ต่อเต็มออกมามีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง พระอภัยมณี ด้วย ซึ่งเพิ่งมาวาดเอาในสมัยหลัง
จิตรกรรมเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ แต่จะไม่ละเอียดมาก ตัดมาเฉพาะตอนสำคัญ ๆ อย่างในภาพเป็นตอนที่พระอภัยมณีแสดงวิชาเป่าปี่ให้สามพราหมณ์ฟัง เสียงปี่ทำให้สามพราหมณ์รวมถึงศรีสุวรรณซึ่งเป็นน้องชายของพระอภัยมณีได้หลับใหล
เสียงปี่ทำให้นางผีเสื้อสมุทรเคลิบเคลิ้ม เมื่อเดินมาเจอพระอภัยมณีก็เกิดหลงรักและจับตัวพระอภัยมณีไปทำเป็นสามี มีลูกด้วยกันคือ สินสมุทร
พระอภัยมณีกับนางเงือก ซึ่งพ่อแม่ของนางเงือกต้องมาตายเพราะพาพระอภัยมณีกับสินสมุทรหนี ทำให้นางผีเสื้อสมุทรโกรธมากและจับพ่อแม่ของนางเงือกกินเป็นอาหาร คงไม่ต้องบอกว่านางเงือกคือแม่ของสุดสาคร
ในภาพเป็นตอนที่พระอภัยมณีเป่าปี่สังหารนางผีเสื้อสมุทร โดยหลังจากที่พระอภัยมณี สินสมุทร และนางเงือกหนีมาถึงเกาะแก้วพิสดารก็ได้อาศัยบนเกาะนั้นจนกระทั่งเรือของท้าวสิลราชแห่งเมืองผลึกพร้อมด้วยพระราชธิดานามว่า นางสุวรรณมาลี ได้ถูกพายุพัดมาเกยฝั่ง พระอภัยมณีและสินสมุทรจึงขอโดยสารเรือไปด้วย ก่อนไปก็ได้ฝากปิ่นปักผมให้นางเงือกที่กำลังตั้งครรภ์เอาไว้ให้ลูกที่จะเกิดมาด้วย
ระหว่างทางนางผีเสื้อสมุทรก็มาพังทลายเรือจนอับปางทำให้ท้าวสิลราชสวรรคต สินสมุทรพานางสุวรรณมาลีหนีไปทางอื่น ส่วนพระอภัยมณีได้หนีขึ้นไปบนเขาพร้อมกับลูกศิษย์เมื่อครั้งบวชกับพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร พระอภัยมณีเป่าปี่จนนางผีเสื้อสมุทรหูแตกตายโดยให้ลูกศิษย์เอาน้ำลายอุดหูไว้ด้วย ศพของนางได้กลายเป็นหินมีน้ำสีขาวไหลออกมาจากปาก พระอภัยมณีเตรียมจะเผาศพนางผีเสื้อสมุทร แต่ก็มีเทวดามาห้ามและบอกว่าหากเผานางจะคืนชีพ และให้ดื่มน้ำสีขาวที่ไหลออกมาจากปาก จะมีกำลังวังชาแข็งแรง
ภาพนี้เป็นตอนที่สุดสาครซึ่งเป็นโอรสของพระอภัยมณีที่เกิดกับนางเงือกได้ขี่ม้านิลมังกรออกท่องโลกเพื่อตามหาพระบิดา ระหว่างทางได้พบกับชีเปลือยซึ่งอ้างตัวเป็นนักบวชผู้วิเศษ ชีเปลือยอยากจะแย่งชิงไม้เท้าวิเศษและม้านิลมังกรมาเป็นของตัว จึงหลอกสุดสาครว่าจะสอนมนตร์วิเศษให้ และให้สุดสาครไปนั่งบริกรรมคาถาที่ริมผา สบโอกาสแล้วก็ผลักสุดสาครตกหน้าผาไป ซึ่งต่อมาพระฤๅษีได้มาช่วยและสั่งสอนสุดสาครอย่าไว้ใจคนง่าย ๆ ดังคำกลอน แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่้งในน้ำใจคน
ภาพนี้เป็นภาพของนางละเวงวัณฬา ผู้ต้องขึ้นครองกรุงลังกาสืบต่อจากพระบิดาที่สวรรคต นางมีพี่ชายชื่ออุศเรนซึ่งเป็นรัชทายาทก็มีอันเป็นไปอีก นางจึงจำต้องขึ้นครองเมือง ว่ากันว่าสุนทรภู่ได้แรงบันดาลใจนางละเวงวัณฬามาจาก สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้หญิงที่ขึ้นครองแผ่นดินในสมัยนั้นเช่นเดียวกัน
ในภาพเป็นช่วงที่นางละเวงทำสงครามกับพระอภัยมณี ซึ่งพระอภัยมณีก็ไล่ตามนางละเวงวัณฬาจนไปทันที่ในป่า ก่อนที่จะ...
ในบั้นปลายของชีวิต พระอภัยมณีได้ออกบวชเป็นฤๅษีกับนางสุวรรณมาลีและนางละเวงวัณฬาซึ่งเป็นพระมเหสีทั้งสอง
ใบเสมา สัญลักษณ์ของโบสถ์ของทุกวัด
วัดใหญ่อินทารามแห่งนี้ยังมีพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ซึ่งผมได้จั่วหัวไว้ในบล็อกนี้แล้ว นั่นคือ "หลวงพ่อเฉย"
หลวงพ่อเฉยเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบกษัตราธิราช เดิมประดิษฐานที่วัดสมรโกฏิ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นวัดร้างและต่อมาก็ยุบเลิกวัดไปกลายเป็นสถานีขนส่ง
เหตุที่เรียกว่าหลวงพ่อเฉยก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่วัดสมรโกฏิได้ร้างลง หลวงพ่อเฉยก็ต้องอยู่ตากแดดตากฝนมานานโดยที่ไม่บ่นไม่ว่าสักคำ ชาวบ้านจึงเรียกว่าหลวงพ่อเฉย และต่อมาจึงได้มีการอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดใหญ่อินทารามแห่งนี้
มีพระนอนด้วย
ลากันไปด้วยภาพพระมณฑปครับ
Create Date : 06 มกราคม 2560 |
|
4 comments |
Last Update : 6 มกราคม 2560 22:15:09 น. |
Counter : 21828 Pageviews. |
|
 |
|