กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา รู้กรรม


รู้กรรม

เมื่อประมาณ 20 ปี ก่อน ผมได้มีโอกาสไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ของหลวงพ่อจรัญ เป็นครั้งแรก
โดยมีความตั้งใจปฏิบัติให้ได้ 7 วัน
วันแรก ที่จริงคืนแรกเลย ได้ยินเสียงเปรตร้องโหยหวน ดังลั่นเลย
วันต่อๆ มาก็มีเรื่องแปลกๆ มากมาย มารผจญเกือบทุกวัน
แต่ที่อยากเล่าให้ฟังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ประมาณวันที่ 3 ของการปฏิบัติ

วันนั้นผมรู้สึกมึนๆ และปวดหัวมาก โดยเฉพาะเมื่อกำหนด… ยืนหนอ ยืนหนอ...
จนกระทั่งนั่งลงทำสมาธิ ในใจก็นึกท้อ และต่อว่าเทวดาฟ้าดินไปตามเรื่อง
ในใจก็นึกว่า …..ทำไมเราต้องปวดหัวมากขนาดนี้ด้วยนะ
ไหนใครว่า คนที่ปวดหัวเพราะไปทุบหัวปลาไม่ใช่เหรอ....
ตัวเราก็ไม่เคย ทั้งชีวิตนี้ ก็ไม่เคยทำกรรมกับ…ปลา สักหน่อย
ในชีวิตนี้ เคยตกปลาแค่ตัวเดียวเอง ซึ่งก็เป็นตอนที่ยังเด็กมาก ๆ
จากนั้นก็สงสารมัน และเสียใจในการกระทำของตัวเอง
ไม่กล้าตกปลาอีกเลย....แถมยังเคยซื้อปลาจากตลาดไปปล่อยก็บ่อย

ทันทีที่คิดจบเท่านั้น..........
ฉับพลันทันใด ก็มีเสียงขึ้นมาในหัวทันทีว่า...
“ แน่ใจหรือ ที่ไม่เคยทำกรรมกับปลา ”
ในใจเราก็ตอบไป ทันทีว่า….ไม่เคย มีแต่ทำบุญปล่อยปลาออกบ่อย ขอเถียงหน่อย
เสียงนั้นก็ตอบว่า …..
“ เหอะ...งั้นดูนี้ ”
ความรู้สึกตอนนั้นมันดิ่งวูบ..บ.บ กลับไปในอดีตเมื่อตอนผมเป็นเด็ก 10 กว่าขวบ ( ขณะนั้นอายุ 48 )
ผมกลับไปยืนที่หน้าบ้านยายของผม ซึ่งอยู่ริมคลองบางหลวง ตลาดพลู
ผมมองเห็น…ถังตักน้ำ ซึ่งทำด้วยเหล็ก ที่คุ้นเคยมาก 
จำได้แม้กระทั่งรายละเอียด ลายและร่องรอย ตะปุ่ม ตะป่ำ รอบๆ ถังใบนั้น
ซึ่งไม่เคยนึกถึงมันมาเกือบ 40 ปีแล้ว....
ผมมองเห็นในถัง….มีน้ำ มีปลาซิว ปลาเข็มตัวเล็กๆ ที่ผมชอบช้อนเอามาดูเล่นเพื่อความสนุก
ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดฆ่ามัน แต่ความที่เป็นเด็ก เมื่อช้อนมาแล้ว ก็ทิ้งเอาไว้ตากแดด อยู่ที่ชานบ้าน 
ตัวเองก็วิ่งไปเล่นที่อื่น หรือไม่ก็ลงไปเล่นน้ำในคลองทั้งวัน ๆ
โดยปล่อยให้ถังเหล็ก ที่มีปลาว่ายอยู่ตากแดด จนถังร้อน น้ำก็ร้อนขึ้น
ปลามันทุกข์ทรมาณ ..... ตายบ้าง รอดบ้าง
เมื่อนึกได้ หรือ บางครั้งยายมาเจอ ก็เททิ้งไป .....
เป็นอย่างนี้เป็นประจำ จนกระทั่งโตจึงเลิกช้อนปลามาเล่นไปเอง

พอจำเหตุการณ์ได้แล้ว ก็มีอาการวูบกลับมามี…สติ 
พบว่านั่งอยู่ที่เดิม....
เอ๊ะ...แล้วเสียงนั้นนะ เสียงใคร ล่ะ
แล้วทำไม เราถึงจำเหตุการณ์ได้แม่นยำ
ขนาดเห็นรายละเอียดของพื้นกระดาน ของถัง และสิ่งรอบตัว เหมือนกลับไปยืนที่ตรงนั้นเลย
ทั้งๆ ที่บ้านหลังนั้นถูกรื้อทิ้งไปตั้งเกือบ 30 ปีแล้ว...........

แต่ที่แน่ๆ ผมระลึกได้ทันทีเลยว่า ผมได้ทำกรรมกับปลาซิว ปลาเข็มพวกนั้น จริง ๆ
โธ่…ไม่น่าเลยยยย
จากนั้นผมก็นึก อธิษฐาน ขออโหสิ กับพวกเขา ความปวดหัวก็ค่อยๆ น้อยลง ๆ ๆ ๆ

ผมเข้าใจแล้ว ที่หลวงพ่อจรัญ ท่านเคยบอกว่า กรรมฐานทำให้ระลึกชาติได้
ก็คงเป็นอย่างนี้เอง ถ้าตั้งใจปฏิบัติจริงจัง คงได้เห็นในอดีตอีกมากมาย
การกระทำ หรือกรรมดีชั่วของเรามันคงถูกบันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์ ซึ่งก็คือ
..... ดวงจิต.....ของเรานั่นเอง

ทุกการกระทำของเรา ถูกจับตามอง และจดบันทึกไว้….ทู๊กกกกก อย่าง
ต่อไปนี้…ไม่กล้าคิดชั่ว ทำชั่ว
ผม…กลัวแล้วครับ


อนณ นิศารัตน์
โทร - ไลน์  0931499564 




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2565 12:43:13 น.
Counter : 1370 Pageviews.  

กรรมทันตา เสียงเปรต

กรรมทันตา เสียงเปรต

ผม ได้เคยอ่านนิยายธรรมะ เรื่อง…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
เขียนโดย..คุณ สุทัสสา อ่อนค้อม
ซึ่งเขียนเล่าเรื่องของ.. หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ยิ่งอ่านก็ยิ่งซาบซึ้ง เกิดความรู้สึกลึก ๆ ในความละอายชั่ว กลัวบาปกรรม
ที่ได้เคยกระทำมามากมายในช่วงอดีต ที่หลงทำผิดศีล ไปมากมาย
จนกระทั่งวันนึง ก็ได้ไปปฏิบัติกรรมฐานครั้งแรกในชีวิต ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของ… หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ซึ่งทำให้ประสบพบเจอกับเรื่องแปลก อันเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงได้
ตลอดเวลา 7 วันตามที่ได้ตั้งใจ ก็ได้เจอเรื่องราวมหัศจรรย์...ทู๊กกก วัน
เมื่อประมาณปี 2548 ช่วงนั้นผมอยู่ในช่วงเปลี่ยนจากงานที่ทำอยู่ มาช่วยภรรยาทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน
เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็คิดว่าจะพักซัก 10 วัน เพราะเหนื่อยมาเยอะแล้วกับงานเดิม
แต่มาคิดดูว่าอยู่เฉยๆ ไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองไปปฏิบัติธรรมดูบ้างน่าจะดี
เผื่อชีวิตที่เหลือจะดีขึ้นบ้าง.........
ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไป 7 วัน
วันแรก…คืนแรกเลย
ที่เรือนนอน ซึ่งเป็นเรือนยาวๆ อยู่หน้าวัด
มีคนนอนประมาณ 40 คน
ผมนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเสียงหมาที่วัด มันทะเลาะกัน เห่าขู่เสียงดังมาก 
หมาที่นี่กลางคืนดุมาก...มาก 
คนที่เคยไปวัดปฏิบัติที่นี่บอกเหมือนกัน
ประมาณ ตี 1 ได้มั้ง รู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงหมามันกัดกันดังลั่นไปหมด 
นอนไม่ได้เลย ต้องทนฟังเสียงมันทะเลาะกันอยู่ นาน.น.น..น
แล้วพลันทันใด........จู่ ๆ
ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นอย่างกระทันหัน ไม่มีการเตือนล่วงหน้า
มันเป็นเสียงร้อง..ง..ง..โหยหวน..น..ขึ้นมาแทน
เสียงดังมาก. ถึงมากกก ที่สุด
ร้อง..ง ดังกังวานไปทั่ว
ดังขนาดที่ผมคิดว่าน่าจะได้ยินไปทั่วทั้งตำบลเลย
ระดับความดัง ประมาณหวอเตือนภัยสมัยสงคราม...นั่นแหละ..มันดังจริง ๆ นะ
เสียงอื่นไม่มีเลย เสียงคล้ายสัตว์ประเภทชะนี 
แต่ว่ามันดังกว่าเป็นร้อยเท่า พันเท่า
เสียงหมา เสียงอื่นๆ ใดไม่มีแล้ว
….มีแต่เสียง..ง..โหยยย หวน..น..นี้เท่านั้น
ดังต่อเนื่องยาวนาน...น ประมาณเกือบ 20 นาที
ผมฟังด้วยความตกใจ ฟังอยู่นานนน มากกก.....
นานจนอดคิดไม่ได้ว่า มันไม่ขาดใจตายไปหรือไง
ตอนนั้นนะ ตกใจมาก กลัวก็…กลัว
แต่ก็อยากรู้ อยากเห็น
พยายามตั้งสติว่าเรากำลังฝัน หรือตื่น ...
เช็คสติตัวเอง เอ๊ะ...เรา ก็ตื่นอยู่นี่นา
แต่ คนอื่นทำไมนอนกันเงียบไม่กระดิกกันเลย หรือว่ากลัวเหมือนเราหว่า
พยายามตั้งสติ ฟัง และคิดว่า…มันเสียงอะไรกัน วะ
คิดไปคิดมา มันคงจะเป็น เสียง….เปรต แน่นอน
อู๊ยยยย….น่าขนพอง สยอ
แต่…สุดท้ายได้คิดว่า เรามาปฏิบัติธรรมจะไปกลัวอะไร 
ตัดสินใจขอดูหน่อยเหอะว่า…เปรต มันเป็นยังไง 
วันหลังจะได้เล่าให้ลูกฟังได้
ผมตัดสินใจ ลุกขึ้น....
แต่...แต่….แต่ ร่างกายไม่ยอมเคลื่อนไหวเลย 
พยายามสั่งมันให้ขยับก็ไม่มีการตอบสนองเลย เหมือนไม่ใช่ร่างกายของเรา.....
เหมือนกับมันตัดขาดจากกัน ระหว่าง สมอง กับ ร่างกาย
สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ฟังไปก็คอยเช็คสติตัวเราไป 
ว่าเรื่องจริง หรือกำลังฝันไปกันแน่
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องนอนฟังอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่ง....จู่ๆ....ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลัน...เงียบ....เงี๊ยบ...เงียบ...เงียบสนิท 
เหมือนมีใครปิดสวิทซ์….เสียงทั้งโลกนี้ ไปหมดสิ้น
เงี๊ยบ..เงียบ...หมาก็ไม่เห่า ไม่หอน  มันเงียบแบบเป็น สุญญากาศ ไปเลย

ผมได้แต่นอนฟังความเงียบอยู่นาน........น.......น...
จนกระทั่งตี 4 เสียงหลวงพ่อจรัญ ท่านสวดมนต์ทำวัตรเช้า 
ดังครอบคลุมทั่วบริเวณวัดเลย.....
เป็นเสียงสวดมนต์ที่เย็นชื่นใจมาก
มีพลัง มีความปิติสุข อย่างที่สุด

พอตอนเช้าผมพยายามจะถามคนอื่นว่าได้ยินเสียง โหยยย หวนนน เหมือนกันมั๊ย 
แต่ไม่มีใครสนใจใครเลยสักคน ก็แปลกดี เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขื้น
จากวันนั้น ผมละเชื่อสนิทใจเลยว่า นรก สวรรค์ มีจริงแน่ ๆ
อย่างน้อย...เปรต...ก็มีจริงแท้แน่นอน
รับรองไม่ได้ฝันไป มีสติเต็มที่
ในภายหลังถึงได้รู้ว่า เคยมีคนได้ยินเหมือนอย่างผมมีมากมาย
ทุกคนก็บอกเล่าเหมือน ๆ กัน รายละเอียดไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่
ตลอด 7 วันที่ปฏิบัติธรรม กรรมฐาน ที่วัดแห่งนี้
ได้เจอเรื่องแปลกประหลาด มหัศจรรย์ ไม่น่าเชื่อหลายอย่างมาก
ถ้าใครสงสัยโทรมาคุยกันได้ครับ

อนณ นิศารัตน์
โทร - ไลน์  0931499564




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2565 12:16:10 น.
Counter : 2627 Pageviews.  

กรรมทันตา ใส่บาตร

กรรมทันตา ใส่บาตร

แต่ก่อนนี้ ผมไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไหร่
ด้วยเหตุผลนานาประการ
โดยเฉพาะ ไม่ค่อยชอบพระ ที่บุคคลิกไม่น่าเลื่อมใส
ยอมรับครับว่า...ติดรูป

อีกอย่างคือ ในอดีต ผมเคยมีความเกี่ยวพันกับ...พระ...ที่ไม่ค่อยดี
ตามประสาคนบาปอย่างผม
เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ค่อนข้างล่อแหลม
ควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง
เนื่องจากเป็นเรื่องจริง แต่ผมกลัวถูกเหยียบ
จึงขอใช้นามสมมุติ และสถานที่สมมุตินะครับ
อ้อ....เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 35 ปีมาแล้ว
สิ่งต่างๆ ที่เกิดในสถานที่นั้น ก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ก็น่าจะหมดไปแล้วนะ.....หรือ ยัง ก็ม่ายรู้

อย่างที่เคยเล่าในตอนก่อนๆ นี้แล้วว่า
ผมได้เข้าไปอยู่ในวังวนของคนชั่วเลว และความชั่วร้าย
คนเลว ก็ชอบคบกับคนเลว คุยกันถูกคอหนีกันไม่ค่อยพ้น
ดังเช่น ฝนตกขี้หมูไหลคน...ไร มารวมกัน
ดี…ดูด ดี
ชั่ว…ดูด ชั่ว

เมื่อช่วงวัยรุ่น ทำงานอยู่กับเถ้าแก่เต็นท์ขายรถแห่งหนึ่ง…ชื่อ เฮียเฮง
ตัวแกมีนิสัยแปลกอยู่อีกอย่าง ( ความจริงมีหลายอย่าง )
คือชอบไปวัดภาสี ( นามสมมุติ )
แถวถนนเอกมายยย จำได้แต่มันใกล้ บขส.เอกมายยย
แกมักจะแวะไปหา พระ
ชื่อหลวงพี่จวบ ซึ่งอายุไม่น่าเกิน 30 ปี
มักจะไปคุยกันนาน ๆ ส่วนใหญ่ก็เรื่องเครื่องรางของขลัง
หรือไม่ก็เรื่องพลังจิตพิสดาร ระดับณาน ชั้นไหน ๆ
ใน…กุฏิ ที่ดูเหมือนห้องเช่านี้ จะมีโต๊ะหมู่บูชา
อันมี…พระพุทธรูป มอมแมมฝุ่น อยู่ไม่เกิน 2-3 องค์
แต่จะมี...ฤาษี เทพฮินดู เทพจีน และเทพอีกหลายสัญชาติ
ซึ่งเฮียเฮง แกจะรู้สึกทึ่งในการบูชาแบบ อินเตอร์เนชั่นแนล นี้มาก
หลวงพี่จวบ ก็จะสอนให้รู้จักคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละเทพ แต่ละองค์ แต่ละแบบ
รวมถึงอิทธิฤทธิ์ในการดลบันดาล ที่ต่างๆ กันออกไป

คุยกันไปก็กินข้าวที่คนเขาใส่บาตรมา ด้วยกันไป
ผมเคยถามเฮียว่า …ทำไมต้องมากินที่นี่
แกบอกมัน…ของฟรี ไม่เสียตังค์ โว้ยย
กับข้าวก็ของดีๆ ทั้งนั้น เลือกเอาเล๊ย.ย..ย
ขอบอกนะครับ แต่ละวันของที่รับบิณฑบาตรมา อาหารการกิน เยอะมาก..ก..

กินไม่หมด ต้องเลือกเอาที่ดี ๆ อร่อย ๆ
ห่อไหนน่าตาไม่ดีหรือดู...ไร้สกุล ราคาถูกหน่อย
หลวงพี่แกก็โยนออกนอกหน้าต่างลงคูน้ำ ข้างกุฏิ
อ้อ...ลืมบอกไป กุฏิแกอยู่ชั้น 2 แบ่งเป็นห้อง ๆ คล้าย ๆ ห้องเช่า
แต่แกอยู่ห้องริมติดกับ คู คลอง ระบายน้ำ
ซึ่งแกก็โยนมันทั้งห่อ ทั้งถุงพลาสติกนั่นแหละ
เลว …จริง ๆ
ผมเคยถามว่า…ทำไมไม่เอาไปให้คนจน ๆ ล่ะ
แกบอก...วุ่นวาย แล้วไอ้พวกนี้มันก็เรื่องมากเหมือนกัน โยนทิ้งไปดีกว่า ง่ายดี ว่ะ
ผมว่า …อย่างนี้มันก็คู คลองมันก็ตันนะซิ
แกบอก ….โยนทั้งถุง มันจะลอยน้ำไปเอง อย่าถามมาก....

มีอีกอย่างที่คุยกันได้นานๆ จนผมหลับไปจนตื่นแล้วก็ยังไม่จบ
ก็เรื่องพระเครื่อง พระห้อยคอ พระบูชา เครื่องรางต่าง ๆ
แต่จะออกแนวว่า ตอนนี้รุ่นนี้ดัง รุ่นนั้นกำลังจะดัง
รุ่นโน้นน อีกเดี๋ยวก็จะเริ่มดัง

ด้านการประเมินคุณค่า จะเป็นการประเมิน...ราคา...ซะมากกว่า
ซึ่งหลังๆ เฮียเฮง แกพัฒนา สามารถหาพระเครื่องที่กำลังเป็นที่นิยม
โดยรับซื้อต่อ ๆ มาจากพวกโจรตัดช่องย่องเบา
เลือกเอาที่กำลังมีราคาหลายๆ องค์ มาอวดได้ด้วย อ้อ...ขายด้วย

อีกคนหนึ่ง ที่เจอเป็นประจำ ชื่อ...เฮียแดง
เป็นช่างซ่อมทีวี วิทยุ อยู่แถวหน้าวัด
แต่มีอาชีพเสริมให้ พระเช่า...วีดีโอ
ทั้งหนังธรรมดา และหนังเรทอาร์ เรทเอ็กซ์ ...
ใช่แล้วครับ หนังโป๊น่ะแหละ มีบริการส่งถึงกุฎิ......

ในตอนนั้นผมก็ได้แต่สงสัยว่าไอ้พวกนี้มัน คน หรือเปล่าวะ
เคยแอบถามว่าท่านเจ้าอาวาสไม่ว่าอะไรเหรอ
แกก็ว่า บิสิเนสใคร บิสิเนสมัน ท่านเองก็มีบิสิเนสแบบเจ้าสำนัก
ประเภทอสังหาริมทรัพย์ เรียลเอสเตท.....อย่าลืมนะแถวนั้น วาละเท่าไหร่

อีกกิจกรรมหนึ่งที่ หลวงหลวงพี่จวบ กับเฮียเฮง และพวก
คือชอบไปรวมหัวกันคือ วัดโพรงอวกาศ ( นามสมมุติ )
วัดดังอยู่ไม่ห่างกรุงเทพเท่าไหร่
ไปปรึกษาหารือ เรื่องทำเหรียญบูชา
วางแผนการตลาดโดยการ โฆษณาชวนเชื่อ ลงหนังสือแนวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
ประมาณว่า แคล้วคลาด หนังเหนียว รถคว่ำแปดตลบ ยังไม่ระคายผิว
โดยทั้งตัวห้อยเหรียญนี้องค์เดียว
แต่ต้องให้มีหลากหลายเคส หลายตัวละคร หลายๆ เหตุการณ์
หรือลงทุนระยะยาวหน่อย เอาฝังไว้ใต้เจดีย์ ซักปี สองปี ค่อยทำกรุแตกออกมาโดยบังเอิญ
รับรองว่าราคาน่าจะดี
ขอให้หนักโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้าไว้

อ้อ....ต่อมาภายหลังไอ้คนพวกนี้ก็มี ชะตากรรม ต่างๆ กันไป
หลวงพี่จวบ …โดน อีสาวปอกลอก หลอกให้สึกออกมาแต่งงาน
แต่อยู่กันไม่นานหมดเงินก็เลิกลาไป ชีวิตที่เหลือก็เจริญลง ๆ เรื่อย ๆ
ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็น ทำงานเป็น...เด็กล้างรถ
ส่วนเฮียแดง...ไปช่วยเฮียเฮงเปิดแผนกขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดง
แรกๆ ก็กำไรดี แต่สุดท้ายที่ผมเห็น...ขาดทุนย่อยยับ เจ๊ง ไม่เป็นท่า
ทะเลาะกันวุ่นวาย
หมดตัวมีแต่….หนี้สิน กลับไปให้ลูกเมียก้อนใหญ่
พระชั่ว คนชั่ว มั่วสุมอยู่ด้วยกัน รับเวร รับกรรมกันไปถ้วนทั่ว

กลับมาเรื่องของเราดีกว่า.....
คุณพ่อตาผม พอ.ลิขิต สว่างวรรณ อาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร.
ท่านชอบทำบุญใส่บาตร ใส่แทบทุกวัน วันละ 3 รูป
ผมเคยถามว่าทำไมชอบใส่บาตร
ท่านบอก ใส่บาตร...แล้วอานิสงส์จะมีกิน
ก็คงจะจริงนะ ท่านเป็นข้าราชการทหารที่ไม่มีเรื่องทุจริต
แต่ก็มีชีวิตอยู่อย่างสุขกาย สบายใจ ไม่เคยขัดสน
เรียกว่า...มีกิน มีใช้ ตลอดจนสิ้นชีวิตของท่าน

ผมก็เลยลองหัดใส่บาตรบ้าง ปัจจุบันนี้บางช่วงถ้าไม่ค่อยได้กินของอร่อย ๆ
ก็ต้องมาคิดดู ว่า....สงสัยพักนี้เราคงจะไม่ค่อยได้ใส่บาตร
แต่ผมมีข้อเสียอยู่อย่างคือ ใส่แต่ของที่ตัวเองชอบ
พวกหมูทอด หมูผัดพริก หมูปิ้ง แซนวิช หรือปลาทูน่าในน้ำเกลือ
ซาลาเปา ขนมเค็ก ฯลฯ
ภรรยาผมมักจะบ่นว่า เรื่องมาก ทำไมไม่ซื้อข้าวแกงที่ตลาดเอาล่ะ ง่ายดี
ผมก็ว่า คิดดูนะเธอ...พอตายไป เจอแต่ข้าวแกงเต็มไปหมด ไม่เบื่อแย่เหรอ
ยังไงก็ขอเจอแต่ของที่ชอบๆ แล้วกัน.

นิสัยเสียมากอีกอย่างคือ เลือก พระ มาก
รูปไหน ท่าทางไม่ค่อยน่าเลื่อมใสก็ไม่ใส่
หรือรูปไหนของเยอะแล้ว ยังบ้าหอบอีกก็ไม่ใส่
เลยใช้เวลาค่อนข้างมากในแต่ละครั้ง

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบทำมาก.ก..ก. แต่เป็นที่ประหลาดของคนอื่น คือ
บางทีผมไม่ใส่เอง แต่…ให้คนอื่นช่วยใส่ให้
คือ.....แถวบ้านผม สี่แยกบ้านแขก
จะมีคนบางคนที่ผมคิดว่าเขาน่าสงสาร แต่นิสัยดี
เช่นคนที่ชื่อ...พี่เบิร์ด
แกพิการคล้าย ๆ คนเป็นโปลิโอ เดินเหินไม่ค่อยถนัด
ชักกระตุก หงึก ๆ หงัก ๆ
ยากจนมากนะ ชีวิตลำบากเชียว
เคยคุยกันแกบอกว่า...เกิดอุบัติเหตุ มอเตอร์ไซค์คว่ำ
ผ่าตัดสมองหลายครั้ง สุดท้ายเป็นอย่างงี้
ทุกเช้าแกจะเดินออกกำลัง กะโผลก กะเผลกไป

ผมก็จะคอยดักเจอแก แล้วชวนให้มาใส่บาตรด้วยกัน
แต่...ผมให้แกเป็นคนใส่
แกจะมือไม้สั่นไปหมด น้ำตาคลอทุกครั้ง ดีใจ มาก.ก.ก..ก ที่ได้ใส่บาตร
ผมก็น้ำตาซึม เหมือนกัน.
ปิติซ่าน..น..ได้บุญหลายต่อ

หรือคนที่กวาดถนน เขามากวาดกันแต่เช้ามืด ผมก็จะซื้อของใส่บาตรไปให้เขาช่วยใส่ให้
อยากให้พวกเค้าได้ทำบุญ ทำกุศลบ้าง จิตใจจะได้แจ่มใส
แถมยังมีขนมนมเนยฝากเขาส่วนตัวด้วย เพราะอยากขอบคุณที่ช่วยกวาดถนนให้เรา
ภรรยาบอกว่า ผมนี่...คนพิลึกกก

จำได้ว่าครั้งหนึ่ง …หลายปีมาแล้ว
ตอนช่วงปีใหม่ อากาศหนาวมากกว่าปรกติ
ครอบครัวผมเลยตัดสินใจไปเที่ยวเชียงใหม่กัน
แต่ผมบอกว่า อยากไปใส่บาตร บนภูเขา ที่กันดาร ๆ ระหว่างทาง
น่าจะได้อารมณ์ดีนะ......
ทุกคนเห็นด้วย เที่ยวนั้นเลยออกเดินทางตอนกลางคืน
ออกเดินทางตอนสี่ทุ่ม
กะว่าไปถึงเชียงใหม่เช้ามืดพอดี
ระหว่างทางขับรถกันไป มี 6 คน ผมกับลูกสาวผลัดกันขับ
เดินทางเที่ยวนั้น หนาว..ว..มาก
จำได้ว่าประมาณ ตี 4 ขับมาเหนื่อยแล้ว ประกอบกับหมอกเริ่มลงจัดมาก
ยิ่งใกล้สว่างหมอกยิ่งหนา
หมอกหนามากขนาดมองไปได้ไม่เกินช่วง 1 เสาไฟฟ้า
ระยะทางที่อยู่ตอนนั้น ห่างเชียงใหม่พอควร รู้แต่กำลังขึ้นเขาลงเขา
หมอกหนามากจนมองไม่ชัด เลยต้องหาที่จอด
ได้ที่จอดริมทางบริเวณหน้าสำนักงานทางหลวงอะไรซักแห่ง ไม่มืดเท่าไหร่
เป็นลานสนามหญ้าสวยเชียวแหละ
เมื่อจอดได้ที่แล้ว ภรรยาผมก็เลยบอกให้รื้อของที่เตรียมมา
เดี๋ยวเจอหมู่บ้าน เราน่าจะได้ใส่บาตรกัน
ก็ช่วยกันปูเสื่อ เอาของลงมา
ผมก็ตั้งใจอธิษฐาน...ขอให้ได้ใส่บาตรกับ…พระดี ๆ เถอะ
หมอก.....หนาขึ้นเรื่อย ๆ มองไปมีแต่หมอก ขาว.ว..ว...ไปหมด อากาศเย็น.น..น.
จู่ ๆ ลูกสาวบอกดูซิ โน่นน พระ ....ท่านออกบิณฑบาตร
หันไปดูกัน เห็นเป็นรูปร่างลาง ๆ ในม่านหมอก เห็นสีจีวรถึงได้รู้ว่าเป็น พระ
พวกผมเลยวิ่งไปปูเสื่อรอริมถนน นั่งรอกันเป็นแถว 6 คน สลอนเลย
ก็นั่งพับเพียบ ยกมือพนมคอยท่านแต่ไกล ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย
ทุกคน หันหน้าไปทาง พระ ที่เดินมา....ตั้งตาคอยท่าน
ภาพที่ติดอยู่ในหัวใจทุกวันนี้ คือ ภาพที่พระอุ้มบาตร เดินออกมาจากกลุ่มหมอก
ท่านเดินมารูปเดียว สงบ สำรวมมากเลย
เดินมาเรื่อย ๆ ไม่วอกแวก

จับตามองท่านเดินออกจากหมอกมา .....
จนมาถึง เราใส่บาตรกันอย่างสงบเสงี่ยม เพราะบุคคลิกอันสงบสำรวมของท่านสะกดทุกอย่างอยู่เลย
แล้วท่านก็ยิ้มน้อย ๆ ....ชุ่มชื่นหัวใจ
พวกเราก้มลงกราบท่าน...นิ่ง.ง..นาน.น..น..
พอเงยหน้าขึ้นมา เห็นท่านค่อย ๆ เดินห่างไป....ห่างไป....ห่างไป
ค่อย ๆ หายลับไปในสายหมอกหนา
เราทั้ง 6 คน นั่งพนมมือมองตามท่านหายไปในหมอกจนลับตา
ลูกสาวคนเล็ก ก็พูดขึ้นว่า...
...ถ้าเราขับรถตามไป แต่ไม่มีท่าน จะทำยังไงกัน.......
ทุกคนเงียบ....ไม่มีใครกล้าตอบ

ผมกับภรรยาก็คิดว่า ในเมื่อมีพระมา 1 รูป แล้ว ก็น่าจะมีอีกนะ
เลยนั่งบนเสื่อคอยกันต่อไป.......
แต่ผ่านไปอีกร่วมชั่วโมง หมอกเริ่มจางไป ก็ไม่เห็นมีอีก
เลยตัดสินใจ ขึ้นรถขับต่อไป อีกตั้งไกล มีแต่ป่า  มีแต่เขา
อีกหลายสิบกิโล ถึงจะเจอหมู่บ้าน
ได้ใส่บาตรอีกหลายรูป มองดูเวลาท่านเดินมาเป็นแถว
มันช่างเป็นภาพที่น่าดู น่าจดจำมากจริงๆ
โดยเฉพาะ ในหมอกขาวบาง ๆ
สีจีวรของพวกท่าน ช่าง….จับใจจริง ๆ

ภายหลังมาฝึกหัด...ปฏิบัติธรรม ทางอีสาน
เป็นลูกศิษย์วัด เดินตาม หลวงพ่อ และครูบา ยิ่งได้เห็นวัฒนธรรม การใส่บาตรที่สนใจอีกหลายอย่าง
พ่อแม่ คนเฒ่าคนแก่ ก็จะพาลูกหลานออกมายืนหน้าบ้านกันเกือบทุกบ้าน
มีกระติ๊บใส่ข้าวเหนียว แต่ไม่ค่อยเห็นมีกับข้าวอื่น
เมื่อพระมาถึงเค้าก็ใส่กันคนละนิดละหน่อย ข้าวเหนียวแค่ก้อนเท่าหัวแม่มือ เท่านั้น
ส่วนกับข้าว ขนม ผลไม้ จะเอาไปถวายที่วัดทีหลัง เรียกว่า....จังหัน
 
 
หมู่บ้านนี้มี 100 กว่าหลัง แต่จะมีคนออกมาใส่บาตรกันประมาณ 40 - 50 กว่าครอบครัวในวันธรรมดา
ถ้าวันหยุด จะมีเพิ่มมาอีกเยอะ แค่ว่าใส่แต่ข้าวเหนียวเท่าหัวแม่มือ ก็ยังต้องถ่ายของออกจาก บาตร 2 – 3 รอบ
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนมาก คือ... ความศรัทธา ความเชื่อมั่น ในพระพุทธศาสนา
พวกเค้าเชื่ออย่างสนิทใจว่า สิ่งที่พวกเค้ากำลังกระทำ มันคือ.... บุญ
สิ่งที่เค้าทำ มันไม่สูญหายไปไหน แต่จะกลับมาตอบแทนพวกเค้าในชาตินี้ หรือภพหน้า เท่านั้น
สิ่งที่ฉายชัดออกมาจากแววตา คือ... ความสุข ความอิ่มเอิบ
สิ่งที่ คนเฒ่าคนแก่ พ่อ แม่ ทำให้เห็นอยู่ทุกวัน.... มันติดแน่นในความทรงจำส่วนลึกของ เด็ก ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ
เด็กน้อยพวกนี้ เค้าเห็น เค้าได้ช่วยพ่อแม่ใส่บาตร...ทู้กกก วัน
จิตใจพวกเค้า ก็จะถูกซักฟอกให้ขาวสะอาด ทุกวัน
การทำความดี การยึดมั่นในศาสนา การเสพสุขจากการทำบุญ มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเด็กพวกนี้
พอโตขึ้น พวกเค้าจะมีภูมิต้านทาน...ความชั่ว มากกว่าคนในเมืองหลวง เมืองใหญ่
เด็กพวกนี้ โตขึ้นจะฉลาดเฉลียว เชี่ยวชาญ การเรียน การหาเงิน เท่าพวกคนในเมืองมั้ย ก็ไม่รู้
แต่ที่แน่ ๆ พวกเค้าเป็น.... คนดี ในเนื้อแท้มากกว่า
 
พวกชาวบ้าน เค้าตื่นแต่เช้ามืด เอาสิ่งที่ดีที่สุด ที่เค้ามีมา....ใส่บาตร
ยกขึ้นเหนือหัว ตั้งจิตอธิษฐาน... 
...... นิพพานะ สัพพะโส นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ
ขอให้ได้ถึงซึ่ง.... พ ร ะ  นิ พ พ า น  เทอญ.


อนณ นิศารัตน์
โทร-ไลน์  0931499564




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2565 20:23:27 น.
Counter : 1461 Pageviews.  

กรรมทันตา แก็งค์ขโมยรถ

กรรมทันตา แก็งค์ขโมยรถ

เมื่อประมาณ 40 ปีก่อน
ตอนนั้นผมเป็นเด็กลูกจ้างเต็นท์ขายรถแห่งหนึ่ง
เต็นท์นี้ขายรถมือสอง ทั้งเก๋ง และกระบะ
เถ้าแก่มักจะซื้อ ซากรถ ที่เกิดอุบัติเหตุชนยับเยิน ซ่อมไม่ได้ ซ่อมไม่ไหวแล้ว
แต่มีทะเบียนถูกต้อง สามารถโอนได้
แล้วสั่งให้ผมเอาซากรถพวกนี้ ยกไปส่งที่อู่รถแห่งหนึ่ง
ในจังหวัดเพชรบุรี อู่นี้เจ้าของชื่อ...โกตา
หลังจากนั้น ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ให้ผมไปขับกลับมา

ตอนขับกลับมา….รถจะอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม
ในครั้งแรกๆ เถ้าแก่ก็จะบอกว่า …อู่นี้ฝีมือดี มีอะไหล่หนีภาษี
ทำให้ซ่อมได้เร็ว เพราะจะใช้การเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ไปเลย
ไม่ใช่การเคาะซ่อมอย่างอู่ทั่ว ๆ ไป
ซึ่งผมก็….โง่ เชื่อไปได้
แต่ก็แปลกใจบางอย่าง
คือ ถ้าผมไปก่อนเวลา รถยังทันไม่เสร็จเรียบร้อย
โกตา….แกจะไม่ชอบให้ผมไปรอในอู่
จะให้เงินไปเที่ยวในเมือง จนกว่าจะถึงเวลาขับกลับ
พอหลายครั้งหลายหน ผมจึงได้รู้ว่า ที่นี่เป็น...แก็งค์ขโมยรถ นี่หว่า
เมื่อขโมยมา ก็จะขูดลบเลขเครื่อง – เลขตัวรถ
แล้วทำการตอกเลขใหม่ ให้ตรงกับซากรถที่ซื้อมา
ภายหลังได้พยายามเลียบเคียงถามเถ้าแก่
ก็ได้ความจริงว่า….เป็นแก็งค์ใหญ่พอสมควร
และยังสั่งให้ผมปิดปากเงียบ 
เลือกเอา อยากทำงานต่อ หรืออยากโดน โกตา ยิงทิ้ง
ผมสะอึกไปเลย ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ....

พอรู้ว่าซวย เข้าไปพัวพันเรื่องนี้
ก็ได้แสดงให้เถ้าแก่รู้ว่าไม่ชอบงานแบบนี้นัก
อีกทั้งยังพยายามทำตัวขี้เกียจ หนีเที่ยวเหลวไหลไปตามเรื่อง
เถ้าแก่เลยรำคาญไม่ค่อยเรียกใช้ ให้คนอื่นไปทำแทน....

หลังจากนั้นเมื่อโกตา รู้แล้วว่า ผมรู้เรื่องทุกอย่าง
ก็วางใจคงเห็นว่าเป็นแค่เด็กกระจอก ๆ ไม่ได้ปิดบังอะไรอีก…
คือ เถ้าแก่ของผม …เป็นนายทุน มีหน้าที่หาซากรถ หรือทะเบียนรถ
โกตา ….มีหน้าที่หาขโมยรถ มาดัดแปลงมาสวม
แล้วส่งกลับมาให้เถ้าแก่เอาไปขายที่เต็นท์

โกตา มีลูกชาย 2 คน ซึ่งรักมากดังดวงใจ
แกยังมีอิทธิพล ในแถบเพชรบุรีพอตัว
รู้จักกับตำรวจหลายนาย มีการช่วยซ่อมรถให้ตำรวจ ฟรี ๆ
โดยอู่ของแก อยู่ห่างโรงพักแค่ไม่ถึง ครึ่งกิโลเมตร…น่าขำ นะ

ต่อมาเมื่ออาชีพนี้ทำให้แกรวยขึ้นมาก ก็ได้ไปซื้อที่ทำอู่อีกหลายแห่ง
แกชอบมาคุยอวดถึงความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้น ๆ ๆ
ซื้อที่ดิน หลักทรัพย์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โดยแกมีลูกชายสุดที่รักทั้งสอง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่

ลูกคนโต รับผิดชอบเรื่องออกหาขโมยรถตามออร์เดอร์
มีลูกน้องเป็นวัยรุ่นอีก 2 – 3 คน
คือหาซื้อซาก หรือทะเบียนรถก่อน แล้วค่อยไปหาขโมยรถตามรุ่นที่ต้องการ
ซึ่งแก็งค์นี้…เท่าที่ทราบมีตัวเลว ๆ หลายตัวเลย
ส่วนใหญ่ก็ขโมยมันในกรุงเทพฯ นี้แหละ

ลูกชายคนรอง… มีหน้าที่เป็นช่าง ดัดแปลง ตัดต่อ อยู่ในอู่
และมีการพัฒนา จัดหาเครื่องมือทันสมัยมาช่วย
ทำให้รถมันดูแนบเนียน หาพิรุธยาก
อุปกรณ์ในการตอกเลขตัวรถ-เครื่อง มีสารพัดแบบ
แหม เรื่องชั่ว ๆ นี่ มันเก่ง จริง ๆ............

แต่คนที่ถูกขโมยรถ…มันเจ็บช้ำ แสนสาหัส
เกือบทุกคนฝากชีวิต ฝากอนาคตไว้กับ รถ ที่เค้ามี
เอามาใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากิน
อุตส่าห์กัดฟันหาเงินผ่อน แทบเป็นแทบตาย
ลูกเมีย มีข้าวกิน มีเงินเรียนหนังสือ ก้อเพราะมี…รถ คันนี้นี่แหละ
การขโมยรถ หนึ่งคัน…
มันคือการขโมยเอา ชีวิตจิตใจ ความฝัน ความหวัง
ขโมยเครื่องมือทำมาหากิน ขโมยอนาคต…ของพวกเค้าไปด้วย

เวลาผ่านไปหลายปี โกตา กับพวกร่ำรวยขึ้นเยอะ
แกจะขึ้นล่อง กรุงเทพ - เพชรบุรี เป็นว่าเล่น
โดยใช้รถกระบะคันหนึ่งเป็นประจำ
แต่รถของแกโมดิฟายใหม่หมด
แต่งเครื่องแรงมาก ระบบช่วงล่างทันสมัยสุด ๆ
ก็ถอดจากรถที่ขโมยมานั่นแหละ
แกเป็นคนมีนิสัย…ชอบขับรถเร็วมาก มาคุยให้ฟังเสมอ
วันนี้เหยียบมาแค่ 150 เท่านั้น วันก่อนยังได้เกือบ 180......
ไม่ต้องห่วงตำรวจทางหลวง พรรคพวกกัน ท้าง..ง...ง นั้น
กูซ่อมรถให้พวกมันฟรี ๆ ซี้กันมากกกก ก ก ก

แต่แล้ววันหนึ่ง ….ลูกชายของแกกับพวกถูกจับได้ คารถที่กำลังขโมย คาหนังคาเขา
และขยายผลไปบุกจับที่อู่
ลูกชายคนรอง กำลังตัดต่อรถ อยู่เลย
ทำให้โดนรวบหมดทั้งอู่.........ยกเว้น โกตา
ที่ไหวตัว หลบไปได้หวุดหวิด

โกตา…มาปรึกษากับเถ้าแก่ หลายครั้ง
หาทางวิ่งเต้นล้มคดีสารพัด… แต่ก็ยังไม่คืบหน้า
ตำรวจที่เคยสนิทสนม ก็ตีตัวออกห่างอย่างหน้าตาเฉย
แกแค้นใจเรื่องนี้มาก …..แช่ง ด่า สารพัด

หลายเดือนผ่านไป แกวิ่งเต้นคดี หมดเงินไปมากมายเหลือเกิน
ได้ยินแกพูดว่าขายที่ทาง ทรัพย์สิน ทุกอย่างหมดแล้ว
แต่ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่
และขอหยิบยืมเถ้าแก่อีกหลายแสน ….ซึ่งเถ้าแก่ก็กัดฟันยอม
ซึ่งทางฝ่ายตัวเถ้าแก่เอง… ก็ไม่สบายใจ กินไม่ได้นอนไม่ค่อยหลับ
กลัวถูกซัดทอด อาจซวยติดคุกไปด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน… เมียโกตา มายืมเงินด้วยตัวเอง
และส่งข่าวให้รู้ว่า
โกตา.. เกิดอุบัติเหตุขณะขับรถมาวิ่งคดี 
คงเป็นเพราะความเครียด ห่วงลูก บวกกับขับรถเร็วเป็นนิสัยด้วย
รถชนกันอย่างแรงพังยับเยิน ไม่มีชิ้นดี
ตัวแกก็ขาหักหมดหลายท่อน เข้าผ่าตัดหลายครั้ง
แต่แกก็ ไม่ยักตาย.....

หลายเดือนต่อมา ผมเห็นแกนั่งรถตู้ มายืมเงินเถ้าแก่ 
เห็นบ่นว่า….คงจะพิการ เดินไม่ได้ อีกต่อไปแล้ว
และสุดท้ายลูกชายทั้งสองก็ถูก…ตัดสินจำคุกหลายปี

ส่วนเถ้าแก่ รอดตัว เสียแต่เงินไปหลายแสน
เสียไปเยอะมากเลย....เครียดมากเหมือนกัน
กลัวไปสารพัด กลัวถูกซัดทอด กลัวโกตาหักหลัง
เห็นไปวิ่งเต้น ทำบุญ ไหว้เจ้า อุตลุดไปหมด
แต่ก็แปลกนะ …ไม่ยักเข็ด
ภายหลังก็ยังเป็นนายทุนให้พวกผิดกฎหมายบ่อย ๆ

แต่ตัวเถ้าแก่ก็มี กรรม ของแกเหมือนกัน
คือ เป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่ง ตัวลอกผุพอง เป็นแผลเรื้อรัง
รักษาเท่าไหร่ แพงแค่ไหน หาหมอสารพัดทั้งปัจจุบัน ทั้งแผนโบราณ
ไม่ว่าวิทยาศาสตร์  หรือ ไสยศาสตร์ ....ก็ไม่หาย
วันดีคืนดี ก็จะมีน้ำเหลืองซึมเยิ้มออกมาตามแขนขา
ส่งกลิ่น เหม็นนน..น...น หืนนน..น..น มาก
คงจะเป็นแผลเรื้อรังซักอย่าง
ตัวเถ้าแก่ จะไม่เคยใส่เสื้อ - กางเกง แขนสั้น ขาสั้นเลย
เคยได้ยินบ่น ๆ ให้ฟังว่าเป็นเพราะเคยไปกิน หมา...สุนัข..นี่แหละ
ต้องตะเวนไปหายาสมุนไพรแปลกๆ มาต้ม
บางครั้งก็ดีขึ้น …บางครั้งก็แพ้ยา 
น้ำเหลืองยิ่งไหลเยิ้มมาก
ต้องตะเวนหาหมอยา ซินแซไปทั่ว ใครว่าดีไปหมด...เวรกรรม

เถ้าแก่ก็มีลูกชายสองคน สุดรักหวังฝากอนาคต
แต่มันไม่ชอบเรียนหนังสือ
คนโตออกแนวเกเร นักเลง
คนที่สองออกแนวลึกลับ ออกแนวโรคจิตแปลก ๆ บอกไม่ถูก
ลูกสาวคนเล็ก ก็เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดจา ดูน่ากลัว.....

ทุกวันนี้ ผมไม่ได้ทำงานให้แก 30 กว่าปีแล้ว
ที่มาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟัง เพื่อยืนยันว่า…. กรรมทันตา จริง ๆ
ผมเองก็ใช่จะรอด โดนกรรมสนองสารพัดเหมือนกัน
แล้ววันหลังจะเล่าให้ฟัง..............


อนณ นิศารัตน์
โทร - ไลน์ 0931499564




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2553    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2565 13:21:49 น.
Counter : 1220 Pageviews.  

กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม

กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม


บางครั้งคนเรา …..เมื่อถึงคราวอับจน

มองไปไม่เห็นทางออก หมดทางต่อสู้

กับคำว่า...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็ดูจะพึ่งไม่ไหว

ทางสุดท้าย ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากฟ้าดิน

โดยต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง..............

ซึ่งบางที ท่านก็รับเดิมพันเหมือนกัน.

 


ผมเอง เรียนจบ ปริญญาตรี ทางธุรกิจ เมื่อปี 2525

ไปสมัครทำงานที่...เต้นท์รถมือสอง

เถ้าแก่ใหญ่ ชื่อ...เฮียเฮง

จะสอนว่า

.........คนเราต้องขยัน ต้องทำทุกอย่าง ทำยังไงก็ได้ ให้ขายได้

ให้กำไรมากที่สุด จะโกหกพกลมยังไงก็ได้

ในโลกนี้มีแต่คนเข้มแข็ง ที่จะอยู่ได้...

เงินเท่านั้น….สำคัญที่สุด

 


ตอนนั้นผมเป็นวัยรุ่นไฟแรง ….อยากรวย

อยากเด่น อยากเอาชนะ

เฮียเฮงก็สอนวิชาการ...สารพัดทุกอย่างให้ผม

ทั้งการดูคน ดูรถ ย้อมแมว กะล่อนปลิ้นปล้อน เทคนิคการโกหก

วิธีการขายแบบสารพัดชั่วร้าย เลวทราม

ผมก็ดีมาก ….รับมาหมด

 


เวลาผ่านไปหลายปี ผมยังได้พัฒนาความกะล่อน หลอกลวง

ให้มากขึ้นอีกหลายเท่า

โกหกได้แนบเนียน ออกแนว 18 มงกุฏ

และด้วยความที่อยากเอาชนะ ผมจึงพยายามโชว์ฝีมือ

ทำยอดขายรถ ให้ได้มากกว่าคนอื่น

ที่สำคัญขายรถที่คนอื่นขายไม่ได้ พวกรถที่มีปัญหา ย้อมแมว......

ไม่มีใครขายมันได้…ต้องเป็นผม เท่านั้น

 


เฮียเฮง ก็มองเห็นความสามารถ จึงพัฒนาขึ้น

มีการเอารถย้อมแมวมาขายมากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยมีผมเป็นมือขวา

รถชน รถคว่ำ รถหงาย

รถที่ยิงกันตาย ฆ่ากันตาย

รถแท๊กซี่ถอดป้าย สารพัด เอามาหลอกขายได้หมด

 


ผมทำงานให้เฮียแกเกือบ 10 ปี ก็แยกตัวออกมาทำเอง

เพราะระยะหลังแกเล่นไปร่วมมือกับ...แก็งค์ขโมยรถ

เอารถสวมทะเบียนปลอมแปลงเอกสารมาขาย และเรื่องเฉียดคุก เฉียดตะราง อีกมากมาย

โดยให้ผมออกหน้า ส่วนแกเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง

 

ถึงแม้ว่าผมแยกตัวมาแล้ว ก็ยังขายรถในแนวเดิม เลวเหมือนเดิม

แต่.....เงินทองที่ได้มามาก....ก็หมดไป

อย่างที่เขาว่า น่ะ...เงินมันร้อน

 


ผมเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวผู้หญิง

แต่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ อยากได้อะไรก็ซื้อ

ประกอบกับกู้เงินนอกระบบเยอะ ดอกแพง

ทำได้เท่าไรก็หมดไป เหมือนมันละลายหายเกลี้ยง

แต่สิ่งที่เหลือไว้ ก้อแต่หนี้สิน

 


จำได้ว่าประมาณ ปี 2538 เกิดมีน้ำท่วมใหญ่

อู่ที่ผมใช้ซ่อม และย้อมแมวรถ อยู่ที่…สวนผัก ตลิ่งชัน

น้ำ….มันท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เอากระสอบทรายกันสู้เอาไว้ ก็ไม่อยู่

 


ในที่สุด….ทั้งอู่ มีน้ำท่วมสูงเกือบถึงหลังคารถ

รถแพงๆ อยู่ในนั้นหมดเลย เอาออกไม่ได้เลย

ผม...หมดตัว

เหลืออยู่แต่หนี้สิน...ล้านกว่าบาท

 


เลยต้องหลบไปเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ที่ปากเกร็ด

ตอนนั้นเซ็งชีวิตมาก

กลัดกลุ้มหงุดหงิด สารพัด จิตใจมีแต่ความรุ่มร้อน เครียด กังวล

มีปากเสียงระหองระแหง กับภรรยา ตลอดเวลา

 


ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ผมอายลูก อายเมีย ที่ทำให้พวกเค้าต้องลำบาก

คนเคยทำงาน เคยมีธุรกิจ มีเต็นท์รถ

แล้วต้องมานั่งขายของชำ...เฮ้อออ

 


บางวันกลัวจะถูกมองว่าไม่มีงานทำ ก็แต่งตัวออกไปข้างนอก

ไปนั่งอยู่ริมน้ำทั้งวัน ๆ ทุกวัน

จิตใจก็ยิ่งหดหู่หมดกำลังสู้

 


บังเอิญวันหนึ่ง ได้ไปซื้อหนังสือนิยายอ่านโดยไม่ตั้งใจ

เป็นเรื่อง “ จิตา ” ของคุณ ทมยันตี

หนังสือเล่มนี้แปลกดี อ่านแล้ว...เย็นลง

ความหงุดหงิด ร้อนรน มันหายไปหมด

อยากให้ทุกท่านลองไปหาอ่านดูนะครับ......

 


หลังจากอ่านจบหลายรอบแล้ว ให้รู้สึกอยากจะกลับตัวเป็นคนดีบ้าง

แต่ก็ยังทำไม่ได้ หนี้สินมันจ่อคออยู่

ช่วงนั้นยังติดต่อกับ….เฮียเฮงอยู่เสมอ

เพราะยังเป็นหนี้แกหลายแสน

เฮียแกก็ทวงอยู่เรื่อย เรียกไปใช้งานชั่ว ๆ งานเดิม ๆ อยู่บ่อย ๆ

ที่แย่มากที่สุดคือ...ให้ขายรถที่ขโมยมาปลอมแปลง สวมทะเบียน

เป็นงานใกล้คุก ใกล้ตะราง หนักเข้าไปอีก

 


ผมก็กลัวติดคุกด้วย กลัวโดนเก็บ ห่วงลูกเมียด้วย

บางครั้งยังอยากฆ่าตัวตายซะให้หมดเรื่องไป ….แต่ก้อสงสารเมีย

เพราะหนี้ของผมเป็นหนี้นอกระบบ ไม่จบง่าย ๆ

ตาย ก็ไม่จบ.....

 


แต่ผมเหนื่อยกับ…การทำความชั่ว

การโกหก หลอกลวง แล้ว

อยากจะกลับตัว เป็น…คนดี

แต่ก้อไม่รู้จะทำยังไง มองไม่เห็นหนทางเลย

 


กระทั่งขับรถหลงเข้าไปที่วัดแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว จำทางก้อไม่ได้

เป็นวัดที่…สงบ  และเงียบเชียบ

พอผ่านเข้าประตูวัดไป เหมือนกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยสิ้นเชิง

ผมก้าวเดินผ่านประตูโบสถ์ เข้าไปนั่ง อยู่หน้าพระประธาน

บอกตรง ๆ ว่า…แทบไม่กล้าเงยมองหน้าท่าน

เพราะความ…ละอายใจ

นั่งนิ่งๆ อยู่นานนน ตอนที่จะกลับผมได้บอกกับท่านว่า….

อยากกลับตัวเป็นคนดี เป็นคนที่…ลูกเมีย ภูมิใจ

ไม่อยากโกหก ไม่อยากหลอกลวงใครอีกต่อไปแล้ว

ผมเหนื่อย กับการ…ทำชั่ว แล้ว

ขอให้ผมได้มีโอกาส…ทำความดี บ้างเถอะครับ

 

 

 

ไม่กี่วันต่อมา ข้าง ๆ บ้าน ที่ปากเกร็ด

มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่

แขกที่มาคนหนึ่งเป็นผู้หญิง แต่..เป็นร่างทรง

ชื่อ...อาติ๋ว

ปรกติจะอยู่ที่บางระกำ พิษณุโลก

คุณหม่อง แฟนผมได้ไปช่วยงาน และได้คุยกับอาติ๋ว โดยบังเอิญ

อาติ๋ว….สั่งให้เรียกผมไปคุย และแนะนำว่า

..........ถ้าอยากเป็นคนดี แต่ไม่มีหนทาง

ลำพังแต่กำลังบุญของเรา ช่วยไม่ไหว

น่าจะลองขอต่อ….เทวดา ฟ้าดิน ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ดูนะ

.....แต่มีข้อแม้ คือ

ต้องมีเครื่องแลกเปลี่ยน

ให้ไปนึกดูจะเอาอะไรไปแลกกับเค้า

เรื่องใหญ่ หนักหนาสาหัส

สิ่งที่เอาไปแลก ก้อต้องใหญ่ และมีค่าสมควรกัน

......ที่สำคัญกว่านั้น เทวดา…ท่านไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

ถ้าเกิดทำตามสัญญาไม่ได้ เค้าเอาตาย...ย...ย นะ

คิดดูให้ถี่ถ้วนก่อน ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ อย่าใช้วิธีนี้....โดยเด็ดขาด

 


ก่อนกลับยังกำชับ ….เน้นแล้ว เน้นนน อีกว่า

ให้คิดให้ถี่ถ้วนมาก ๆ

อย่าอธิษฐานส่งเดช หมดหนทางจริง ๆ แล้วค่อยทำ

 


ผมมานอนคิดเรื่องนี้ดูแล้ว ไม่มีทางออกมันจนหนทาง

ถูกทวงหนี้ตลอด ถูกตามไปทำชั่วเพิ่มขึ้น ๆ ๆ ๆ

บ้านที่ซื้อไว้เก็งกำไร ก็ทำท่าจะผ่อนไม่รอด

ไอ้เราก็กะล่อนมาหลายปี โกหก หลอกลวงมาสารพัด

ผมละอายลูก ละอายเมีย ดูกระจกทีไร…ก็ทุเรศตัวเอง

ใส่บาตรทำบุญก็อายพระ ทำสังฆทานก็อายเวลารับศีล

ผมเหนื่อยกับการทำชั่วแล้วหละ

 


แต่ผมจะเอาอะไรที่มีค่าพอ กับการไปต่อรอง แลกเปลี่ยน ล่ะ

เงิน…ก้อไม่มี

ความดี หรือบุญกุศล ก้อจะไม่เคยทำ

 

ดึกคืนหนึ่ง ผมตัดสินใจออกไปยืนที่ดาดฟ้าบ้านไม่มีหลังคา

ถือซะว่าเป็นกลางแจ้ง

แล้วจุดธูป 16 ดอก

บอกกล่าว อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน

ตั้งใจอธิษฐานว่า

 


...ขอให้ข้าพเจ้า ได้หลุดพ้นวังวนแห่งความชั่วร้ายต่าง ๆ

ขอให้ได้เป็น คนดี …มีอาชีพสุจริต

ขอให้หมดหนี้สินทั้งหลายด้วยเถิด

สิ่งที่ลูกจะขอแลกเปลี่ยน คือต่อไปนี้จะไม่โกหกหลอกลวง

จะตั้งใจทำทุกอย่างที่คิดว่าดี จะทำความดีเท่าที่ทำได้

จะปฏิบัติ…ศีลห้า ตลอดไปจนกว่าจะตาย............

 


แล้วปักธูปลงไป ด้วยใจที่ตั้งมั่น แน่วแน่

ขณะที่ปักธูปลงไป รู้สึกได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรามันเงียบกริบ

เงียบงัน นิ่งสนิท เหมือนมีใครมองจ้องดู และ เงี่ยหูฟังเราอย่างจดจ่อ

พอปล่อยมือจากธูป ขนลุกซู่...ตั้งแต่ปลายนิ้ว ไล่ขึ้นไปถึงกลางหัวเลย

 


จากวันนั้นมาไม่ถึงอาทิตย์ เฮียเฮงก็เรียกผมไปพบ

พอเจอหน้าก็ ด่า...ด่า...ด่า

ด่าผม….ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องเก่าสมัยไหนๆ ก็ขุดเอามาด่า

ด่าเสียงดังลั่นออฟฟิซอยู่ ตลอดร่วมชั่วโมง

แล้วไล่ผมออก….

ไม่ให้เข้ามาข้องแวะที่เต็นท์อีก หนี้สินที่มีให้มาใช้ในทีหลัง

 


แกบอกว่า….จู่ ๆ  แกก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าผมขึ้นมาอย่างแรง.....

เห็นหน้าแล้ว… ยากจะ อ้วก

เวียนหัว อยากจะอาเจียน

แล้วก้อออกปาก….ไล่ให้ไปให้พ้นหน้า

อย่ามาให้เห็น อีก

 

ผมออกมายืน มึน งง….อยู่นอกเต็นท์ตั้งนาน กว่าจะเข้าใจว่าโดนไล่ออกจริง ๆ

มันเกิดอารายกัน..วะ

ก่อนหน้านั้น ขอลาออก….ก้อไม่ยอมให้ออก

ถ้าเลิกทำให้ให้แก….ก้อคงต้องตาย

เพราะกลัวปากโป้ง

 

เจ้าหนี้อีกรายใหญ่อีกราย ก็เรียกผมไปพบ

แล้วบังคับให้ผมโอนบ้านที่ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรมาให้แก

จากนั้นก็ให้ไปปิดบัญชี โอนบ้านกันในวันรุ่งขึ้น

ผมเลยหมดหนี้จากธนาคาร 3 ล้านกว่า ผ่อนเดือนละเกือบ 30,000 บาท

หมดหนี้ก้อนใหญ่ ๆ ที่หนักหัวอก ไปอย่างกระทันหัน

อย่างมหัศจรรย์

 


สรุปแล้วอยู่ดี ๆ ผมก็หมดตัว แต่แทบจะหมดหนี้สิน

หมดพันธะกับ โจร

เรื่องชั่ว ๆ …..ไม่ต้องการผมอีกต่อไปแล้ว

 

 

 

จากนั้นมาผมก็นอนอ่านนิยายธรรมะ ของคุณทมยันตีอีกหลายเล่ม

จนเบื่อเลยไปเดินเล่นที่วัดชลประทาน

จำได้ว่าเป็นตอนประมาณ 5-6 โมงเย็น

ที่วัดเงียบสงบมาก คงจะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว...เลยไม่มีใครสักคน

 


ผมก็เดินใจลอย เลยไปเรื่อยจนเจอ...กุฏิหลวงพ่อปัญญาฯ

ในใจอยากกราบท่านเลยเข้าไปใกล้ๆ

เจอผู้ชาย..ใส่ชุดขาว ๆ ยืนอยู่คนนึง

ผมถามว่า...หลวงพ่ออยู่มั้ยครับ

เขาพนักหน้า แล้วชี้มือให้… เข้าไปสิ

 


ผมได้เข้าไปกราบท่านในกุฏิ

ท่านก็ยิ้ม ๆ …. ไม่พูดอาราย

ผมบอกว่า อยากตาย เบื่อตัวเอง รู้สึกตัวเองเลวมาก ๆ

ท่านถามว่า….ทำไมล่ะ

ผมบอกท่านว่า มีอาชีพทำเต้นท์ ขายรถเก่า

งานมันต้อง…โกหก ตลอดเวลา

ท่านถามว่า…. ไม่โกหกไม่ได้เหรอ

ผมบอก…. ถ้าไม่โกหก ก็ขายไม่ได้ครับ

ท่านกลับถามว่า…. แล้วเราถนัดอะไรล่ะ

 


ผมฟังแล้ว… อึ้ง

ไม่นึกว่าจะถูกคำถามแบบนี้

นึกอยู่นานแล้วก้อว่า…. ก็ถนัดขายรถนี่แหละครับ เพราะทำมาตั้ง 10 กว่าปี

ท่านก็ว่า…. งั้นก็ไปขายรถ แต่ไม่ต้องโกหก

ผมก็ถามว่า …..แล้วมันจะ ขายได้เหรอครับ

ท่านบอก….. ได้สิ

แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรอีก…. ยิ้ม ๆ อย่างเดียว

 


ตอนนั้นผมนึกอะไรไม่ออกแล้ว

ได้แต่ก้มลง….กราบแทบเท้า

แล้วเอื้อมมือไปจับปลายจีวรท่าน...เพื่อเป็นกำลังใจ

 


กลับบ้านมานอนคิด ๆ ว่า...แล้วเราจะขายรถแบบไหน ที่ไม่ต้องโกหก วะ

เงินทุนก็ไม่มีสักบาท มีแต่หนี้อีกเป็นแสน

นึกไปนึกมา… เอ๊ะ

เราไปขายรถใหม่ดีกว่า ไม่ต้องลงทุน ไปเป็นเซลส์ก็ได้

รถใหม่ ๆ มันไม่ต้องโกหก นี่นา

โอ้ยยยย โง่ ซะนานเลย

 


อีก 2 วันไปสมัครงานที่โชว์รูมรถเบนซ์ ถนนแจ้งวัฒนะ

ผู้จัดการมองผมแบบเหยียด ๆ อาจจะเห็นอายุมาก ตอนนั้น 35 

แล้วถามว่า…. คุณดื่มเหล้ามั้ย

ผมบอก… ดื่มไม่เป็น

แล้ว…เที่ยวกลางคืนมั้ย

ผมบอก….ไม่ชอบ ผมขี้ง่วง แถมแพ้กลิ่นบุหรี่

เขาบอกว่า…. ถ้าอย่างนั้น ผมมาเป็นเซลส์ขาย รถเบนซ์ ไม่ได้

ผมถามว่า…ทำไมล่ะ

เขาก็อธิบายว่า ….กลุ่มลูกค้าของเขาเป็นพวกเสี่ย ๆ พวกนักเที่ยว

ต้องไปหาลูกค้าที่ผับหรู ๆ ตอนกลางคืน

ผมเลยเดินคอตกออกมายืนมองเข้าไปจากหน้าโชว์รูมแห่งนั้น

ผมเห็นเซลส์ของเขา แต่งตัวดีมากกก….ของแพงทั้งน้านน

ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คาบบุหรี่ทุกคน

นุ่งสั้น นั่งอ้า อีกต่างหาก

ในใจนึก…. มันบ้าหรือเปล่าวะ

โชว์รูมหรือซ่องกันแน่

( หลังจากนั้นประมาณปีกว่า โชว์รูมนี้ก้อ เจ๊ง ไป )

 


วันต่อมา...ไปสมัครเป็นเซลส์ รถนิสสัน

แต่โดนส่งให้ไปประจำที่….อ้อมน้อย

โชว์รูมเล็กๆ สกปรกมาก

แต่ผมตั้งใจอย่างแรงที่..จะไม่โกหก

ทุกคนหัวเราะเยาะผมเรื่องนี้มาก

 

แต่ก็ประหลาดนะ

ผมขายได้...มีคอมมิชชั่นคันละ 2,000 บาท

เมื่อก่อนผมขายรถกำไร คันละ 10,000 -100,000

เงินไม่เคยพอ เหลือไว้แต่หนี้สินเป็น….ล้าน

แต่ขายรถใหม่โดยไม่โกหก ได้คันละ 2,000 บาท

ผมกลับมีเงินเหลือกิน มีเงินใช้จ่ายตามอัตภาพ

อยู่ที่อ้อมน้อย 1 ปี ผมเป็น...ท๊อปเซลส์

ทำยอดขาย ชนะคนอื่น ๆ ทั้งหมด

และถูกยกย่องให้เป็น…พี่ใหญ่

 


จากนั้น...ที่สยามกลการใหญ่ มาทาบทามชวนผมไปเป็นเซลส์…ที่ พระประแดง

วันแรกที่เข้าไปรายงานตัว

ผมถามว่า….ถ้าอยากเป็น ผู้จัดการ ต้องทำอย่างไร

เค้ามองหน้า แล้วหัวเราะบอก...

ต้องอยู่มาอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป

ยอดขายต้องเอาชนะให้ได้ทั้ง …บริษัท

ต้องชนะคนเก่า ๆ เป็นร้อย ๆ คน

ซึ่งคงไม่มีทางเป็นไปได้ หร๊อกกก

 


แต่...ผมทำอยู่ 3 ปี หมดหนี้ และได้ขึ้นเป็นผู้จัดการ

อีก 1 ปีกว่า ได้ขึ้นจากโชว์รูมเล็ก ๆ

ข้ามขั้นไปเป็น…ผู้จัดการโชว์รูม ขนาดใหญ่

อยู่ที่หนองแขม โดยไม่ต้องไต่จากโชว์รูมขนาดกลาง

 


ผมเคยขายครั้งเดียว ได้ 200 คัน ให้กับ บ. ซี.พี.

แต่น่าเสียดายส่งรถได้แค่ 100 คันเท่านั้น

โรงงานนิสสัน…ผลิตให้ผมไม่ทัน

เพราะไม่เคยมีใคร ขายได้ล๊อตใหญ่เท่านี้มาก่อน

 

ขายทุกคัน ขายทุกครั้ง ผมไม่โกหกลูกค้าเลยครับ ลูกน้องของผมทุกคนรู้ดี

ผมลาออกมาตั้งแต่ปี 2545 แล้ว

 


ที่เล่ามาก็เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับคนที่คิดว่า …หมดหวัง จนหนทาง

ขอให้ตั้งจิต รักษาศีล ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเราอยู่

 

ที่สำคัญ........

คุณ กล้าเดิมพัน กับท่าน…มั๊ยล่ะ

 

อนณ นิศารัตน์

โทร - ไลน์  0931499564

 




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2565 12:25:16 น.
Counter : 1963 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.