กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา ขายประกัน 1

ขายประกัน 1

เรื่องนี้ เล่าไปแล้วต้องมีคนยั๊วผม หรือไม่พอใจมากแน่เลย
แต่ก็อยากเล่าให้คนที่กำลังจะไปขายประกันฯ หรือบรรดาคนที่อยู่ในธุรกิจนี้
ได้รับรู้...
แต่ก่อนอื่น ผมขอยืนยันว่า ประกันชีวิต เป็นสินค้าที่ดี
การขายประกันชีวิต ก็เป็นอาชีพที่ดี แต่.....

เคยมีคนมาขายประกันฯ คุณมั๊ยครับ...
สมัยก่อนเคยมีคนมาขายประกันฯ ผมเหมือนกัน
ส่วนใหญ่ก็รู้จักกัน มานั่งคุยที่บ้าน
คุยทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องขายประกันฯ...มาบ่อยจนภรรยาผมเบื่อ

คนที่ผมซื้อประกันฯ ด้วยคนแรก ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เป็นผู้หญิงสาวซัก 25 ได้มั้ง
มาที่ตลาดรถยนต์เดินถามเรื่อยมา จนมาที่เต็นท์ผม
แนะนำตัว แล้วบอก...มาขายประกันชีวิต
ผมก็ถามมันเป็นยังไง
เธอบอก...เป็นการเก็บเงิน แต่ถ้าตายก่อนทางบ้านก็ได้เงินก้อน...
ผมก็ซื้อเลย...พวกลูกน้องคิดว่าผมชีกอ ชอบคนขาย
แต่ความจริง ไม่ได้สนใจเลย
...แต่นับถือที่กล้าแนะนำตัว พูดตรงๆ สั้น ชัดเจน
คุยกันแค่ 20 นาทีเองมั๊ง

เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
คือผมอยู่บริษัทแม่ของ นิสสัน ในแต่ละปีจะมีการอบรมเซลส์ใหม่ทั่วประเทศ
ผมรับผิดชอบสอนด้าน เทคนิคการขาย
เลยสนใจ เทคนิค และวิธีการขายอย่างมาก

จู่ๆ ก็มีคนมาขายประกันผมอีก...
แต่ผมถามว่า พวกคนขายประกันฯ เขาสอน เขาฝึกฝนกันยังไง แต่ละคนถึงเก่งนัก
พูดไม่กี่คำ ก็ขายได้...อยากรู้ อยากได้วิชาการขาย จริงๆ
เขาบอกอธิบายไม่ถูก ต้องไปอบรม ไปเรียนเอาเอง

ผมตั้งอก ตั้งใจไปเรียนวิธีการขายประกันชีวิตอยู่หลายเดือน...ไม่ค่อยได้เรื่อง
อย่างแรก ข้อมูลมันเยอะมาก ต้องเอามาย่อย สรุปแยกเรื่องกันเหนื่อย
อย่างที่สอง แต่ละคนที่มาสอน เป็นเทคนิคเฉพาะตัว ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
แถมคนสอนยังไม่บอกความจริงทั้งหมด ไม่ยอมพาไปขายให้ดูเป็นตัวอย่าง
ที่แย่ที่สุด คือ ไม่สอนให้ขายจากง่ายๆ ไปหายาก
แต่เอะอะก็จะให้ไปหาลูกค้ารายใหญ่ ขายเงินฝาก...คอมมิชชั่นเยอะ ๆ
ผมกลับคิดว่า การเทรนเด็กใหม่ หรือคนที่เพิ่งเริ่มหัดขาย มันเหมือนนักกีฬายกน้ำหนัก
ต้องค่อยเริ่มทีละนิด ทีละหน่อย ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มความยากไปเรื่อย ๆ
แต่หัวหน้าหน่วย กลับบอกว่า...ต้องให้ขายเคสใหญ่ๆ ได้คอมมิชชั่นมากๆ จะได้ติดใจ

ที่น่าสงสารกว่านั้น คือ...คนที่ขายประกันฯ มา 2 – 3 ปีแล้ว
ยังไม่เข้าใจสินค้าของตัวเองเลย
ยังตีโจทก์ไม่แตกเลย ยังไม่รู้ว่าตัวเองขายอะไรด้วยซ้ำ
ที่ขายได้ก็เพราะ ขายอยู่ในวงญาติ วงเพื่อน คนรู้จัก...เท่านั้น

ผมพูดเรื่องที่ผมเห็นนี้ ตอนที่ประชุมอบรม...เป็นเรื่องเลย
ระดับหัวหน้า โกรธผมจนหน้าเขียว
ระดับผู้จัดการภาค อึ้ง...ยอมรับ แต่ไม่กล้าพูด
สุดท้ายมีคนท้าทาย ให้ผมลองออกมาสาธิตการขายสดๆ
โดยต้องมีบทขาย...ที่ต้องชักจูง ให้ลูกค้าคล้อยตามได้ใน 5 นาที

ตอนนั้น...ผมตั้งหลักไม่ทัน ไม่ได้คิดว่าจะโดยถากถางด้วยวิธีนี้
ผมก็เลยยอมรับว่ายังทำไม่ได้...โดนโห่ ซะหงอยไปเลย หาว่าอวดเก่ง
อับอายมาก แต่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ผมไปนั่งศึกษารูปแบบ ตัวสินค้าซึ่งก็คือประกันชีวิต
ศึกษามุมมอง วิธีคิด วิธีคุย ต้องตีโจทก์ให้ได้...
ใช้เวลาถึง 1 เดือนเต็มๆ

ในที่สุดก็พอจะเข้าใจได้ว่า...
...มันก็เหมือน ประกันรถยนต์ และ การวารันตีรถ นั่นแหละวะ...
ถ้าชนมา...หรือ เครื่อง ช่วงล่าง พังก่อนเวลา...เราจ่ายค่าซ่อม ค่าอะไหล่ ค่าแรงให้

การขายประกันชีวิต มันมีวิธีคิด วิธีมองได้หลายรูปแบบ
มันไม่ได้ขายสัญญา ไม่ได้ขายความคุ้มครอง หรือขายเงิน
ในความคิดของผม...ผมคนเดียวนะ...ผิด ถูก ไม่รับผิดชอบนะ...

มันคือ...การขายอนาคต
แต่เป็นอนาคต ของลูกค้า...ของคนซื้อ
คุณอยากได้อนาคต ดี..ดี...มั๊ยล่ะ
ผม มี ขาย...ไม่ได้ขายเงินสดด้วยนะ...ให้ผ่อนด้วย

ถ้าคุณอยากมีอนาคตเป็นเศรษฐีเงินล้าน...สมมุติ 1 ล้าน...ในอีก 20 ปี
คุณก็ซื้อประกันเงินฝาก 1 ล้าน ระยะเวลา 20 ปี
อาจจะปีละ 40,000 เท่านั้นเอง ผ่อนไป 20 ปี
ครบเมื่อไหร่ มาเอาเงินไป 1 ล้าน
แต่ถ้าโชคร้าย...ไม่หายใจ...ผมรีบเอาเงินไปให้ ลูก เมีย คุณ 1 ล้าน...ทันที

หรือ คุณอยากซื้ออนาคตให้ลูก...ให้มีเงินเรียนต่อปริญญาโท ในอีก 10 ปี แน่นอน
ก็ไม่เห็นยาก ให้ซื้อประกันฯ เงินฝาก ระยะ 10 ปี เบี้ยซัก 20,000 บาทต่อปี
ครบ 10 ปีเมื่อไหร่ มาเอาเงินไป 300,000 บาท...อะไรประมาณเนี๊ยะ
ข้อเสีย มีอย่างเดียว
ถ้าคุณหยุดจ่ายก่อนครึ่งทาง...จะขาดทุนย่อยยับ


ถ้าเป็นขายรถ ผมก็จะบอกว่า
...เราต้องขายประโยชน์ของรถ ไม่ใช่เหล็ก ไม่ใช่ตัวรถ

ถ้าขายประกันฯ ก็ต้องมีมุมการขาย น่าจะได้ซัก 3 มุม
ขายความกลัว...พวกมือใหม่จะขายแบบนี้
ขายความหวัง...พวกเก่งๆ มักชอบใช้วิธีนี้
ขายความรัก...พวกเซียน มือเก๋า เค้าชอบใช้

ขายความกลัว...กลัวเกิดอุบัติเหตุ...กลัวป่วย...กลัวไม่มีเงินเก็บ...กลัวเป็นอะไรตายไปก่อน ลูก เมีย จะไม่มีกิน

ขายความหวัง...มีความหวังอันสวยหรู ...ตอนเกษียณ จะมีเงินซักก้อน...ซัก 10 ล้าน

ขายความรัก...เพราะรักลูก...รักเมีย...รักพ่อ...รักแม่ ถ้าเป็นอะไรไป ใครจะเลี้ยงดูพวกเค้า

คนหัดขายใหม่ๆ ก็ให้ขายประกันอุบัติเหตุ ไปก่อน...ถูกดีขายง่าย เป็นการฝึกพูด ฝึกเจอลูกค้า
หลักการ เหมือนประกันฯ รถนั่นแหละ...
ค่าเบี้ย ปีละแค่ 1,200 – 3,000 น่าจะขายได้เฉลี่ย เดือนละ 40 เคส
คอมมิชชั่นเฉลี่ยเคสละ 300 น่าจะได้เดือนละ 10,000 – 12,000
เบี้ยแบบนี้ สูญเปล่าปีต่อปี ไม่มีเหลือสะสม

ขายไปซัก 6 เดือนพอพูดเก่ง เข้าใจงานค่อยขยับไปขายประกันสุขภาพ
เหมือน วารันตี รถน่ะแหละ...พัง เอ๊ย..ป่วยมา เราซ่อม เอ๊ย..จ่ายค่าโรงพยาบาลให้
ปีละแค่ 6,000 – 8,000 ...เบี้ยแบบนี้ก็สูญเปล่าเหมือนกัน
คอมมิชชั่น เยอะนะ

พอเริ่มเก่งแล้ว ก็ไปขายเงินฝาก สะสมทรัพย์...1 ล้าน เบี้ยแค่ 30,000
ถ้าลูกค้าไม่หายใจเมื่อไหร่ ทางบ้านได้เงิน เอาไป 1 ล้าน
หรืออยู่ทนครบ 20 ปี ก็มาเอาคืนไปซัก 5 แสน ก็ไม่เลว
คอมมิชชั่น ไม่ต้องพูดถึง...

*** ตัวเลขทั้งหมด เป็นการประมาณ ให้เข้าใจง่าย แต่ใกล้เคียง นะครับ...อย่าว่ากันล่ะ ***

พอคิดได้ก็ลองออกไปขาย...จนได้ถ้วยมาตั้งเยอะ
เวลาไปขาย ก็พูดตรงๆ...ผมมาขายประกันฯ ครับ...
ไม่ต้องโยกโย้ ไม่ต้องโกหก...ขายได้
แต่เลิกขายเพราะเบื่อ ไม่ชอบให้รับปาก กดดันว่าจะขายให้ได้เท่าไหร่ กี่เคส
ต้องไปประชุมตอนค่ำ กว่าจะเลิกก็ดึก...ผมขี้ง่วง ภรรยาก็บ่น

ผมขอยืนยันนะครับ
...ประกันชีวิต...ประกันอุบัติเหตุ...เป็นสินค้า ที่ดี
การขายประกันฯ ...ก็เป็นอาชีพ ที่ดี
เป็นการชักจูงให้คนไม่ประมาท...รู้จักคิดเผื่อ อนาคต ที่ไม่แน่นอน
แต่ อย่า...ขายด้วยการตื้อ หรือการขอ...มันทุเรศ
อย่า...ลดคอมมิชชั่น โดยเด็ดขาด...เงินที่ได้มา มันต้องไว้ใช้ในการดูแลลูกค้า
อย่า...หลงไปกับการแข่งขัน การอยากได้หน้า ได้ตำแหน่ง...มันไร้สาระ
ศึกษาให้เข้าใจ...ตีโจทก์ให้แตกซะก่อน
ที่สำคัญที่สุด......ต้อง ไม่ โกหก.....

อนณ 093-149-9564
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 14:25:31




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 27 มีนาคม 2559 20:02:37 น.
Counter : 5233 Pageviews.  

กรรมทันตา ผัวเมียร่วมใจ

ผัวเมียร่วมใจ

ผมมีภรรยา...ชื่อคุณ หม่อง
ที่จริงเป็นแฟนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ที่วิทยาลัยเกริก
พอปี 4 ตารางเรียนน้อยลง เลยไปหัดค้าขายกัน
อย่างที่เล่าในเรื่อง จตุจักร
พอวันธรรมดา ก็ไปรับขนมประเภท คัพเค็ก มาแพ็คส่งตามร้านขายของชำ...สมัยนั้นไม่มี เซเว่นอีเล๊เว่น
ก็สนุกดี พอมีเงินนิดหน่อยไปซื้อรถคันเล็กๆ จากเต็นท์ เฮียเฮง นี่แหละ
ไอ้รถคันนั้น...ซูบารุ อาร์ทู...คันนิดเดียว มี 3 สูบ
แต่เจ้าประคุณเอ๊ย.ย...ซ่อมตลอด หาเงินได้เท่าไหร่จ่ายค่าซ่อมหมด
ประหยัดน้ำมันมาก เสียแต่เครื่องไม่ค่อยมีแรง
ขับขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าทีไร...ต้องกลั้นหายใจทุกครั้ง
มีครั้งหนึ่ง ขับขึ้นที่จอดรถ เซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์ ศาลาแดง
ขึ้นไปครึ่งทาง...มันไปไม่ไหว ไหลลงมา…คุณหม่องแกร้องเสียงหลงเลย
สุดท้ายต้องเอามันไปคืนเฮียเฮง แกเลยชวนให้ทำงานด้วย...

คุณหม่อง เค้าเรียนจบสาย เลขานุการ
แล้วทางวิทยาลัยเกริก ชวนให้เป็นอาจารย์ต่ออีกหลายปี
ผมก็ทำงานผาดโผน โจนทะยาน อย่างที่ท่านทราบกันนะครับ
เจ้าชู้มีกิ๊ก ก็เคย...เข็ดแทบตาย
แย่ที่สุดก็อีตอน...ต้องกินข้าวมื้อละ 2 ครั้ง
กินกับคนนึงอิ่มมาแล้ว...มาเจออีกคนก็ต้องทำเป็นหิวกินอีกรอบ...เลยเลิก

ตอนที่ทำงาน ผมทุ่มสุดตัว กว่าจะเลิกงานก็ค่ำมืด เหนื่อยมาก็อารมณ์หงุดหงิด...พาล
งานก็รุ่ง แต่มันเป็นงานไม่ดี เป็นกรรมชั่ว...เลยรับกรรม
ทุกอย่างพังพินาศ มีหนี้สินเป็นล้าน
ถูกฟ้องเช็คจนต้องไปนอนในตะราง...ในคุกก็เคย
มีแต่คุณแม่ กับคุณหม่อง นี่แหละที่วิ่งเต้น จะเป็นจะตายกว่าจะประกันตัวออกมาได้
จนกระทั่งอธิษฐานถือศีลห้า แล้วมาขายรถ นิสสัน อยู่ 6 ปี

ปลายปี 2545
จู่ๆ วันหนึ่งมีคนมาชวนไปอบรมศักยภาพ เข้าค่าย...นิวเวฟ 3 วัน 2 คืนที่สุพรรณ
ผมเป็นคนที่ชอบหาความรู้ ชอบไปเทคคอร์สอบรม เลยหลวมตัวไปกับเขาด้วย
แต่ถ้าถามว่าความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งชีวิต อันไหนมีค่าที่สุด
ผมก็คงบอกอย่างเต็มหัวใจว่า...ค่ายนิวเวฟ นี่แหละ มีค่ากับผมมากที่สุด
มีตอนหนึ่ง วิทยากร พูดเรื่องครอบครัว...ด้วยคำว่า

...ผัวเมียร่วมใจ ขี้ไก่ก็เป็นเงินเป็นทอง
ผัวเมียไม่ปรองดอง เงินทองก็กลายเป็นขี้ไก่...

พอฟังแค่นี้ ผมหยุดคิดอย่างอื่นทั้งหมด
ความคิดมันติดอยู่แค่ประโยคนี้...เข้าใจทะลุปรุโปร่งเลย
นึกถึงตอนที่ สองคนผัวเมียไปช่วยกันขายรถ ช่วยกันติดต่อโรงงาน
ช่วยกันหาของมาขายสารพัด
ขายในที่เล็กๆ แผงกว้างแค่ 2 เมตร ก็ยังสามารถหาเงินใช้หนี้ได้
ก็เพราะ...ผัวเมียร่วมใจ...ทำขี้ไก่ให้เป็นเงินเป็นทอง...
จริงอย่างที่วิทยากรท่านว่าเลย
มีตัวอย่างที่เห็นในสำเพ็ง ในคลองถม หรือในที่ต่างๆ มากมาย
บางคนที่ผมรู้จัก เริ่มต้นจากแผงขายผลไม้ปากคลองตลาด
ช่วยกันจนปัจจุบันมีโรงงานทำถุงก๊อปแก๊ปเจ้าแรกในเมืองไทย รวยหลายร้อยล้าน
ผัวเมีย ช่วยกันทำมาหากินตัวเป็นเกลียว ช่วยกันทำช่วยกันระวัง
รักกัน ร่วมมือกันแล้วก็ร่ำรวยจริง..จริง

สำหรับท่านที่เพิ่งอ่านเรื่องนี้...ต้องค้นดูตอนเก่าๆ จะได้เข้าใจ

ยังคิดต่อไปถึง คนอื่นๆ ที่เรารู้จักอีกมากมาย
ที่ ผัวไปทาง เมียไปทาง ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ยอมกัน
เอาแต่ใจตัวเอง ถึงร่ำรวยก็ไม่มีความสุข ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ยิ่งทุกข์...
ถ้าไม่ปรองดองกัน...เงินมันไม่มีความหมายเลย…ไร้ค่าเหมือนขี้ไก่
ลูกๆ ก็พลอยเคราะห์ร้าย กลายเป็นเด็กมีปัญหา จนสุดท้ายก็ล่มจมทั้งชีวิตส่วนตัว ทั้งเงินทอง

จบ 3 วัน ที่แสนจะเหน็ดเหนื่อย
วันนั้นจำได้แม่น ผมขับรถกลับมาคนเดียว 2 ชั่วโมง ฝนตกพรำๆ ตลอดทาง
เปิดเพลงฟังเป็นอัลบั้มของ น้องพลับ
ฟังไป..ฟังไป ก็มีเพลง... เหนื่อยไหมคนดี
ของ ไมค์ ภิรมย์พร แต่น้องพลับเอามาร้องใหม่
ผมนะเคยฟังหลายเที่ยวแล้ว
แต่ไม่รู้ทำไม ฟังเที่ยวนี้มันกินใจอ่ะ...บาดลึกเข้าไปข้างในเลย

เนื้อเพลงมันช่างเหมือนชีวิตคู่ของผม กับคุณหม่อง มากจริงๆ
ผมทำกับเค้าไว้เยอะ ทั้งงี่เง่า ทั้งพาล ไม่เข้าเรื่อง
ทั้งๆ ที่ตอนเริ่มต้นก็เป็นศูนย์ ใช้ชีวิตร่วมกันไปผมก็ยิ่งแย่…ยิ่งติดลบ
สร้างหนี้สินเยอะแยะ...ต้องขายสมบัติที่พ่อแม่ให้มา ทั้งของผมและของเค้า
คุณหม่อง ไม่ได้สร้างปัญหา มีแต่ผมนี่แหละ...ทำแต่เรื่องสารพัด
ทะเลาะเบาะแว้ง เพราะความเครียด
ทำให้ภรรยาต้องร้องไห้ ทุกข์ใจไม่รู้กี่ครั้งกี่หน....เฮ้อ..อ..อ..

ยิ่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ ความคิดก็ย้อนไปถึงตอนที่โดนจับเข้าคุก...
ผมก็ทุกข์...แต่คุณหม่อง ทุกข์ยิ่งกว่า ต้องวิ่งเต้นหาคนมาประกันตัวแทบตาย
พอพ้นคุกออกมาได้ ก็ช่วยหาเงินมาใช้หนี้กัน 7 วันไม่ได้พักได้ผ่อน...กว่าจะรอดมาได้
ขายของที่คลองถม เหนื่อยใช่เล่น หน้าร้อนก็ร้อนอบอ้าวสาหัส
หน้าฝนก็เปียกปอนมะล่อกมะแล๊ก เค้าก็อดทนไม่ปริปากบ่น...สักคำ
แถมยังคอยปลอบให้กำลังใจตลอดเวลา
ไอ้เรานี่มัน...แย่ จริง จริง
ยิ่งฟังไป...น้ำตามันก็ไหลไป...เสียใจ

พอจบเพลง ความคิดมันยังไม่จบ
ผมตัดสินใจเด็ดเดี่ยวตอนนั้น...เอาละ
ผมจะเริ่มต้นใหม่...จะเป็นที่รักของภรรยาให้ได้
จะยอมวางทุกอย่าง ทั้งทิฐิ อารมณ์ร้อน ทั้งความฟุ่มเฟือย เอาแต่ใจ
สารพัดสารพัน จะยอมลงให้ ทู๊ก..ก....อย่าง
ผมเอาเวลาของเค้ามาเยอะแล้ว ต่อไปนี้ผมจะอยู่เคียงข้าง
ให้เวลากับเค้าอย่างเต็มที่
พอถึงบ้าน ผมกอดภรรยาไว้ บอกแต่...ขอโทษนะ...ขอโทษ
จะเริ่มต้นใหม่...จำทำทุกอย่างใหม่...
จะทำทุกอย่างที่คิดว่าดี...จะทำดีเท่าที่ทำได้.

อีกไม่กี่วันต่อมา ผมก็ไปลาออกจาก นิสสัน
เงินเดือนผู้จัดการที่ได้...มันไม่คุ้มกับสิ่งที่ผมเสียไป...
ก็เวลา และความเอาใจใส่ ที่ควรมีให้กัน นั่นไง
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ช่วยภรรยาทำงานทุกอย่าง
ตั้งมั่นอยู่ในศีลห้า
ได้เงินน้อย...แต่มีความสุข...มาก.ก...
...เราจะสร้างพรุ่งนี้ด้วยกัน.
ท่องไว้นะครับ...

...ผัวเมียร่วมใจ ขี้ไก่ก็...เป็นเงินเป็นทอง
ผัวเมียไม่ปรองดอง เงินทองก็...กลายเป็นขี้ไก่...

ขออนุญาตเอาเนื้อเพลง มาให้พิจารณากันนะครับ

เหนื่อยไหมคนดีมีพี่เป็นแฟน
ครองรักบนความขาดแคลน
ยากแค้นพี่กลัวเธอท้อ
เราเริ่มจากศูนย์ลงทุนด้วยความไม่พอ
ความหวังเทียวพังเทียวก่อประคองกันสู้เรื่อยมา

บนเส้นทางเดินขาดเขินประจำ
คลื่นลมชีวิตกระหน่ำอาจทำให้ใจพี่ล้า
บางครั้งบางทีที่พี่ก็สร้างปัญหา
ทำให้เธอมีน้ำตาต้องทนพี่มาเสมอ

เก๋งไม่มีขับปิคอัพก็ไม่มีขี่
เห็นแฟนคนอื่นได้ดีพี่นี้ยิ่งสงสารเธอ
จมอยู่กับพี่ทั้งที่ไร้สิ่งปรนเปรอ
รู้ไหมว่ารอยยิ้มเธอช่วยให้ใจพี่มีหวัง

พี่ขอขอบคุณที่น้องมีใจ
ก่อนนี้ถ้าพี่ผิดไปต้องขออภัยใจนาง
ยิ้มเถิดคนดีวันนี้เริ่มมองเห็นทาง
จับมือลุกเดินเคียงข้างเราจะสร้างพรุ่งนี้ด้วยกัน


อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 10:00:18




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:08:31 น.
Counter : 1093 Pageviews.  

กรรมทันตา ไอ้เร

ไอ้เร

ผมเคยเล่าในเรื่อง แก็งค์ขโมยรถ ไปแล้ว
แต่ในแก็งค์นี้ยังมีตัวเด่นอีกตัวคือ...ไอ้เร
เป็นคนรูปร่างเล็ก ผอม แกร่ง ผิวดำ อายุประมาณ 35
แต่ไอ้นี่เหลือร้าย เป็นระดับหัวหน้าแก็งค์เหมือนกัน
ไอ้เร มีนิสัยใจร้อนพกปืนตลอดเวลา เห็นว่ายิงมาหลายคนแล้ว
ไปไหนมาไหนต้องมีลูกน้องเป็นมือปืนประกบอย่างน้อยหนึ่งคน
ลูกเมียมันก็มีนะ
แต่มีความชอบเรื่องรถ โดยเฉพาะรถ...บีเอ็มดับบิว ซีรี่สาม
งานประจำคือ ขโมยรถส่งไปทางเหนือ แถวสามเหลี่ยมทองคำ
แล้วซื้อ...ผู้หญิง มาขาย
ครับใช่...ผู้หญิง...เป็นเด็กสาวชาวเขา ชาวจีนม้ง จีนฮ่อ อะไรพวกนั้น
สาวๆ เอาะๆ อายุยังน้อยๆ ทั้งนั้น ไม่รู้มันไปซื้อหามาจากไหน...อยากได้ซักคน
จะเอามาซักผ้านะครับ...อย่าคิดมาก

เคยเห็นมันไปรับผู้หญิงพวกนี้มา เต็มรถตู้เลย 7 – 8 คนได้
ดูเหมือนไม่มีการบังคับอะไรเหมือนในหนัง เห็นก็เต็มใจมากันดี
เคยถาม มันก็บอกว่า...ไปซื้อจากพ่อแม่มัน
เมื่อได้สาวๆ มาแล้วก็ส่งขายตามอาบอบนวด แถวๆ พระปิ่นเกล้า ฝั่งธน
เคยตามไปดู...ไปดู เฉย..เฉย...
พวกนี้จะไม่นั่งในตู้ เป็นพวกสินค้าคัดพิเศษ อยู่นอกตู้
ผมก็ไม่แน่ใจว่า ขายขาด หรือเป็นการลงทุนให้เช่ากันแน่

สมัยนั้นที่เต็นท์ ผมเห็นพวกคนชั่วๆ เลวๆ แต่มีเงินมีทองมากมายหลายคน
คนที่ดังไปทั้งประเทศ ชนิดบอกชื่อแล้ว ต้องร้อง อี้อฮือ...ในทางไม่ค่อยดีน่ะ
ก็ให้สงสัยอยู่เหมือนกัน...กรรมมันมีจริงมั๊ยวะ...เห็นมันก็ร่ำรวยกันทู๊ก.ก คน

อย่างที่บอก ไอ้เร มันบ้ารถบีเอ็มฯ เงินทองหามาได้เยอะก็หมดไปกับ บีเอ็มฯนี่แหละ
ทั้งตกแต่งทั้งโมดิฟาย ของแพงที่สุดเท่าที่มีขายมันแต่งหมด
มาที่เต็นท์เฮียเฮงทีไรก็อารมณ์ดี หัวเราะเสียงดันลั่น...ดูๆ บางทีก็คล้ายๆ คนเมายา
เคยเอาปืนกระบอกใหม่มาอวด ยิงโชว์ที่เต็นท์ด้วย...เฮียแกด่าซะไม่มีดี
อีกอย่างที่ชอบ คือพระห้อยคอ
ไอ้เร มันใส่สร้อยทองเส้นเท่าโซ่ แล้วก็พระอีกพวงนึง
มาคุยซื้อพระกับเฮียแกประจำ...บอกเอาไว้คุ้มครอง ให้แคล้วคลาด
ราคาเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้พุทธคุณรุนแรง ก็แล้วกัน
แต่มันก็เก่งนะ แคล้วคลาดจริงๆ ตำรวจเกือบจับมันได้หลายครั้ง แต่ก็รอดได้หวุดหวิดทุกครั้ง
ไอ้เร มันก็ยังคุยให้ฟังบ่อยๆ ว่าเรื่องคุกตะราง...เรื่องเล็ก.ก..
เข้าๆ ออกๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว มันเองก็ถือว่าเป็นหัวโจกคนนึงในคุก...ลูกน้องมีเพียบ

ในตอนนั้นผมก็ยังโง่อยู่มากยังคิดว่า พระราคาแพงๆ ก็สามารถคุ้มครองเราได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าดีว่าเลว
คนอย่างมันท่านก็ยังคุ้มครองเลย

ไม่นานกิจการขโมยรถ ค้าผู้หญิงของมันคงจะรุ่งเรืองดี เห็นมีเงินซื้อรถบีเอ็มฯ 316 ใหม่ป้ายแดง
ตกแต่งเสร็จทั้งคันอีกหลายแสน ตอนเอามาอวดเปิดเพลงเสียงดังยังกับมีงานวัด...
ตัวมันควักปืนออกมารำเซิ้ง...เชิ๊บ...เชิ๊บ...เลยไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม
เงินทั้งหมดที่มีทุ่มไปกับรถคันนี้...บีเอ็มดับบิว สุดโปรด
เมื่อใช้เงินไปเยอะ ก็ต้องรีบหา...งานเลยหนัก
คงจะเพลียจัด ขับรถไปบนถนนวงแหวนแถวๆ บางบอน
มีรถบรรทุกหกล้ออยู่ข้างหน้า กำลังถูกตำรวจเรียกตรวจ...
ปรกติมันก็เป็นพวกขับรถเร็วอยู่แล้ว ด้วยมั่นใจในสมรรถนะรถบีเอ็มฯ
แต่เที่ยวนี้คงจะเพลียไปหน่อย...เบรคเกือบทัน แต่ไม่ทัน
ชนท้ายรถบรรทุกหกล้อ...ไม่แรงนัก...แต่ทำให้รถบีเอ็มฯ แสนรักของมันพังยับเยินทั้งคัน
ส่วนตัวมันกับ สมุนมือปีน อาการสาหัสมาก
ตำรวจที่เรียกตรวจรถกระบะ ก็ช่วยกันเอาพวกมันไปส่งโรงพยาบาล
กว่าจะถึงหมอผ่าตัด ก็...ปางตาย

เรื่องที่เกิดขึ้น ผมกับเฮียเฮงรู้ก็เพราะ เมียไอ้เร โทรมาบอก
ขอให้ไปช่วยดูรถให้หน่อย...
พวกผมก็สงสัย ทำไมรถพังทั้งคัน รถอย่างดีมีระบบความปลอดภัย
เซฟตี้สารพัด คนก็ไม่น่าบาดเจ็บขนาดนั้น
แต่พอไปที่เกิดเหตุ ถึงได้เข้าใจ

อีโธ่เอ๊ย.ย...ก็ไอ้รถบรรทุกหกล้อที่มันชนไม่แรงน่ะ...รถบรรทุกโอ่ง
ใช่ครับ...โอ่ง หรือ ตุ่มน้ำ ใบใหญ่ๆทั้งนั้น บรรทุกซ้อนกันมาสูงเต็มคันรถเลย
พอชนโครมเข้าให้ ทั้งโอ่ง ทั้งตุ่มที่บรรทุกมาพูนทั้งคัน ก็หล่นใส่บีเอ็มฯ ป้ายแดง ตกแต่งอีกหลายแสน นั่นแหละ
รถมันพังทั้งคัน...ตั้งแต่หัวยันท้ายรถ
มีสภาพเหมือนโดนยักษ์กระทืบทั้งคัน...แบนแต๊ดแต๋
คนไม่ต้องพูดถึง กว่าจะทุบตุ่ม กว่าจะงัดคน ออกจากใต้พวงมาลัย
ฝรั่งมันออกแบบมาป้องกันการชน การคว่ำสารพัด
แต่ไม่ได้ออกแบบมาป้องกัน ตุ่ม กลิ้งหล่นมาทับทีเดียวทั้งคัน...
เป็นเคสที่เยอรมันต้องวิจัยกันอีกยาว...

พอตำรวจส่งมันไปที่โรงพยาบาล ทำประวัติการรักษา ถึงได้รู้ว่ามันเป็นใคร
ก็อายัดมันไปเข้าคุก...ต่อไป
หลังจากนั้นสักปีนึง ได้ข่าวอีกทีว่า...ถูกรุมกระทืบตายในคุก
ลูกเมียมันก็ไม่รู้หนีหายไปทางไหน
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ผมแน่ใจ

...พระ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน ก็ไม่คุ้มครอง...คนอย่างมัน...

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 08:38:16




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:05:55 น.
Counter : 1067 Pageviews.  

กรรมทันตา ยึดรถ

ยึดรถ

บางครั้งสิ่งที่เรากระทำลงไป โดยไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย
แต่มันได้ก่อกรรมหนัก ทั้งที่เราก็คิดว่าทำตามหน้าที่
แต่กรรมหนักที่เกิดขึ้น...มันตกกับ ใคร ละครับ...

ผมทำงานกับเฮียเฮง ด้วยความสนุก ความมันส์ และความโง่
งานไหนที่คนอื่นเขาไม่ทำ หรือทำไม่ได้แกโยนให้ผมทำหมด
และด้วยความอยากเอาชนะความท้าทาย ผมก็พยายามใช้ความสามรถทำเต็มที่
เฮียแกมีแผนกเงินผ่อน หรือให้กู้ ให้แลกเช็คด้วย
ลูกค้าที่ไม่ผ่อนค่างวดรถ ใครตามไม่ได้ก็ให้ผมไปตาม มีค่าแรงด้วย

เคยไปยึดรถที่บ้านลูกค้ารายหนึ่ง เขาก็เชิญให้เข้าบ้าน...
ถึงได้รู้ว่า...เขากำลังเครียดเรื่องหนี้ ใกล้ล้มละลาย
แล้วเอาปืนจ่อหัวจะยิงผมให้ตาย แล้วจะยิงตัวเองตาม
เมียกับลูกเขามาเกาะขาพ่อร้องไห้
ผมถึงรอดมาได้...โอ้...อีกนิดเดียว ความตาย

รายที่จำแม่น...เป็นพ่อค้าเร่ขายผลไม้ บนรถกระบะ
ไม่ส่งค่างวดหลายงวด คนอื่นตามก็ไม่เจอ
ผมไปสืบตามจนเจอที่ตลาดสี่มุมเมือง...เงาะเต็มรถเลย
พอรู้ว่าผมเป็นใคร ทั้งผัวทั้งเมียหน้าซีดเลย
บอกเพิ่งลงทุนซื้อเงาะจนหมด ถ้าผมยึดรถเขาวันนี้...เงาะต้องเน่าหมดแน่เลย
ยกมือไหว้ขอร้อง ผมเห็นแล้วก็ใจอ่อน บอกให้รีบไปจ่ายค่างวดล่ะ มากน้อยก็จ่ายไปบ้างแล้วกัน
ตอนเช้าไปรายงานเฮียเฮง ว่าเจอแล้วแต่สงสารยึดรถทั้งเงาะไม่ลง
เฮียแกด่าซะลั่นเลย ด่าแหลกหาว่าไม่ทำตามหน้าที่...แกบอกคอยดูนะรายนี้ไหวตัวแล้ว หายจ้อยแน่เลย
ผมก็เถียงว่า ไม่หรอกดูก็เป็นคนขยัน น่าสงสาร พอเงาะหมดก็มาจ่ายเองน่ะแหละ
สุดท้าย...หายจ้อยไม่เคยเจออีกเลย

แต่รายที่ผมจำไปทั้งชีวิต...รายนี้
มีลูกค้าอยู่คนหนึ่งใช้บริการกู้โดยแลกเช็คมานานแล้ว ชื่อ...เฮียเว้ง
แกมีโรงงานหล่อกระทะเล็กๆ...กระทะ..ที่เราทอดไข่นี่แหละ
ทีแรกก็กู้ไม่มาก จ่ายคืนดี ช้าบ้างเร็วบ้างตามประสา
แต่กะล่อนพอตัวเลย...แกเพิ่มวงเงินกู้ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายปิดโรงงานหนีหนี้ไป
ตอนไปตามที่โรงงาน เจ้าหนี้เกือบ 10 ราย รวมยอดหนี้ร่วม 3 ล้านบาท
เฮียแกแค้นมาก สุดท้ายแกไปรู้มาว่าหนีไปเปิดโรงงานที่สระบุรี-แก้งค้อ
ให้ผมไปตามยึดรถ...ผมก็ไปซุ่มดู
เจอโรงงาน เจอตัว แต่ไม่เจอรถ...พอไปถามกับตัวเฮียเว้ง
แกก็ตกใจมากแทบจะวิ่งหนี ไม่คิดว่าใครจะรู้ที่อยู่ แกกลัวเจ้าหนี้จะมารุมเหยียบ
ผมก็บอกเรื่องอื่นผมไม่ยุ่ง...ขอรถกลับไปตามหน้าที่ก็แล้วกัน
แกบอกให้คนข้างบ้านยืมไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัด...
บอกตรงๆ ผมไม่เชื่อรายนี้กะล่อนพอตัวเชียวละ
เลยให้ไปตามด้วยกัน แกก็ยอม
ขับรถกันไประหว่างทางเจอรถคันนี้จริงๆ
โบกให้จอด...ปรากฏว่า มีคนนั่งหลังกระบะ 4 – 5 คน
แต่ที่สำคัญมีคนนอนไปด้วย...ยังหนุ่มอยู่เลย เป็นคนป่วยจะไปโรงพยาบาล
ผมก็ อ้าว...แล้วจะทำยังไงกัน คนทั้งรถก็งงๆ
ผมก็ให้ไปโรงพยาบาลก่อน งั้น..ก็ขับตามกันไป...
ทั้งญาติทั้งคนเจ็บก็ปรึกษากัน ตัวคนเจ็บก็ลุกขึ้นมาได้...ไม่เห็นจะอาการหนักอะไร
ในที่สุดเขาตกลง จะกลับรถย้อนไปที่บ้านเพื่อเอารถคันอื่นไปแทน
ผมก็บอกไม่เป็นไร มาตั้งครึ่งทางแล้ว...ไปโรงพยาบาลก่อน
แต่คนเจ็บลุกขึ้นมาพูดอะไรกับญาติอีกก็ไม่รู้ สุดท้ายย้อนกลับไปบ้าน ไม่ไปโรงพยาบาลแล้ว
ก็ขับตามกันกลับมาเปลี่ยนรถคันอื่นไปแทน
ส่วนผมก็ขอยึดรถ ตามคำสั่ง...
บอกอย่างไม่อาย ตอนนั้นผมรู้สึก...มีอำนาจ

หลังจากนั้นประมาณ 7 วัน เฮียเว้งก็ไปตกลงขายรถให้เฮียเฮงเพื่อหักหนี้
ก่อนแกกลับ...แกหันมาบอกกับผม
...คนป่วยคนนั้น...เป็นฝีในท้อง...ตาย...แล้ว...

ผมยืนนิ่งอึ้ง...เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง
มันหมายความว่ายังไง...หนุ่มคนที่จะไปโรงพยาบาล คนนั้น...ตายแล้ว
ตายได้ยังไง ตอนนั้นเห็นยังลุกขึ้นมาได้เลย ยังพูดกับญาติได้เลย...
แต่สีหน้าของเฮียเว้ง ที่มองผม...สายตามันเหยียดหยาม เกลียดชัง

พอผมตั้งสติทำความเข้าใจสิ่งที่เฮียเว้ง...ต้องการสื่อออกมา
ผมก็มีสภาพเหมือนคนสติแตก ไม่พูดไม่จา
ความคิดมันวนเวียนแต่คำว่า...เราทำอะไรลงไป...เราทำให้เขาตาย เหรอ.
ผมทำงานทำการอะไรไม่ได้ไปหลายวัน สุดท้ายผมก็คิดได้แค่ว่า...
...ผมมันชั่ว...ทำกรรมชั่ว...ทำกรรมหนักเสียแล้ว...
ผมพยายามลืมเรื่องนี้อยู่หลายปี ที่จริงพยายามลืมเรื่องเลวๆ ที่ทำทั้งหลาย
มันเลยส่งผลให้มีอาการ...ขี้ลืม...ขี้ลืม อย่างมาก
จนกระทั่งมาเล่าเรื่องต่างๆ ให้คุณฟังนี่แหละ...เรื่องราวต่างๆ มันก็รั่วพร่างพรูออกมา

แต่ที่ผมอยากสื่อ อยากบอกก็คือ...
วันนี้ สิ่งที่เราทำอยู่...ไม่ว่าจะเป็นด้วยหน้าที่ ด้วยการงาน ด้วยถูกเจ้านายสั่งให้ทำ มอบหมายให้ทำ
หรือด้วยความอยากทำด้วยตัวเองก็เถอะ
สิ่งที่กระทำอยู่นี้ ได้ส่งผลกรรมยังไงบ้าง...เคยหยุดคิด หรือเปล่า
ผมไม่ได้ว่า ไม่ได้ดูถูก หรือเสียดสีใครซักนิดเลยนะ
ผมแค่อยากเตือน...เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจไปตลอดชีวิต อย่างผม
คุณรู้มั๊ย...มันทุกข์ทนมากเลยนะ ที่เวลาความจำ ความรู้สึกในเรื่องที่เราทำ มันผุดพรายขึ้นมา

ผมมีรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง...ขายบัตรเครดิต
วันนึงโทรมาหาผม ถามว่า...หนูจะบาปมั๊ย ที่ไปชวนให้คนเป็นหนี้
บางคน...เป็นหนี้จนกระทั่งเสียบ้าน เสียลูก เสียเมีย...เพราะบัตรที่หนูทำให้เขา
ผมก็ปลอบใจว่า...ลูกค้าเขารูดเอาไปใช้เองนี่ เราไม่ได้บังคับ
แต่เธอกลับบอกว่า...แต่หนูรู้สึกเหมือนขายยาพิษให้เขา มากกว่า...
ผมก็ไม่รู้จะปลอบยังไง อดคิดถึงคนที่เปิดผับ บาร์ ขายเหล้า ขายบุหรี่
ยิ่งพวกที่ขายข้าง มหาวิยาลัย ข้างวัด...เขาจะคิดได้ตอนไหนนะ

คุณรู้มั๊ย...เรื่องเลวๆ กรรมหนักๆ ที่ผมทำน่ะ ผมทำตอนอายุ 25 – 35
แต่ผมต้องมานั่งนึกเสียใจจนกระทั่งทุกวันนี้ อายุจะ 50 ...
และคงจะยังเสียใจต่อไป จนกว่าจะหมดลมหายใจ
กรรมที่ทำแต่ละครั้ง ทำแป๊ปเดียว...แต่เสียใจตลอดชีวิต
ผมเคยเดินเล่นไป แล้วได้ยินคนทะเลาะ ด่ากัน...
...ไอ้โกหก ไอ้:-)...หมามันยังซื่อสัตย์ ไม่เคยโกหก...เลวยิ่งกว่าหมา...
ผมสลดเลย เหมือนด่าผมเลย...เลวยิ่งกว่าหมา เพราะหมามันไม่เคยโกหก

อย่าต้องมาเสียใจ ทุกข์ทน จนตลอดชีวิต เหมือนผมเลยนะครับ
นรก...มันอยู่ในใจ กัดกร่อน เผาใหม้อยู่ทุกวัน

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 09:04:42




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:04:44 น.
Counter : 1462 Pageviews.  

กรรมทันตา ลิเก

ลิเก

คุณรู้จัก คนสุพรรณ ชื่อ...บรรหาร...มั๊ยครับ
คนนี้ดังมากนะ
...ไม่ใช่...ไม่ใช่...คนละคนกัน...ที่ผมจะเล่านี้
...บรรหาร ศิษย์หอมหวล...
ลิเกชื่อดังคับประเทศ เมื่อ 30 ปีก่อน

ผมขอเรียก...พี่หาร...เหมือนที่เคยเรียกแล้วกันนะครับ
พี่หาร แทบไม่รู้จักผม หรือจำไม่ได้นอกจาก บอกว่าเป็นลูกน้องตัวแสบของเฮียเฮง อาจจะจำได้
ไม่น่าเชื่อ เฮียเฮง กับ พี่หาร เป็นเพื่อนสนิทกัน...มาก
เพราะเป็นเด็กสุพรรณ บางปลาม้า เคยเล่นด้วยกัน
ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสมัยเรียน
ตอนที่ พี่หาร รุ่งเรืองโด่งดัง สุดๆ พวงมาลัยห้อยแบงค์ท่วมคอทุกคืน
เฮียเฮง จะเป็นคนเดียวที่พี่หารไว้วางใจให้เก็บรักษา

แกหล่อมาก แต่ไม่ใช่หล่อแบบหวานแหววตุ้งติ้ง แต่แกหล่อแบบทหารนักรบ รูปร่างดี วางท่าสง่า
ตอนที่ผมเป็นเด็กอยู่ในเต็นท์รถ พี่หาร ก็ยังเล่นลิเกอยู่...แต่เริ่มซบเซาแล้ว
ถ้าจำไม่ผิด คณะสวนศรี จะเริ่มมาแทน
พี่หารมีน้องชายหลายคน...แต่มีคนหนึ่งที่มาทำงานกับเฮียเฮงด้วย ชื่อ พี่ติ๋ม
พี่ติ๋ม ก็ยังเล่นลิเกด้วยตอนกลางคืน ส่วนกลางวันทำหน้าที่เหมือน แมสเซนเจอร์ทุกวันนี้ รวมถึงงานจิปาถะหลายอย่าง
เมียพี่ติ๋ม ชื่อ พี่ซิ้ม เป็นคนทำกับข้าวให้พวกผมกินทุกกลางวัน แถมเช็ดรถด้วย
พี่ซิ้ม เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนสาวๆ หลงคณะลิเก ชอบพี่ติ๋มตอนมาเป็นแม่ยก
ยกไปยกมา เลยอยู่ด้วยกัน
ถ้าพี่ติ๋มไม่กลับบ้านเพราะไปกับแม่ยก แกจะไม่โกรธ...บอกเป็นเรื่องงาน เป็นหน้าที่
แต่ถ้าหนีไปเที่ยวผับ บาร์ กลับมาตีหัวแตก...แปลกดี
พี่ติ๋ม เป็นคนนิสัยดี คุยสนุก แต่แกขาเป๋นิดหน่อย...บอกลุยกับนักเลงมามาก ไม่รู้โม้หรือเปล่า
แกชอบเล่าเรื่อง คณะลิเกให้ฟัง บางทีก็พาผมไปดูด้วย ไปบ้านคณะศิษย์หอมหวล ก็บ้านพี่หารนี่แหละ
ผมยังเคยเห็น พวกที่เดี๋ยวนี้เป็นตลก คณะเชิญยิ้ม หลายคนเลย
เช่น โน๊ต ปลาคาร์พ...อีกหลายคนจำได้ แต่ไม่รู้จักชื่อ
สมัยนั้นแต่ละคนโทรมๆ ผอมๆ ตอนกลางวันหน้าเซียวดูไม่ได้
แต่กลางคืนจะหล่อขึ้นมาเชียว

พี่ติ๋ม แกภูมิใจคณะศิษย์หอมหวล ของแกมาก.ก...ถึงมากที่สุด
เล่าว่าเป็นคณะเดียวที่เล่นเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ได้
คณะอื่นเล่นไม่ได้ เพราะไม่เคยมีการสอนบทที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือ ราชาศัพท์ที่ถูกแบบแผน
แกคุยว่าเคยเล่นเป็นน้องพระเอก น้องจะเด็ด
แต่ตอนหลังอายุมากหันมาเอาดีทางตัวโกง ตัวตลก
ผมเคยไปดูแกเล่นหลายครั้ง สนุกดี เล่นเก่งด้วย
แต่ที่ผมชอบที่สุด...ไม่ใช่นางเอก...แต่ชอบดูชีวิตพวกลิเก

ชีวิตจริงของพวกเขาสนุกและแปลกดี ให้ข้อคิดเยอะเลย
ก่อนแต่งหน้า กับหลังแต่งหน้า...อู๊ย..ย...มันคนละเรื่อง คนละคนกันเลย
พอแต่งตัวเสร็จ มีการไหว้เสกบูชา...พ่อแก่ หรือที่เราเรียกพ่อฤาษี
เหมือนมีมนต์ขลัง มีพลังเมตตามหานิยมขึ้นมาเลย...หล่อ...สวย...ข้นมาทันใด

เช่นคนหนึ่ง ชื่อไอ้แสบ มาที่เต็นท์บ่อยๆ
รูปร่างเล็กๆ ผอมๆ เหมือนขี้ยา หน้าตาก็ไม่เห็นมันจะเข้าท่า แต่ไม่ถึงขี้เหร่
ตอนแรกจ๊น..จน...แต่พอเริ่มมีแม่ยก เงินทองพกเป็นฟ่อน
แต่ก็เกือบถูก ผัวแม่ยกยิงตายซะหลายหน...ตอนหลังก็ จ๊น...จน..เหมือนเดิม
พวกลิเก นี่ก็แปลกบทเวลารุ่ง ก็รุ่งสุดขีด เงินทองหาได้มากมาย
แต่ส่วนใหญ่หมดไปกับเรื่องไม่เข้าเรื่อง...รถ...ผู้หญิง...การพนัน...
ปัญหาที่ผมเห็นบ่อยที่สุด คือแม่ยกตีกัน อิจฉากัน วุ่นวายดีแท้

ผมเคยเห็น พี่หาร มายืมเงินเฮียแกบ่อยๆ เคยเอารถบัสที่ใช้ในคณะมาจำนำก็หลายครั้ง
จนกระทั่งครั้งหนึ่ง ขาดส่งไปหลายงวด เฮียแกก็ทวงผ่านทางพี่ติ๋ม
พี่ติ๋มเองก็ไม่กล้าไปทวงพี่ชาย คงเกรงกันมาก่อน
หลายๆ ครั้งเข้าเฮียก็ให้ผมไปยึดรถบัสมา...
โธ่...รถบัสคันใหญ่ๆ นะ...ไม่ใช่กระบะปิคอัพ
ผมเคยขับซะที่ไหน ขับยังไงก็ไม่รู้
เลยต้องไปหาความรู้ตามอู่รถเมล์ หรือตามพวกรถบัส เขาก็บอก
มันเหมือนรถกระบะนั่นแหละ เพียงแต่มันใหญ่กว่าเท่านั้น
วิธีขับก็ง่ายๆ...ถ้าหัวพ้น หางก็พ้น...เอ..ฟังดูไม่ยาก

บ้านพี่หาร ถ้าจำไม่ผิดอยู่ซอยวัดเทพากร ใกล้สะพานซังฮี้ ฝั่งธน
แต่ที่สำคัญ ลูกน้องแกเต็มบ้านเลย...ดาบลิเกยิ่งน่ากลัว สนิมทั้งนั้น
ไม่ตาย ก็บาดทะยักละวะ
เฮียเฮง แกก็ถามเมื่อไหร่จะไปยึดรถมันซะที ค้างหลายงวดแล้วนะโว้ย

จนวันหนึ่ง พี่ติ๋มแกสะโหลสะเหล มาทำงานสาย...ท่าทางยังกับไม่ได้นอนทั้งพี่ติ๋มกับ พี่ซิ้มเมียแก
ถามได้ความว่า ไปเล่นลิเกงานบวชนาคลูกชายกำนันที่ไหนซักแห่ง
กำนันแกนักเลง แถมเล่นโกง...
เอายาม้า ซึ่งก็คือยาบ้าสมัยนี้ ใส่ในน้ำดื่ม ในโอเลี้ยงให้พวกคณะลิเกกินกันโดยไม่รู้ตัว
พอยาออกฤทธิ์...อีทีนี้ คึกคักเล่นกันใหญ่...เล่นกันมันส์ถึงลูกถึงคน
ร้องกันเสียงแหบเสียงแห้งก็ไม่เลิก...ขนาดแย่งกันร้อง แย่งกันรำ
ชาวบ้านคนดูได้กำไรที่สุด
มันออกฤทธิ์แรง คึกขนาดพระเอกไล่ฟันเท่าไหร่ ผู้ร้ายก็ไม่ยอมตาย
แถมรวมพวกเหล่าผู้ร้าย รุมไล่ฟันพวกเหล่าพระเอกอีกด้วย
แบบว่า...แทนที่จะฟันกันพอเป็นพิธี ทีละคู่
นี่เล่นฟันกันสี่ห้าคู่พร้อมกัน...ทั้งร้อง...ทั้งรำ...ทั้งฟัน อุตลุต
ฝ่ายนางเอก ไม่รู้พลาดโดนนางร้ายตบเอาจริงเอาจัง มั่วไปหมดบนโรงลิเก

กว่าจะหมดฤทธิ์ยา เล่นไปสามเรื่องติดต่อกัน...ยันตีสี่
ขนาดไม่มีคนดู...กรูก็จะเล่น
หมดแรงทู๊ก.ก..คน
พอผมได้ยินพี่ติ๋มเล่า...เอ๊ะ...ได้การ ผมรีบไปที่บ้านพี่หารเลย
รถบัสจอดอยู่ ขึ้นไปดู อ๊ะ..กุญแจก็อยู่...ผมก็สตาร์ทรถติดเครื่องทันที
แล้วลงเดินเข้าไปในบ้าน หาพี่หาร
ไปตะโกนอยู่หน้าห้องแก...พี่หาร ครับ เฮียเฮงให้ผมมาเอารถไปนะครับ...
ตะโกนอยู่สองสามครั้ง...แกก็ตะโกนตอบ...เออ..เออ...
ผมวิ่งจู๊ดขึ้นรถขับออกมาเลย
แต่รถมันใหญ่ ไม่เคยขับ...เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน
แต่กว่าจะออกมาได้ แทบแย่...
มองกระจกหลัง เห็นพวกลูกน้องพี่หาร สะเงาะสะแงะ ถืออีดาบลิเกวิ่งตามมา
คงได้ยินผมตะโกน หรือนึกว่าใครขโมยรถละมั๊ง...ผมไปแน่บเลย
ชนร่มแม่ค้าล้มกระจายไปหลายคัน เพราะกะระยะไม่ถูก...หัวพ้น แต่หลังคาไม่พ้น เขาไม่ได้สอน...โกลาหลทั้งซอย
พอออกถนนได้ผมเหยีบมิดเลย
เป็นครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตที่ได้ขับรถบัส

บ่ายแก่ๆ เห็นพี่หาร มาคุยกับเฮียอยู่สักพัก ก็กลับไป
ก่อนกลับยังหันมาชี้หน้าผมเลย...มรึงใช่มั๊ย...
ผมรีบยกมือไหว้แก...บอกเฮียเขาสั่ง.
นึกว่าพี่ติ๋มจะโกรธ แต่ผิดคาด...แกหัวเราะชอบใจ
บอกดีแล้ว จะได้รู้สึกซะมั่ง...มรึงนี่เก่งจริงๆ ไม่เคยมีใครยึดรถพี่หารได้เลยซักคน.

หลังจากวันนั้น ผมยังผจญกับพวกลิเกอีกหลายครั้ง วันหลังค่อยเล่าให้ฟัง
แต่น่าเสียดายนะ พวกนี้เวลามีเงินมีทอง ก็ใช้ชีวิตประมาท หลงระเริง
พอแก่ตัวไม่ค่อยมีเงินเก็บ ลำบาก
อย่างคำที่เคยได้ยินมา
...หนทางสบาย มันไปลำบาก
หนทางลำบาก มันไปสบาย...
เฮ้อ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 09:34:59




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:02:56 น.
Counter : 1270 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.