กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา หัดเดิน

หัดเดิน

คราวก่อนเล่าว่า ผมค่อยๆ กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างไร
มันเหมือน ขึ้นรถบัสผิดคัน ตั้งใจไปเหนือ คันนี้ดันลงใต้
แถมมันเป็น รถไฟเหาะตีลังกาซะด้วย
ไม่ได้วิ่งเร็วอย่างเดียว ยังหกคะเมนตีลังกา หาสติตั้งไม่เจอเลย
จะลงก็ไม่มีใครให้ลง คนอี่นเขากำลังมันส์...เอ็งอย่ามาสะดิ้ง
สุดท้ายต้องขอคุณพระคุณเจ้า พ่อแก้วแม่แก้วช่วย ถึงลงมาได้.....

พอลงมายืนมึนที่พื้นดินได้ ก็งงเต็ก หาทางกลับไม่เจอ
โชคยังดีมีคนยื่นแผนที่ พร้อมเข็มทิศ ยี่ห้อ ธรรมะพระพุทธเจ้า ให้....
ถึงได้ค่อยๆ คลำทางมะงุมมะงาหรา กลับมาจนได้

อย่างที่ท่านทราบ ตอนนั้นมีหนี้สินล้านกว่าบาท...ที่ตัวเงินสดก็แทบไม่มี
ดีแต่ว่า ภรรยามีกิจการเล็กๆ....เล็กจริงๆ
คือมีแผงขายของเด็กเล่นที่คลองถม ไม่ใช่ฝั่งที่ขายนาฬิกานะครับ
ขายได้แค่วันอาทิตย์ กลางวัน เท่านั้นเอง
แผงของ ภรรยา มันแค่ 2 เมตรเท่านั้น คนยืนซื้อสามคนก็ยากแล้ว
ทำให้พออยู่ได้ ต่อมาผมไปขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ก็พอมาสมทบบ้าง

พยายาม เลิก........ละ....ลด....ปลด....วาง....ทีละนิด ทีละหน่อย
ไม่เคร่งเครียดแข็งขืน แต่กลับทำให้สบายใจ เบาใจ สุขใจ
พอสบายใจ ก็มีสติ คิดวิธีหาสตางค์
ผมแน่ใจว่า เทวดาฟ้าดิน ท่านช่วยแน่นอน เพียงแต่ไม่ได้ ชี้นิ้วเสกทรัพย์สินเงินทองให้หรอกนะ
ท่านมาในแนว เอาใจช่วย คอยชี้ช่อง คอยอำนวยความสะดวก
ประมาณว่า ช่องทางตรงนั้น ตรงนี้ ที่นั่น ที่นี่ เราจะหาเงินได้ ท่านก็พาไป
เมื่อไปถึงแล้ว ท่านก็เจรจา เจ้าที่เจ้าทาง ขอโอกาสให้เราเข้าพบคนที่มีกำลังช่วยเราได้อีกที
บอกก่อนนะ ทั้งหมดนี่เป็นจินตนาการที่ผมคิดเองนะ ไม่เกี่ยวกับปริยัติฯ อะไร......ผมเคยบอกแล้ว ผมมันแบบขวางๆ.....เป็นแค่พุทธทะเบียน

เมื่อท่านชี้ทาง อำนวยความสะดวกให้แล้ว แถมคงจะคอยลุ้นด้วยแหละ
สุดท้าย ก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะทำต่อสิ่งนั้นอย่างไร
เอ...เหมือน ท่านพามาที่ขุมทรัพย์แล้ว หาเครื่องไม้เครื่องมือให้เสร็จ
เหลือแต่เราจะลงมือขุดหรือเปล่า
ถ้าเราลงมือขุด....ท่านก็คงคอยเชียร์....เอ้า...หุย...เล...ฮุย.....เอ้า...สู้...สู้

แต่ถ้าตอนนั้น ท่านอุตสาห์ดึงหูพามาแล้ว มันยังไม่เอา ยังลีลา รักสบาย กลัวลำบาก
ท่านคงสาปส่ง.....ไม่ยุ่งกับมรึงแล้วโว้ย....
ผมในตอนนั้น เหมือนกับ นักกีฬายกน้ำหนัก น้องอร อุดมพร พลศักดิ์ น่ะแหละ
ตะโกนก้อง ร้อง.....สู้โว้ย....
ชีวิตไม่ใช่สบายนะครับ......ผมต้องประหยัด ต้องขยัน ทำงาน 7 วัน ไม่มีบ่น
ขายรถ 6 วัน ขายของที่คลองถม วันอาทิตย์
ยิ่งตอนขายลูกบาส ลูกบอล ละคุณเอ้ย..ย..
เวลาไปเอาจากโรงงานมา มันแฟบ...เพื่อการขนส่ง
แต่อีตอนขาย ผมต้องสูบลม ทุกใบ....สูบด้วยที่สูบลมจักรยาน สูบด้วยมือนะครับ
ไอ้สูบสองสามลูกน่ะ จิ๊บจ๊อย
แต่นี่สูบอย่างน้อย สองร้อยลูก นะครับ มือก็สูบ ปากก็ตะโกนขาย....เมียรับเงินใส่กระเป๋า

เหตุที่ทำอย่างงั้นก็เพราะ มานอนนึก.....จะหาเงินที่ไหนใช้หนี้
การเป็นหนี้มันทุกข์ จริงๆ....เรื่องนี้ผมว่าทุกท่าน เชี่ยวชาญดี
เมื่อทุกข์มากๆ เข้า ก็นึกนะ.......จะแก้ทุกข์ยังไงดีวะ
มาทบทวน.....พระพุทธเจ้าว่า....ทุกข์ เพราะมันมีเหตุ.....ก็มีหนี้ไง
ต้องดับเหตุแห่งทุกข์.....ก็ต้องใช้หนี้ละวะ....แล้วจะเอาอะไรไปใช้ล่ะ
ก็ต้องหาเงิน......สุดท้ายวันก็วนมาที่เงินอีกแหละน่า

เอ๊....ท่านว่าไงต่อ.....ต้องไปตามมรรค....ตามทางที่ถูก
ไอ้ทางที่ผิด ผมละเก่ง ไปเองมาจนปรุ
คิดเรื่อง มรรค แล้วมึน....เลยวางไว้ก่อนดีกว่า

มานึกได้อีกคำ.....คนล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร.....
ในตอนนั้น ผมนอนนึกเรื่อยเปื่อยไปหยั่งงี้จริงๆ.....มาย้อนคิดดูแล้ว เหมือนคนบ้า พูดกับตัวเอง

พอได้คำว่า...ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร...ก็คิดว่า ไอเดียอันนี้น่าจะใช้ได้
ดูมันจะง่ายกว่า...มรรค...เพราะ มรรค มีตั้ง 8 อัน คงจะยุ่งน่าดู
เอาอันนี้ดีกว่า มีอันเดียวเอง ง่ายดีว่ะ..............ดู๊..ดู ซิ ตอนนั้นผมโง่จริงๆ

จากนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตา เพียรขายรถอุตลุต
ออกหาลูกค้ามากกว่าคนอื่น....เซลส์คนอื่นชอบอยู่ที่โชว์รูม...มันสบาย...แอร์เย็น...กินกาแฟ...คุยกัน
และอีกเหตุผลคือ.....ลูกค้าที่เดินขึ้นมาบนโชว์รูม เป็นพวกที่คิดจะซื้อแน่ๆ แล้ว เตรียมเงินมาแล้ว
ถ้าเราไปเดินหาลูกค้า จะไปเดินหาที่ไหน ไม่ใช่ขายล๊อตเตอรี่นะ.....
ผมก็ว่า....จริงของมัน.....แต่ช่างมรึง....เรื่องของมรึง
ไอ้ตัวผม ชอบไปตะเวนหาลูกค้า.....หาที่ไหน น่าขำ...ทำยังกับมีคนยกมือ รอซื้อรถงั้นแหละ

ตอนนั้น อายุ 35 เป็นเชลส์ที่ถือว่า...แก่....
และที่ผมทำพิลึก กว่าคนอื่น คือ พาภรรยาไปด้วย ขับรถกันไปสองคนตายาย

เราสองคน ผัวเมีย ขับรถตะเวน เข้าซอกออกซอย ในแถบอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ พุทธมณฑล....เลยไปถึงกระทุ่มแบน เกือบทุกวัน
แต่มันมีจุดเริ่มต้น.....จำได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเลย

วันหนึ่ง หน้าฝน...ฝนตกทั้งวัน....ได้แต่ยืนดูฝนอยู่ในโชว์รูม
เพื่อนเซลส์รุ่นเก๋าส์ มายืนข้างๆ แล้วบ่น
...ฝนตกอย่างงี้ ลูกค้าที่ไหนจะมาซื้อรถ....มันนอนอยู่บ้านกันหมด...แย่ว่ะ...
ผมฟังแล้ว ปิ๊ง เลย
...ใช่ฝนตก ลูกค้าออกไปไหนไม่ได้...งั้นเราก็ไปหาก็แล้วกัน...ลูกค้าหนีไปไหนไม่ได้
คือแถวนั้น มันมีโรงงาน มีธุรกิจขนาดย่อม เยอะแยะ ผมก็ไปแนะนำตัว แจกนามบัตร แจกเบอร์โทรศัพท์
แล้วสอบถาม ใช้รถอะไร ใช้งานแบบไหน มีปัญหาอะไรมั๊ย....
ต่อไปให้คิดว่าผมเป็นที่ปรึกษาเรื่องรถ ปรึกษา...ฟรี...
ต้องไม่ลืมนะครับ ผมทำเรื่องรถมาสิบกว่าปี เรื่องรถมีปัญหา เป็นเรื่องง่ายสำหรับผม
ส่วนลูกค้าก็พอใจ มีคนมาหา มาอาสาดูแล ไม่เอาเงิน ให้คำปรึกษา ฟรีๆ

ถ้าจะคิดให้ลึกซึ้ง คือ....ผมทำเหตุ.....เหมือน ลงแรงปลูกต้นมะม่วง
แล้วหลังจากนั้น ว่างๆ ก็แวะเยี่ยมเยียน ไปดูรถ ให้คำแนะนำ
ก็เท่ากับผม ไปรดน้ำ พรวนดิน ต้นมะม่วงของผม
สักวัน มันต้องมีลูกออกมาแน่นอน

ผมก็ทำอย่างนี้ ทุกวั๊น ทุกวัน วันละหลายโรงงาน
พอหลายวัน หลายเดือนเข้า ก็มี มีต้นมะม่วง เอ๊ย..ลูกค้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไม่แค่นั้น ผมไปเพื่อดูว่าแต่ละแห่ง ผลิตอะไร เอาไปขายได้มั๊ย
ถ้าได้ก็ขอแบ่งไปขาย เช่นเคยไปเจอ รง.ทอผ้าขนหนู ส่งออก...สวยเชียว
ไปขอซื้อที่เขาคัดออก ขายแบบช่างกิโล
ภรรยาเอาไป ตัดแต่ง ห่อเป็นของขวัญ ของฝาก ขายได้ตั้งเยอะ

ผมทำเหตุไปเรื่อยๆ ไม่สนใจผล เพราะผมรู้ว่า มันต้องออกมาแน่นอน
ผมเชื่อ....แอ๊คชั่น เท่ากับ รีแอ๊คชั่น
เหมือน ต้มน้ำ แต่ไม่มัวยืนจ้อง.....ยิ่งจ้อง ยิ่งไม่เดือด
เมื่อถึงเวลา มันเดือดเอง.......

ผลที่ออกมานะเหรอ อันแรก ผมขายรถได้เรื่อยๆ
อันที่สอง ผมได้สินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ ไปวางขายที่คลองถมอีก
ทำอย่างงี้แหละครับ.....ทำมันทุกวัน บอกแล้ว......สู้โว้ย
ไม่นานก็หมดหนี้
ขอย้ำนะครับ.....ไม่ได้ซื้อหวย หรือล๊อตเตอรี่เลย.....
โปรดฟังอีกครั้ง
ผมทำเหตุ.....ไม่สนใจผล.....เพราะแน่ใจ...ทำเหตุมาก....ผลก็ออกมามาก
แอ๊คชั่น เท่ากับ รีแอ๊คชั่น

ผมก็ทำแบบนี้แหละครับ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 18:41:02




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:19:24 น.
Counter : 1160 Pageviews.  

กรรมทันตา ตั้งหลัก

ตั้งหลัก

มีหลายคน...หลาย...คน ถามผมว่า
เมื่อตั้งใจทำความดีแล้ว เริ่มต้นยังไง...หมดหนี้ได้อย่างไร
ผมมารื้อความจำดู...

ตอนนั้น...ไม่คิดอะไรมาก คิดแต่ว่าขอเลิกทำความชั่ว เลิกทำกรรม ขอให้หลุดออกจากวังวนนี้ให้ได้แค่นั้น
ตอนนั้น เรื่องหนี้สิน ก็ไม่ได้หวังมากมาย ว่าจะหมดได้ง่ายๆ
คิดแค่เลิกชั่ว เลิกละอาย เลิกโกหก จะได้มองหน้าพระพุทธรูปได้เต็มตา
จะได้รู้สึกว่าคู่ควรที่จะเป็นสามีของภรรยา เป็นพ่อที่ลูกภาคภูมิใจได้
ขอแค่เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ก็พอ......

เมื่ออธิฐาน อย่างที่ท่านทราบกันแล้ว
วันรุ่งขึ้น ก็คิดอย่างเดียวว่า....เอาโว้ย....เรามาเริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่นี้แหละ
พอหันไปหันมา เจอหนังสือ จำไม่ได้ว่าเล่มไหน เปิดอ่านเล่นๆ
เจอว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า
ไม่ทำบาปทั้งปวง
ทำบุญให้ถึงพร้อม
ทำจิตใจให้ผ่องใส

ผมก็มานั่งนึก....เมื่อคืนอธิษฐานอะไรไปวะ จำได้แต่จะไม่โกหก จะถือศีลห้า
เลยตัดสินใจ ถือศีลห้านี่แหละวะ ง่ายดี โดยเฉพาะข้อมุสา จะเอาให้เคร่ง
แต่พอเอาจริงมันไม่ง่าย อย่างที่คิด เพราะมันมี 3 ระดับ
คือ กาย วาจา ใจ
กายก็ยังง่าย วาจาก็พอได้.....แหม...แต่ใจนี่สิ หินน่าดู

ในตอนนั้น ผมคิดง่ายๆ สั้นๆ ว่า ค่อยๆทำ....ค่อยๆ ก้าวทีละขั้น....แต่จะก้าวไม่หยุด
คิดว่าจะทำจาก ง่ายๆ ค่อยๆ ไป
จะเริ่มจาก.....ละ.....ลด.....ปลด.....วาง.....ทีละนิด ทีละนิด
คิดแล้วก็สบายใจ.....ใจเบาขึ้น แล้วก็เริ่มจาก.....ลงมือทำความสะอาดหิ้งพระก่อนเลย

ผมเริ่มจากง่ายๆ คือ ไม่ทำ...ไม่ทำอะไรที่คิดว่าผิดศีล
เอาศีลห้า เป็นแกนหลัก
สำหรับผม ข้ออื่นง่ายอยู่แล้ว ผมไม่ชอบยิงนก ตกปลา ไม่ดื่มเหล้า
ระวังที่สุด คือข้อมุสาฯ มันเคยตัว
แม้แต่เรื่องเล็กๆ ก็ไม่โกหก อย่างดีก็เดินหนี......ภรรยาชอบใจมาก ถามใหญ่เลย
ต้องต่อสู้ กับจิตใจที่อยากจะโกหก แทบตาย
หลังจากนั้นก็เหมือนที่เล่าในเรื่อง อธิษฐานหนีกรรม นั่นแหละ
ชีวิตก็หมุนไป หมุนไป ถูกเจ้าหนี้ยึดบ้านใช้หนี้ ก็ยอม
ความจริง ดีใจแทบตาย.....พยายามขายตั้งนาน ขายไม่ออก แบ็งค์จะยึดแล้ว

จากนั้นก็ย้ายกลับไปอยู่ สี่แยกบ้านแขก
เริ่มขายรถใหม่ ที่นิสสัน อ้อมน้อย.....
ค่อยๆ เรียนรู้ วิธีการขายรถใหม่ รายละเอียดแตกต่าง แต่หลักๆ ก็เหมือนกัน เลยไม่ยาก
ที่ยาก คือ ไม่โกหก...
ค่อยๆ ขายไป ได้เงินน้อย แต่ก็ได้
มีความสุข ครอบครัวกลับมาเป็นสุข แต่ไม่ค่อยมีเงิน

พอขายไปหลายๆ เดือน ก็ขายได้...ได้เงินคันละไม่มาก
แต่เมื่อรวมรายได้แล้ว เดือนละหมื่น พออยู่ได้ กินน้อย ใช้น้อย
แต่ก่อน กินก๋วยเตี๋ยว ต้อง 2 ชาม
ตอนนี้ ต้องเหลือ ชามเดียว ก๋วยเตี๋ยวน้ำ กินน้ำแกงหมดเลย อิ่มเหมือนกัน
เพิ่งรู้จักบุญคุญน้ำก๋วยเตี๋ยว ก็ตอนนี้แหละ.....อู้ย..นึกแล้ว น้ำตาซึม

ที่แปลก ก็คือ เหตุการณ์หลายอย่าง จะประจวบเหมาะ
เช่น ลูกค้าที่ขึ้นมาในคิวของผม จะเป็นลูกค้าที่ดี ไม่ค่อยมีปัญหา
อาจเพราะ ไม่โกหก พูดกันตรงไปตรงมา ราคาผมก็ลดให้ตามสมควร
ของตกแต่งก็คิดราคา ที่เหมาะสม ไม่ได้บวกจนเว่อร์
รายที่สำคัญ เป็นไต้หวัน เขี้ยวมาเลย....ผมก็เปิดบัญชีให้ดูเลย
ว่าผมมีมาร์จิ้นเท่าไหร่ ทำได้แค่ไหน.....ลูกค้าพอใจมาก...ซื้อ
วันไปส่งรถที่ โรงงานของลูกค้า ถึงรู้ว่าเป็น รง.ผลิต ลูกบาส ลูกเทนนิส ระดับโลก ไนกี้...อดิดาส...วิลสัน ฯลฯ.....ของแท้
เจ้าของโรงงานเป็นอีกคน เป็นไต้หวันเหมือนกัน เกิดอยากมาดูรถ
ปรกติเป็นคนหยิ่ง...ก็รวยอ่ะ ชื่อ มิสเหลย
ผมก็ถามว่า อยากจะขอซื้อ ลูกบาส ลูกบอล ยี่ห้อดังๆ ไปขายจะได้มั๊ย ครับ
มิสเหลย มองหน้าอยู่อึดใจหนึ่ง บอก....ได้....จะเอากี่ลูก
ผมมารู้ทีหลังว่า นโยบายห้ามขาย ยกเว้นประเภทที่ต้องทำลายทิ้งเท่านั้น....
แต่ของผมได้เกรดเอ บอสใหญ่อนุมัติแล้ว ไม่มีใครกล้าเถียง
ผมเอาไปขาย ทำกำไร อาทิตย์ละหมื่น สองหมื่น ขายอยู่หลายปี
จนตลาดอิ่มตัว ก็พอดีมีเรื่องลิขสิทธิ์เข้มมาก เกรงใจเขาด้วย

ที่เหลือก็อย่างที่ทุกท่านทราบ...
ทำมาหากิน โดยเอาศีลห้าเป็นที่ตั้ง
ละ...ลด...ปลด...วาง
ไม่เอาหรูหรา ฟุ่มเฟือย.....
ตอนเป็นผู้จัดการที่ พระประแดง ยังเอาข้าวกล่องไปกินเกือบทุกวัน
ไม่มีคำว่าอาย....แต่แย่หน่อย.....ลูกน้องมันชอบแย่ง....บอกอร่อยกว่าซื้ออีก
ผมละโมโหมันจริงๆ.....

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 7 ต.ค. 53 23:03:15




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:18:11 น.
Counter : 1105 Pageviews.  

กรรมทันตา เฮียปุ๊

กรรมทันตา เฮียปุ๊

สักประมาณ 20 กว่าปี ก่อน
หมู่บ้านบางบัวทอง นนทบุรี ทุกคนต้องเดินทางด้วยรถตู้วินรับจ้างแทบทั้งนั้น
รถตู้สมัยนั้น ยังไม่มากเท่าทุกวันนี้ แต่ก็ร่วม 100 คัน
และเพิ่มตลอดเวลา
จะวิ่งระหว่าง บางบัวทอง ถึง ห้างพาต้า
ที่จอดก็ใช้ที่ห้างพาต้า และต่อมาก็ขยายไปฝั่งตรงข้าม ข้าง ธ.กรุงเทพฯ
ถ้าเกิดใครอยากจะมีอาชีพ ขับรถตู้รับส่งบ้าง จะต้องจ่ายเงินค่าวิน หรือคิวก่อนเลย อย่างน้อย 100,000 – 150,000
จากนั้นก็ยังมีต้องจ่ายเป็นรายเดือน รายวัน อีกต่างหาก

เมื่อมีผลประโยชน์ ก็มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเก็บเกี่ยว
แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง มันต้องมีคนที่ควบคุมความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่เช่นนั้นคนขับด้วยกันก็จะแย่งชิงผู้โดยสาร ทะเลาะตีกันยุ่งเหยิง
คนที่ผมจะเล่าให้ฟัง คือ หัวหน้าวินรถตู้ ในสมัยนั้น........เฮียปุ๊

เฮียปุ๊...ตอนที่ผมรู้จัก อายุประมาณ 50 ปี รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว แต่งตัวเก่ง เสื้อผ้าอย่างแพง
แต่มีลักษณะของ นักเลง หรือผู้มีอิทธิพลเต็มตัว แววตาดุ
พูดจาโผงผาง พกปืนตลอดเวลา
ใส่สร้อยทองเส้นเท่าโซ่ล่ามจักรยาน ห้อยพระหลวงพ่อที่เขาว่าดัง ว่าแพงที่สุดในขณะนั้น
เหตุที่มีบุคคลิกลักษณะอย่างนั้น ก็เพราะต้องทำตัวเหนือกว่า แน่กว่า
ไม่เช่นนั้นก็ควบคุมบรรดารถตู้ ร่วม 100 คันไม่ได้

แต่ก่อนนั้น ผมเองมีอาชีพเป็นลูกจ้างเต็นท์ขายรถมือสองขนาดใหญ่
ตั้งอยู่ในย่านที่มีเต็นท์รถมากมายของฝั่งธนบุรี
มีเจ้าของชื่อ...เฮียเฮง
เจ้านายของผม ช่วงนั้นสนใจกิจการรถตู้นี้มากประสานประโยชน์ กับเฮียปุ๊
มีการซื้อ-ขาย คิวรถ ขายตัวรถ ตบแต่งรถ
หรืออะไรสารพัดเกี่ยวกับรถตู้พวกนี้ต้องผ่าน เฮียเฮง และเฮียปุ๊ เท่านั้น
ถ้ารายไหนไม่เชื่อฟัง ก็มีบทลงโทษอย่างเบาก็ห้ามวิ่ง 7 วัน อย่างแรงก็ไล่ออกไป ถ้าไม่พอใจ มีการใช้กำลัง...ทืบ กันบ้าง

ในธุรกิจนี้ ไม่ใช่เฮียปุ๊ จะเก่งกาจคนเดียว ยังมีคนที่อยากจะมาแทนแกอีกหลายคน
ดีแต่ว่าแกยังประสานประโยชน์ลงตัวได้ทุกฝ่าย
จ่ายครบทุกท้องถิ่นที่รถต้องวิ่งผ่าน
วิธีการจะเปลี่ยนหัวหน้าคิว มีทางเดียว ต้องให้..ตาย เท่านั้น
เพราะฉะนั้นเราจะเห็น เฮียปุ๊ ที่ไหนก็จะเห็นมือปืนคุ้มกันอย่างน้อย 2 คนเสมอ
แต่ขนาดนี้ ยังโดนยิงขณะที่กินข้าวในร้านกลางห้างดัง ถึง 2 ครั้ง
แต่ก็รอดได้หวุดหวิด
ผมมารู้จักแกมากขึ้นเพราะแกซื้อรถคันใหม่ต้องจัดไฟแนนซ์ ต้องมีผู้ค้ำประกัน
แกก็ไปหามาได้ 1 คน แต่ไม่พอ สมัยนั้นเข้มงวดมาก
เฮียเฮง เจ้านายเลยบังคับให้ผมไปเซ็นค้ำประกันอีก 1 คน
ซึ่งผมไม่ค่อยเต็มใจ แต่เฮียเฮงรับรองแข็งขัน
ถ้ามีปัญหาแกจัดการให้เองอีกทั้งให้เหตุผลว่า
รายได้เฮียปุ๊วันละร่วมหมื่นบาท จะต้องกลัวอะไร
ผมเสียไม่ได้ก็ต้องยอม

จากนั้นมาผมก็คอยดูเฮียปุ๊แกอยู่ห่างๆ ทั้งที่แต่ก่อนไม่ค่อยอยากยุ่ง
แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้เกิดกิเลสอย่างหนึ่ง
นอกจากเรื่อง การพนันที่แกเล่นนิดๆ หน่อยพอเข้ากับลูกน้องได้
ก็มีเรื่องเหล้า ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าต้องกินกับลูกน้อง กินกับบรรดาข้าราชการเจ้าที่เจ้าทางชั่วๆ อยู่เสมอ
เพื่อยืนยันคอนเนคชั่น
ที่สำคัญแกจะมี เด็กนักศึกษา สวย น่ารัก เอ๊าะ..เอ๊าะ....อยู่ด้วยเป็นประจำ
ไม่ใช่คนเดียวกันตลอด.......แต่จะเปลี่ยนไปเรื่อย แทบอาทิตย์ละคน
คนสุดท้ายที่เห็นยังจำได้ นักเรียนพาณิชย์ อายุ 16 - 17
ทั้งๆ ที่ลูกเมียก็มี แต่แกให้เงินใช้อย่างสุขโข ขออย่างมายุ่งก็พอ...
เมียก็ยินดีกับเงิน อย่างอื่นไม่ว่ากัน

เด็กสาวๆ ของแกแต่ละคนยังเรียนหนังสือทั้งนั้นเลย
ผมเคยมองตาปริบๆ เห็นแล้วบอกตรงๆ ตอนนั้น โคตะระอิจฉาเลย.....
ทำบุญด้วยอะไรวะ.....
แกเคยถามว่าเอาบ้างมั๊ย ถือเป็นค่าค้ำประกัน........ผมมือไม้สั่น....อยากได้บ้าง
ที่จริงแล้ว มีคนมาเสนอตัวเรื่องให้ใช้บริการแบบนี้กับพวกเสี่ยเต็นรถเยอะมาก ดิลิเวลี่
มีบางข้อเสนอ.....เจ้าตัวมาเองเลย มาขอพบ นึกว่ามาสมัครงาน
ที่ไหนได้ มีข้อเสนอ ให้ 1 วัน ใน 1 อาทิตย์
คือสามารถเลือกได้เลยว่าเราจองคิว วันไหน เช่น วันพุธ
เธอคนนั้นจะมาอยู่กับผมทั้งวัน 24 ชม. เฉพาะวันพุธ
จะไปต้มยำ ทำแกงเผ็ด อะไรได้ทั้งนั้น ตลอดวัน เดือนละ 5,000 บาท ประมาณนี้
มีมาบ่อยมากแต่ผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจแนวนี้ แค่เห็นแล้วตื่นเต้นไปบ้าง แต่เอาจริงใจฝ่อ
บางทีอยู่ดีๆ เคยมีคนพาพวกแม่ลูกอ่อนมาหา
อยากได้ค่านมลูกก็มี.....ดูมันทำ
ผมเคยเจอรายหนึ่ง สวยอวบเชียว มีลูกมาด้วยจริงๆ เลย
ผมก็...เฮ้ย....เอาจริงเหรอ
แล้วก็พาไปห้างพาต้า เธอคนนั้นก็งง ทำไมไม่ไปโรงแรม
ผมซื้อนมและของใช้เด็กอ่อนให้เยอะเลย แล้วไล่กลับไป.......
เป็นทอมยังมีเลย ผมถามทำไม......บอกอยากได้เงินไปเลี้ยงผู้หญิง.....โธ่เอ๊ย เวร

ภายหลังต่อมาผมไม่อยากคลุกคลีอยู่กับพวกนี้แล้ว
เลยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเฮียเฮงแกอีก.....เรื่องเฮียปุ๊ ยิ่งไม่เจอกันใหญ่
แต่เท่าที่รู้มาแกก็ใช้ชีวิต โอ่อ่า เก่งกล้า มีอิทธิพล ต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งอีกเกือบ 2 ปีต่อมา มีจดหมายโนติส ทวงค่างวดรถมาถึงบ้าน
ผมก็ไปบอกเฮียเฮง....แกก็บอกเดี๋ยวตามให้
อีกไม่นาน มีทวงมาอีก ผมก็ไปบอกเฮียแกอีก แกบอก...เออ ๆ
หายไปนานประมาณ 2 ปี คราวนี้มีหมายศาลมาเลย
ผมรีบแจ้นไปหาเฮียเฮง........แกบอก พักนี้ไอ้ปุ๊ มันเหลวไหล
แล้วแกก็เอาหมายศาลไปบอกจะจัดการเอง

มาอีกที กลายเป็น หมายจากกรมบังคับคดี จะยึดทรัพย์สินผม
เลยไปสืบเอง....
ได้ความว่า หัวหน้าวินเปลี่ยนไปแล้ว เฮียปุ๊หายไป
ถามใคร ก็มีแต่คนทำหน้าทำตาแปลก ๆ
สุดท้ายไปคาดคั้นเอากับเฮียเฮงถึงได้รู้ว่า
แกเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ แต่ก็ยังซ่าส์....
ต่อมามีคนพยายามยึดคิวรถ ก็มีการสั่งเก็บกัน
แต่แกก็เริ่มป่วยมากขึ้น.....ลูกเมีย ทิ้งไปหมด
สุดท้ายเป็น โรคเอดส์ ตาย
เมียก็เป็นเอดส์ด้วย
ตอนที่ตาย ไม่มีใครจำแกได้ เพราะจากคนที่รูปร่างใหญ่ สง่าภูมิฐาน
กลายเป็นผมมีแต่กระดูก ที่มีหนังหุ้มเอาไว้เท่านั้น
ผิวที่ขาวแบบคนจีน ก็ดำลอกเป็นแผ่น ๆ
โลงก็ไม่มีใส่......มีแค่ผ้าดิบห่อเอาไว้เท่านั้น
เฮียเฮงเป็นคนไปซื้อโลงให้....แล้วเผาแบบศพอนาถา

ผมถามเรื่องที่ค้ำประกันไว้
เฮียเฮงแกบอก ให้ไปทวงที่ไอ้ปุ๊ มันเอง.......

เฮ้อ...แล้วกันไปเหอะ.....เฮียปุ๊
ผมอโหสิให้

ปล. มีคนถามมาเยอะว่า
แล้วตกลงว่าผมถูกฟ้อง ถูกยึดทรัพย์มั๊ย

คือ...หลังจากนั้นมาไม่นาน ก็มีหมายศาลมาจะยึดทรัพย์ผม
แต่ผมไม่มีทรัพย์ จะให้ยึด...ไม่มี จริง จริง
เรื่องนี้อีกยาว ต้องไปจ้างทนายไปตามเรื่อง เสียเงินไปอีก 10,000 บาท
แต่ในที่สุด ก็ทำอะไรไม่ได้
ที่แสบสันต์ คือ...ผู้ค้ำคนที่ 1 ไม่ถูกฟ้อง
เพราะเป็น...ข้าราชการ มีกฎหมายคุ้มครองเงินเดือนเอาไว้
แต่ไอ้คนค้ำคนแรก นี่แหละ
ที่ไปตามเอารถกระบะ แล้วเอาไปใช้ตั้งนานเป็นปี
จนรถมันโทรม หมดสภาพ....

หลายปีต่อมา ผมไปทำงานที่ สยามกลการ ( นิสสัน )
ฝ่าฟันจนได้เป็นถึง ผจก.โชว์รูม บิ๊กเบิ้มมมม
แล้วก็มีหมายศาลมาอายัดเงินเดือนของผม...ทุกเดือน
ประมาณว่า ครึ่งหนึ่ง หรือไงเนี่ยะ
คิดว่า กองบังคับคดี เขาดูจากใบหักษี ณ.ที่จ่าย
ว่าเรามีรายได้
ผมละ เซ็งงงงงงง...ง..ง.ง มาก
เลยลาออก

ส่วนเฮียเฮง แกไม่ได้ช่วยอะไร เล๊ยยยยย
นี่แหละ คบคนชั่ว คนพาล ก็พาลพาไปหาความซวย
หรือ
อยากเป็นหนี้ ให้เป็นนายหน้า
อยากเป็นขี้ข้า ให้เป็น...คนค้ำประกัน



อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com





 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 28 เมษายน 2557 21:08:08 น.
Counter : 1115 Pageviews.  

กรรมทันตา อุบาย

อุบาย

คุณพ่อตา ของผม ท่านมีอะไรบางอย่างไม่ค่อยเหมือน คนธรรมดาทั่วไป
อาจจะเป็นเพราะท่านเป็นทหาร ยศสุดท้าย พันเอกพิเศษ
เป็นคนประเภทใจนักเลง คือไม่ค่อยกลัวใคร มาตั้งแต่หนุ่มๆ เห็นว่าพกปืนเป็นประจำ
เคยทะเลาะกับ อาจารย์สักยันต์ชื่อดังมาก...ก...คนหนึ่ง บ้านอยู่ใกล้กัน
อีตาอาจารย์แกหมั่นใส้ทหาร แถมยังไม่ยอมแสดงความนอบน้อมแกอีก
วันหนึ่งแกตะโกนด่า ท้าตีท้าต่อย นัยว่าอวดความเหนียว ยิง ฟัน ไม่ระคาย
คุณพ่อตาผม เห็นว่าต้องเอาสักที.....เลยลากแป๊ปเหล็กยาวสัก 90 ซม.ออกไป
ตอนลาก ก็ลากให้ครูดกับพื้น ดัง แกร๊ง....ง....ง ไปตลอด แล้วเอาฟาดกับเสาเหล็กอีกอัน ดัง...แก๊ง....ง....ง เสียงลั่น
แล้วก็เอาไอ้แป๊ปเหล็กอันนั้น ชี้หน้าหมอสักยันต์ แล้วพูดว่า
.......เหนียวนักใช่มั๊ย.......เดี๋ยว จะตีให้หักทั้งตัวเลย.......
ตาหมอสักยันต์ คิดอยู่อึดใจ แล้วหันหลังไปเลย........ไม่นานก็ย้ายบ้านหายไป
ท่านเล่าว่า แต่ก่อนชอบเล่นทางกสิน อิทธิฤทธิ์.....
แต่ตอนหลังเล่นมากไป...ไม่เป็นแก่นสาร ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์

เมื่อผมมาแต่งงานกับลูกสาวท่าน.....ท่านก็ดูห่วงใย พยายามชี้ชวนไปทำบุญอยู่เสมอ
ไอ้ผมก็คนบาป เข้าวัดแล้วหงุดหงิด
ท่านก็ล่อหลอก ให้เป็นการไปเที่ยว.....แล้วแวะทำบุญ ทำสังฆทาน ไปในตัว
พอไปทำบุญกันบ่อยๆ เข้า ผมก็ชักยังไง ยังไง บอกไม่ถูก.....
เวลา รับศีล.....ผมจะหงุดหงิด มาก เพราะเรามันผิดศีลห้าเกือบทุกข้อ...หนักบ้าง เบาบ้าง
ท่านชอบมากที่สุด คือถวายพระประธาน กว่า 10 องค์แล้วมั๊ง
ผมถามว่า องค์หนึ่งตั้งแพง 50,000 มั๊ง เอาสตางค์ที่ไหน เป็นข้าราชการไม่ได้โกงกิน
ท่านว่า เมื่อตั้งใจทำบุญกุศลอย่างจริงจังแล้ว....เงินมันมาเอง....มันจะมีเหตุปัจจัยให้สำเร็จได้เอง
ผมเคยถามว่า ถวายที่ไหนไว้บ้าง เราจดกันไว้บ้างมั๊ยครับ
ท่านหัวเราะ.....ไม่จดหรอก ไม่ค่อยจำด้วย ทำแล้วทำเลย ทำแล้ว...วางเลย
น่าจะจริง เพราะอีกอย่างที่ท่านชอบทำ คือให้ทุนการศึกษากับเด็กๆ โดยไม่ออกนาม ให้ปีละ 2 – 3 ทุน

มีอย่างหนึ่งที่แปลกในสายตาผม คือไม่ค่อยได้เห็นท่านจุดธูป จุดเทียน
ตอนทำบุญ หรือถวายพระ เขาเรียกให้ไปจุดธูปเทียน ท่านก็ไล่ให้ผม หรือภรรยาไปแทน ท่านจะนั่งพนมมือเฉยๆ
ตอนกรวดน้ำ ก็ไม่เอามือมาแตะกัน ส่วนใหญ่นั่งพิงเสาอยู่ห่างๆ
เคยถาม ท่านก็บอกว่า สิ่งเหล่านั้น เป็น...อุบาย เท่านั้น
ผมไปค้นดู......อุบาย คือ วิธีการอันแยบคาย.
ธูป เทียน เป็น อุบาย ให้จิตสงบ จดจ่อ กลิ่นหอมของธูป ทำให้ใจสบาย คิดแต่กุศล
น้ำ ก็เป็น อุบาย ให้รวมจิตได้ง่าย จิตจดจ่อ อยู่กับสายน้ำที่ไหลรินไม่ขาดสาย

เมื่อไปทำบุญกันบ่อยๆ เข้า ผมก็เกิดความละอาย.....ละอายใจ...อายลูก....อายเมีย
หนักๆ เข้า....ผมอาย ต่อพระพุทธรูป แน่ะ.....
ขนาดไม่อยากมองหน้าท่าน....หนักๆ เข้าพาลไม่กล้ามองหน้าท่านเอาเลย
เวลารับศีลทีไร....ไม่อยากออกเสียงเลย....เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้
จนสุดท้ายได้คิด เลิกทำบาปกรรม ดังท่านที่ติดตามก็จะทราบ
ส่วนท่านที่เพิ่งอ่าน ก็ขอให้อ่าน กระทู้เก่าๆ ของผมก่อน
ผมมานึกๆ ดู ที่คุณพ่อตาผม ให้ไปเที่ยว ไปทำบุญ ก็คงเป็น...อุบาย ของท่าน

มีผู้ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง ได้ให้อุบาย ในการทำบุญไว้
คือ ผมไปบ่นว่า ไม่ค่อยมีเงินทำบุญ
ท่านก็บอกทำยังงี้ซิ.....ให้หากระป๋อง หรือกระบอกออมสิน ที่ขนาดพอเหมาะ มาสักใบ
แล้วไปอธิษฐานที่หน้าพระว่า
ต่อไปนี้ ข้าฯ จะเอาเศษสตางค์ที่เหลือจากทุกวัน ใส่ไว้ในกระบอกนี้ เพื่อเป็นทุนในการทำบุญ จะไม่เอาไปใช้อื่น นอกจากการบุญเท่านั้น.
แล้วทุกวันที่กลับมาบ้าน ให้เอาเศษสตางค์ที่ได้มาในแต่ละวันหยอดไว้
เชื่อมั๊ยครับ เดือนนึงมาดูที.....โอ้โห ได้เยอะเลย บางเดือนถึงพันยังมีเลย
แล้วที่สำคัญ เงินทองก็ไม่ได้ลดลงเลย ออกจะมีเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยซ้ำไป
ผมไปถามคุณพ่อตา ท่านบอก.....อ้าว..ก็เทวดาเขาช่วย....เขาอยากได้บุญ....เลยช่วยกันใหญ่

ผมเคยเอาเรื่อง อธิษฐานกระป๋องทำบุญ นี่ให้กับลูกน้องที่ นิสสัน หนองแขมฟัง
มีอยู่คนหนึ่ง สนใจมาก ชื่อ โก๋ ฐิติกร ชัยชิตามร
ไม่นานต่อมาเขาก็ได้ไปเป็นผู้จัดการ รถฟอร์ด สระบุรี
อีกต่อมา กลับมาเป็น ผู้จัดการ ที่หนองแขม แทนผม
ปัจจุบันนี้ เป็นผู้จัดการที่ สยามกลการเซลส์ สำนักงานหญ่าย...ย..ปทุมวัน
เคยคุยกัน เขาบอก เขาไม่ใช้วิธีแบบผมหรอก.....ไม่เชื่อ
เขาไม่ใส่เหรียญ.....แต่ใส่แบ็งค์ ทุกวันเลย
แต่ก็เหลือกิน เหลือใช้ทุกวัน
........แหม..มันไม่เชื่อเรา

พูดถึง อุบาย นึกได้เรื่องนึง
เคยฟังลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา เป็นพระฝรั่งมาบวชใหม่ๆ คิดถึงแฟนที่เมืองนอก
ไปปรึกษาหลวงพ่อชา ท่านก็ว่า
.....ให้เขา ขี้ ใส่ขวด ส่งมาให้ดูต่างหน้า.....
โอ้โฮ...ฟังแล้วช่างเป็นอุบาย ที่แยบคายมากจริง...จริง.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 7 ต.ค. 53 12:23:03




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:14:49 น.
Counter : 1064 Pageviews.  

กรรมทันตา ภรรยาของผม

ภรรยาของผม

ชีวิตผม เหมือนรถที่เมื่อ เริ่มออกวิ่ง ก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
วิ่งอุตลุดสุดชีวิต แต่มันผิดทิศทาง คือตั้งเป้าหมายผิดมหันต์แต่แรก
คือ พอเรียนจบ ก็มาทำงานโดยตั้งเป้าไว้ที่เงิน ความร่ำรวย ความมีหน้ามีตา ก็คงเหมือนๆ กับคนอื่นๆ อีกมากมาย
โดยไม่สนใจวิธีการ มองแต่เป้าหมาย ขอให้ไปถึงเร็วที่สุดเป็นพอ
ด้วยความอยากรวย ก็เลยทำอาชีพด้วยความไม่สุจริต เอาเปรียบคนอื่น
ไม่สนใจศีลธรรมจรรยาอะไรทั้งนั้น
ท่านที่ติดตามอ่านในตอนก่อนๆ คงพอจะจับทางได้ว่าผมผ่านมายังไง

ผมทำอาชีพค้าขายรถมือสอง ขายด้วยการโกหก หลอกลวง ในบางครั้งก็ผิดกฎหมายด้วย
ขายด้วยความกะล่อนสารพัด ขอให้ขายได้ก็พอ
ในตอนนั้น ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเป็นสิ่งผิด ทั้งกฎหมาย และศีลธรรม

แต่ต่อมาเงินทองที่หามาได้ มันก็หมดไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่เขาว่า...เงินมันร้อน
ยิ่งหมดเร็ว ยิ่งต้องหาใหม่ให้เร็ว ให้ได้มาก หาด้วยวิธีการที่เลวมากขึ้น
มันเป็นวังวน ที่หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา.....แต่หมุน ลง ไปเรื่อย ๆ ตกต่ำลงไปตลอดเวลา

ผมมีโชคดีมหาศาลอย่างหนึ่ง คือ มีภรรยาที่ดี ชื่อ คุณหม่อง
เค้าเคร่งครัดในศีลห้า ตั้งหน้าทำแต่ความดี ซึ่งมันสวนทางกับผมตลอด
งานที่ทำ ต่างคนต่างทำ ผมค้าขาย เค้าสอนหนังสือ
ต่อมาเป็นเลขาฯ เป็นประชาสัมพันธ์ จนกระทั่งคลอดลูกคนเล็ก
จึงลาออกมาเลี้ยงลูก จนลูกได้ขวบ ถึงได้เริ่มค้าขาย

ซึ่งขณะนั้นผมยังทำเต้นท์รถ ยังวิ่งวุ่นหาแต่เงิน ทำบาป ทำกรรมอย่างเมามันส์
ผมเชื่อตามที่ถูกสอนมา ว่า.....การค้าต้องมีเล่ห์เหลี่ยม การขายต้องใช้ทุกวิถีทาง โกหกก็ได้ กำไรให้มากไว้....
แหม.....ไอ้คนสอนนี่มันช่างเลว..ว...ไอ้คนเชื่อมันก็ช่างโง่ จริงจริ๊ง...ง...
ผิดกับภรรยาของผม....คุณหม่อง เธอมีวิธีการทำการค้า ที่ผมทึ่งมาก
คือเธอพูดแต่ความจริง ไม่เคยโกหกลูกค้าเลย
ไม่โกหก แม้แต่ต้นทุนเท่าไหร่ อยากขายเท่าไหร่
เริ่มแรกคิดว่าจะขายอะไร เธอบอก อยากขายของเด็กเล่น
ผมไม่เคยนึกฝันถึง ของเด็กเล่นเลย ธุรกิจการค้า มีตั้งมากมายทำไมไม่นึกถึง
เธอว่า ตอนเด็กๆ เวลารถเข็นขายของเด็กเล่นผ่านมา ช่างมีความสุขจริงๆ ชอบมาก
เลยตกลงไปได้แผงที่คลองถม ด้านหลังกองปราบฯ เฉพาะวันอาทิตย์
แล้วก็ไปซื้อของเด็กเล่นที่ชอบ มาจากสำเพ็ง
เริ่มแรกขาย ก็พอขายได้ กำไรน้อย ผมก็ดูแล้วค่อนข้างดูถูก เมื่อเทียบกับการขายรถของผม
แต่...คุณหม่องเธอมีความสุขมาก สนุกสนาน
ส่วนของผม มีแต่ความวุ่นวาย หมุนแต่เงิน โกหกมากขึ้น บาปกรรมมากขึ้น
คุณหม่อง เวลาเธอขาย แกตั้งราคาแล้วแทบจะไม่ลดเลย
ลูกค้าต่อรองมากๆ เธอบอกซื้อมาเท่านี้ ขายเท่านี้ กำไรเท่านี้ อย่าต่อเลย
ลูกค้าดันซื้อแฮะ.......ประหลาดดี

ต่อมาเธอขายดีมากๆ เข้า มีคนขายด้วยกันก็เริ่มมารู้จัก พูดคุยมากขึ้น
จนในที่สุด ต้องไปติดต่อตามโรงงานของเด็กเล่น ที่ทำส่งออก เช่น
แบรนด์ดังๆ ของ ดิสนีย์ แมทเทล โทมี่ เธอไปลุยมาหมด
วิธีการของเธอก็ง่าย...ย...มาก คือ เดินเข้าไป บอกว่าอยากจะซื้อไปขาย ขอซื้อหน่อยเถอะค่ะ อยากได้ที่มันไม่แพง
โดยสรุป รง.พวกนั้น ก็ขายให้ด้วย แต่จำนวนต้องเยอะ เช่น 5,000 ชิ้นขึ้นไป
แต่ราคา ก็จะได้ลดลงไปมากกว่าที่เราเคยซื้อจากสำเพ็ง บางอย่าง 50 % หรือกว่านั้นอีก
คุณหม่อง เธอไม่ค่อยมีเงิน ตอนนั้นผมน่ะแหละ พาให้เธอไม่มีเงิน
เลยมาหาพรรคพวกคนขายของด้วยกัน รวมกันซื้อ แบ่งกันไป กลายเป็นผู้ค้าส่ง...
แล้วเธอก็บอกเขาหมด ซื้อเท่าไหร่ จะขายเท่าไหร่......โอ๊ย...ทำไมต้องบอกความจริงด้วยนะ
เธอก็ว่า บอกให้รู้ไปเลย เผื่อเขารู้วันหลัง จะได้ไม่ว่าเรา
ซึ่งก็จริง พ่อค้าด้วยกัน แอบไปสืบราคา พอรู้ราคาตามที่เราบอก เขาก็เชื่อใจ ค้าขายกันต่อไป เชื่อใจเธอสนิท
ลูกค้าของคุณหม่อง ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อค้าขายกันอยู่ ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่
มีบางราย ที่แสบๆ พยายามซื้อตัดหน้า ขนาดแอบอ้างชื่อคุณหม่องก็บ่อย
แต่ รง.พวกนั้น อาจจะเห็นว่าพวกนี้ เล่ห์เหลี่ยม ลีลามาก ก็ไม่ขายให้

ฝ่ายผม เมื่อถึงจุดนึง ก็อายเมีย เค้าเป็นคนดี แต่เรามันแย่.....
สุดท้ายท่านก็คงทราบ ถึงจุดที่ผมเปลี่ยนแปลง.....ลองไม่โกหกบ้างซิ
เหตุใหญ่ก็มาจาก ละอายเมียนี่แหละ

พอผมค้าขาย แบบพูดแต่ความจริง ผมก็ขายได้....แฮะ
กำไรน้อย แต่ก็กำไร เงินก็อยู่ กลายเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินร้อนอย่างแต่ก่อน
เงินที่ได้มาถึงน้อย.......แต่ก็พอใช้ พออยู่ได้ ไม่มีคำว่าอดอยาก
ถึงจะฟุ้งเฟ้อไม่ได้......แต่ก็มีความสุขมาก.....สุขใจ.....ภรรยาก็ชื่นใจ
เมื่อไม่โกหก อาจจะทำให้บุคคลิกของผมดีขึ้นด้วย....พูดอะไร ลูกค้าก็เชื่อ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเครดิตอีกเลย
ลูกค้า ก็แนะนำลูกค้าให้ ต่อๆ กันไป.....หรือแนะนำเราให้ไปหาคนนั้น คนนี้.....มันเหมือนเรื่องมหัศจรรย์
เซลส์คนอื่น ขายสู้ผมไม่ได้เลย
ท๊อปเซลส์ทั้งหลาย ผมทำลายสถิติหมด.....เพราะ..แค่ไม่โกหก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาอารักษ์ ก็ช่วยชี้ทางให้ตลอด มีแปลกๆ เยอะ
เช่นกรณีใหญ่ที่สุด เป็นบริษัทเครือ ซีพี.
อยู่ดีๆ ก็โทรหาผม บอกว่ามีคนให้เบอร์มา ให้ซื้อรถกับคุณ เข้ามาคุยหน่อย.....
ผมก็ไป...ตื่นเต้นจะตาย.......บริษัทนี้ นิสสัน พยายามเจาะมากว่าสิบปีแล้ว ไม่เคยสำเร็จ
ผมก็ไปพบกับคนที่ใหญ่ที่สุด ในการพิจารณาเรื่องยานพาหนะ.....คุณ สมัคร ธันยามาศรัตน์
เขาซื้อรถปีละ 4,000 คัน เป็นเก๋ง 1,000 คัน กระบะ 3,000 คัน ทุกปี
ท่านถามผม มีอะไรดีๆ ให้พิจารณาเทียบกับคู่แข่ง
ผมก็เรียนท่านไปว่า......รถทุกยี่ห้อ มันดีเหมือนๆ กันทั้งนั้น แตกต่างกันบ้างก็แล้วแต่ประโยชน์การใช้งาน
ท่านบอกต่อหน้าลูกน้องของท่านว่า......เออเขาพูดดี ไม่โจมตีใคร....แล้วมีอะไรอีก
ผมก็ว่า......รถน่ะไม่มีแล้วครับ.....แต่ผมไม่โกหกลูกค้าครับ....ขอให้ผมได้รับใช้นะครับ....
ท่านว่า เอาลองซื้อเขาหน่อย ลองดูใจกัน
คันแรก ท่านซื้อใช้ส่วนตัวเองเลย ซื้อเพื่อดูใจกัน
จากนั้น ดูแลกันไป สักระยะ ซื้อเพิ่ม ทีละ 3 คัน 5 คัน 10 คัน
ผมก็รับใช้ตรงไปตรงมา อันไหนทำได้ผมก็ว่าได้.....อันไหนทำไม่ได้ผมก็บอกท่านตรงๆ ไม่เคยกะล่อนกันเลย
สุดท้ายในเดือนที่ 6 ท่านเลยสั่งซื้อ 200 คัน......แต่เสียดาย ส่งมอบรถให้ได้แค่ 100 คัน
โรงงาน นิสสัน ผลิตให้ผมไม่ทัน......

ทางด้าน คุณหม่อง กิจการของเธอก็ดีวัน ดีคืน ความซื่อตรง ทำให้เครดิตดีมาก อย่างเช่น ในเครือไดนามิค เสี่ยเจ้าของสั่งฝ่ายบัญชีเลย
รายนี้ให้เครดิตอย่างน้อย 100,000 ถ้าจะเอามากกว่าก็บอกมา
แปลว่า คุณหม่องสามารถ เอาของไปขายได้ก่อนเลยเท่าไหร่ก็ได้
อีก 30 - 45 วัน ค่อยมาจ่ายเงิน
แต่ตลกกว่านั้น......เธอไม่เคยใช้เครดิตอันนี้เลย....ฝ่ายบัญชียังถามว่าทำไม
แต่บางครั้ง มักน้อยเกินไป ก็ขายไม่ได้ครับ
คือ ผมกับคุณหม่อง เข้าไปขายรถยนต์ให้ บริษัทที่ผลิตลูกบาส ลูกฟุตบอล ส่งออกทั่วโลก รับผลิตตามออร์เดอร์
ยี่ห้อที่ผลิต ไนกี้...อดิดาส...วิลสัน...อัมโบร...ฯลฯ.....ของแท้นะครับ...ของแท้
ในช่วงเวลานั้น เรื่องลิขสิทธิ์ ยังไม่มีความหมาย ไม่มีการบังคับใช้
ผมส่งรถให้เสร็จ ไปยืนดูเขาผลิต.......อยู่ๆ เจ้าของ รง. เป็นคนไต้หวัน ที่ปรกติแทบไม่อยู่เมืองไทย....เกิดอยากจะเห็นรถ
มาดูรถ พอใจมาก.....ผมเลยขอซื้อลูกบาส ลูกบอล ของเขา
เขามองหน้าอยู่แป๊ป...ป..นึง ก็ตกลง แล้วอย่างนี้ ไม่เรียกเทวดาช่วยได้ไง
ผมเอาไปขายที่คลองถม ราคาในห้างเซ็นทรัล ลูกละประมาณ 500 บาท
ผมซื้อมาแค่ 80 - 120 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ....แพงที่สุดก็ ไนกี้
คุณหม่องบอกอย่าเอากำไรเยอะ ขายแค่ 150 ก็พอ.....
ปรากฏว่า.....คนมาจับๆ ดูแล้วไม่ซื้อ....บอก ของปลอม
ผมเซ็งมากเลย เอาใหม่ ที่นี้ผมขายเอง ลูกละ 240 เท่านั้น
ซื้อกันใหญ่ บอกว่าถูกดี
ผมขายวันละ 200 ลูก บางอาทิตย์ 400 ลูก ลูกค้าบอกต่อๆ กันเอง.
ขายดีอยู่อย่างนี้ อยู่เกือบปี แล้วก็ลดลงเพราะซื้อกันไปมากแล้ว แต่ก็ขายอยู่หลายปีเหมือนกัน.
รง.กะทิชาวเกาะ ผมเดินไปพบ คุณแม่ จรีพร บอก คุณแม่ครับ ผมมาขายรถครับ...ท่านก็ซื้อไป 5 คัน
ขายประกันก็เคยครับ
โชว์รูม โตโยต้า กรุงไทย ไปพบ คุณพิเทพ เจ้าของ บอกผมมาขายประกันวินาศภัยครับ
คุยรายละเอียดกัน 1 อาทิตย์ ซื้อ ทุนประกัน 100 กว่าล้าน
ปรกันชีวิต ก็ลองมาแล้ว....เค้าให้เทคนิคมากมาย....ไม่ได้เรื่อง
เวลาขาย ผมบอก มาขายประกันชีวิตครับ มีหรือยัง มีครบพอมั๊ย..
ก็ขายได้พอตัว แต่เลิกเพราะ ขี้เกียจไปประชุมตอนค่ำๆ ผมขี้ง่วง
แถมชอบกดดัน ให้รับปาก ประกาศว่าจะทำยอดเท่าไหร่ ....โธ่ ผมถือศีล

ท่านที่ค้าขาย ทำธุรกิจ โดยคิดว่าต้องโกหกลูกค้าถึงขายได้.......ผมยืนยัน.....ไม่จริง.
พูดจริง....ยิ่งขายได้....แน่นอน.....ผมมีตัวอย่างเป็นร้อยๆ ราย.

อนณ 089-995-9377

แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 53 09:46:26
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : วันเกิด 7 ต.ค. 53 09:45:17




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:13:03 น.
Counter : 1346 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.