กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา แม่นางกวัก

แม่นางกวัก

เมื่อ 25 ปีก่อน ตั้งแต่แยกออกมา เปิดเต็นท์รถด้วยตัวเอง
เห็นคนอื่นเขามีเครื่องรางของขลังช่วยค้าขาย ก็เลยอยากมีบ้าง
คุณหม่อง ภรรยาของผม ไปรู้มาจากไหนก็ไม่ทราบ ว่าที่วัดสาม... นครปฐม
มีพระดัง เสกแม่นางกวัก ขลังนักหนา...ก็เลยไปที่วัดนี้กัน
เมื่อไปถึง ก็ได้รู้ว่าหลวงพ่อต้นตำหรับมรณะภาพแล้ว...
เหลืออยู่แต่พระลูกศิษย์เอกได้รับถ่ายทอดวิชา ดำเนินการแทน...ซึ่งมองดูขลังดีนะ
เลยได้แม่นางกวัก เป็นปูนปลาสเตอร์ สูงประมาณคืบกว่าๆ ทาสีทอง
นั่งยิ้ม ยกมือขวาขึ้นกวัก เรียกเงินเรียกทอง...ยิ้มสวยเชียว
ก็เอาขึ้นหิ้งบูชาที่เต็นท์รถ...จุดธูปไหว้ ถวายผลไม้ทุกวัน

เมื่อขายรถได้แต่ละคัน ก็จะซื้อสร้อยทองคำ หนักครึ่งสลึงบ้าง หนึ่งสลึงบ้าง ใส่ไว้ที่คอท่าน
พอได้เยอะๆ แล้วก็ถอดไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้แม่นางกวักไป...ถือว่าเป็นเงินของท่าน
เคยมีครั้งหนึ่ง มีพายุพัดแรง ทำให้แม่นางกวัก ตกลงมาคอหัก
ต้องนำไปที่วัดสาม... เพื่อเปลี่ยนใหม่ ปลุกเสกกันใหม่

ต่อมาจนถึงช่วงที่กิจการผมเจ๊ง...เป็นหนี้ล้านกว่า อย่างที่เคยเล่าแล้ว
ผมทั้งเสียใจ ท้อแท้ ทั้งพาลโกรธไปหมด แม้กระทั่งแม่นางกวัก...
วันที่ออกจากตลาดรถยนต์นั้น ผมเก็บแม่นางกวักใส่ลังกระดาษกลับบ้าน
แล้วบอกกับภรรยาว่า...ผมจะไม่บูชาอีกต่อไปแล้ว ผมไม่นับถือแล้ว...เลิกกัน.
ภรรยาผมตกใจมาก เปิดออกดู แล้วห่อไว้อย่างเดิมไม่กล้าพูดอะไร
ภายหลังถึงได้เล่าให้ผมฟังว่า เห็นแล้วตกใจ แม่นางกวักหน้าหมองเลย
แต่ตอนนั้นกลัวผมอาละวาดมากกว่ากลัวแม่นางกวัก เลยไม่กล้าพูด...

อีกหลายปีต่อมา คุณหม่อง กับหุ้นส่วน ผลิตชุดตุ๊กตาบาร์บี้ส่งสำเพ็ง
เธอก็มาขอแม่นางกวักองค์เดิม ไปปลุกเสกใหม่ ที่วัดเดิม
ผมก็ไม่อยากขัดใจ เลยตามเลย…ตามใจภรรยา
แต่ไม่ไปปลุกเสกเปล่า...ตอนนั้นเขากำลังฮิต กุมารทอง
ภรรยา กับหุ้นส่วน ดั๊นไปซื้อกุมารทองมาบูชาร่วมกันอีก 2 องค์
โอ๊ย...ผมละขัดใจสุดๆ แทบจะปรี๊ดแตก แต่ไม่อยากพูด...เดี๋ยวทะเลาะกัน
ฝ่ายหุ้นส่วนเค้า นับถือมาก...แล้วก็เหมือนเดิม พอขายดีก็ซื้อสร้อยมาห้อยคอให้อีก

ภายหลังหุ้นส่วนถอนตัวไป คุณหม่องเลยต้องทำคนเดียว
ทีนี้พอไม่มีคนมาคอยเป่าหูผิดๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะเป่าหูแทน
ชวนคุยเรื่องการปฏิบัติธรรม กรรมฐาน หัวใจพุทธศาสนา
ที่บ้านก็มักจะเปิดฟังเทศน์ของ ท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญาฯ พระธรรมปิฎก...
ซึ่งจะเป็นแก่นธรรม ไม่มีเปลือกมาปลอมปน แถมยังปฏิเสธการนับถือแบบไม่มีปัญญาอีกต่างหาก
ภรรยาผมฟังบ่อยๆ เข้า...
วันหนึ่งก็มาบอกว่า...อยากเอาแม่นางกวัก กับกุมารทั้งสอง ไปคืนแล้ว...
ผมดีใจมากไม่ถามอะไรทั้งนั้น รีบไปวันนั้นเลย

ขับรถไปถึงวัด...เอ๊ะ....
ทำไมบรรยากาศในวัดสาม... ดูแปลกๆ ไป หลังจากมาครั้งสุดท้ายเมื่อหลายปีก่อน
ไม่เหมือนวัด...เหมือนร้านขายเครื่องรางของขลังมากกว่า
มีตั้งแต่ นางกวัก...ตุ๊กตาทอง...กุมารทอง...กุมารทองขี่วัว ขี่ควาย
แต่ที่อึ้งก็คือ...ชูชก...สุดยอดแห่งการขอ และความโลภหลง
ที่นี่บูชา ชูชก...โอ๊ย...อย่าให้พูดเลย
ที่ยิ่งไปกว่านั้น...มีสิ่งหนึ่งซึ่งผมไม่เคยเห็นและไม่เข้าใจ พะสีแสลงแงง
เป็นเหมือนผู้หญิง แก้ผ้า นั่งยองๆ เอามือสอดใต้น่อง...ทำกริยา แ...กหรือปิด...
อู๊ย.ย..กระดากปาก เล่าไม่ถูก...ทุเรศตัวเองอ่ะ
แต่เป็นสินค้าที่วางขายในวัด โดยบอกว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ให้เอาไปบูชา
...มันบ้า หรือเปล่าวะ...บูชาผู้หญิงแก้ผ้า แ...ก

ทั้งวัด...ผมแทบหา พระพุทธรูป ไม่เจอ...ไม่เจอจริง จริ๊ง
เจอแต่ พะ ยืนขายเครื่องราง มีลูกศิษย์นั่งเชียร์สรรพคุณ
มีการแบ่งพื้นที่ แบ่งซุ้ม แบ่งเขต...โจมตีกันเอง ว่าของใครแท้ ใครไม่แท้

ผมกับภรรยา เดินไปกุฎิที่เคยมา...ปรากฏว่า
หลวงพ่อเจ้าอาวาส ป่วยหนักไม่ให้ใครได้เข้าพบ...กลัวติดเชื้อ
แต่มีป้ายติดที่หน้าประตู...ประมาณว่า ห้ามผู้สนใจไปซื้อเครื่องรางของขลังจากซุ้ม หรือร้านอื่น
ให้มาซื้อที่ร้านของเจ้าอาวาสเท่านั้น...นอกนั้นของปลอม

ผมกับคุณหม่อง ยืนดูทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่า เศร้า หรือสะอิดสะเอียน
แล้วอีทีนี้...แม่นางกวัก กับกุมารทั้งสอง จะทำยังไงดีวะ
เลยเดินไปที่ร้าน ที่ติดป้ายว่าเป็นของเจ้าอาวาส
ที่ร้านมี พะ กับลูกศิษย์ยืนโฆษณาอวดสรรพคุณ ความขลังสารพัด
มีคนยืนรอซื้อกันหลายคน ท่าทางศรัทธามาก
พะ หันมาเห็นผมกับภรรยายืนมอง ก็เลยประชาสัมพันธ์ถึงความขลังอย่างแรง
และยังมีหน้ามาถามว่า อยากได้แบบไหนไปบูชา....
ผมก็มองหน้ากัน แล้วอุ้มลังที่ใส่ แม่นางกวัก กับกุมารทอง
แทบจะโยนโครมไปบนตู้โชว์ เครื่องรางเลย
แล้วผมก็พูดเสียงดังๆ ว่า
....ไม่ได้มาซื้อ...แต่เอามาคืน...
กำลังจะพูดต่อว่า...กรูหายโง่แล้วโว้ย...แต่ภรรยารีบกระชากแขน ลากออกมาซะก่อน
คนทั้งหมด เกือบสิบคนทำหน้างุนงง สงสัยมาก...ยิ่งเปิดลังเอาออกมาดูพวกเขายิ่งอึ้ง
ได้ยินตัวลูกศิษย์พูดกับ พะ ว่า...โอ้โฮ รุ่นแรกๆ เลย ไม่เห็นนานมากแล้ว...
แล้วคนที่กำลังจะซื้อวิ่งมาถามว่า ทำไมเอามาคืน....
ผมบอก...เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้ ไม่จำเป็นแล้ว...

ตอนขับรถออกมา ผมจอดหน้าวัดหันไปมอง
...นี่มันวัด หรืออะไรกันวะ
...พวกนี้ จะตกนรกมั๊ยนะ
...อ๋อ..สงสัยพวกมนุษย์เปร๊ต มนุสสเปโต
กับมนุษย์เดรัจฉาน มนุสสติรัจฉาโน
สุดท้าย นึกได้...แล้วเราล่ะ...มนุสสโง่ หรือเปล่าวะ...
ได้ยินคุณหม่อง แกบ่น...
...ดีนะที่ได้มาเห็น...หลงงมงาย อยู่ได้ตั้งนาน...ไอ้เวร เอ๊ย...
อยู่กันมาตั้งหลาย.ย..ปี เพิ่งเคยได้ยินเธอด่า...
แต่ไม่รู้ด่าใคร...ไม่กล้าถาม.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 16:15:46




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:45:57 น.
Counter : 7510 Pageviews.  

กรรมทันตา สรณังคัจฉามิ

สรณังคัจฉามิ

แต่ก่อนนี้ ก่อนที่ผมจะถือศีลห้า ผมก็เคยไปทำบุญ ทำสังฆทานที่วัดต่างๆ บ่อยๆ...ที่บ้านผมเขาชอบเที่ยวไป ทำบุญไป
ผมก็ไปทำตามที่คนอื่นเขาทำ อาราธนาศีล กล่าวถวาย รับพร...ตามธรรมเนียม
แต่ทุกอย่างเป็นภาษาบาลี ฟังไม่รู้เรื่อง เข้าใจได้รางๆ...จนกระทั่ง

แถวบ้านผมมีวัดชื่อ วัดบางไส้ไก่
อยู่ใกล้ ม.ราชภัฎฯ บ้านสมเด็จ ธนบุรี
เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ผมได้เคยสะเปะสะปะ ไปทำสังฆทาน ที่วัดนี้
ลูกศิษย์ก็ชี้ให้ไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ซึ่งผมเรียกว่า หลวงพ่อ
ในตอนนั้นผมยังทำบาป ทำกรรมอยู่ ยังไม่ได้เคร่งครัดในศีลห้า
การไปทำบุญที่วัดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังบทสวดมนต์แปลเป็นภาษาไทย...ที่ผมเข้าใจได้

โดยเมื่อเริ่ม หลวงพ่อท่านให้ว่าตาม
นะโม ตัสสะ............3 จบ
แล้วท่านก็แปลเป็นภาษาไทยทันที
ขอนอบน้อม เเด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ผู้เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง ........3 จบ
เมื่อผมฟัง ก็ เอ๊ะ....มีแปลด้วยแฮะ เอ๊อ...แปลกดี
อ๋อ...แปลว่าหยั่งงี้เอง...กรูสวดมาตั้งนาน ไม่เคยรู้
ยิ่งเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก ก็เลยยิ่งตั้งใจฟัง...
หลวงพ่อ ท่านก็ขึ้น
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ...
ข้าพเจ้า ขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า ไม่มี...
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ...
ข้าพเจ้า ขอถึงซึ่งพระธรรม เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า ไม่มี...
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ...
ข้าพเจ้า ขอถึงซึ่งพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า ไม่มี...

แล้วก็ต่อด้วย
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ...
แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้า ขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า ไม่มี...
จนไปถึง
ตะติยัมปิ.....แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้า ขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า ไม่มี.......ฯลฯ

ในตอนนั้น...ผมเหมือนถูกมนต์สะกดเลย
เสียงของหลวงพ่อท่าน มีพลัง กังวาน และฉ่ำเย็นมาก....ที่สำคัญ ผมไม่เคยฟังมาก่อน
ผมเองก็ไปทำบุญ ทำสังฆทานมาหลาย.ย..ที่ แต่ก็ว่ากันเป็นบาลีอย่างเดียว
ไม่เคยมีที่ไหน แปลให้ด้วยยังงี้....ผมเลยอยากรู้ว่า แปลว่าอะไร...ตั้งใจฟัง โดยไม่รู้ตัว
ฟังแล้ว ก็ต้องว่าตามด้วย...
ก็ว่ากันไปจนจบกระบวนการ การทำสังฆทาน
ซึ่งท่านก็จะ ว่าบาลี แล้วก็แปลเป็นภาษาไทย ให้เป็นระยะ...ระยะ
ก็ใช้เวลามากกว่าปรกติ นิดหน่อย....แต่ดีนะ เข้าใจขึ้นอีกเยอะ

ผมเลยรู้สึกถูกใจวัดนี้...ที่จริงหลวงพ่อมากกว่า เลยมาทำบุญที่นี่อีกหลายครั้ง
หรือตอนเช้า จะพยายามมาดักใส่บาตรท่าน
ไม่เห็นท่านสะสมอะไร ในกุฎิเห็นมี โต๊ะหมู่ แล้วก็พัดลม เท่านั้น
ท่านกำลังสร้างโบสถ์ใหม่...แต่ค่อยๆ ทำ ไม่รีบร้อน
เคยถาม ท่านก็ว่า เงินมีน้อย มีแล้วค่อยทำ ไม่มีก็รอก่อน
ปัจจุบันนี้ เสร็จไปซัก 70 เปอร์เซนต์ ได้แล้วมั๊ง
เคยขอท่านเข้าไปดูในโบสถ์...โอ้โฮ้...ท่านออกแบบได้สวยงามมาก
ดูขลังมากๆ เลย...

ที่จะเล่า ประเด็นมันยุ่งก็อีตรงที่
...พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.......ขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึก ที่พึ่งอื่น ของข้าพเจ้าไม่มี...
ผมมาติดอยู่ในหัวใจ ก็ตรง...ที่พึ่งอื่น ของข้าพเจ้า ไม่มี...
ตั้งแต่วันแรก ที่ได้ยินเลย มันติดใจอยู่แค่นี้...ติดอยู่ที่หัวใจ
...ที่พึ่งอื่น ของข้าพเจ้า ไม่มี...

อันที่จริง...ตั้งแต่ได้ยิน หลวงพ่อ ท่องคำว่า...พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี...
ผมก็ถามตัวเองมาตลอดว่า...เรายังต้องพึ่งสิ่งอื่น อย่างอื่น...ด้วยเหรอ
ทุกครั้งที่สวดมนต์ สะระณัง คัจฉามิ...ก็จะตะขิดตะขวงใจทู๊ก.ก..ครั้ง...ทุกครั้ง
จนกระทั่งเต็นท์เจ๊งน่ะแหละ เลยถือโอกาสเลิกพึ่งสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดซะเลย

เมื่อก่อน ก็พึ่งไปทั่ว มั่วไปหมด เทพทั้งหลาย เจ้าทั้งหลาย ไหว้ดะไปหมด
รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ลัทธิ ศาสนาไหน จับมิกซ์รวมกันหมด
อธิษฐานบนบาน หาเครื่องราง ของขลังต่างๆ นาๆ
ผ้ายันต์ นางกวัก กุมาร ท่านปลัดคิ๊ก.ก.. ก็มีกับเขาด้วย
นึกย้อนกลับไป แล้วกระดาก...โคตะละโง่ เลยกรู
พึ่งไปก็ไม่เห็นได้เรื่องได้ความ...เจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินท่วมหัว
สุดท้าย...ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
ขอเอา...พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เท่านั้นพอ.

ยิ่งต่อมา อธิษฐานจะเคร่งในศีลห้า ยิ่งยึดมั่นแค่นี้พอ...เหลือเฟือแล้ว
ที่หิ้งพระ ผมจัดใหม่ โล๊ะทิ้งหมด แจกให้คนอื่นที่อยากได้หมด
เหลือไว้แต่ พระพุทธรูป และพระสงฆ์ผู้แน่ใจแล้วว่าท่านปฏิบัติดี...เท่านั้น
ที่ยังเหลือ ก็แค่ พระพิฆเนศ องค์เดียว ภรรยาขอไว้
เพราะเขาค้าขายพวกของสวยงาม อยากจะเก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจ
ผมก็ไม่อยากขัด...เลยแยกไว้ต่างหาก

พอทำแล้ว รู้สึกหิ้งพระของเราน่ามอง น่าศรัทธา อย่างที่สุด
กราบไหว้ สวดมนต์ โปร่งเบา สบายขึ้น
เหมือนได้เช็ดถู ทำความสะอาจจิตใจ ให้ผ่องใส
ทำให้มีสมาธิ ได้สติ คิดอ่านการงานได้ทะลุปรุโปร่ง
มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นชัดเจน...เข้าใจมัน
เมื่อเข้าใจ ก็แยกมันออกมาเป็นชิ้นๆ เรื่องๆ ไม่มั่วมึน
พอแยกย่อยมันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้ว ก็จัดการกับมันง่ายขึ้น
เล่นงานมันไปทีละส่วน ทีละเรื่อง....เสร็จทุกปัญหา เสร็จทุกราย

ผมหมดหนี้หมดสิน หากินอย่างมีความสุข ทุกวันนี้...ก็เพราะ
...พุทธัง สรณังคัจฉามิ
...ธัมมัง สรณังคัจฉามิ
...สังฆัง สรณังคัจฉามิ
ขอยึดเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก
...ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า...ไม่มี.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 16:48:37




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:43:35 น.
Counter : 1268 Pageviews.  

กรรมทันตา คนบ้า

คนบ้า

แต่ก่อนเมื่อเข้าทำงานกับเฮียเฮงใหม่ๆ ราวๆ 30 ปีก่อน
ผมจะมีลูกพี่ที่สอนสั่งอีกคน ชื่อ พี่เจริญ คนนี้จะสอนแต่เรื่องที่ดี
การตรงต่อเวลา ความซื่อสัตย์ ความขยัน เล่ห์เลี่ยมมนุษย์ ฯลฯ
ไม่รู้มาคบกับเฮียเฮงได้ยังไง แต่ภายหลังขัดกันเรื่องนโยบายเลยแยกตัวไป

แถวๆ เต็นท์รถจะมีคนบ้าคนหนึ่ง บ้าเสียสติ...เนื้อตัวมอมแมม
น้ำท่าไม่อาบ เดินไปเดินมา ชอบเก็บกระดาษ หรือใบไม้ขึ้นมาอ่าน
ถ้าพี่เจริญ เจอคนนี้ทีไรแกจะให้เงินไปกินข้าว สิบบาท ยี่สิบบาท เป็นประจำ
ผมเห็นทีแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พอบ่อยๆ เข้าอดถามไม่ได้
พี่เจริญ ก็เล่าให้ฟังว่า...คนบ้า คนนี้แต่ก่อนอยู่ใกล้ๆ บ้านแก
ไม่ได้บ้ามาแต่เกิด เพิ่งจะมาเสียสติได้ซัก 10 ปีมานี้เอง
เป็นคนมีฐานะค่อนข้างจะไม่ดีนัก บ้านที่อยู่ก็ดีกว่าสลัมนิดนึง
มีลูก มีเมีย ชอบตั้งวงกินเหล้าตอนเย็นๆ เพื่อนฝูงประเภทเพื่อนกินเยอะ

อยู่มาวันหนึ่ง เกิดโชคดีมหาศาล ถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ....
สมัยนั้นคงจะเป็นเงินเยอะมาก.ก....ดีใจอย่างที่สุด
บอกลูกเมีย ก็ดีใจกันทั้งบ้าน...ยังไม่พอบอกใครต่อใคร ดีใจกันไปหมด
จัดแจงเลี้ยงฉลอง...ตั้งวงเหล้ากันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง
เพื่อนฝูงประเภทเพื่อนกินมากันยกใหญ่ หมดทั้งซอยมาร่วมยินดีเอาหน้าเอาตา
เฮฮา...เสียงลั่นซอยไปจนดึก ยิ่งกินก็ยิ่งคึก แกลุกขึ้นตะโกนก้อง
...กรูรวยแล้ว...ต่อไปนี้สบายแล้วโว้ย....
เพื่อนกินทั้งหลายกลายเป็นลูกคู่ หางเครื่อง คอยไชโยโห่ร้อง เต้นระบำกันสุดเหวี่ยง...ช่างมีมุทิตาจิตจริงๆ
เมื่อเมาได้ที่ เกิดไอเดียบรรเจิด บอกต่อไปจะไม่ซอมซ่อแล้ว จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เครื่องเสียง เครื่องใช้ใหม่หมด
ว่าแล้วตะโกนบอกเมีย ให้เอาของใช้เก่าๆ ออกมาเผาให้หมด เดี๋ยวซื้อใหม่...ไม่ต้องกลัว
ฝ่ายเมียก็ดีใจคุยไปทั่ว เห็นดีเห็นงามกับผัวช่วยกันเผาของใช้เก่าๆให้หมด
เผาของใช้ซึ่งปรกติก็มีไม่มากจนหมดแล้ว...ยังไม่สะใจ
คิดได้จะจับเมียแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยเช้ง....ให้เอาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่มีอยู่มาเผาซะให้เกลี้ยง...ถือว่าล้างซวยไปด้วย

กองไฟที่เผาของใช้ ก็ได้เผาเสื้อผ้าด้วย ทั้งของแก ของเมีย ของลูก
เผากระทั่งชุดนักเรียนของลูกทั้งหมด
ไม่ต้องห่วง...เดี๋ยวซื้อใหม่....ต่อไปนี้ กรูรวยแล้ว...
วงเหล้าก็กำลังมันส์ได้ที่ ยิ่งกินยิ่งเผา เพื่อนฝูงก็ยิ่งเชียร์...สนุก
สุดท้าย อารมณ์ขึ้นถึงขีดสุด ถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงหูรูดตัวเดียว
นอกนั้นเอาโยนเข้ากองไฟ...เผาล้างซวยให้หมด...กรูรวยแล้ว

ยืนดูไฟที่มอดใหม้อย่างสะใจ เพื่อนกินทั้งฝูง ส่งเสียงเชียร์กันสนั่น....เฮ้..เฮ้..เฮ้.

ฝ่ายเมียมัวแต่คุยเขื่อง หันมาเห็นตกใจแทบช๊อค วิ่งเข้ามาหา...
...ล๊อตเตอรี่ อยู่ที่ไหน...ใส่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือเปล่า....
แกนึกได้ หายเมาเป็นปลิดทิ้ง...ล๊อตเตอรี่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ...
เสื้อที่แกใส่ มีกระเป๋า มีฝากระเป๋า มีกระดุมติดอย่างดี
แกกลัวล๊อตเตอรี่หาย เลยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ติดกระดุมกระเป๋า ไม่กล้าฝากกับใคร...แม้กระทั่งเมีย
แต่...แกถอดเสื้อโยนไปเผา เมื่อตะกี๊นี้เอง...เผาล้างซวย...เพราะกรูรวยแล้ว...
วิ่งถลาเข้าหากองไฟ ทั้งผัวทั้งเมีย...คนอื่นยังยืนงง...
แล้วช่วยกันเอามือเปล่าๆ นี่แหละ คุ้ยกองไฟ...คุ้ย..คุ้ย..คุ้ย
แต่ช้าไปแล้ว....

แกเลยเสียสติ กลายเป็นบ้าในคืนนั้นเอง
ส่วนลูกเมีย โดนตามทวง ค่าเหล้า ค่าอาหาร เสื้อผ้าแทบไม่มีใส่
ต้องหนีหนี้ไปไม่กลับมาอีกเลย...

ผมฟังพี่เจริญ เล่าไปตาก็มองคนบ้าคนนั้นไป...บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
คนเราพอมีความหวัง ความดีใจขึ้นถึงที่สุด แล้วหายวับไปกับตา...
มันน่ากลัว จริง..จริง.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 18:27:02




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:41:20 น.
Counter : 1141 Pageviews.  

กรรมทันตา แก้ฮวงจุ้ย

แก้ฮวงจุ้ย

ประมาณ 11 ปีมาแล้ว
ตอนนั้นผมเป็น ผู้จัดการ ที่ นิสสัน พระประแดง อยู่เกือบถึงป้อมพระจุลฯ
ด้วยความที่ผมเคยเป็นเซลส์ ที่นี่ เลยสนิทสนมกับลูกน้องซึ่งก็คือเซลส์ด้วยกันมาก่อน
การค้าขายในขณะนั้นก็ราบรื่นดี ออกจะไปทางล้ำหน้าโชว์รูมอื่นด้วยซ้ำไป
เพราะถ้าเทียบด้านทำเล ถือว่าที่ผมอยู่ทำเลเสียเปรียบที่สุด

แล้วจู่ๆ ก็เกิดอาการยอดขายตกต่ำ
อันที่จริงอาจจะด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ และช่วงจังหวะเวลา
อาจจะเป็นที่คู่แข่งยี่ห้ออื่น ออกรถรุ่นใหม่พอดี ทำให้เกิดจังหวะชะงักงันก็ได้
แต่ลูกน้องแต่ละคนกลับเริ่มซุบซิบกันแปลกๆ ผมเองไม่ค่อยได้สนใจ
จนวันหนึ่ง ขณะที่ประชุมประจำวัน
เซลส์คนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า ตอนนี้โชว์รูมกำลังดวงตก ฮวงจุ้ยไม่ดี
สาเหตุเพราะฝั่งตรงข้ามถนน ได้มีการปลูกตึกแถวสี่ชั้น
มีการติดตั้งปูนปั้นเป็นรูปหัวสิงห์ขนาดใหญ่ อย่างสวยงาม หน้าเกรงขาม
ใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 เมตร
พอมองไปมันน่าเกรงขามจริงๆ สิงห์ตัวนี้ถึงจะมีแต่หน้า ไม่มีตัวก็ดูน่ากลัวมาก
ที่สำคัญเจ้าของตึกต้องการเล็งมายังโชว์รูมของผมโดยตรงเลย...แน่นอน
อาจจะเป็นเพราะในสมัยก่อน สยามกลการ ได้รับพระราชทานครุฑ
ที่โชว์รูมในอดีตก็มีติดตั้งอยู่ แต่ต่อมามีการแยกบริษัทเป็นบริษัทย่อยๆ
โดยใช้ชื่อ สยามกลการเซลส์ แทน จึงไม่สามารถติดตั้งครุฑได้
เพราะตามกฎหมาย กลายเป็นคนละบริษัทกัน

เจ้าของตึกหัวสิงห์ฝั่งตรงข้าม อาจกลัวว่าที่โชว์รูมจะติดตั้งครุฑอีก
จึงได้เอาสิงห์มาปะทะตรงๆ ตั้งใจเล็งมาเลย
ผมเองไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน และก็ไม่ค่อยตื่นเต้น ออกจะไม่ค่อยเชื่อ
แต่หลังจากวันนั้นมา เกิดอาการโรคจิตหมู่ในวงเซลส์ และพนักงานฝ่ายอื่นๆ
ยอดขายก็ตกลง...ตกลง เพราะพวกเซลส์ไม่มีกำลังใจ
ลำพังผมคนเดียวต้านเรื่องนี้ไม่ไหว พยายามแล้วแต่คนอื่นประสาทไปหมด
สุดท้ายพวกเซลส์รวมหัวกัน ยื่นคำขาดให้ผมแก้ไขด่วน....

ผมในตอนนั้นเลยต้องคิดหาวิธีสารพัด เลยลองศึกษาเรื่องฮวงจุ้ย
ยิ่งศึกษาหลายอาจารย์ยิ่งมึน ประมาณว่ามากหมอก็มากความ
แต่ผมมาชอบ อ.วิศิษฎ์ เตชะเกษม ท่านจบทางสถาปัตย์ จากจุฬา
แต่ที่สำคัญท่านเป็นลูกศิษย์ของคนที่กำหนดทิศเพื่อติดตั้ง ประตูมังกร ที่เยาวราช ถือเป็นมือหนึ่งของประเทศไทย
ประตูมังกร ที่หัวถนนเยาวราช ถือเป็นสิ่งศักด์สิทธิ์อย่างหนึ่งของเมืองไทยเลยนะครับ มีการลงสัญลักษณ์ความเป็นมงคลไว้ถึง 5 อย่าง
แต่ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว
ตำแหน่ง และองศา ถูกคำนวนละเอียดถี่ยิบ ตามทฤษฎีโลกยุคที่ 8
พลังชี่ ในโลกจะมาทางเอเซีย ผู้หญิงจะเป็นใหญ่ อะไรประมาณนี้
อ้อ...แถมหน่อย ใครอยากเฮงให้ไปยืนใต้คานประตูมังกร ให้ตรงจุดที่มาร์คไว้ สังเกตุดูจะเห็นง่าย แล้วอธิษฐาน จะได้พลังมาก...
หันหน้าออกให้ถูกทิศนะครับ หันไปทางวัดไตรมิตร
ตรงนี้ถือเป็นจุดรับพลังชี่จากพระอาทิตย์ที่แรงที่สุดในประเทศไทย

ไปไกลแล้ว กลับมาที่ อ.วิศิษฎ์ ผมชอบเพราะแนวทาง แนวคิดของท่าน
เป็นวิทยาศาสตร์มากๆ เป็นเหตุเป็นผล
ท่านอธิบายว่า ศาสตร์ฮวงจุ้ย ก็คือเหตุผลทางสถาปัตย์ และวิศวกรรม
ที่คนโบราณสอนกันไว้ แต่ไม่ค่อยอธิบายเหตุผล ตัวอย่างเช่น
ห้ามปลูกบ้านตรงทางแยก เพราะสมัยก่อนจะเป็นทางน้ำป่าเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็เป็นทางลม อาจโดนพายุได้
หรือหากขุดบ่อน้ำใหญ่ในบ้าน จะพบกับเคราะห์เจ็บป่วย หรือภัยพิบัติ
เหตุผลก็คือ ความชื้นจากน้ำทำให้เป็นไข้ อุบัติเหตุเด็กตกน้ำ และสมัยก่อนดินอ่อนบ้านอาจจะทรุดพังได้
ไม่เหมือนสมัยนี้ สร้างสระว่ายน้ำยังได้เพราะมีการลงเสาเข็ม มีการฉาบปูนกันน้ำ
แต่ผู้อยู่อาศัยก็ยังมีปัญหาเรื่องความชื้น จะทำให้เป็นหวัด หรือโรคระบบทางเดินหายใจอยู่ดี

อ.วิศิษฎ์ ท่านจะเน้นว่าฮวงจุ้ย เป็นความรู้เรื่อง ทิศทางลม ทางน้ำ และแสงสว่าง
ให้สังเกตุดู ทาวน์เฮ้าส์ที่ด้านหลังทึบตัน อากาศไม่ไหลเวียน คนอยู่อาศัยจะมีปัญหาเรื่องปวดหัวมากๆ
เพราะลมไม่หมุนเวียน ขาดออกซิเจน สมองมันเลยไม่โปร่ง ยิ่งทึบแสงแดดส่องไม่ถึง ยิ่งมีแบคทีเรียมาก
แต่ อ.วิศิษฎ์ ก็ให้ทางแก้เรื่อง สิงห์ ไม่ค่อยชัด พูดแต่มันส่งพลังมากดดันประมาณเนียะ...
สุดท้ายไม่ได้เรื่อง จนปัญญา พวกลูกน้องก็ทำท่าจะประท้วงหยุดงานเอาแน่ะ

ผมเลยต้องไปปรึกษา คุณลุง สำเนียง หมอดูในดวงใจของผม
หลังจากเล่าเรื่องให้ท่านฟัง ท่านได้ให้คำแนะนำว่า
โดยปรกติจะเจอแต่ปัญหาเรื่อง ครุฑ ซะมากกว่า ก็ต้องไปดูประวัติครุฑให้ดี
ครุฑ เป็นสัตว์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นลูกน้องพระนารายณ์ มีฤทธิ์มาก
สิ่งที่น่าจะแก้ได้ดีที่สุดคือ รูปพระเจ้าอยู่หัว หรือในหลวง เพราะท่านคือ พระนารายณ์อวตาร
แต่ของผมต้องแก้เคล็ดเรื่อง สิงห์ ซึ่งคุณลุงก็ให้ความเห็นว่าน่าจะติดตั้งรูปในหลวง นี่แหละดีที่สุด
เพราะ ในหลวง ของเราดีที่สุดในโลกแล้ว
แต่ที่กรอบรูปให้ติดครุฑไว้ด้วย เพื่อให้ครุฑมาข่มสิงห์อีกที

จากนั้นผมก็เลยไปสั่งทำกรอบรูป ในหลวง ขนาดใหญ่สูงเมตรกว่า
และสั่งพิเศษให้ติดตัวครุฑที่กรอบด้านล่างด้วย ทางร้านเขามีให้เสร็จเกือบ 3,000
พอวันติดตั้งที่โชว์รูม ผมให้เซลส์ทุกคนช่วยกันทำ...แหม ช่วยกันเล็งให้ตรงกับสิงห์เลย
เท่านั้นไม่พอ ผมบอกสิงห์เป็นเจ้าป่า เราต้องช่วยกันตกแต่งหน้าโชว์รูมให้เป็นสวนสวย ๆ
เลยทำกัน 2 วันเต็มๆ ผมเลยให้แถมจัดสวนที่ศาลพระพรหม ทำบ่อบัวด้วยซะเลย
หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ ยอดขายกลับมาดี ถึงดีมากๆ เพราะเซลส์มีกำลังใจ
แถมไอ้เจ้าคนที่ไปจัดสวนให้ศาลพระพรหม ดั๊น.น..ขายดี ลูกค้าซื้อทีเดียว 3 คัน ขายมีกำไรด้วย
อีทีนี้มีแต่คนแย่งกันไปดูแลศาลพระพรหม

หลังจากนั้นมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องสิงห์ อีกเลย
เพราะทุกคนเชื่อมั่น ในพระบารมีของในหลวง อย่างเต็มเปี่ยม...

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 16:33:37




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:39:56 น.
Counter : 2146 Pageviews.  

กรรมทันตา วัดสังฆทาน

วัดสังฆทาน

ครั้งแรกที่ผมหัดถือ อุโบสถศีล หรือที่เรียกว่าบวชเนกขัมมะ
ผมไปที่วัดสังฆทาน เชิงสะพานพระราม 5 นนทบุรี

สักประมาณ 5 ปี มาแล้ว เริ่มมาจาก เด็กที่บ้านคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 25 ปี
เธอเกิดอยากจะบวชชีพราหมณ์ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน และที่สำคัญ
เธอกลัวผีมาก...ถึงมากที่สุด ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ขนาดดาราตายยังกลัวผีดารา
ภรรยาผมเค้าเลยแนะนำว่า เคยไปทำบุญไหว้พระที่วัด สังฆทาน น่าสนใจดี
แต่มีปัญหาเรื่องกลัวผี ด้วยความที่อยากให้เด็กคนนั้นได้บุญ
ภรรยาผมเลยลงทุนไปเป็นเพื่อน เลยถือโอกาสบวชชีพราหมณ์ด้วย
ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำอย่างนี้เลย...ผมก็ต้องไปเป็นเพื่อนภรรยาอีกที

หาวันเวลาว่างได้ช่วงเข้าพรรษา 3 วัน 2 คืน
พอไปถึง ลงทะเบียนเรียบร้อย มาดู...โอ้โฮ ทำไมคนมันเยอะอย่างงี้
คนมาถือศีลอุโบสถมาก เต็มกำลังที่วัดจะรับได้เลย
วันแรก ได้เข้าทำวัตรเย็น เป็นครั้งแรกในชีวิต...แหม ดีใจ อิ่มบุญ
ตอนเช้า ตื่นแต่เช้ามืด อาบน้ำอาบท่า ไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า
จำได้ว่า จิตใจสดใสมาก
ตอนสาย คนเริ่มมาเที่ยวที่วัดเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นวันหยุดแถมเป็นช่วงวันเข้าพรรษาอีกต่างหาก
ที่วัดก็มีกิจกรรม ตั้งโต๊ะขายดอกไม้ ขายเทียนพรรษา
ภรรยาของผมเค้าอยากได้บุญเลยไปช่วยทำดอกไม้ จัดดอกไม้สนุกไป
แรกๆ ผมก็ช่วยเค้า แต่เราเป็นผู้ชายทำก็ไม่ค่อยเป็น เกะกะเขาด้วย
หันไปหันมา เห็นแม่ชีตั้งโต๊ะขายเทียนพรรษา ผมก็ไปช่วยยกช่วยตั้ง
ถึงได้รู้ว่า เทียนพรรษาที่นำมาขายทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ เอามาจากห้องเก็บของ
เป็นเทียนที่มีคนถวายไว้ปีก่อนๆ
ผมก็ เอ๊ะ...ทำไมทำหยั่งงี้ คนเค้าถวายไว้แล้ว เอามาขายใหม่ได้เหรอ...
แต่ก็ช่วยเขายกมานะ แม่ชีสั่งมา ผมก็ทำตาม
สุดท้ายอดรนทนไม่ไหว ถามแม่ชีตรงๆ เลย ว่าทำหยั่งงี้ได้ด้วยเหรอ
แม่ชีท่านก็มองหน้า แล้วอธิบายว่า...
...ที่วัดสังฆทานนี่ มีทั้งพระ และแม่ชีอยู่กันเยอะ
แต่ที่มากที่สุด คือคนที่มาบวชเนกขัมมะ หรือชีพราหมณ์
ทุกคนที่มาไม่มีการเสียค่าใช้จ่าย ทุกอย่างฟรี...หมด
แต่ที่วัดต้องจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอะไรต่อมิอะไร รวมแล้วเดือนละ 3 – 4 แสนบาท อย่างต่ำ
โบสถ์แก้วที่ใช้เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ก็เปิดแอร์แทบตลอด
หลวงพ่อ สนอง กตปุญโย ท่านต้องการให้ผู้ที่มากราบไหว้ ทำวัตร สบายตัว จะได้สบายใจ
ด้วยค่าใช้จ่ายที่มากมายอย่างนี้ ถ้าเราไม่ช่วยกันหารายได้ แล้วจะเอาที่ไหน
เทียนพรรษาเหล่านี้ ถึงแม้คนจะถวายไว้แต่ก็ใช้ไม่หมด เก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์
แต่ถ้าทางวัดไม่เอามาขาย ก็มีคนอื่นภายนอกจ้องเอามาขายแทน ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่กล้าปฏิเสธ
งั้นวัดเอามาขายเองดีกว่า...ดีกว่าให้คนอื่นมาขาย...

ผมฟังแล้ว ค่อยๆ คิดตามก็จริงแฮะ ขนาดอย่างนี้ยังมีคนนอกวัดมาตั้งโต๊ะขายริมประตูวัดเลย
ผมมองไปรอบๆ คนมาบวชชีพราหมณ์กันมากจริงๆ เป็นร้อยๆ
ทุกคนก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายสักบาท กินฟรี อยู่ฟรี ทุกอย่างฟรี
เมื่อคิดอย่างตรึกตรองแล้ว ก็เข้าใจความจำเป็นที่ต้องช่วยกันหารายได้เข้าวัด....
จากนั้นแม่ชีก็เรียกคนที่ว่างๆ มาช่วยกันจัดร้าน และนั่งเฝ้าขายเทียน
ผมเองก็ไปเดินเล่น กวาดวัด....จนเบื่อ เลยเดินมาดูภรรยา
ปรากฏว่าที่โต๊ะดอกไม้วุ่นวายมาก คนสนใจซื้อไปถวายพระ โดยเค้าจัดเป็นพานพุ่มเล็กๆ
แต่ก็ใช้วิธีเวียนเทียนเหมือนกัน แต่เอามาตกแต่งใหม่ทุกครั้ง ภรรยาผมก็กำลังสนุกกับการทำกุศล...
ผมเห็นแล้วนึกอิจฉา...ไม่ได้การเดี๋ยวไม่ได้บุญเท่าเขา หาอะไรทำมั่งดีกว่า
หันไปดูที่โต๊ะเทียนพรรษา...หงอยเหงามาก ไม่มีใครสนใจซื้อเลย คนขายก็นั่งเซ็งๆ
แถมผมเห็นคนที่มาวัด ซื้อจากข้างนอกเข้ามาถวายอีกต่างหาก...เห็นแล้วทนไม่ไหว
ผมเลยจัดแจงลงมือจัดร้านขายเทียนซะใหม่ แยกขนาด ทำความสะอาดเทียนเพราะเก่าเก็บ ตกแต่งให้ดูดี
แล้วตั้งราคาตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 300 แล้วแต่ขนาด
จากนั้นผมก็ร้องขาย ตะโกนขาย...อย่าลืมว่าผมก็ขายของที่คลองถมทุกวันอาทิตย์อยู่แล้ว
แต่การขายเทียนพรรษานี่ ผมเปลี่ยนมุมมอง และวิธีการใหม่
โดยเน้นว่าเป็นเทียนของทางวัด รายได้เข้าวัดโดยตรง
การทำบุญด้วยเทียนพรรษา เท่ากันจุดแสงสว่างส่องทางให้ชีวิต
บุญกุศลนี้ จะส่งผลให้ชีวิตและกิจการที่มืดมน จะสว่างไสว............

ผมร้องขายได้เดี๋ยวเดียว คนที่เดินกันขวักไขว่เริ่มสนใจ ผมก็เน้นเรื่องราคาชัดเจน มีทั้งเล็กทั้งใหญ่
เมื่อมีคนสนใจซื้อ ผมก็จะอนุโมทนาดังๆ แถมอวยพร...
....อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...ขอให้ชีวิตรุ่งโรจน์ สว่างไสวดุจดังแสงเทียน...นะครับ...สาธุ.
ผมเน้นมาก เสียงดังเชียว เวลาอนุโมทนา และอวยพรให้ชีวิตท่านต่อแต่นี้สว่างไสว สดใส ดังแสงเทียน....
ที่สำคัญ ขณะส่งเทียนให้เขา...ผมไม่ปล่อยมือทันทีที่เขารับ ผมจะมองเข้าไปดวงตาเขา พร้อมอวยพรให้เขาฟังโดยเฉพาะ...
เรียกว่า ใช้พลังในการส่งคำอวยพร อย่างตั้งใจจริง
คนที่ซื้อเทียนทุกคน...เขาดีใจมาก...แต่ละคนท่าทางมีปัญหา มีกังวลกับชีวิตทั้งน้าน..น...
พอมีใครสักคนบอกเขาว่า กุศลผลบุญนี้จะทำให้ ชีวิตสดใส สว่างไสว...
พวกเขาก็รู้สึกเลยนะ...เขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง...
บางคนรับเทียนไป รับคำอวยพรจากผมไป...น้ำตาซึมไปทั้งเขา ทั้งผม

ผมยืนขายอยู่จนกระทั่งเย็น ได้เงินมามากทีเดียว เพราะใช้วิธีเวียนเทียน
คนที่เอาไปถวายแล้ว ผมก็เอามาขายใหม่...แม่ชีดีใจมาก.ก...
ดีใจที่ได้ช่วยหลวงพ่อ อย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย ไม่ได้เป็นกาฝากเกาะวัดเฉยๆ
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันหยุดอีกวัน คนมาที่วัดกันมากมาย...ดูแล้วน่าดีใจ คนไทยก็ยังใจบุญสุนทาน ไหว้พระทำบุญ
ทำวัตรเช้าเสร็จ ผมรีบมายืนขายแต่เช้าเลย...ปรับเทคนิคให้ดีกว่าเดิม
มีคนมาช่วยผมหลายคน แต่ผมเป็นตัวยืน ทั้งร้องชักชวน ทั้งอวยพร...
เป็นการทำบุญทำกุศลในแบบที่ผมถนัด และทำได้...ผมสนุก และสุขใจอย่างที่สุด

สรุปว่า ทั้ง 3 วัน ผมกับภรรยา ไม่ค่อยได้ปฏิบัติฯ ทำสมาธิ สวดมนต์เท่าไหร่
แต่ก็สนุกกับการทำบุญหาเงินเข้าวัด ด้วยแรงกาย แรงใจ ด้วยจิตที่บริสุทธิ์จริงๆ ...

ความรู้สึกมันดีมากเลย...อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ
ยิ่งกว่าการถวายด้วยเงินเป็นแสน เป็นล้านซะอีก....
ลองทำบุญด้วยแรงกาย แรงใจ ดูบ้างซิครับ...มันดีจริง...จริง...เลย

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 17:54:50




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:38:15 น.
Counter : 1506 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.