กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
กรรมทันตา โอ้..อินเดีย 5

โอ้..อินเดีย 5

สวัสดีครับ มาฟังกันต่อนะ
เมื่อวานเล่าค้างไว้ถึงการไปปฏิบัติธรรมที่ พุทธคยา ในตอนกลางคืน
แต่เมื่อเช้าขึ้นตอนตี 3 กว่าๆ พวกเราเก็บสัมภาระแล้วแต่ยังออกไม่ได้ เพราะประตูจะเปิดตอนตี 4 ตรง
พระอาจารย์เกษมสันต์ แห่งวัดนครปฐม ที่เมตตาไปดูแลพวกเรา
ท่านก็เลยเล่าเรื่องของ พระพุทธเมตตา ให้ฟัง
ซึ่งผมฟังแล้วตื่นเต้น ประทับใจมาก แต่จำได้ไม่ค่อยหมด
เลยต้องมาหาข้อมูลเพิ่มนิดหน่อย
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
อ้อ...อีกอย่างนึงที่ต้องขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาฟ้าดิน และผู้อ่านไว้ก่อน
คือผมขอเล่าในแบบของผม ในภาษาง่าย ๆ ที่อาจผิดพลาดในเรื่องศัพท์ และราชาศัพท์นะครับ

หลังจากที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ปรินิพพานไปแล้ว 200 กว่าปี
กษัตริย์ผู้เรืองอำนาจในอินเดียขณะนั้น คือ...พระเจ้าอโศกมหาราช
แห่งราชวงศ์โมริยะ
ในช่วงที่พระองค์ยังหนุ่มแน่น ได้ทำสงครามอย่างดุเดือดมากมาย
สามารถปราบแคว้นต่าง ๆ จนรวบรวมดินแดนทั้งหมดในอินเดีย ไว้แต่ผู้เดียว
พระองค์ครองราชมาถึง 20 กว่าปี ด้วยความที่กลัวจะถูกแย่งบัลลังก์
ทำให้ท่านฆ่าญาติพี่น้องของตัวเองตายไปถึง 99 องค์
อยู่มาเช้าวันหนึ่ง พระเจ้าอโศกฯ อารมณ์ดีเปิดหน้าต่าง
มองออกไปเห็น สามเณรน้อย ที่มีอิริยาบถน่าเลื่อมใสอย่างที่สุด รูปหนึ่งเดินผ่านไป
ในทันทีที่เห็นสามเณรน้อยนี้ ท่านความรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด
จึงให้คนไปนิมนต์ท่านเข้ามาในวังเพื่อสอบถาม
เมื่ออยู่ต่อหน้าสามเณรรูปนี้ พระเจ้าอโศกฯ ท่านมีอาการใจเต้น ตกประหม่า อย่างระงับไม่ได้
หลังจากสอบถามแล้ว จึงทราบว่า สามเณรน้อยนี้ชื่อ สามเณรนิโครธ
เป็นลูกของพี่ชาย ที่ท่านสั่งประหารไปเพราะกลัวแย่งราชบัลลังก์
แต่มเหสีที่มีท้องอยู่ขณะนั้นหลบหนีออกไปได้ ท่านจึงรอดชีวิตมาจนบวชเป็นสามเณร
บำเพ็ญเพียรด้วยบารมีจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ

เมื่อพระเจ้าอโศกฯ รู้ความจริงแล้วก็ให้เกิดความเสียใจในบาปกรรมที่ได้กระทำมา
ว่ากันว่า คนที่ถูกท่านฆ่าตายไปมากมายขนาดเลือดท่วมถึงหัวเข่าทีเดียว
จนประชาชนเรียกท่านว่า พระเจ้าอโศกผู้โหดเหี้ยม
ท่านบังเกิดความรัก และเลื่อมใสต่อ สามเณรนิโครธ เป็นอย่างมาก
ได้ถามว่าท่านเป็นศิษย์ของผู้ใด ศาสนาอะไร
ซึ่งในตอนนั้น พระเจ้าอโศกฯ นับถือพวกนักบวชชีเปลือย
สามเณรน้อย ได้บอกว่าท่านเป็นศิษย์ในศาสนาพุทธ ประพฤติอยู่ในธรรมวินัย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตั้งแต่นั้นมา พระเจ้าอโศกฯ ก็นิมนต์ให้สามเณรนิโครธมาสั่งสอนจนบังเกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างที่สุด

ขอย้อนไปเหตุการณ์หลังจากที่ พระพุทธเจ้า ได้เสด็จปรินิพพานแล้ว
มีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนเพื่อไม่ให้กษัตริย์ผู้มีอำนาจที่เลื่อมใสทะเลาะทำสงครามแย่งชิงกัน
ต่อมาพระเจ้าอชาตศัตรู ต้องการสร้างบุญกุศลเพื่อลดทอนบาปกรรมจากการฆ่า พระเจ้าพิมพิสาร พ่อของตนเอง
พระมหากัสสปเถระได้แนะนำให้ พระเจ้าอชาติศัตรู ไปหาวิธีรวบรวมเอาพระบรมสารีริกธาตุ กลับมาไว้ยังกรุงราชคฤห์
โดยเก็บรวบรวมไว้ที่พระสถูปแห่งหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นที่...เกสริยาสถูป

ทางด้าน พระเจ้าอโศกฯ ท่านมีความต้องการบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการไถ่บาปกรรมที่เคยกระทำไว้ให้ลดน้อยลง
จึงพยายามรวบรวม พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้ามาเพื่อกระจายออกไปให้ทั่วทั้งชมพูทวีป
และได้พยายามดั้นด้นไปขุดค้นจนพบ พระบรมสารีริกธาตุ ที่พระเจ้าอชาตศัตรูรวบรวมไว้
แล้วสั่งให้สร้างพระเจดีย์ที่บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ทั่วทั้งอินเดียทั้งหมด 84,000 องค์
โดยมีพระเจดีย์ใหญ่ที่สุดก็คือ เจดีย์พุทธคยา นี้เอง
เมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างยากลำบากแสนสาหัส แต่ก็สำเร็จลงได้ด้วยดี
พระเจ้าอโศกมหาราช จึงจัดให้มีงานเฉลิมฉลองทั้งเมืองอย่างยิ่งใหญ่มโหราฬถึง 7 วัน
แต่ทว่าการทำบุญกุศลครั้งใหญ่ก็ย่อมต้องมีมารตัวใหญ่มาผจญ
ท่านจึงได้อัญเชิญ...พระอุปคุตเถระ มาช่วยคุ้มครอง
ปรกติแล้ว พระอุปคุต ท่านเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแต่ไม่ชอบอยู่ในเมือง
ท่านไปปลีกวิเวก อยู่กลางมหาสมุทรโน่นแน่ะ
เมื่อพระอุปคุตเถระ ยอมมาช่วยก็เป็นที่เบาใจ งานฉลองก็เป็นไปอย่างเต็มที่ระบือลือลั่นไปถึงแม้ในสวรรค์
พญามาร ซึ่งก็คือ...พระยาวสวัตตีมาร
องค์เดียวกับที่เคยขัดขวางพระพุทธเจ้าขณะจะบรรลุสัมโพธิญาณ
ปรกติจะอยู่ที่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัดดี โดยสวรรค์ชั้นนี้จะมีเทพ และมารอาศัยอยู่ร่วมกัน แบบต่างคนต่างอยู่

พญามาร เห็นการจัดงานฉลองอันยิ่งใหญ่ก็ทนไม่ได้
เพราะเกรงว่าคนจะเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากเกินไป
ก็รีบมาป่วนงาน โดยเนรมิตลมพายุอย่างหนักเข้าถล่ม
แต่ก็ถูก พระอุปคุตเถระ ปัดเป่าไปได้
เลยเอาใหม่ซัดพายุลูกเห็บเข้ากระหน่ำ แต่ก็ถูกพระเถระปัดไปทิ้งทะเลหมด
อีทีนี้ซัดกระหน่ำด้วยพายุหอกดาบอีก แต่ก็ไม่เป็นผล
พอรู้ว่า พระอุปคุตเถระ นั่นเองคอยปัดเป่าจึงเนรมิตร่างเป็นวัวกระทิงตัวใหญ่เข้าขวิดท่าน
พระเถระ ก็เนรมิตตัวเป็นเสือใหญ่เข้าไล่กัดจนกระเจิงไป
พญามารแค้นจัด เนรมิตร่างเป็นพญานาคที่มี 7 หัวเข้ามาทำร้าย
แต่พระอุปคุตเถระ ท่านแน่กว่าเนรมิตร่างเป็นพญาครุฑเข้าไล่จิกจนกระเจิงไป
พญามารวิ่งไปตั้งหลักด้วยความแค้นจัดสุดขีด แปลงร่างเป็นพญายักษ์เข้าทำร้ายท่านอีก
แต่พระเถระ ตอบโต้ด้วยการแปลงร่างเป็นพญายักษ์ที่ใหญ่กว่ากระโดดถีบ แล้วจิกหัวยักษ์แปลงตนนั้นไว้
พญามาร หมดท่ากลายร่างกลับมาเป็นชายหนุ่ม เข้าก้มกราบขอขมาพร้อมขอให้ไว้ชีวิตด้วย
พระเถระท่านใจดี แต่ไม่ไว้วางใจจึงเอาหมาเน่าคล้องคอพญามารไว้แล้วเสกสำทับไม่ให้มีใครนอกจากท่านเอาออกได้

ท่านพญาวสวัตตีมาร เป็นเทพที่ยิ่งใหญ่และสำอางค์มาก
เจอหมาเน่าผูกคอแบบนี้ก็แทบบ้า รีบเหาะไปหาผู้ช่วยเอาออก
แต่ไปหาเทพผู้ใหญ่องค์ไหนๆ พอรู้ว่าพระอรหันต์เป็นผู้เสกไว้ก็ไม่มีใครกล้าเอาออกให้
ขนาดไปหาพระอินทร์ให้ช่วย พระอินทร์ยังเหาะหนีเลย
พญามาร ทนทุกข์เวทนากับหมาเน่าที่ส่งกลิ่นเหม็ฯมากขึ้นอย่างสุดจะทน
แถมยังถูกเทพทั้งหลายยิ้มเยาะอีกต่างหาก
ในที่สุดหมดท่า เข้ามากราบกรานขอให้พระอุปคุตเถระ ยกโทษให้
ตนยอมแพ้ราบคาบแล้ว จะทำยังก็ยอมขอแต่เอาหมาเน่านี้ออกไปทีเหอะ
พระเถระ ท่านก็เห็นแก่ว่า พญามาร ละพยศลดทิฐิแล้วก็เอาหมาเน่าออกให้
แต่งานฉลองยังมีอีกตั้ง 7 วัน กลัวเหตุการณ์ผลิกผันจึงเอาสายประคตไปผูกเอว พญามาร แล้วผูกไว้กับภูเขา
พอครบกำหนด พระอุปคุตเถระ ก็แอบย่องไปดูพญามารว่าละพยศหรือยัง
ฝ่ายพญามาร ถูกมัดไว้กับภูเขาหลายวันเข้าก็นั่งบ่นอุบอิบ
ว่า แต่ก่อนตนเองไปรังควานพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ก็ยังไม่เห็นถือโทษโกรธเคืองขนาดนี้
แต่นี่อะไรกัน พระเถระ เป็นลูกศิษย์ซะอีกกลับทำกับตัวได้ถึงขนาดนี้
คิดไปคิดมาแล้วว่า พระพุทธเจ้า ท่านดีกว่าเยอะ....เลย
ต่อไปนี้ขออธิษฐานว่า...ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้า ในกาลข้างหน้าด้วยเถิด
พระเถระ ท่านจึงออกมาสอนว่า...
ที่ทรมานพญามาร ก็เพื่อให้ท่านได้สำนึกเท่านั้น ไม่ได้มีความโกรธแค้นใด ๆ
แล้วต่อแต่นี้ขอให้บำเพ็ญบารมีให้เต็มที่ เพื่อให้สำเร็จตามคำอธิษฐานในอนาคตกาลแน่นอน
แต่ก่อนอื่นขอให้ช่วยทำความดีให้ซักอย่างหนึ่งเถอะ
พญามารก็รับปากทันที
พระเถระ อธิบายว่า ท่านและคนในยุคนี้เกิดมาไม่ทันได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
แต่พญามาร ต้องเคยเห็นแน่นอน เพราะเคยไปขัดขวางการบรรลุโพธิญาณด้วยซ้ำ
จึงขอให้ช่วยแปลงร่าง ให้เหมือนกับ พระพุทธเจ้า ให้ดูหน่อยเถอะ...อยากเห็น
พญามาร กลับบอกว่าไม่ได้หรอก
เพราะว่า พระพุทธเจ้า นั้นมีบารมีสั่งสมมามากล้นพ้นประมาณ ยังไงก็ไม่เหมือน
ถ้าให้คล้ายเต็มที่ซักหนึ่ง ใน หมื่นแสน ก็คงจะพอได้
แต่ห้ามพระเถระ ไหว้รูปที่แปลงโดยเด็ดขาดนะ เพราะจะเป็นบาปกรรมแสนสาหัสแก่ข้าพเจ้า

เมื่อตกลงกันได้แล้ว พระอุปคุตเถระ ก็นำพญามารไปให้ พระเจ้าอโศกมหาราช และคนทั้งหลายได้ดู
พญามาร ได้เข้าไปในที่กำบังแล้วแปลงกายเป็น พระพุทธเจ้า
มีบุคคลิกลักษณะ 32 ประการมีรัศมีสว่างไสว เหาะออกมาบนท้องฟ้า
ประชาชนคนทั้งหลายเห็นแล้วเกิดปิติเลื่อมใส พากันยกมือขึ้นไหว้
พญามาร ก็ยังเกรงว่าจะไม่เหมือนจึงเนรมิตให้ร่างแปลงนี้มีรัศมีออกมาอีก 6 สีเหมือนดังที่พระพุทธเจ้า ท่านมี
พระอุปคุตเถระเอง ก็เกิดความเลื่อมใสจนยกมือขึ้นไหว้ร่างเนรมิตนี้
ทันใดนั้น พญามารก็กระเด็นไปไกลโพ้นตกกระแทกอย่างแรง
แล้วรีบเหาะมาต่อว่าพระเถระ...ไหนท่านว่าจะไม่ไหว้ข้าพเจ้าไงล่ะ
ดูซิอย่างนี้ข้าพเจ้าก็ต้องเป็นบาปกรรมไปอีกมากแค่ไหนกันล่ะ
พระเถระ ท่านจึงกล่าวว่า...พวกเราไม่ได้ไหว้ท่าน เราไหว้พระพุทธเจ้าของเราต่างหาก
บาปกรรมย่อมไม่มีแก่ท่านแน่นอน
แล้วก็ปล่อยพญามารไป.....

พระเจ้าอโศกมหาราช ที่ได้เห็นร่างเนรมิต ก็ให้เกิดความเลื่อมใสอย่างล้นพ้นประมาณ
สั่งให้จัดหาช่างฝีมือดีที่สุดมา สร้างจำลองรูปพระพุทธองค์ไว้
จึงได้เกิด พระพุทธเมตตา ขึ้นอย่างที่เราได้เห็น ให้เป็นบุญหนักหนา
นี่แหละที่ว่า...พระพุทธเมตตา คือพระพุทธรูปที่เหมือนพระพุทธเจ้ามากที่สุด
เหตุเพราะช่างที่ทำ ก็ได้เห็นร่างเนรมิตด้วยพร้อมกันนั่นเอง

พอฟังจบ พวกผมทุกคนไปกราบระลึกพระคุณของ พระเจ้าอโศกมหาราช พระอุปคุตเถระ และพญามาร
ที่ช่วยให้เราได้เห็น พระพุทธเจ้า ด้วยตาของเราเอง...


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com



Create Date : 03 เมษายน 2555
Last Update : 3 เมษายน 2555 1:24:09 น. 2 comments
Counter : 1603 Pageviews.

 
เข้ามาบอกว่าตามอ่านอยู่ครับ


โดย: ประกอบ วันที่: 10 เมษายน 2555 เวลา:5:21:38 น.  

 
สนุกมากคะ บรรยายดีมาก


โดย: nongparn IP: 49.48.227.75 วันที่: 3 เมษายน 2556 เวลา:14:32:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.