กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

วัดป่า...มหาสนุก 16

วัดป่า...มหาสนุก 16

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

อย่างที่เคยเล่าไปตั้งแต่แรก ๆ แล้วว่าที่ วัดป่า........ ใน จ.กาฬสินทธุ์ แห่งนี้
เป็นป่าช้าเก่าแก่มานานเป็นร้อยปีแล้ว มีการเผาแบบ สด ๆ และ ฝังแบบ ดิบ ๆ มากมาย
วิญญาณ ที่ห่วงร่างของตัวเอง หรือพวกผูกอาฆาต รวมถึงที่ไม่มีทางไป วนเวียนอยู่มากมาย
แถมด้วย....การมีสภาพเหมือน สถานีรถไฟหัวลำโพง หรือ สนามบิน 
คือเป็น จุดพัก จุดเปลี่ยน ของการเดินทางต่อไปในภพภูมิที่ตัวจะต้องเป็นไป
เหมือนผู้โดยสาร ที่มารอตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน
บางรายเพิ่งตาย มาสด ๆ ร้อน ๆ.....ก็มารอตั๋ว รอคนมารับเพื่อเดินทางต่อไป
บางราย ก็เพิ่งกลับมาจาก นรกบ้าง สวรรค์บ้าง ก็มารอตั๋ว เพื่อไปต่อ
ไอ้ที่ตกค้างเพราะทำเวรทำกรรมบางอย่าง ไปก็ไม่ได้ อยู่ก็ลำบาก ประดักประเดิดก็มี
หรือบางท่าน เป็นคนที่มาวัด เพื่อฝึกหัดปฏิบัติธรรม เดินจงกรม ทำสมาธิภาวนา อยู่เสมอไม่ได้ขาด
พอตายลงแล้ว แต่จิตเจตจำนง ยังคงรักชอบการ ปฏิบัติฯ ภาวนา เค้าก็มีพลังมากพอที่จะ อยู่กับวัดเพื่อ...ภาวนาต่อไป
ที่นี่ จึงเต็มไปด้วย ผี วิญญาณ ทั้งดี ทั้งร้าย จึงต้องมี...เทพเทวา 
ที่ท่านมีกรรมให้ต้องมาทำหน้าที่ควบคุมดูแล จัดสรรความเป็นระเบียบเรียบร้อย
หลวงพ่อ...ท่านเคยเล่าว่า ในตอนที่ท่านมาทีวัดแห่งนี้ วันแรก ๆ เลย
มีผู้ชาย รูปร่างสง่าน่าเกรงขาม แต่งตัวนุ่งห่มด้วย....ผ้าขาว
มากราบท่าน แล้วรายงานตัวว่า...เป็นผู้ดูแลอยู่ที่นี่ ขอนิมนต์ให้หลวงพ่อ มาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้ความร่มเย็นเป็นสุขอยู่ที่นี่ เถิด
หลวงพ่อ....ท่านเรียกว่า....ปู่ผ้าขาว
หลังจากวันนั้นแล้วตลอดเวลา 30 ปี ปู่ผ้าขาว ก็มากราบพบท่านบ้างเป็นบางครั้งบางคราว
พวก ครูบา ทั้งหลายก็บอกว่า...เคยได้สัมผัส พบเจอบ้าง แล้วก็ทำหน้าทำตา แปลก ๆ กัน ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

หลังจากที่ หลวงพ่อ...เล่าเรื่อง ปู่ผ้าขาวแล้ว
คืนหนึ่ง ผมกำลังเดินจงกรม ในบรรยากาศที่มืดมิดไปด้วยร่มครึ้มของต้นไม้ มีแต่เพียงแสงดาว บนท้องฟ้าเท่านั้น 
กำลังเดินเพลิน...ใจมันดันทะลึ่ง นีกไปถึง ปู่ผ้าขาว และสีหน้าของพวก ครูบา ว่าที่พวกท่านทำหน้าอย่างนั้นหมายถึงอะไร
พอเดินสุดทางจงกรม ก็ต้องกลับตัวแล้วเงยหน้าขึ้น....โอ้โฮ มองไปไกล ๆ ในที่....มืดมิด มีแต่ต้นไม้ใหญ่
มีเงาตะคุ่ม รูปร่างดั่งคน....นุ่งห่มผ้าขาว ยืนอยู่ไกล ๆ หันมาทางผม
ในสภาพรอบข้างที่มีแต่ความมืด แสงดาว ส่องกระทบผ้าสีขาว สะท้อนส่องประกายชัดเจนมาก
โอ๊ยยยย....หัวใจจะวาย สติแทบโดดหนีไปจากตัว รีบหายใจลึก ๆ 
ภาวนา...พุทโธ ถี่ยิบ พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ
แล้วก้มหน้าก้มตา เดินจงกรม ต่อไป ....อ้อ ผมเข้าใจแล้วว่าที่พวก ครูบา ทำหน้าอย่างนั้น น่ะ หมายถึงอะไร.....เข้าใจ๊  เข้าใจ

ครูบา หลายท่านเคยเตือนว่า....อย่าขี้เกียจ หรืออู้ อิดออด ต่อการปฏิบัติฯ ภาวนา น่ะ
พวกผี พวกเทวดา ที่นี่เป็นลูกน้องของหลวงพ่อ....ท้างง นั้น
หลายท่าน หลายคน เคยโดนดีกันมาแล้ว บางทีนอนเพลินจนโดน...กระชากขา ก็มีมาแล้ว
ส่วนผมเอง น่ะเหรอ...เห๊อะ ๆๆๆ  เจอไปหลายครั้งเหมือนกัน
ครั้งแรกภาวนา มาหลายวันแล้ว ตอนกลางวันไปช่วยงานก่อสร้างที่ในวัดด้วย เมื่อถึงตอนที่ นั่งสมาธิ มันเลยง่วง มาก
พอกำลังได้ที่...มันเลยตกภวังค์ ทำท่าจะหลับเอาด้วย
แล้วก็มีเสียงตะโกนเรียก ชื่อของผมอยู่ที่หน้า กุฏิ .....ผมตกใจตื่นจากภวังค์ รีบตะโกนรับเสียงเรียก ครับ ครับ ครับ
แล้วรีบลุกขึ้นสะบัดหัวให้หายง่วง ออกไปที่หน้ากุฏิ...แต่ไม่มีใครสักคน เงียบเชียบ พยายามมองหา ก็ไม่มีใคร มีแต่ป่ามีแต่ต้นไม้
รีบเดินออกไป ถามหาว่า ครูบา ท่านใดมาเรียกใช้ผมเหรอครับ แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ถึงได้เข้าใจแล้วว่า...ถูกเตือนจากลูกน้องของ หลวงพ่อ

เมื่อตอนที่บวชเป็น พระ แล้วก็เคยขี้เกียจเหมือนกัน ...โธ่ ก็มันเหนื่อย อ่ะ
เป็นพระป่า ไม่ได้สบายสักนิดเลยนะ งานหนักมาก ถึงมากที่สุด กิน...เอ๊ยย ฉันน้อย นอน ก็น้อย แถมงานวัด งานภาวนาสู้กับกิเลสทั้งวันทั้งคืน
มีอยู่วันหนึ่ง ได้ทราบว่าวันนี่ หลวงพ่อ....ได้รับนิมนต์ไปข้างนอก กว่าจะกลับก็น่าจะเย็นค่ำ นั่นแหละ
ขอสารภาพว่า วันนั้นมัน...ขี้เกียจ ซะเหลือเกิน ทำงานหนัก ๆ มาหลายวันแล้ว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
พอได้ยินว่า วันนี้หลวงพ่อ ไม่อยู่....ใจมันคึกคัก อะฮ้าาา สบายละกรู วันนี้ขออู้หน่อยเถอะ ไม่ได้นอนสบาย ๆ ปล่อยจิต ปล่อยใจ มานานแล้วววว
เมื่อกระบวนการ ฉันเช้า เสร็จก็ต้องไปเดินจงกรม นั่งสมาธิถึงเที่ยง แต่วันนี้ขอสลับเวลา ขอนอนก่อนเถอะโอกาสดี ๆ อย่างนี้หายาก
ต้องขอบอกให้เข้าใจกันก่อน....พระ ที่วัดนี้ไม่ว่าจะทำอะไร หรือกำลังทำอะไรอยู่ 
หลวงพ่อ....ท่านรู้หมด รู้ทุกอย่างทั้ง ๆ ไม่เห็น แต่ท่านรู้แม้รายละเอียดด้วยซ้ำไป ก็ไม่รู้ว่าท่าน รู้ได้อย่างไร แต่ก็ไม่แปลกใจ
ไอ้เราก็คิดว่า...ท่านต้องมีรัศมีทำการ หยั่งรู้ ในวงจำกัดด้านระยะทางบ้างละน่า
ในวัด ท่านน่าจะรู้ แต่ถ้าไปไกล ๆ ตามระยะทางออก น่าจะไม่รู้หรอก
พอย่องไปดูรถมารับหลวงพ่อแล่นออกไปแล้ว รอเวลาให้ไปได้ไกล ๆ หน่อย
แทนที่จะไปเดินจงกรม ตามปรกตด ...แต่ผมก็จัดแจงเข้ากุฏิ ที่เป็นลักษณะชั้นเดียว ยกพื้นสูงใต้ถุนโล่ง ๆ 
เอาละวะ เช้านี้อากาศ ดี๊ ดี เหมาะแก่การนอนเอาแรงอย่างที่สุด ...
เดี๋ยวเราค่อยไปเดินภาวนาเอาตอนเที่ยงก็แล้วกัน สลับเวลานิดหน่อยคงไม่น่าเกลียด 
ว่าแล้วเอาหมอนขิด ใบแข็ง ๆมาหนุนหัว....นอนเลย กะว่าขอหลับจริง ๆ จัง ๆ ขอเว้นการระวังจิตสัก 2 ชั่วโมง ฟรีทามส์สักครั้ง

ด้วยความเคยชิน ก็ภาวนา พุทโธ ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ ไปด้วย แล้วปล่อยใจสบาย วูบบบบ ไปเลย
หลับสนิทจริง ๆ ขาดสติลืมตัวปล่อยหมด
ได้แค่พักเดียว น่าจะไม่กี่นาที ได้ยินเสียง ใครสักคนที่อยู่บนชั้น 2 ของกุฏิเรา....เดินกระทืบเท้า ตึง...ตึง...ตึง...ตึง...ตึง
ตอนนั้นในภวังค์ที่หลับไหล ก็นึกในใจว่า....โอ๊ยยย ใครวะ เดินไม่เกรงใจพระจะหลับ จะนอนเลย
ทำไมมันเดิน กระทืบเท้าโครม ๆ แบบนี้ ....ไม่เกรงใจคนที่อยู่ชั้นล่างบ้างเลย
แล้วเสียงเดิน กระทืบโครม ๆ ที่ว่า ก็หนักขึ้น ดังขึ้น. ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง...
โว้ยยย ใครมันอยู่ชั้นบน วะ มันเดินแบบนี้ได้ยังไง...วะ
แล้วในความคิด สติ นิด ๆ เริ่มกลับมา....เอ๊ ใครมันอยู่ที่ชั้น 2 นะ
เอ๊ะ. เรานอนอยู่ในกุฏิ ของเรานี่ หว่า
เฮ้ยยย กุฏิ ของเรามันมีแค่ชั้นเดียวเองนะ....ม่ายมีชั้น 2 ที่ไหนกัน
อ้าวว แล้วใครมันขึ้นไปเดินบนหลังคา ล่ะอีทีนี้
เอ๊...หลังคาสังกะสี มันไม่ใช่เสียงแบบนี้ นะโว้ย
ได้สติ รีบลึมตาขั้นมองบนเพดาน....เสียงเดินกระทึบเท้า ก็ยังดัง.... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ไม่ได้หยุด
แถมเดิน จากซ้าย ไปขวา จากสุดมุมด้านนึง ไปอีกด้านนึง อย่างต่อเนื่อง ดังงง สม่ำเสมอ
 ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง...
ผมรู้ได้ทันที...ถูกลูกน้องของ หลวงพ่อ มาเตือนให้ไปเดินจงกรม แน่นอนเลย
รีบพูดขึ้น....รู้แล้ว ๆๆๆๆ จะไปเดินจงกรมแล้ว
แต่เสียงเดินอยู่บนหลังคา.... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ก็ยังไม่หยุด
ระหว่างที่ลุกขึ้นเก็บหมอน จัดแจงทุกอย่างให้เข้าที่ เสียงก็ยังตังต่อเนื่อง...ไม่ใช่ว่าได้ยินแค่ในหัว หรือนึกไปเองนะ มันดังข้างนอกจริง ๆ อ่ะ
จนเดินลงมาจากกุฏิ เสียงยังดังไล่หลังอยู่เลย....หันกลับไปยืนมอง
เออว่ะ...กุฏิ เรามีแค่ชั้นเดียว จริงๆ ด้วย  
และมันก็ยังดัง  ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... จริง ๆ ด้วย
เลยตะโกน ดัง ๆ ใส่กุฏิตัวเอง...เออ ๆๆๆๆ รู้แล้ว ๆๆ ไปแล้ว ไปเดินฯ แล้วน่ะ
หันหลังออกไปที่เดินจงกรม ที่ห่างออกไป ก็ยังมีเสียงไล่หลัง ให้เจ็บใจอีกแน่ะ...เห๊อะ

พอตอนเย็นค่ำ หลวงพ่อ...กลับมาเตรียมทำวัตร สวดมนต์เย็น ท่านเห็นผม แล้วยิ้ม..เย็น ๆ ที่มุมปาก แต่ไม่พูดอะไร
ผมรีบ ยกมือพนม ก้มหัว นึกในใจ...ขอโทษ ขอขมา เข็ดแล้วคร้าบบ ไม่ทำอีกแล้ว คร้าบบบบ
แหมมม อายท่านแทบตาย

แสดงให้เห็นว่า...รัศมีทำการของท่าน ไม่จำกัดระยะทาง อ่ะ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 17
https://pantip.com/topic/39198213




 

Create Date : 04 กันยายน 2562    
Last Update : 4 กันยายน 2562 18:28:35 น.
Counter : 268 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 15

วัดป่า...มหาสนุก 15

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เมื่อตอนก่อน ๆ ได้เล่าถึง...วิธีการภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ
แต่มันก็เป็นแบบที่ผมทำ และปฏิบัติตาม...จริต ของผมคนเดียวนะครับ
ของแบบนี้มันต้องแล้วแต่ว่า เรียนมาแทบไหน ครูบาอาจารย์ของพวกท่านสอนมาอย่างไร
มันไม่มีผิด ไม่มีถูกชัดเจนหรอกนะครับ
เคยถามหลวงตามหาฯ ...และหลวงพ่อ.... ด้วยคำถามเดียวกันว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าเรา ภาวนา ได้ก้าวหน้ามั้ย
ท่านตอบเหมือนกัน คือ...ก็ดูใจของเราสิ ว่า...ทุกข์ น้อยลงมั้ย
ผมเคยมานั่งขบคิดถึงคำตอบ ของท่านทั้งสององค์ เออ...มันก็ใช่จริง ๆ 
ก่อนที่จะเข้ามา ปฏิบัติธรรม ภาวนา ความทุกข์ของจิตใจ มันยังมากมายสารพัดเรื่อง
แต่เมื่อมาดูวันที่ได้ลองทำตามที่ท่านสอน....ความทุกข์จากการที่ ใจ ของเรากระโดดไปเกาะกับเรื่องราวต่าง ๆ
หรือ มีอะไรมากระแทกใจ กระแทกความรู้สึก....มันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก
ใจ...มันนิ่ง มันสั่นไหวไม่มากนัก เห็นอะไร ได้ยินอะไร ใจมันกระโดดไปรับน้อยลง...ไม่ใจง่ายวิ่งตามเค้าไปหมด

อันที่จริง หลวงพ่อ....ท่านใช้วิธีการสอนหลายอย่าง เช่น ทำให้ดูเป็นตัวอย่างอยู่ทุกวัน
เหมือนที่ท่านเคยบอกว่า...ทำให้ดู คือครูที่ดี
ในทุก ๆ วันหลังจากเสร็จกิจเรื่องการขบฉัน ในตอนเช้าแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการ...ปฏิบัติฯ ภาวนา
ผมเคยสงสัยว่า...ครูบาองค์อื่น ๆ ท่านทำอะไรกัน เลยย่องไปแอบดูที่กุฏิ ของแต่ละท่าน
ก็ไปเห็นว่า....พวกท่าน รวมถึงหลวงพ่อ ก็เดินจงกรม ต่างคนต่างเดิน แยกย้ายกัน ทุกองค์ทุกท่านก็ทำเหมือนกัน
เมื่อเดินจงกรม กันจนครบชั่วโมง หรือกว่านั้นขึ้นอยู่กับใครชอบแบบไหน
แล้วพวกท่านก็ไป นั่งสมาธิภาวนา ที่หัวทางจงกรมบ้าง ในที่ร่มบ้าง ในกุฏิบ้าง
หลวงพ่อ....ท่านมีกฏอยู่ว่า....... ต้องไม่ให้ใครเห็น และต้องไม่เห็นใคร
ต่างคนต่างแยกย้ายไปภาวนา ห่างกันมากมองหากันไม่เจอ จะได้ยินก็ต่อเมื่อตะโกนหากันเท่านั้นแหละ

พอถึงเวลาเที่ยง...ทุกท่านก็เข้ากุฏิเพื่อ นอนพักหลังจากตื่นมาตั้งแต่ ตีสาม
นอนพัก....แบบมีสติไปสัก 1 - 2  ชั่วโมง แล้วออกมาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาอีก
จนถึงบ่าย 3 โมง พวกเราทุกองค์ ทุกท่าน ก็จะไปเอาไม้กวาดทางมะพร้าว ด้ามยาว ไล่กวาดตามทางเดินออกมา
จนมาถึง ลานวัด แล้วมารวมตัวช่วยกันกวาดจนกระทั่งให้เรียบร้อย หมดจด กินเวลาเป็นชั่วโมง
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด การตีตาด...กวาดวัดเป็นการออกกำลังกายที่เลิศมาก
กวาดด้วยไม้กวาดทางมะพร้าว ด้ามยาว มันใช้ทั้งกำลังแขน และเอว ลดหน้าท้องได้ดีจริง ๆ

ขอนอกเรื่องนิดนึงนะ....คุณหม่อง ภรรยาของผม
ก่อนที่จะได้ไปอยู่วัดป่า เธอเป็นคนอ้วน...อาจจะด้วยอายุ และพันธุกรรมทางบ้าน
ขอนินทานิดนึง เธอมีพุง มีสะโพก และต้นขา ที่สะสมไขมันไว้เยอะมาก
เคยหาวิธีสารพัด ทั้งลดอาหาร ออกกำลังกาย ไปฟิตเนส และกินยาลด ยาระบาย สารพัดก็ลดไม่ลง
ที่แน่ ๆ คือ สะโพก และต้นขา ใหญ่มาก ๆ แถมพุงอีกต่างหาก
แต่เมื่อไปอยู่ปฏิบัติฯ ภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ และช่วยงานทั่ว ๆ ไป
อ้อ...กินมื้อเดียว แต่กินให้เยอะไว้เพราะกลัวหิว
พอวันที่กลับบ้าน....น้ำหนักน่าจะลดไปสัก 6 - 7 กิโลกรัม ก็ไม่มาก 
แต่...พุง และที่สำคัญคือ ไขมันต้นขา มันหายไปเลย
ที่น่าพิศวงคือ ต้นขาจากสองมือกาง ๆ ช่วยกันยังไงก็ไม่โอบไม่มิด
มันเหลือแค่...นิดเดียว ขาเรียว น่องเรียว อย่างมหัศจรรย์
ไขมันตามส่วนต่าง ของผู้หญิงมันหายไปหมด ....นี่แหละอานิสงส์ ของการภาวนา อย่างนึกไม่ถึง
ดีกว่าคอร์สลดความอ้วน คอร์สละ 3 หมื่นซะอีก
แหมมม ไม่อยากพูดเลยว่า....กลับมาจากวัด ได้แถมเมียคนใหม่มาด้วยยยย
จากเมียคนเก่า อ้วน หุ่นเถ้าแก่เนี้ยยย ....กลายเป็น สาวน้อย ต้นขากลมกลึง สะโพกตึงแน่นเปรี๊ยะ
ทั้งผมและ ภรรยา โล๊ะเสื้อผ้าทิ้งแทบหมดตู้ เพราะมันหลวมโพรกไปหมด

ส่วนผม เมื่อตอนที่ไปบวชในปีถัดไปอยู่ 5 เดือน
น้ำหนักลดไป 18 กิโลกรัม รอบเอวหายไปถึง 8 นิ้ว
ถึงกับต้องไปหาซื้อกางเกงใหม่หมดเลย เสื้อที่เคยใส่ไซส์ XL  เหลือแค่ไซส์  M

ทุกวันพระ 15 ค่ำ คือเดือนละ 2 ครั้ง
หลวงพ่อ....จะพา พระ ทั้งวัดไปร่วมการสวด...ปาฏิโมกข์.  ที่วัดป่าขนาดใหญ่ที่จัดให้มีการสวด
ที่จะเล่า คือ...วัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์
แต่ละครั้งจะมี พระป่า มารวมตัวกันประมาณ 250 - 400 รูป จำได้แต่ว่ามากมายจริง ๆ 
ที่วัดป่ามัฌชิมาวาส แห่งนี้มีสิ่งที่ผมไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าจะได้เจอ คือ....ห้องแสดง ศพ
เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีโลงแก้ว ที่ทำจากกระจกคล้ายตู้ปลาขนาดใหญ่
แต่ในตู้เป็น...ร่าง ของผู้บริจาค เอามาดองไว้ให้ได้ชมดู
มีทั้งศพของผู้ชาย และผู้หญิง  มีทั้ง...เด็กแรกเกิด จนถึง อายุ 70 ปี
มีทั้งแบบที่มีแต่โครงกระดูก และ แบบ สด ๆ คือ ยังดูเหมือนคนนอนหลับอยู่ในโลงตู้กระจก
เกือบทุกร่าง จะเปลือยหมด แต่ถ้าเป็น ผู้หญิง จะมีผ้าบาง ๆ ชิ้นเล็ก ๆ นิดเดียว ปิดของสงวนเอาไว้ 
แต่...มันก็บางมาก

ห้องโถงแสดง...อศุภะ เหมือนกับเป็นนิทรรศการ ที่จัดแสดงให้ พระป่า และญาติโยมเข้ามาพิจารณา
บรรดาพระ ทั้งหลายก็จะมาเดินดู เดินพิจารณาไปทีละร่าง ทีละศพ
ได้ยินมาว่า...มีการหมุนเวียนเปลี่ยน ร่าง ให้มีร่างใหม่ ๆ มาสลับเปลี่ยนด้วย
ร่างที่เป็นกระดูก กลับไม่น่าแปลกใจ เราเห็นกันได้บ่อย ๆ
แต่ร่างที่ยังสด นี่สิ...มีทั้งที่ ผ่าเลาะให้เห็นอวัยวะภายใน ไขมัน เนื้อ กระดูก ที่เป็นชั้น ๆ 
ปอด ตับ ม้าม กระเพาะ หัวใจ....ฯลฯ มีให้ดูแบบใกล้ ๆ ครบถ้วน
พวกเรา พระใหม่ ก็ตื่นตาตื่นใจเหลือหลาย  แต่พวกครูบา ท่านมาดูกันบ่อย ไม่ค่อยตื่นเต้น
ยกเว้น....ศพที่มาใหม่ แปลกตา  และจะได้รับความสนใจมาก ๆๆ. ถ้าเป็น ร่าง ของหญิงสาว
ใช่ครับ...ศพหญิงสาว ที่นอนแทบจะเปลือยเปล่า 
พระป่า จะมายืนดู ยืนพิจารณา ดูและจำเอาไว้ในสมอง ในจิตใต้สำนึก
ครูบา ที่บวชอยู่นานจะเข้ามาแนะนำ...อศุภะ กรรมฐาน
ท่านบอกพวก พระใหม่ ว่า....ดูเอาไว้นะ จำเอาไว้นะ  ให้ก้มหน้าเข้าไปชิด ๆ ดูให้เต็มตาใกล้ ๆ
เห็นมั้ย คนเราที่หนุ่มสาว หรือแก่เฒ่า มันก็เหมือนกัน คือสุดท้ายก็...ตาย เหมือนกันหมด
ร่างกายคนเป็น ๆ มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ประกอบกัน....มีวิญญาณครอง มีจิตใจ มีกิเลส มีทุกข์สารพัด
แต่พอ ตาย หมดลมหายใจ...จิต วิญญาณ อยู่กับร่างกายไม่ได้
เหลือแต่กาย อย่างเดียว...ลมไม่มี ไฟอบอุ่นก็ดับตามไป
จากนั้น น้ำก็หนีออก ทั้งน้ำเหลืองไหลนอง น้ำเลือดที่แห้งหาย.  เหลือแต่ธาตุดิน
มาดู ๆๆๆ นี่...หัวใจ ที่เคยเต้นอยู่ตลอดไม่ได้หยุด
นี่ ปอด ที่หายใจพอง ยุบ ตลอดเวลา
กะเพาะอาหาร ที่หิวโหย ต้องหาอาหารใส่ให้มัน
ลำใส้ ที่ย่อยอาหารใหม่ จนกลายเป็นอาหารเก่า แล้วไหลออกทาง รูทวารโน่น
ครูบา ท่านก็พูดไป ชี้ไป แล้วชักชวนให้ก้มหน้าไปดู ชิด ๆ ชัด ๆ

พอมาถึง ร่างศพของหญิงสาว ที่ดูยังสดเหมือน คนนอนหลับ
ครูบา ท่านให้พระหนุ่ม ๆ พิจารณาให้หนัก ๆ แล้วท่านก็ชี้นำให้ดูไปทีละส่วน
ดูเส้นผม ที่เคยสลวย หอม....ตอนนี้เป็นยังไง อยากดมมั้ยล่ะ
ดูแก้มที่เคย...เปล่งปลั่ง ด้วยเลือดฝาด  ตอนนี้ยังอยาก หอมแก้มมั้ย
ดูปาก ที่อยากจูบ กันนักหนา  ดูรูปร่าง ที่...รัดรึงใจ ยังอยากกอดอีกมั้ย
ดูหน้าอก ดูนม ที่สร้างความปรารถนา จนลืมพ่อ ลืมแม่ 
ดู...รู นี่สิ  ดูช่องทางที่มัน....สร้างโลก สร้างภพ สร้างชาติ 
เกิดก่อต่อเนื่อง... ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ
ก็เพราะไอ้..รู นี้ ช่องทางนี้แหละ 
ใครหลงเข้าไป ก็ถูกดูดให้จมอยู่ใน...สังสารวัฏ ไม่ได้พบเจอ พระนิพพาน
แล้วท่านก็มองหน้าพวกเรา แต่ละคนว่ายัง หลงไหล กับสิ่งนี้อยู่อีกมั้ย

เมื่อถึงเวลา ปฏิบัติฯ ภาวนา เดินจงกรมจนเหนื่อยล้า ก็มานั่งสมาธิปล่อยวาง ให้มันว่าง อะไรก็ไม่สนใจแล้ว
บริกรรม ภาวนา...พุ ท โ ธ  ไม่ได้หยุดอยู่ในใจ
จนกระทั่ง ได้ยิน ได้รู้สึกถึงหัวใจ ที่เต้น...ตุ๊บ..ตั๊บบ...ตุ๊บ..ตั๊บบ ...ตุ๊บ..ตั๊บบ 
จนว่างจากความคิดอื่นๆ แล้ว เราก็หยิบยก ต้องเอา...อศุภะ มาใช้ด้วย
นึกถึงร่างกาย ตับ ไต ไส้พุง เหมือนกับที่อยู่ในตลาดสดไม่ผิดเพี้ยน
ยิ่งเห็นไขมันของมนุษย์ มันสีเหลือง ๆ น่าสะอิดสะเอียน สุด ๆ เอามาพิจารณาให้จงหนัก
คนเราก็เท่านี้...ความกว้างแค่ศอก  ความยาวแค่วา ความหนาแค่คืบ
อยากได้ อยากครอบครองไปซะทุกอย่าง 
อยากเอาชนะไปซะทุกคน  แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น โลภมากกอบโกยมาเก็บเอาไว้
แล้วเป็นยังไง......นอนตาย ไม่หายใจ เนื้อตัวแข็งทื่อ อวัยวะพองอืด เน่าเปื่อย 
ไม่เห็นใคร เอาอะไรไปได้ซักอย่าง
เหมือนกับบท...ปลงสังขาร ที่พวกแม่ชี ชอบท่องสวด

เราท่านเกิดมา รังแต่จะตาย ผู้ดีเข็ญใจ ก็ตายเหมือนกัน 
เงินทองทั้งนั้น มิติดตัวไป
ตายไปเป็นผี ลูกเมียผัวรัก เขาชักหน้าหนี
เขาเหม็นซากผี เปื่อยเน่าพุพอง 
หมู่ญาติพี่น้อง เขาหามเอาไป 
เขาวางลงไว้ เขานั่งร้องไห้ แล้วกลับคืนมา 

อยู่แต่ผู้เดียว ป่าไม้ชายเขียว เหลียวไม่เห็นใคร 
เห็นแต่ฝูงแร้ง เห็นแต่ฝูงกา
เห็นแต่ฝูงหมา ยื้อแย่งกันกิน 
ดูน่าสมเพช กระดูกกูเอ๋ย เรี่ยร่ายแผ่นดิน 
แร้งกาหมากิน เอาเป็นอาหาร 

เที่ยงคืนสงัด ตื่นขึ้นมินาน ไม่เห็นลูกหลาน พี่น้องเผ่าพันธุ์ 
เห็นแต่นกเค้า จับเจ่าเรียงกัน เห็นแต่นกแสก ร้องแรกแหกขวัญ
เห็นแต่ฝูงผี ร้องไห้หากัน 
มนุษย์เราเอ๋ย อย่าหลงนักเลย ไม่มีแก่นสาร 
อุตส่าห์ทำบุญ ค้ำจุนเอาไว้ จะได้ไปสวรรค์ 
จะได้ทันพระพุทธเจ้า....จะได้เข้า พระนิพพาน

อะหัง วันทามิ สัพพะโส
อะหัง วันทามิ นิพพานะปัจจะโยโหตุ .

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก16
https://pantip.com/topic/39198198




 

Create Date : 04 กันยายน 2562    
Last Update : 4 กันยายน 2562 18:27:46 น.
Counter : 261 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 14

วัดป่า...มหาสนุก 14

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

มาต่อเครื่องการ...ปฏิบัติ ภาวนา กันอีกนิดนะครับ

นอกจากท่องบ่นบริกรรม คำว่า... พุ ท โ ธ
ไปเรื่อย ๆ ยิ่งมากก็ยิ่งดี ให้ติดต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ เพื่อให้จิตใจของเรา สงบนิ่งลงแล้ว
หลวงพ่อ....ท่านยังให้ เดินจงกรม ให้มากสลับกับการนั่งสมาธิภาวนา
อันที่จริงแล้ว ท่านสั่งให้...เดินจงกรม จนเหนื่อยซะก่อน แล้วค่อยมานั่งสมาธิ
ในตอนแรก ท่านก็ให้เดิน สลับ นั่งครั้งละ 15 นาที  แล้วขยับไปเป็น 20 นาที  30 นาที ไป 45 นาที จนถึงครั้งละ 1 ชั่วโมง
คีย์ของมันคือ....เดินจนเหนื่อย แล้วค่อยมานั่ง ภาวนา
อีทีนี้ปัญหา คือ....เดินยังไงล่ะ
ผมเอง เคยฝึกแบบ...หลวงพ่อจรัญ คือแบบ ซ้ายหนอ ขวาหนอ เหยียบหนอ ยกหนอ ย่างหนอ.........ช้า ๆ จับจังหวะไปเรื่อย ๆ 

แต่หลวงพ่อ....ท่านบอกว่า แล้วแต่ จริต ของแต่ละคน
การฝึกภาวนา นี้มันไม่ได้เพิ่งมาเริ่มกันเฉพาะ...ชาติภพนี้หรอกนะ
มันเคยได้ฝึกหัดกันมาตั้งหลายภพ หลายชาติมาแล้ว ก็แล้วแต่ใครเคยมี วาสนามาแบบไหน
เอาเป็นว่าให้ผมลองเปลี่ยนมาเป็นแบบ....เดินไปไม่ต้องสนใจจังหวะ ไม่ต้องช้า ๆ ชัด ๆ
แต่ใช้วิธี....เดินไปภาวนา พุ ท โ ธ กำกับไปเรื่อย ๆ 
โดยไม่ต้องสนใจว่าจะ ... พุท เท้าซ้าย โธ เท้าขวา แต่อย่างใด
แค่เดินไป ...พุทโธ ไป จะเร็วจะช้าก็ตามที่ใจเราชอบ ให้ไปหาจังหวะที่เหมาะสมกับตัวเรา เอาเอง
แต่ต้องมี...สติ นะ ต้องรู้ว่ากับลังเดิน กำลังภาวนา อยู่อย่าให้ขาดสติ
เหมือนกับการ นั่งสมาธิภาวนา พุ ท โ ธ เหมือนกัน....ต้องไม่ตก ภวังค์ โดยเด็ดขาด
เพราะการตก ภวังค์ นั่นคือการ....ขาดสติ
ห้ามตาม แสง สี อะไรทั้งนั้น...ต้องมีสติ รู้ตัวอยู่ตลอด
การเดินก็ให้รู้ว่า กำลังเดินอยู่....
ให้รู้สึกตัวว่ากำลังเหยียบอะไร เอาใจไปอยู่กับฝ่าเท้าที่สัมผัส อ่อน นุ่ม แข็ง เรียบ หรือขรุขระ

ขอเสริมนิดนึงนะครับ....ทางจงกรม ที่ผมชอบที่สุด ต้องทำจาก....ทรายขี้เป็ดอัดแน่น มันเดินนุ่มเท้า เพลินดี
แต่เอาจริง ๆ ผมชอบเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ดินบ้าง ลูกรังบ้าง พื้นกระเบื้องบ้าง
และก็ต้อง...ถอดรองเท้า นะมันได้ฟิลลิ่ง ได้ความรู้สึกขึ้นมาชัดเจนดี
ยิ่งเดินบนหิน ลูกรัง ก็สนุกดี
วันแรก ๆ ที่ไปอยู่วัด ไปบิณฑบาต ท่านห้ามใส่รองเท้า....โอ๊ยยย เขย่งเกร็งกอย หินบาด หินทิ่มเจ็บไปหมด
แต่พออยู่ครบ 1 เดือนกลับมาบ้านที่กรุงเทพ....ผมละโหยหา ความรู้สึกของการเดินบนหินดินลูกรัง อย่างที่สุด
บอกให้คนที่ไม่เคยทำแบบนี้ จะไม่เข้าใจหรอกครับ 
มันต้องคนที่เคย เดินฝ่าเท้าเเปล่า ๆ มาแล้วนั่นแหละถึงจะเข้าใจกัน

อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า...ผมไปอยู่แค่ 1 เดือนในปีแรก อะไร ๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ยังจับเคล็ด จับจังหวะอะไรไม่ได้มากนัก
แต่ก็ทำได้ดีแบบ...เด็กอนุบาล หรือคนเพิ่งหัดขี่จักรยานใหม่ ๆ นะครับ
ก็สนุกตื่นเต้น แปลกใหม่ ดีแค่นั้น
แต่ในปีถัดไป ผมไปบวชอยู่กับ หลวงพ่อ...ท่านเลย. นาน 5 เดือน
ครั้งแรก ตอนที่เป็นโยมธรรมดา มาฝึกหัดปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านไม่ค่อยเข้มงวด กลัวจะสู้ไม่ไหวหนีกลับซะก่อน
แต่คราวนี้ มาบวชเป็น...พระ เต็มตัว บทบาทของหลวงพ่อ...ก็เปลี่ยนไป
ท่านเข้มงวด กวดขัน เอาจริงเอาจัง...ไม่มีการลดลาวาศอกให้กับการอู้ การขี้เกียจของ พระ เด็ดขาด
ต้องภาวนา 24 ชั่วโมง....คือต้องมี สติ กำกับตลอดเวลา แม้กระทั่งยามหลับ ยังต้องมีสติไม่ใช่ นอนแผ่แบหรา อ้าซ่า หลับไม่รู้เรื่อง

เดือนแรก...ผมตั้งใจเคร่ง ในการ เดินจงกรม ต่อด้วยนั่งสมาธิภาวนา สลับครั้งละ 1 ชั่วโมง
เอานาฬิกามาตั้งไว้เลย......
หลวงพ่อ...เดินมาดู ท่านก็หัวเราะ แต่ไม่ได้ว่าอะไร
แต่เทศน์ต่อหน้าชาวบ้าน แซวออกไมค์ได้ยินทั้งวัด......ครูบาที่บวชใหม่ ช่างตั้งใจดีเหลือ เกิ้นนนนน
เอานาฬิกามาตั้งปลุก เดินจงกรม นั่งสมาธิ....ตามเวลาเป๊ะ
พวกครูบา ที่บวชมาก่อน ท่านพากันอมยิ้ม ...แต่ชาวบ้านหัวเราะกันใหญ่
ผมก็ งง ๆ นะ...มันผิดตรงไหน
แต่...ถึงแม้จะตั้งใจมั่น เคร่งครัดในการ เดินอย่าง....จริงจัง เคร่งเครียด
เมื่อถึงเวลา นั่งสมาธิ ก็บีบบังคับให้ สงบ จิตใจอย่างแข็งแรง แข็งขืนสู้กับความ...แส่ส่ายของจิต 
ที่ชอบกระโดดหนีไปไหน ๆ อยู่เรื่อย ๆ
คร่ำเคร่งเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ๆๆๆๆๆ  ทั้งวัน ๆๆๆๆๆ 

จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 2
ผมก็ยังทำเหมือนเดิม ตั้งใจมาก เอาจริงเอาจังมาก ....แต่กลับไม่ก้าวหน้า
นอกจากไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร มันกลับจะยิ่งแย่ มีแต่ความกดดันให้กับตัวเอง
เหมือนกับแบกกระสอบข้าว เดินขึ้นสะพานลอย น่ะ....
เดินหน้า 2 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าว.....ผมเหน็ดเหนื่อยมาก ตั้งใจภาวนาวันละ 8 ถึง 10 ชั่วโมง
แล้ววันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งเซ็งตัวเองที่ไม่ก้าวหน้าไปไหนสักที
ครูบา ท่านหนึ่งชื่อ....ครูบาเหลียว
ท่านเดินมานั่งซ่อมจีวร อยู่ใกล้ ๆ และทักว่าทำไมดูเหนื่อย ดูเหมือนทุกข์ทรมานอย่างนี้ ล่ะ
ผมก็ได้เล่าให้ท่านฟัง สิ่งที่กำลังเป็นอยู่....
ท่านก็นิ่งฟัง แล้วย้อนถามรายละเอียดอีกบางอย่าง แล้วบอกให้ผมไปกราบเรียนให้ หลวงพ่อ...ทราบซะสิ
ผมบอกว่า....ไม่กล้าครับ ผมคงยังขยันไม่พอ หรือจิตแส่ส่าย ฟุ้งซ่านเกินไปมั้งครับ
แต่ครูบาเหลียว ท่านบอกไม่ใช่ หร๊อก.....แค่ ตั้งใจมากเกินไป เคร่งเครียดจดจ่อมากเกินไป น่ะ
ผมฟังแล้ว....เหวอออ ไปเลย  อ้าว...มันไม่ดีเหรอครับ ความตั้งใจเต็มที่
ท่านบอก....ดี แต่มันมากไป เหมือนการขี่จักรยาน ถ้าจับแฮนด์มันแน่น แข็งเกร็งมากเกินไป รถมันก็จะล้ม เอาสิ
หลังจากขอให้ท่านช่วยแนะนำ ท่านก็บอกเคล็ดวิธีที่น่าจะใช้กับผม ได้
ท่านย้อนถามว่า....เคยเดินเล่นในสวนมั้ย ล่ะ
.... เอ๊าาา เคยสิครับ
.... นั้นแหละ...เวลาเดินจงกรม ให้ทำใจ ว่าง ๆ สบาย ๆ เหมือนกำลังเดินเที่ยวชมสวนอยู่นั่นแหละ
.... ว่างยังไง สบายยังไง นึกไม่ออกครับ
.... ก้อ เวลาเดินเล่น เดินชิว ชิว เดินปล่อยใจ ปล่อยอารมณ์ ไม่ต้องคิดอะไร....แค่ เดินเล่น น่ะ
.... ไม่ต้องจดจ่อ มีสติ เหรอครับ
.... ต้องมีสติ  แต่ไม่ต้องเคร่งเครียดจริงจัง  แค่เดิน เราก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา รู้สึกที่เท้าอยู่ตลอดว่ากำลังเหยียบ กำลังย่ำไปบนอะไร
.... อือออ คล้าย ๆ จะเข้าใจ นะครับ. แล้วตอน นั่งสมาธิ ภาวนา ล่ะครับ ผมต้องทำจิตยังไง ครับ

ครูบา ท่านคิดแป๊บ นึง แล้วบอกว่า.....
.... เคยไปวิ่งออกกำลังกาย มั้ย
.... เคย ครับ
.... ให้นึกภาพ นึกอารมณ์ ตามนะ....เวลาที่เราไปวิ่งออกกำลังมาจน เหนื่อยยย น่ะ
วิ่งมาเป็นชั่วโมงแล้ว จนเหนื่อยหอบเต็มที่แล้ว คิดว่าจะเลิกแล้ว เหนื่อยแล้ว
พอวิ่งมาถึง...ม้านั่งริมสวน ก็ลงนั่ง
ตอนนั้นผมก็หลับตา นึกจินตนาการตามท่าน
พอวิ่งมาถึงม้านั่ง แล้วลงนั่ง........ วินาที ที่ก้นแตะพื้นเก้าอี้ น่ะ รู้สึกยังไง
.... ก็สบาย อ่ะสิ ครับ
.... ใช่ ๆๆๆ นั่นแหละ ความรู้สึกนั้นแหละ แบบไหน...อธิบายมาซิ
.... ก็ เฮ้อออ โล่งโปร่ง....ปล่อยวางทุกอย่าง เพราะมัน...เหนื่อย อ่ะ อะไรก็ไม่เอาแล้ว แค่....ขอหายใจไปเรื่อย ๆ ก่อน
.... ใช่ ๆๆๆ นั่นแหละ โมเม้นท์นั้น ความรู้สึกแบบวินาที นั้นแหละ
โล่ง ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น....ขอแค่ได้นั่ง ได้พัก ได้หายใจไปเรื่อย ๆ ก็พอ
จำอารมณ์นี้ไว้ให้ดี ๆ  แล้วใช้อารมณ์นั้นแหละในการเริ่มนั่งสมาธิ ภาวนา
และประคองอารมณ์นั้นไว้ให้นาน...ที่สุด
จากนั้นท่านก็แนะนำอีกหลายอย่าง. และอีกอย่างหนึ่งคือให้เลิกใช้นาฬิกามาคอยจับเวลา
เพราะใจมันจะจดจ่อ อยู่กับเวลา อยู่กับเข็มนาฬิกา จิตมันถูกกดทับ
ผมก็ถามว่า แล้วจะใช้อะไรกำหนดเวลา....
ท่านบอก แค่เดินไปจนเหนื่อยให้มากที่สุด ใช้ความรู้สึก ....ถ้ายังอยากเดินอยู่ ก็เดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าไม่อยากจะเดิน
เวลานั่ง ก็ใช้อารมณ์ปล่อยวาง ไม่อยากได้อะไร ไม่สนใจ ไม่ห่วง ไม่กังวล ขอแค่ให้ได้นั่งภาวนาแค่นั้นก็พอ

หลังจากใช้วิธี ที่ครูบาท่านสอนแล้ว....เกิดความก้าวหน้ามากมาย อย่างนึกไม่ถึง
เดินสบาย ๆ ใจโล่ง ๆ ว่าง ๆ เหมือนเดินเล่น....แต่มีสติจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่ ฝ่าเท้า
ใจก็ภาวนา..พุทโธ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ อย่าให้หลุด 
แต่ถ้าหลุด ขาด แว่บไปไหน ๆ ....ก็แค่ต่อใหม่ ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เดินจนเหนื่อยแล้ว มานั่งตั้งใจคุมสติ ให้จดจ่ออยู่กับ พุทโธ ๆๆๆๆๆ
จนได้ยินเสียง ได้รู้สึกถึง...หัวใจ ที่เต้น ตุ๊บบบ ตั๊บบบ ๆๆๆๆๆ
ทำอยู่แค่นี้ วนไปวนมาเหมือนเล่นเกมส์ เล่นสนุก...ไม่เคร่ง ไม่เครียด

ที่วัดป่า....กลางคืนมันจะ เงียบสงัด เหมาะมากกับการเดิน การนั่งภาวนา
แต่มันก็...มืด ตึ๊ดดด ตื๊ออออ
ยิ่งช่วงข้างแรม จะมืดมิดจนมองแทบไม่เห็นอะไร.....แต่ ดาว บนท้องฟ้าจะส่องแสง สวยงามมาก
กลางคืนเราต้อง...จุดเทียนไว้ที่ปลายทาง จงกรม ทั้งสองข้าง หัว-ท้าย
ตอนบวชใหม่ ๆ นะ แหมมม ฟิตจัด
หยิบเทียนมาแล้ว ตั้งสัจจะ บอกกับตัวเองว่า....เทียนไม่หมดต้น จะไม่เลิกเดิน
อีทีนี้แหละ....เดินไป ๆๆๆ จนเหนื่อย
เอ๊ะ....ทำไมเทียนมันยัง แท่งยาวอยู่เลย ทำไมมันไม่ค่อยจะหดลงเลย
เอ้าาา แข็งใจเดินต่อไปอีกจนเหนื่อยล้า.....หันมาดู โว้ยยย เทียนยังเหลืออีกตั้งเยอะ เป็นไปได้ยังไง วะ
อีทีนี้ เดินดูแต่ต้นเทียน อยู่นั่นแหละ...ไม่หมดสักที ยังเหลืออีกเยอะ เหมือนมันไม่ไหม้ ไม่หดลดลงเลย โว้ยยย
อดคิดไม่ได้ว่า....มันเทียนยี่ห้ออะไรกัน วะ สว่างอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง
แถมมันยัง เต้นระริก แสงเทียนสว่างไสวเหมือน...หัวเราะเยาะเราซะอีก แน่ะ ยี่ห้ออาราย วะ

พอไปบ่นเรื่อง ตั้งสัจจะกับต้นเทียน จนต้องเดินซะแทบตาย...ให้หลวงพ่อ....กับครูบาทั้งหลายฟัง
พวกท่านหัวเราะกันใหญ่....แล้วบอกว่า ไอ้เรื่องตั้งสัจจะกับต้นเทียน เนี่ยะ
โดนกันมาแล้ว ท้างงง น้านนนน ทุกองค์แหละ
เข็ดไปตาม ๆ กัน.....แต่ถ้าไม่ได้ตั้งสัจจะไว้ บางวันเดินเพลิน จนเทียนดับ ต้องจุดต้นใหม่
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คนที่ไม่เคยลอง ไม่เคยทำจะไม่เข้าใจ
ถ้าไม่เชื่อ...ลองไปเอาเทียนมา ตั้งสัจจะ อธิษฐานดูสิ
แล้วจะรู้.....

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 15
https://pantip.com/topic/39197128




 

Create Date : 04 กันยายน 2562    
Last Update : 4 กันยายน 2562 18:26:41 น.
Counter : 292 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 13

วัดป่า...มหาสนุก 13

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

มีคนขอให้เล่าเรื่อง...วิธีการปฏิบัติภาวนา ทำสมาธิ กรรฐาน 
แหมมม...เรื่องนี้บอกเล่ายาก อธิบายลำบากเหลือเกิน

เมื่อตอนที่ได้กราบเป็นลูกศิษย์ ของหลวงพ่อ....แล้ว
สิ่งที่ท่านสอน เรื่องแรก คือ...เอาความรู้ในการฝึกสมาธิ ที่ได้เรียนรู้มา ฝึกปฏิบัติมาทั้งหมดโยนทิ้งไปก่อน แล้วนับหนึ่งกันใหม่หมด
ด้วยเหตุผลที่ว่า...คนที่เขียนตำราไม่รู้จริง คัดลอกตาม ๆ กันมา คนที่เขียนมาเองก็ปฏิบัติไม่ได้ จำกันมาแบบผิด ๆ ถูก ๆ
หรือ ตำราถูกต้องทุกอย่าง แต่คนตีความเข้าใจผิด สอนผิด ทำผิดเพี้ยน ต่อ ๆ กันมา

อีกข้อที่สำคัญ...สมมุติว่าสิ่งที่เรียนรู้มา ถูกต้องหมดทุกอย่าง แต่ผมเอามาปฏิบัติฝึกหัดผิดขั้นตอน ไม่เป็นไปตามสเตปที่ควรจะเป็น
มันควรจะ 1 2 3 4 5 ................... ไปเรื่อย ๆ จนถึง 10
แต่ผมเองนี่แหละ ขึ้นต้น 1 กระโดดไป 4 กลับลงมา 3 กระโจนไป 8 .........อ้าวว ย้อนมา 6 อีกแล้ว. อย่างนี้มันก็ยุ่งอะสิ
หลวงพ่อ...ท่านถึงให้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด

คำสั่งที่สอง คือ....ภาวนา ท่องแต่.....พุทโธ.  อย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่นใด ๆ ทั้งสิ้น
พุทโธ .....เท่านั้น
พุทโธ .....ลูกเดียว
ท่องดัง ๆ หรือ ท่องเงียบ ๆ ในใจก็ได้
จะท่องด้วย...สปีดรัว เร็ว ช้า แค่ไหนก็ได้ ตามสบาย ตามอารมณ์
ถ้าอารมณ์วุ่นวาย กระเจิดกระเจิง มีสิ่งมากระทบ มีเรื่องเข้ามากระแทกรบกวนจิตใจ จะท่อง พุทโธ เร็ว ๆ ก็ได้

พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ

หรือถ้าอารมณ์ดี ใจนิ่งสงบดี จะท่อง พุทโธ......พุทโธ......พุทโธ.....    ช้า ๆ. ๆ. ๆ. ก็ได้

และไม่ต้องสนใจ....ลมหายใจ
ไม่ต้อง พุท ลมเข้า....โธ ลมออก. ม่ายต้องเลย

โปรดฟังอีกครั้ง.....พุทโธ .....เท่านั้น
พุทโธ .....ลูกเดียว
จะช้า จะเร็ว แค่ไหนก็ ต า ม ใ จ

ด้วยความที่เราเป็น พ่อค้า เป็นคนกรุงเทพ และคนที่อยากรู้อยากเห็น มากเกินไป
ผมก็ถามท่านเยอะแยะ ....หลวงพ่อ....ท่านอธิบายอะไรอีกหลายอย่าง 
จนท่านต้อง. เอ็ดตะโรเอาว่า ไปทำซะก่อน ไม่ต้องมามัวถาม...ไปทำซะเดี๋ยวนี้ และทำไปตลอดเวลาทั้งวัน
ฟังอีกที....ท่องคำว่า  พุ ท โ ธ. อย่างเดียว ตลอดเวลาไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่
จะ...ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ขับถ่าย ปัดกวาดเช็ดถู ฯลฯ  ก็ต้องภาวนา ท่อง ...พุ ท โ ธ. ไปด้วย

ผมก็ยังทะลึ่งถามด้วยความสงสัยอีกไม่ได้ว่า....ใช้คำภาวนา คำอื่นได้มั้ย
สัมมาอะระหัง....พองหนอ ยุบหนอ ได้มั้ย
ท่านบอกว่า....ท่านเป็น พระป่า ในสายของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เราใช้คำภาวนา คือ พุ ท โ ธ. เป็นอารมณ์  ก็ใช้คำนี้เพื่อให้เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึง พระพุทธองค์ และ หลวงปู่มั่น

เอาโดยสรุปที่ท่านพยายามพากเพียรอธิบาย  ( จิต....ภาษาบาลี  /  ใจ ....ภาษาไทย )
ว่าการทำสมาธิ ภาวนา มันคือการทำให้...ใจ ของเรามันหยุดแกว่งไกว  หยุดแส่ส่าย
เปรียบเทียบเหมือนกับ...จิต หรือ ใจ ของเราเป็น แก้วน้ำใสๆ ใบหนึ่ง

ในแก้วมี...น้ำอยู่เกือบเต็ม
ในน้ำมี...ขี้โคลน และอย่างอื่นปนเปกันอยู่
สรุป...ใจ ของเราเปรียบเหมือน แก้วน้ำใส ๆ ที่ใส่น้ำขุ่น ๆ ขี้ดิน ขี้โคลน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราคอยแต่...แกว่งแก้วใบนี้ อยู่ตลอดเวลา
ไม่เคยเลยที่จะ ถือมันไว้ นิ่ง ๆ  เพื่อให้น้ำมันตกตะกอน....สักครั้ง
เอาแต่ คิดโน่น คิดนี่ กระโดดไปทางโน้น กระโจนไปทางนี้.....
ใจ มันไม่เคยหยุดนิ่งจากเรื่องราวต่าง ๆ ทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง สงสาร อยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น เห็นแล้วอยาก.กกกก ไปหม๊ดดดด
ใจ มันไม่เคยนิ่ง 
น้ำ มันก็เลย...ไม่เคยใส

การทำสมาธิ ภาวนา กรรมฐาน หรืออะไรก็แล้วแต่ มันคือการที่....หยุดแกว่งไกว
การทำใจ ให้มัน...นิ่ง สักระยะเวลาหนึ่ง แม้น้อยนิดก็ยังดี

วิธีการให้มันนิ่ง ให้มันหยุดแกว่งไกว...มันต้องใช้อะไรบางอย่างเป็นต่อล่อ เป็น... อุบาย
( อุบาย แปลว่า...การกระทำโดย แยบคาย )
อุบาย...ของเราที่ได้ผลดียิ่ง ซึ่งก็คือการท่องบ่นภาวนา ว่า.... พุ ท โ ธ.   เอาไว้ตลอดเวลา
จะบอกให้นะครับ ไอ้คนที่หัดใหม่ ๆ มันไม่ง่ายหรอก มันพอ ๆ กับการหัดขี่ จักรยาน นั่นแหละ
กว่าจะทรงตัวได้ กว่าจะเริ่มถีบก้าวแรกได้มันยากกกก แน่นอน
แต่ก็ทำได้ นะ ...เค้าก็ทำกันได้เยอะแยะ

เปรียบเทียบอีกทีก็ได้....เหมือนกับเรากำลัง ถักทอ เสื้อเกราะวิเศษตัวหนึ่ง
โดยใช้วัตถุดิบคือคำว่า...พุทโธ. มาถักทอร้อยรัดเข้าไปทีละปม ทีละเส้น
อย่าหยุด อย่าขี้เกียจ แค่ถักทอไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เสร็จ
หรือ ลองเปรียบเทียบอีกอย่าง
เหมือนเราต้องการ...เดิน จากกรุงเทพ ไป เชียงใหม่
สิ่งที่เราต้องทำก็แค่...ก้าวเดินไปทีละก้าว  ทีละก้าว....ทีละก้าว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
ถ้าไม่แวะดูนั่นดูนี่ หรือมัวแต่แวะกิน แวะเที่ยว แวะพัก....เดินไปเรื่อย ๆ  พุทโธ ไปเรื่อย ๆ  มันก็ต้องถึงเชียงใหม่
มันจะไม่ถึง ก็เพราะมัวแต่สนใจอย่างอื่นจน เลิก หรือลืม ก้าวเดิน

ในตอนแรก ผมเองก็ไม่เชื่อว่ามันจะ ง่าย ๆ แค่นี้
ถามหลวงพ่อ....ท่าน ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าแค่ ..... พุ ท โ ธ  แค่เนี๊ยะ เองอ่ะเหรอ
จนท่าน ต้องเสียงดังว่า...ก็แค่เนี๊ยะ นั่นแหละ......นี่คือก้าวแรก 
และเป็น กุญแจ สำคัญของการหลุดพ้นออกจาก สังสารวัฏ  ออกจากการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ทรมาน
แม้แต่ในทุกวันนี้ ท่านเองก็ยัง ภาวนา พุทโธ อยู่ตลอดเวลา เหมือนกัน

หลังจากนั้น จนทุกวันนี้ผมเอง...ก็ยังภาวนา พุ ท โ ธ อยู่ตลอดเวลา เท่าที่จะนึกได้
ฟังผมแล้ว อย่าคิดมาก อย่าตั้งปัญหา อย่าสงสัยมาก....ฟังไปก่อน ลองทำตามไปก่อน
วันแรก ๆ ของการ ภาวนาท่องอยู่ในใจไว้ตลอด มันไม่ง่ายเลยสักนิด
ใจ...ของเรามันคอยวิ่งหนี กระโดดโลดเต้น ไปทางโน้นที ทางนี้ที
คิดเรื่องนั้น อ้าววว แว่บบคิดเรื่องนี้ ไปเรื่องโน้น อยู่ตลอด ไม่ได้หยุดเล๊ยยย....
ผมเหนื่อยกับการ ไล่ตะครุบใจกลับมา พุทโธ จนเหนื่อยอ่อน
จนต้องมาปรึกษาท่าน.....

หลวงพ่อ....ท่านบอกว่า ทำใหม่ ๆ เริ่มต้นแรก ๆ มันก็เป็นแบบนี้ ทู้กกกก คนนั่นแหละ
เอาใหม่นะ....พอเริ่มต้น ให้นั่งนิ่ง ๆ  
แล้วเริ่มท่องภาวนา พุทโธ เร็วๆ สปีดเร็ว หรือเรียกแบบผมเองว่า....ปั๊มมม พุทโธ ขึ้นมาเลย

พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ

แป๊บบบ เดียว...ผมก็จะรู้สึก......หัวใจ มันเต้นนนน เร็วขึ้นมา
ผมก็เอ๊ะ...อารายวะ ความดันขึ้นเหรอ....
หลวงพ่อ.....ท่านกลับบอกว่า นั่นแหละถูกต้องแล้ว
ให้ท่องภาวนาต่อไป อย่าหยุด
ผมถามว่า..... แล้วทำยังไงต่อครับ
ท่านกลับบอก.....แล้วก็จะรู้เอง
อ้าวววว....ให้รู้ขั้นต่อไปเอง เหรอ

พอหัวใจเต้นแรง จนรู้สึกได้ชัดเจน...ตุ๊บ.. ...ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....

..ตุ๊บ.. ...ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....ตุ๊บ....

อีทีนี้ผม ก็ยังคงท่องภาวนา ต่อไปเรื่อย ๆ....แต่มาสนใจ หัวใจ ที่เต้น...ตุ๊บ ตั๊บบบ .....ตุ๊บ ตั๊บบบ .....ตุ๊บ ตั๊บบบ .....
อยู่ในหัวอกไปด้วยอีกอย่าง.....เอออ มันก็สนุกดี นะ
ปรกติเราไม่ค่อยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นนน นอกจากเวลาไปวิ่งออกกำลังกาย หรือ ทะเลาะกับ...เมีย นั่นแหละ
พอทำบ่อย ๆ ขึ้น เอ๊...จะบอกว่ายังไงดีนะ มันเหมือนกำลังเล่นเกมส์
มีเวลาว่างเมื่อไหร่ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอา...ผมจะเข้าโหมด นิ่ง หายใจลึก ๆ แล้วปั๊มมม ....พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ
ให้ได้ยิน ได้รู้สึกถึงหัวใจเต้นนน ....ตุ๊บ ตั๊บบบ .....ตุ๊บ ตั๊บบบ .....ตุ๊บ ตั๊บบบ .....ขึ้นมา
จากนั้น ผมก็จะจินตนาการว่า...หัวใจ เหมือนเครื่องปั๊มน้ำ กำลังปั๊มส่งไปที่ไหนบ้าง
แล้วผม ก็ตามไปดู ตามไปรู้สึกถึง...เลือด ที่วิ่งปรู๊ดปร๊าดไปตรงนั้น ตรงนี้ ทั่วร่างกาย
ตามไปที่ชีพจรข้อมือ ...ขึ้นไปที่หัว...ตามไปที่ข้อเท้า...ปลายมือ ...ปลายเท้า....ข้อพับต่าง ๆ ทั่วตัว

ผมทำอย่างนี้...เล่น เรื่อย ๆ  บ่อย ๆ ทำจนเคยชิน จนชำนาญ
แล้วสังเกตุดู เวลาทำแบบนี้....ใจมันสงบ  ใจมันสบาย
ละทิ้งสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว....ได้ยินเสียงมากระทบหู แต่ก็เหมือนใจมันไม่รับ ไม่สนใจ ไม่โดดไปชอบ ไปหลง
หรือคนรอบ ๆ ตัว...เห็น ก็เหมือนไม่เห็น...แต่ก็เห็นนะ
 แต่...ใจ มันไม่ได้ไปหลงตามไปรัก ไปเกลียดด้วย
ก็ทำแค่นี้แหละ ทำไปเรื่อย ๆ เหมือนมันไร้สาระ
แต่อันที่จริง มันแสนจะมีสาระ มีประโยชน์มาก จนนึกไม่ถึง
ถ้าคนที่ชอบศัพท์แสงทาง ทฤษฎี วิชาการ.....การทำแบบนี้เรียกว่า ทำ สมถกรรมฐาน สมถะภาวนา หรือ สมถะสมาธิ นั่นแหละ

ครั้งหนึ่ง ผมถามหลวงพ่อ....ว่า. ทำไมเราต้องทำภาวนา พุทโธ ตลอดเวลา หรือบ่อย ๆ ด้วยล่ะครับ
ท่านตอบว่า...ก็ทำให้ใจมัน นิ่ง เหมือนทำให้ น้ำที่มันขุ่นอยู่ จะได้ตกตะกอนจน...ใสปิ๊งงงง
แล้วเราจะได้มองเห็นยังไงล่ะ ว่าในน้ำ หรือว่าในใจ ของเรามันมีอะไรอยู่บ้าง...มีปู มีปลา มีตัณหา มีกิเลส อะไรอยู่
สิ่งที่มันเป็น ขี้ดิน ขี้โคลน มาขุ่นมัวบังไว้ ก็คือ...อารมณ์ คือ ความรัก ความเกลียด อคติ หรือที่เรียกว่า...อวิชชา นั่นแหละ

แต่เมื่อเอาคำถามเดียวกัน ว่า. ทำไมเราต้องทำภาวนา พุทโธ ตลอดเวลา หรือบ่อย ๆ ด้วย
ไปถาม หลวงตามหาฯ ...กมลาไสย
ท่านตอบว่า...พวกนักรบ หรือ นักมวย ทั้งหลายจะต้องมีร่างกายที่ แข็งแรง มีพละกำลัง
ต้องมีจิตใจ ที่เข้มแข็ง มีพลังใจ ที่หนักแน่น...ใช่มั้ย
ขั้นแรกที่เราต้องเพราะสร้างขึ้นมา คือ...กำลัง  ทั้ง กำลังกาย และ กำลังใจ
ทั้งทหาร หรือ นักมวย ครูฝึกต้องบังคับให้ ออกวิ่ง ออกกำลังกายทุกวัน
ต้อง...เต้นฟุตเวิร์ค ต้องฝึก แตะ ต่อย ชกลมชกแล้ง ชกกระสอบทราย แย็บซ้าย แย็บขวา อยู่เสมอ อยู่ตลอดเวลา ...ใช่มั้ย
เพื่อฝึกร่างกาย เพาะสร้างกล้ามเนื้อให้มีกำลังอยู่ตัว 
และที่สำคัญเพื่อให้ร่างกายมันเคยชิน มันตอบโต้เป็น..อัตโนมัติ
การภาวนา เป็นการเพาะสร้าง จิต หรือ ใจ ของเราให้มีกำลัง
เมื่อมีอะไรมากระทบ ใจ ของเรามันจะได้...ต้านทานไหว
หรือมีพลังมากพอ ที่จะต่อสู้มัน ตอบโต้กับมันอย่างเป็นอัตโนมัติ

นี่แค่....ท่องภาวนา. พุ  ท โ  ธ  อย่างเดียวเท่านั้น
เรียกว่าทำ สมถะภาวนา
ผลที่ได้ทำให้...ใจ เรานิ่ง ใจเรา ว่าง มองเห็นสิ่งต่าง ๆ สามารถแยกแยะเรื่องราวได้อย่างชัดเจนถ่องแท้
ทำให้ จิต ของเรามีพลังต้านทานสิ่งที่เข้ามา กระทบ กระแทก ต้านทานกิเลสที่พยายามวิ่งเข้ามาจับ
เคล็ดลับที่กระซิบบอกท่านทั้งหลาย คือ.....
ทำบ่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ ทำสม่ำเสมอ....อย่าหยุดทำ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 14
https://m.pantip.com/topic/39194228?




 

Create Date : 04 กันยายน 2562    
Last Update : 4 กันยายน 2562 18:22:22 น.
Counter : 256 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 12

วัดป่า...มหาสนุก 12

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

มีคนถามมาเยอะ หลายเรื่อง....
วิธีการภาวนา ผีที่วัด หรือหลวงพ่อ....
เอาเรื่อง หลวงตามหาฯ...... ให้จบก่อนนะครับ

หลวงตามหาฯ  ท่านมีความสามารถเป็นเลิศในเรื่องการเทศน์ หรือ อนุศาสนีปาฏิหาริย์ จนเป็นที่เลื่องลือ 
ถ้าพูดแบบสมัยใหม่ ก็ต้องบอกว่า...ท่านโด่งดังมากในพื้นที่แถบอีสานตอนกลาง
ทุกครั้งที่ได้รับนิมนต์ไปเทศน์ จะมี แฟนคลับ ไปร่วมงานกันมากมายเพื่อรอฟังท่าน
ที่น่าแปลกใจ คือท่านเป็น พระ....มหานิกาย หรือ วัดบ้าน
แต่กลับได้รับการยอมรับ การเคารพเทิดทูน จาก พระป่า....ธรรมยุติ จนหลายคนคิดว่าท่านก็เป็น พระป่า ด้วยเหมือนกัน
ผมเคยเรื่องนี้....หลวงตามหาฯ ท่านบอกว่า ท่านเป็น พระ ผู้เดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้า เป็นนายมีอิสระเหนือข้าพเจ้า. เพราะฉะนั้นพระพุทธองค์ บอกให้ทำอะไร...เราทำตามหมดทุกอย่าง
พระองค์ท่าน ให้เคร่งครัดใน พระวินัยศีล 227 ข้อ...เราก็ทำตามอย่างเคร่งครัด
พระบรมศาสดา สั่งให้ทำ นิพพานให้แจ้ง เราก็ทำเต็มที่
สั่งให้พิจารณา ความทุกข์ เราก็เชื่อฟัง
สั่งให้ใช้ปัญญา ดับความทุกข์ นั้นเสีย เราก็หมั่นเจริญสติ เพื่อให้มีปัญญา อย่างหนักหน่วง
มรรค 8 หนทางที่เดินไปด้วยกำลังของตนเอง ใครก็ช่วยเหลือไม่ได้...หลวงตามหาฯ ท่านก็ก้าวเดินไม่เคยหยุดยั้ง
ให้ละ ให้ลด ให้ปลด ให้วาง...ท่านทำตามไม่มีข้อแม้
ท่านไม่รู้ว่าเป็น พระป่า หรือ พระบ้าน...รู้แต่ว่าท่านแค่ เป็น....พระ
เป็น พระ ที่ใจ....ใจใส ใจสะอาด ใจบริษุทธิ์
แค่นั้นเอง....
เจอคำตอบแบบนี้เข้าไป ผมได้แต่...ก้มลงกราบเท้าท่าน ด้วยใจเคารพ และเทิดทูน

หลวงตามหาฯ ท่านคงมี วิธีหยั่งรู้ใจของคนที่มานั่งตรงหน้า หรือมาฟังธรรมจากท่าน
บางคนที่ โดดเด่น เก่งกาจ เป็นที่ยอมรับในทางโลก ทะนงตัวว่า...ข้าเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
อย่างเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด กาฬสินธุ์ หรือ มหาสารคาม จำไม่ค่อยได้แน่นอน
ไม่เคยรู้จัก หรือได้ยินเรื่องราวของ หลวงตาฯ มาก่อน
วันนึงไปงานพิธีใหญ่ มีการนิมนต์ท่านมาเทศน์ โดยมีท่านผู้ว่าฯ มาเป็นประธาน
งานนี้มีข้าราชการ ในหน่วยงานของจังหวัดแทบทุกแขนง...ต้องมาคอยต้อนรับ ท่านผู้ว่าฯ
ด้วยความที่ไม่เคยรู้จักหลวงตาฯ จึงไม่ได้มีความศรัทธาแต่อย่างใด ...ซึ่งก็ไม่แปลก ก็คนไม่รู้จักกันนี่นา
ผู้ว่าฯ ท่านงานเยอะ ต้องดูแลสารทุกข์สุขดิบคนทั้งจังหวัด ต้องบริหารสั่งงาน ต้องให้คุณให้โทษ ร้อยแปดพันประการ
แต่คงไม่ค่อยชอบฟัง พระเทศน์ กระซิบลูกน้องว่า....บอกพระท่านว่าอย่างเทศน์นาน ขอแบบสั้น ๆ เป็นพิธีก็พอ นะ
ฝ่ายลูกน้องคนสนิท ได้บอกไปยังหน่วยงานที่นิมนต์ท่านมา...ให้ไปบอกต่อ ผู้ว่าฯ จะรีบไป เอาสั้น ๆ นะ
แต่คนที่ไปนิมนต์หลวงตามหาฯ มางานนี้...รู้ว่าชาวบ้าน รวมทั้งข้าราชการหลายฝ่ายเป็น ลูกศิษย์ ที่เคารพรักท่านมาก
ใคร ๆ ก็ตั้งตารอให้ท่านมาโปรด แล้วจะไปตัดทอนได้ยังไง....แต่คำสั่งนายเหนือหัว ก็สำคัญ เอายังไงดีล่ะเนี่ยะ
เมื่อถึงเวลา ขึ้นธรรมาสน์ หลวงตามหาฯ ท่านมองๆไปยัง ตัวผู้ว่าฯ เห็นท่านไม่ได้สงบจิตตั้งใจอย่างที่ควรจะเป็น
ท่านเพ่งพิจารณา แล้ว...ขึ้นต้นว่า
วันนี้พวกเรา อย่าฟังพระธรรมเทศนากันเลย เพราะเวลามันมีน้อย
เราเปลี่ยนมาฟังนิทานกันดีกว่า.....
คนทั้งหลายมากมาย ที่อยู่ในที่นั้นเป็น งง กันไปหมด รวมถึงท่านผู้ว่า ฯ ด้วย
เลยตั้งใจฟัง นิทาน ของหลวงตา ฯ

....ครั้งหนึ่ง มีเศรษฐีชาวนาคนนึง มีบริวารอยู่ 4 ตัว คือ...วัว ควาย หมู และหมา
ตัวเศรษฐีเจ้านาย คนนี้รู้นิสัย ไอ้เจ้าลูกน้องทั้ง 4 เป็นอย่างดี
รู้ว่า...วัว และ ควาย มันขยันเสมอต้นเสมอปลาย ก็มักจะให้รางวัลเป็น หญ้า ของที่มันชอบ
ส่วน เจ้าหมู นั้นบางทีก็ขยัน บางทีก็ขี้เกียจ แต่ก็ไม่เคยเกเร หรือเอาเปรียบใคร สั่งงานอะไรก็ทำได้สำเร็จพอใช้ได้ทีเดียว
เลยอยากจะให้รางวัล เจ้าหมู มันซะหน่อย
ส่วน เจ้าหมา ไอ้นี่ฉลาดหลักแหลม แต่ขี้เกียจ มักหลบ ๆ เลี่ยง ๆ อู้งานละเก่งนัก แต่เอาหน้าละที่หนึ่ง
เลยอยากจะสั่งสอนมันซะหน่อย
เจ้านาย จึงเรียกเจ้าหมู กับเจ้าหมา เข้ามา แล้วสั่งงานให้ไปขุดดิน เพื่อยกเป็นคันนาให้สูงรอบด้าน
ถ้าใครทำได้ดีกว่า จะให้รางวัลเป็น ข้าวปลาอาหาร ที่ตัวเจ้านายเศรษฐีกิน
แต่ถ้าใครมัวแต่ขี้เกียจ จะให้กินแต่ ปลายข้าวหัก ๆ เสีย ๆ ซึ่งก็คือ...รำ นั่นเอง
แล้วตัวเจ้านายก็ออกไปทำธุระที่อื่น

ทั้งเจ้าหมู และเจ้าหมา ก็เดินไปที่คันนาที่จะต้องช่วยกัน ขุดดิน ยกคันดินขึ้นมา
แล้วไอ้เจ้าหมู ก็เริ่มเอาจมูก และขาทั้งขุดดิน และดุนมันขึ้นทีละหน่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดพัก
ส่วนไอ้เจ้าหมา ก็ไปช่วยกันดี...ในตอนแรก ๆ แต่พอแดดออก มันก็ไม่เอาแล้ว หนีไปนอนเล่นใต้ร่มไม้ คอยดูเจ้าหมูทำงาน 
ไอ้เจ้าหมู ก็ไม่รู้จะว่ายังไง...ดีซะอีก มันไม่ทำ เราทำเอง รางวัลคือ ข้าวและอาหารแสนอร่อย จะได้เป็นของเรา ช่างหมามัน
เจ้าหมูก็อดทนทำงานขุดดินขึ้นมาทั้งวัน ไม่ได้พักได้ผ่อน จนงานเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว
ส่วนไอ้เจ้าหมา นอนเล่นคอยดูหมูทำงานจนใกล้จะเสร็จ จึงออกมาช่วยนิด ๆ หน่อย ๆ 
แล้วปีนขึ้นไปบนคันนา...ที่เจ้าหมูทำไว้แทบล้ม แทบตาย โดยทำทีว่าไปช่วยตรวจดูว่าตรงไหนขาดตกบกพร่องมั้ย จะได้ช่วยกัน
ไอ้เจ้าหมา ก็วิ่งไปทั้งคันนา ....วิ่งงงง ไป. วิ่งงงง มา
จนกระทั่งถึงเวลาที่เศรษฐีเจ้านายมาตรวจดู....
เจ้าหมา เสนอหน้า กระดิกหาง ดิ๊กก ๆๆๆๆ เข้าไปก่อนเลย
ส่วนเจ้าหมู หมดแรงนอนแผ่ หายใจ ครืดดด ๆๆๆๆๆ ทำงานเหนื่อยแทบตาย
เจ้านายถาม...เอ๊า เป็นยังไงเสร็จเรียบร้อยดีมั้ย
เจ้าหมา รีบตอบ...เรียบร้อยแล้วครับ ท่านผู้ว่าฯ..เอ๊ยยย เจ้านาย
นายถามว่า ...ใครเป็นคนทำล่ะ ช่วยกันหรือไง
เจ้าหมารีบบอก...ผมทำเอง เกือบทั้งหมดแหละครับ 
เจ้าหมู รีบตะกายมาร้องคัดค้าน...ไม่จริงครับ ผมนี่แหละทำแทบตาย ทั้งขุด ทั้งดุน จนจมูกบานหมดแล้ว
ส่วนผู้ว่าฯ ..เอ๊ยยย เจ้านาย ก็มองหน้าไอ้เจ้าหมา เพราะรู้นิสัยสันดานมันอยู่แล้ว
ไอ้เจ้าหมา รีบบอก...หมู มันก็ช่วยเหมือนกันครับ แต่ส่วนใหญ่น่ะ ฝีมือผม
ถ้าเจ้านายไม่เชื่อ ผมจะให้ดูหลักฐานได้เลย ครับ
ทั้งเจ้านาย และเจ้าหมู ก็ไม่เข้าใจ มันจะมีหลักฐานอะไรกัน
ว่าแล้ว ไอ้เจ้าหมา ก็พาเจ้านาย ไปดูที่คันนาโดยรอบ ชี้ให้ดู...รอยตีน รอยเท้าของมัน ที่มีอยู่ทั่วไปหมด
เห็นมั้ยครับ นี่ไงหลักฐาน ผมทำเองกับตีน เอ๊ยยย กับมือของผมเอง ท้างงง น้านนนน
พอเจอไม้นี้เข้า...ทั้งเจ้านาย และเจ้าหมู ก็มองหน้ากันไม่รู้จะเถียงกับหมา ว่ายังไง
ในที่สุดก็ต้องจำยอมให้รางวัล...เป็นข้าวปลาอาหาร อย่างที่คนเรากิน ให้มันได้ลิ้มรสความอร่อย
ส่วน เจ้าหมู ที่น่าสงสาร ที่ถูกเบียดบังความดี ความชอบโดน หมา เอาหน้าไปซะหมด ก็ต้องยอมกิน...รำข้าว
ตั้งแต่นั้นมา จนถึงทุกวันนี้

ทั้งบริเวณที่จัดงาน ข้าราชการ ทุกฝ่าย ทุกแผนกที่ถูกเกณฑ์ให้มารับ...ท่านผู้ว่า ฯ
รวมถึง คนทั่วไปที่ไปรอฟังเทศน์ ...ทุกคนต่าง นิ่งอึ้ง ไปหลายอึดใจ
แล้วข้าราชการขั้นผู้น้อยทั้งหลาย ก็...มองหน้ากัน แล้วหันไปทาง...เจ้านาย ของตัวเอง
แล้วก้มหน้าลง แอบหัวเราะ ฮะ ฮะ ฮะ....หิ หิ หิ....อย่างพยายามกลั้นให้ มากที่สุด
แต่...พอเสียงหัวเราะ เริ่มระบาด เริ่มดังขึ้น...เหมือนเป็นโรคติดต่อ
ทู้กกก คนยกเว้นระดับ...หัวหน้า ก็หัวเราะกันยกใหญ่ แถมชี้มือขี้ไม้...ใครเป็นหมู ใครเป็น...หมา
ส่วนท่านผู้ว่า ฯ ที่ไม่เคยรู้จักกิตติศัพท์ของ หลวงตามหาฯ แห่ง กมลาไสย มาก่อน
นั่งฟังตาม นึกตาม จนจบ...แล้วก็หน้าแดง ก่ำ เหมือนไปวิ่งร้อยเมตร มา
รู้สึกตัวได้สติ อีกทีตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะ..เริ่มดังมาจากข้างหลัง
ท่านผู้ว่าฯ ถลึงตา มองซ้าย มองขวา มองลูกน้องใกล้ชิดทั้งหลาย พร้อมส่ายหน้า แล้วก็....หัวเราะ ออกมาอย่างสุดกลั้น
เท่านั้นแหละ....เสียงหัวเราะ ก็ยิ่งมาเป็นระลอก ๆ ดังไปทั่วบริเวณ
ยิ่งเห็นลูกน้อง...ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งหัวเราะ ทั้งชี้มือ ชี้ไม้ใส่กัน ว่าใครน่ะ เป็นหมู ใครล่ะเป็น....หมา
ท่านก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่
หันไปดูบน...ธรรมาสน์  อ้าว ไม่มีหลวงตามหา ฯ แล้ว....ท่านกลับวัดไปแล้ว
วันนั้น ท่านผู้ว่าฯ งดไปงานอื่นทั้งหมด รีบให้ลูกน้องพาไปกราบพบหลวงตาฯ ที่วัด
ไปนั้งคุยกับท่าน โดยไล่พวกคนสนิทออกไปห่าง ๆ ห้ามเข้าใกล้ ห้ามแอบฟังอยู่นาน....มาก
ตั้งแต่นั้นมา หลวงตามหาฯ ท่านเลยมี...ลูกศิษย์คนใหม่ ระดับบิ๊กเบิ้มเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 13
https://pantip.com/topic/39192985




 

Create Date : 04 กันยายน 2562    
Last Update : 4 กันยายน 2562 18:21:19 น.
Counter : 308 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.