กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

วัดป่า...มหาสนุก 26

วัดป่า...มหาสนุก 26

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เล่าถึงตอนที่ หลวงตาฯ และหลวงพ่อ....วัดป่าฯ ได้รับนิมนต์ไปกราบพระมหาเจดีย์ บุโรพุทโธ ที่ประเทศอินโดนีเซีย
โดยมี ผม และทายกวัด ตามไปดูแลรับใช้ท่าน
ขอบ่นนิดนึง...ตอนที่จะไป ภรรยาของผมเธอไปจัดการแลกเงินรูเปียห์ ของอินโดฯ ให้ผมติดตัวไป 1 ล้านรูเปียห์
ผมก็นึกในใจ โอ็ยยย เที่ยวนี้เมียใจดีโว้ย คงเห็นว่าเราไปกับ หลวงตา และหลวงพ่อ เลยให้ติดตัวไปเยอะ
แล้วผมก็สาละวนกันเรื่องอื่น ๆ จนลืม
พอลงสนามบิน ที่อินโดฯ พระธรรมทูตที่มารับเราท่านก็ให้เงินทิปกับพนักงานที่ช่วยขนของไปปึกนึง
ระหว่างนั่งมาในรถ ผมก็ถามท่านว่าให้เงินทิปไปเท่าไหร่ครับ
ท่านบอกว่า...ทิปไป 30,000 น่ะ
ผมก็ตกใจ ทิปทีละตั้งเป็นหมื่นเลย เหรอครับ
ท่านบอก โธ่..ก็แค่ร้อยเดียวมั้ง
ผมก็ชักเอ๊ะใจ... เอ๊ ไอ้เงินรูเปียห์ นี่มันเท่าไหร่กันแน่ มาดูว่าเมียให้เงิน 1 ล้านรูเปียห์นี่มันแค่ 3,000 บาทเองนี่ หว่า
ตายแล้วเมียทำพิษซะแล้ว มาต่างประเทศตั้งไกลให้เงินติดตัวมาแค่ 3,000 บาทเอง
ดีแต่ว่ามีเงินไทยแอบเมียไว้ ติดตัวมาอีกหลายพันบาท
พอกลับถึงบ้านแล้วไปต่อว่า ภรรยา เค้ากล้บบอกว่าก็ไม่รู้นี่นาว่าค่าเงินมันนิดเดียว เห็นว่าตั้งล้านนึง ก็นึกว่าเยอะ

วันที่เราเดินทางไปเมืองที่ตั้งของ...บุโรพุทโธ ต้องนั่งเครื่องบินจากกรุงจาการ์ตา เมืองหลวง
แล้วนั่งรถต่อไปอีกหน่อย ทริปนั้นมีคนไทยที่มาท่องเที่ยวร่วมขบวนไปด้วยอีกครอบครัวหนึ่ง
เมื่อเดินไปจนถึงตัวมหาเจดีย์แล้วก็ต้องไต่บันไดขึ้นไป ทีละชั้น ๆๆๆๆ ถึง 10 ชั้นความสูงจากพื้นประมาณ 125 เมตร
มีทั้งนักเรียนมาทำรายงานเป็นกลุ่ม ๆ และนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นคนอินโดฯ เอง และฝรั่งต่างชาติ คนเอเซียด้วยกันแทบไม่เห็น
พวกเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ก็ทำรายงานกันค่อนข้างจริงจัง เพราะที่นี่เป็นสมบัติของชาติเค้า และได้ยกขึ้นเป็นมรดกโลกด้วย
พวกฝรั่งเท่าที่ดุมีหลายชาติทั้ง ยุโรป และอเมริกา แต่ก็มาแบบท่องเที่ยวดูเฉย ๆ ไม่ค่อยได้ศรัทธาใน พุทธศาสนา อะไรเท่าไหร่

แต่เมื่อเราเดินไต่บันได และชมรอบ ๆ เพื่อเก็บความรู้จนมากพอสมควรแล้ว ในชั้นบนสุดที่มี พระพุทธรูป อยู่หลายองค์
หลวงพ่อให้หาที่เหมาะ ๆ เพื่อจะสวดมนต์ ได้ที่ว่างหน้าพระพุทธรูปกำลังเหมาะเลย
พวกเราที่ประกอบไปด้วย หลวงตามหาฯ หลวงพ่อ.วัดป่า พระธรรมทูตอีก 2 รูป และคนไทยอีก 5 คน
ก็นั่งลงต่อหน้า องค์พระพุทธรูป แล้วก้มลงกราบ....เริ่มสวดมนต์บูชาคุณพระรัตนไตร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
จากนั้น หลวงตาฯ ท่านขึ้นต่อด้วย...พระสูตร ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร
อันเป็นธรรมะ บทแรกที่ พระพุทธองค์ ท่านสอนแก่ชาวโลก 
เทศน์แก่ เหล่าปัญจวัคคีย์ ลูกศิษย์ที่ติดตามดูแลท่านมาตลอดหลายปี...จนทำให้ท่าน โกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม
เข้าใจลึกซึ้งถึงความเป็นไปของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ว่า...
.....  ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง สัพพันตัง นิโรธธัมมัง 
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา  .....
ท่านรู้ซึ้งถึงความไม่เที่ยงแท้ ยึดมั่นเกาะเกี่ยวอะไรไว้ไม่ได้สักอย่าง
เมื่อท่านได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วเกิดความสังเวชใจไม่ติดข้องกับสิ่งยึดเหนี่ยวใด ๆ อีกต่อไป
ได้เกิดปัญญาญาณ เข้าสู่กระแสแห่งความหลุดพ้น บรรลุโสดาบัน
ขอบวชเป็น พระภิกษุ องค์แรกของพุทธวงศ์ ทำให้มีครบทั้งพระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระบรมศาสดา
มีพระธรรม คำสอนให้มนุษย์ปุถุชนเห็นช่องทางออกจากวัฎจักร สงสารวัฎ วงเวียนแห่งความทุกข์
มีพระสงฆ์ ผู้สืบทอดต่อแนวทางอันประเสริฐ ผลักดันเกิดวงจรการหมุนไปแห่ง....ธรรมจักร

ในตอนแรกที่พวกเรา เริ่มนั่งลงต่อหน้าพระพุทธรูป แล้วก้มลงกราบ
บรรดานักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติ และคนอินโดฯ ทั้งหลายพากันสนใจหันมาจับกลุ่มกันมองพวกเรา
แต่พอหลวงตาฯ หลวงพ่อ...ท่านเริ่มต้นตั้งจิตเป็นสมาธิ 
แล้วเริ่มสวดมนต์นอบน้อมบูชา....นะโม ตัสสะ ภควโต ฯ ด้วยเสียงที่อัดแน่นพลังจิตเข้มขลัง
คนทั้งหลายเหล่านั้น ก็พากันนั่งลงตามพวกเรา และตั้งตาดู ตั้งใจฟังเสียงอันก้องกังวาลไปทั้ง พระมหาเจดีย์บุโรพุทโธ
ช่วงนาทีนั้น...อารมณ์มันได้ พลังใจมันถึง พวกเราสวดตามไปกับท่านอย่างเต็มเสียง เต็มพลังศรัทธา
ท่านสวดนำ เราสวดตามดังกระหึ่มไม่มีอาย ไม่มีเกรงกลัวใคร....พลังแห่งมนตราของพระพุทธเจ้า ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ
ตั้งอกตั้งใจสวดตาม พระอริยสงฆ์ ผู้เลิศประเสริฐ จนลืมดูสภาพรอบข้าง
พอสวดมนต์จบ ตามด้วยการแผ่เมตตาให้ ผู้มีพระคุณ ผู้ตกทุกข์ได้ยากก็ขอให้ได้พ้นจากทุกข์ ผู้ที่ได้สุขก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป
แผ่บุญกุศลไปทั่วจักรวาลไปทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ทั้งเทวโลก มนุษย์โลก บาดาลโลก ไปจนถึงนรกอเวจี
แล้วนั่งสงบสำรวมจิต ปฏิบัติสมาธิต่ออีกหลายนาที จนเป็นที่สาสมใจแล้ว
เมื่อลืมตาขึ้น หลวงตาฯ ท่านพาสวดกราบอภิวาท พระรัตนไตร แล้วก้มลงกราบ
พอหันไปดูรอบข้างถึงกับอึ้ง เพราะไม่ได้มีแต่พวกเรา พระสงฆ์ และญาติโยม
แต่รอบ ๆ ของพวกเรา ทั้งนักท่องเที่ยว ฝรั่ง และคนพื้นที่ รวมถึงเหล่านักเรียนที่มาทัศนศึกษา
หลาย ๆ คนเค้าถึงกับลงนั่งปฏิบัติ ทำสมาธิ ไปพร้อมกับเราด้วย
คนที่เหลือมีทั้งคนที่ถ่ายรูป คนที่นั่งฟัง นั่งมอง นั่งคิด สงบนิ่ง ฟังและคิดใคร่ครวญในสิ่งที่เห็น...พวกเรากระทำ
แม้แต่นักเรียนของเค้า ผมเห็นครูผู้นำมาได้พยายามอธิบายให้บรรดาลูกศิษย์เข้าใจ
แล้วก็ยังมองพวกเราด้วยแววตาแห่งความชื่นชม แม้จะต่างศาสนา ต่างแนวทางกัน

เมื่อกลับมาถึงที่พัก และมีโอกาสกราบเรียนถามท่านถึงช่วงเวลาบน มหาเจดีย์ฯ
หลวงพ่อ...ท่านบอกว่า มีเทวดาคอยปกปักรักษาอยู่เยอะเลย ที่มาอนุโมทนาบุญกับพวกเรา
และยังมีเทวดาในศาสนาอื่น มายืนดูพวกเราอยู่ห่าง ๆ อีกมากด้วย 
บรรดาวิญญาณที่ตกทุกข์เวทนาอยู่นับไม่ถ้วน ที่มาขอรับส่วนบุญ
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า...วิญญาณต่างศาสนา เค้ามารับส่วนบุญได้ด้วยเหรอ
ท่านบอก...บุญ เป็นของละเอียดล้ำลึก แผ่ออกไปไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากได้
พวกเค้าเหมือนคนเดินหิวโหยอยู่ในทะเลทราย นานนับหลายพันปี 
พอได้พบเจอน้ำอันบริสุทธิ์แม้จะน้อยนิด แต่ก็มีค่ามหาศาลสำหรับพวกเค้า
เทวดาประจำถิ่นก็มีอยู่มาก แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะพวกเค้าเป็น...มิจฉาทิฏฐิ
ต่างจากเทวดา ที่รับหน้าที่เฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุ พวกท่านมาร่วมสวดมนต์ และโมทนาบุญกับพวกเรา

พอเราบินกลับไปถึงเมือง จาร์กาต้า ก็มีพ่อค้านักธุรกิจชาวอินโดนีเซีย ที่สนใจศึกษาแนวทางการปฏิบัติฯ ภาวนา
มารอรับไปพักที่บ้านของพวกเค้า ที่เป็นห้องคอนโดหรู ซึ่งเอาไว้ให้เช่าเป็นรายได้อย่างหนึ่ง
พวกเค้ามีความอยากรู้ อยากเข้าใจแนวทาง การภาวนา การทำสมาธิอย่างที่สุด...แต่ไม่รู้จะไปหาเรียนได้ที่ไหน
ครั้งนี้พอรู้ว่า มีพระป่า พระกรรมฐานของแท้มาจากเมืองไทย...เค้าก็แสนจะดีใจนักหนา
ซึ่งความรู้สึกอันตื่นเต้นของพวกเค้า พวกเราคนไทยไม่สามารถเข้าใจได้หรอกครับ
พวกเค้าเหมือนคนที่ขาด...อากาศหายใจ
แต่พวกเรา อยู่ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์อันมากมายจนไม่เคยเห็น คุณค่าของ ออกซิเจน ที่เราได้หายใจอยู่ทุกวัน
พวกเราเหมือน ปลา ที่อยู่ในบึงน้ำใสที่ไม่เคยเห็นค่าของ...น้ำ
แต่พวกเค้าคือ ปลา ที่กระยิ้มกระสนหาน้ำ แม้น้อยนิดเพื่อ...รอดพ้นจากความทุกข์ ความตาย
เอาเข้าจริง ๆ แล้วก็เหมือน...กรรม มาบังพวกเค้า เพราะเรื่องของภาษา การสื่อสาร ความเข้าใจให้ต้องตรงกัน
หลวงพ่อ ท่านสงสารคนพวกนี้อย่างมาก ๆ เลยทีเดียว 
มันน่าเศร้านักที่เห็นคนที่มีศรัทธาใฝ่หา ธรรมะอันประเสริฐแต่สอนเค้าไม่ได้
นึกภาพ ปลาในตู้ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำสิครับ...
พวกมันเห็นสายน้ำที่เป็นบ้าน เป็นชีวิตจิตใจของพวกมัน แต่ลงไปไม่ได้...ติดขัดขวางแค่กระจกใส ๆ กั้นไว้เท่านั้นเอง

หลวงตามหาฯ และหลวงพ่อ...พยายามหาวิธีแบบเท่าที่จะทำได้อย่างที่สุด
การสอน ธรรมะปฏิบัติฯ ด้วยภาษามือ ภาษาใบ้มันทำไม่ได้ อึดอัดติดขัดไปหมด เหนื่อยทั้งเราทั้งเค้า
เรื่องศึลห้า พวกเค้าพอเข้าใจแต่ก็ไม่ลึกซึ้ง
การปฏิบัติฯ ภาวนา พวกเค้าได้ลองทำกันมาบ้างแล้ว แต่ผิด ๆ ถูก ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ 
เหมือนคนเดินข้ามคูน้ำ บนกระบอกไม้ไผ่ ก้าวเท้าอย่างไม่แน่ใจ ค่อย ๆ หยั่ง ค่อย ๆ เหยียบ
อยากจะไปฝั่งโน้น แต่ก็หวาดหวั่นไม่มั่นใจ ไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มีอะไรให้ยึดเกาะเลย มันเลยไม่นิ่ง ไม่แน่ใจ
วัดพุทธมหายาน ที่พวกเค้าไปก็สอนการปฏิบัติฯ ภาวนาด้วยเหมือนกัน 
เท่าที่ถามดูเค้าได้แค่...ความสงบ ที่เหลือจากนั้นไปต่อไม่ได้ ไปต่อไม่ถูกไม่เป็นแล้ว 
พวกเราซะอีกที่มีทุกสิ่งอย่างพร้อมพรั่ง ทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ ทั้งสถานที่ ทั้งเวลา ทั้งโอกาส...แต่เรากลับไม่เอา มันช่าง โง่ เง่า สิ้นดี
ผมไปอินโดนีเซีย ครั้งนี้...ความรู้สึกเกิดขึ้นมากมาย
ทั้งเศร้าสลด สมเพชเวทนาคนที่เค้ามีศรัทธาอย่างเต็มที่ แต่ไคว่าคว้าไม่ถนัดผิด ๆ พลาด ๆ
แต่อีกความรู้สึกคือ...ดีใจที่เราอยู่ในเมืองไทย ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา
ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความพร้อมพรั่งใน ธรรม ของพระพุทธเจ้า
นึกขอบคุณ พ่อแม่ของเราที่เป็นชาว พุทธ เป็นต้นทางให้เราเดินทางธรรม ได้สะดวกง่ายดาย
พวกเค้าบางคน ศรัทธาหลวงตาฯ หลวงพ่อมากมาย ...
แต่ทำได้แค่ เข้ามานั่งใกล้ ๆ กราบท่าน จับลูบคลำปลายจีวรท่าน พยายามขอให้ท่านเมตตาสอนพวกเค้า
ความรู้สึกของ หลวงตาฯ หลวงพ่อ...คือสงสาร เหมือนพ่อแม่ที่เห็นลูกหิวโหย แต่ไม่มีอะไรให้ลูกกิน เวทนามากมายแต่ช่วยอะไรไม่ได้
ผมเห็นแล้วมันสะเทือนใจที่สุด ได้แต่นึกไว้ในใจ...เราโชคดีเหลือเกิน มีความพร้อม มีทุกสิ่ง มีธรรมะอยู่ตรงหน้า 
เราช่างมีบุญจริง ๆ ธรรมะอยู่ตรงหน้า จ่อตรงปลายจมูกแล้ว...ไม่เอา ไม่ทำก็โง่บัดซบ
ตัวอย่างของ พระอริยะ ผู้ชนะแล้วซึ่งกิเลสยางเหนียวที่ยึดชาติภพเอาไว้ ก็อยู่ตรงหน้า
ท่านเดินนำไปในเส้นทางมรรคผล...นิพพาน ล่วงหน้าแล้ว
ถ้าชาตินี้ไม่รีบวิ่งตามติดท่านไป ...ชาติหน้า ภพไหนจะมีโอกาสอย่างนี้อีกล่ะ
การจะเดินเข้าสู่มรรค เส้นทางพระนิพพาน มันต้องมีมากกว่า ทรัพย์สิน เงินทอง
มาอินโดฯ ครั้งนี้ เทวดาฟ้าดิน พามาเห็นตัวอย่างของคนที่มีวาสนาในทางโลกอย่างล้นเหลือ
แต่ไม่มี บุญกุศลในทาง...ธรรม 

เกิดชาติหน้า ภพไหน ก็ขอให้ได้พบพระพุทธศาสนา
ได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติฯ ภาวนา

อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ
ข้าพเจ้า ขอกราบไหว้...พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
เมื่อดับจิตไป ขออย่าได้ไหลหลง
ตั้งจิตจำนง จงใจพระนิพพาน
ขอให้พบ ดวงแก้ว ขอให้แคล้วออกจากบ่วงมาร ................
ขอให้ไปถึงซึ่ง...พระนิพพาน
พระพุทธเจ้า สั่งไว้ว่าให้ภาวนา...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

นิ พ พ า น ะ   ส ร ร พ โ ส .......
นิ พ พ า น ะ   ปั จ จ ะ โ ย   โ ห ... ตุ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564




 

Create Date : 19 กันยายน 2562    
Last Update : 19 กันยายน 2562 21:57:37 น.
Counter : 311 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 25

วัดป่า...มหาสนุก 25

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

วันที่พวกเรา ไปถึงบ้านของ ป๋ายุง และเจ๊ซูซี่ เป็นช่วงสาย ๆ สัก 10 โมงเช้า มีพระธรรมทูตชื่อ พระ อ.จ่อย ไปด้วย
บ้านแกหลังใหญ่ อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรของคนรวย คนมีระดับ 
แต่พอจะก้าวเดินเข้าไปในบ้าน หลวงตาฯ ท่านชะงักนิดนึง ยืนนิ่งเหลียวมองหาอะไรบางอย่าง แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน
หลังจากที่เข้าไปนั่งในห้องที่เค้าจัดเตรียมต้อนรับไว้ ขณะที่กำลังพูดคุยผ่านพระ อ.จ่อย เราจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
มันคือ...ความร้อน ความระทม ความอึดอัดไม่สบาย คล้าย ๆ กับบ้านมันขาดอ๊อกซิเจน ความสุขบางอย่างมันขาดหายไป
ลูก ๆ ที่โตเป็นหนุ่ม เป็นสาวแล้วก็มานั่งมอง พวกเราเหมือนเป็นของแปลก หรือเหมือนมองหาคำตอบ มองหาความเข้าใจ
มองเข้าไปในแววตาของพวกเค้า มันมีแต่ความสงสัย ปัญหา และความระทมทุกข์บาง ๆ ที่เข้าใจยาก
บรรยากาศการสนทนา เป็นตัวพระ อ.จ่อย ท่านพูดอยู่เกือบตลอด...เราก็ฟังไม่ออก เพราะเป็นภาษาอินโดฯ
จนในที่สุด เจ๊ซูซี่ พยักหน้าให้ ป๋ายุง ถามพวกเราว่า...บ้านที่พวกเค้าอยู่นี่เป็นอย่างไรบ้าง
หลวงตาฯ ท่านนั่งรอจังหวะมาดหมายอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
หลวงพ่อ...ท่านนั่งนิ่งมอง ครอบครัวเค้าทีละคน ๆ ๆ ๆ แล้วพยักหน้าเรียกผมเข้าไป ให้ถามเค้าว่าอยากรู้จริง ๆ หรือเปล่า
ถ้าบอกอะไรแล้วจะยอมเชื่อ ยอมทำตามมั้ย....
ตัวพระ อ.จ่อย ถึงกับหน้าตื่น ช่วยแปลให้พวกเค้าฟัง
ป๋ายุง กับซูซี่ มองจ้องเขม็ง อ้าปากรอฟังด้วยใจจดจ่อ  
แต่บรรดาลูก ๆ ที่ดูแล้วแต่ละคน ฉลาดเจ้าเล่ห์แบบลูกพ่อค้า มองพวกเราว่า...จะมาไม้ไหน จะเล่นลวดลายอะไร
พระ อ.จ่อย พยายามปรับบรรยากาศให้กลับมาปรกติ พูดชมบ้านของพวกเค้าว่า...สวยงามใหญ่โต 
แล้วหัวเราะบอกอีกว่า. หลวงพ่อแค่อยากให้ปรับฮวงจุ้ยนิดหน่อย ละมั้ง
แต่...หลวงตา หันมาสั่งผมแบบชัดเจนว่า....บอกให้เค้าไปปล่อยนก ซะ
พระ อ.จ่อย หันมาถามหลวงตาฯ ว่า ...นกอะไรครับ นกอะไรเหรอ จะให้เค้าทำอะไรเหรอ
แล้วหันไปหา หลวงพ่อ... แต่ท่านนั่งนิ่งเฉย ซึ่งผมรู้ว่า...ท่านกำลังเพ่งพิจารณา อะไรบางอย่าง
หลวงตาฯ ท่านสำทับอีกว่า...บอกเค้าไปว่า ให้ไปปล่อยนก ที่เค้าเลี้ยงไว้ซะ 
พระ อ.จ่อย กลับบอกว่า...จะได้ยังไง ป๋ายุง แกชอบเลี้ยงนกที่มีเสียงร้องไพเราะ พวกนกเขา นกกรงหัวจุก 
ราคาตัวละเกือบแสน นะ แกรักเป็นชีวิตจิตใจเลย
หลวงตาฯ ท่านหันไปทำตาดุ....บอกเค้าให้ปล่อยให้หมดทั้ง 4 กรงนะ มันทุกข์ทรมาน มันไม่ได้ร้องเพลง นะ...มันสาปแช่งอยู่ทุกวัน
พระ อ.จ่อย ถึงกับหงายหลังพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกพวกเค้า....
แต่ป๋ายุง กับครอบครัว เค้าจับสังเกตุถึงการพูดตอบโต้กันของเรา และเห็นหลวงพ่อ....ท่านนั่งนิ่งผิดปรกติ
เค้าพยายามถาม พระ อ.จ่อย ว่าหลวงตาท่านว่ายังไง เหรอ
ในที่สุดก็ตอบพวกเค้าไปว่า...หลวงตา ท่านอยากให้พวกเค้าไปทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลาที่ตลาดเอาบุญ จะได้ค้าขายรวย ๆ
ป๋ายุง แกพยักหน้าเข้าใจ...เพราะแกเคยซื้อนก ซื้อปลา ตามวัดปล่อยเอาบุญเหมือนกัน
ผมหันไปถามกับ ลูก ๆ ของเจ๊ ซูซี่ ว่า...พระ อ.จ่อย ท่านบอกว่ายังไง
พวกเค้าก็แปลให้ผมฟังเป็นภาษาอังกฤษ...ผมก็รายงานหลวงตาฯ อีกที
หลวงตาฯ หันไปหาพระ อ.จ่อย บอกให้....หุบปาก แล้วให้ผมพูดกับพวกเค้าตามที่ท่านบอกแบบ คำต่อคำ
....ให้ไปปล่อยนก ที่ขังเอาไว้ทั้ง 4 กรง ให้หมด พวกมันเป็นทุกข์มาก 
มันคิดถึงบ้าน คิดถึงป่า คิดถึงพ่อแม่ เมียและลูก ๆ ของมันที่ยังเล็กนัก
มันร่ำร้องหา....นกตัวอื่น ๆ เพื่อจะให้มาช่วย เพื่อให้ไปบอกข่าว กับครอบครัวมันด้วย
มันร้องสาปแช่ง คนที่เอามันมาขังไว้ ....มันไม่เข้าใจว่าเอามาขังไว้ทำไม
พวกมัน.....อ ย า ก ก ลั บ บ้ า น

โอ๊ย...ผมแปลซะเหนื่อย กว่าจะได้เนื้อความทั้งหมด
บรรดาลูก ๆ ถึงกับหน้าตื่น ลูกสาวคนเล็กถึงกับหน้าถอดสี รีบแปลเป็นภาษาอินโดฯ ให้แม่ฟังทุกคำ
แต่ตัว ป๋ายุง ฟังแล้วหน้าหงิก หน้างอ ไม่พอใจอย่างมาก แกรักนกพวกนี้และเสียดายเพิ่งซื้อมาตัวละเกือบแสน มีตั้งหลายตัว
ส่วนพระ อ.จ่อย พอเห็น ป๋ายุง หน้าหงิกก็ตกใจ พยายามพูดกลบเกลื่อนอะไรก็ไม่รู้...ฟังไม่ออก

หลวงพ่อ...ท่านบอกกับผมว่า บอกให้ ซูซี่ ฟังว่า......
ในชาติภพ ก่อน ๆ โน้น มีอยู่ชาตินึงที่ ทั้ง ป๋ายุง และซูซี่ เกิดเป็น....กินนร กินนรี ผัวเมียอยู่บนภูเขาสูง
และได้เคยมีวิบากกรรม กับพวกนก ด้วยกัน
ทำให้ชาตินี้ ได้มาครองคู่กันอีก แต่ก็ปลุกสัญญาเดิมของกันและกันขึ้นมาให้มีความรัก ความชอบพวก นก เป็นชีวิตจิตใจ
แต่วิบากรรม ก็ตามมาหาทั้งสองคนด้วยเหมือนกัน จึงมาเลี้ยงดู กักขัง รังแก นกเหล่านี้ไปด้วยตาม...วิบากกรรมสัมพันธ์

คุณคิดดูสิ ว่า....สิ่งที่หลวงพ่อพูด มันจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ ได้ยากเย็นแค่ไหน...ด้วยความรู้แบบกระท่อน กระแท่นของผม
แต่พอรวมหัว คุยกัน พร้อมทั้งเปิดรูป กินนร กินนรี จากในอินเตอร์เนทที่โทรศัพท์มือถือ
เจ๊ซูซี่ แกน้ำตาร่วงเผาะ ....เผาะ ลุกสาวก็พลอยร้องไห้ปลอบแม่ไปด้วย
ป๋ายุง แกอารมณ์เสีย ส่ายหน้า ไม่เอาด้วยท่าเดียว แกรักของแก
พวกลูกชาย นิ่งอึ้งมองทุกอย่าง ทุกคน และคิดตามตลอดเวลา หน้านิ่งมากไม่พูดอะไรสักคำ

ช่วงเวลาที่กำลังเกิดเหตุการณ์ประหลาดอยู่นั้น...หลวงตาฯ ท่านแสดงออกถึงความแน่วแน่
ว่าวันนี้เป็นไงเป็นกัน ท่านจะขอบิณฑบาต เอานกทั้ง 4 กรงนั่นให้ได้ 
ซี่งผมไม่เคยเห็นท่าทางที่ แข็งขันเอาจริงแบบนี้ของท่านมาก่อนเลย
สักพักนึง ขณะที่ยังตึงเครียดอยู่นั้น...ลุกชายคนโตเดินไปพูดอะไรบางอย่างเบา ๆ กับพ่อของเค้า
แล้วเดินไป กระซิบข้างหูแม่อะไรก็ไม่รู้ 
เจ๊ ซูซี่ ก็หันมาลากมือผมออกมานอกบ้าน พร้อมลูกสาวของแก
ให้ลูกสาว บอกกับผมว่า...ให้บอกกับ หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ว่าเค้าซาบซึ้งใจท่านมาก 
ที่เมตตาบอกถึงต้นตอของปัญหา ที่ทำให้ครอบครัวของเค้าตกอยู่ในความทุกข์ ความอึดอันมาตลอดหลายสิบปี
ไม่เคยมีใครพูดกับพวกเค้าอย่างนี้มาก่อนเลย ...แม้แต่ พระจีนมหายาน ที่ ป๋ายุง แกเคารพนักหนา ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว
ให้ผมบอก หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ....ว่า ไม่ต้องห่วงนะ นกพวกนี้ทั้งหมด จะได้กลับไปสู่ป่าแน่นอน 
แกสัญญาด้วยชีวิตเลยว่า แกจะพาพวกมันกลับไปสู่ป่าให้ได้ เพียงแต่ขอเวลาให้ ป๋ายุง แกเย็นลงกว่านี้หน่อย เพราะแกรักของแกมาก
แล้วเจ๊แก ก็ร้องไห้ออกมาอีก...แต่เป็นการร้องไห้ ด้วยความดีใจ ความโล่งใจ ความปลอดโปร่ง ร้องไปยิ้มไป กอดกันทั้งแม่ทั้งลูก

พอตอนจะกลับออกจากบ้านของพวกเค้า ก็เล่นเอาผมเหนื่อยอ่อน แต่สุขใจอย่างบอกไม่ถูก
ทั้ง ป๋ายุง และ เจ๊ซูซี่ ทำเอาพวกเราอึ้งอีกครั้ง เข้ามาคุกเข่า....กราบเท้าหลวงตาฯ และหลวงพ่อ....กราบแล้ว กราบอีก
ออกมาหน้าบ้าน ผมพยายามมองหากรงนก ว่าอยู่ตรงไหน...
อ๋อ อยุ่ที่มุมระเบียงบ้านชั้น 2 แต่มองไม่เห็นถนัดสักหน่อย แล้วหลวงตาฯ ท่านเห็นได้ยังไงกัน นะ

ได้มาทราบทีหลังว่า...ป๋ายุง ได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษา พระอาจารย์ของเค้าว่าเป็นจริงมั้ย เชื่อถือเรื่องนี้ได้มั้ย
อีกหลายวันต่อมา ผมได้รับ คลิปวีดีโอ เป็นเภาพเหตุการณ์ตอนที่ ป๋ายุง กับพระจีน 
กำลังช่วยกันปล่อยนกหลายตัว ในป่าแห่งหนึ่ง.....
เอาไปถวายให้ หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ดู ท่านหัวเราะกันแล้วพูดว่า ไม่เสียทีที่อุตสาห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลตั้งไกล
ครั้งนี้ช่วยได้หลายชีวิต และยังช่วยปูทางให้ เถรวาท ได้เติบโตในประเทศอินโดฯ ด้วย
หลวงพ่อ...ท่านว่า มันเป็นวิบากกรรม ของพวกเค้า กับพวกนกเหล่านั้น 
อีกปีถัดมา ได้ทราบข่าวเพิ่มเติมว่า....ป๋ายุง หันมาศรัทธา พุทธศาสนา แบบวัดป่า หาทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดป่า ในเมืองไทย
และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงชักชวนเพื่อนๆ นักธุรกิจ ให้มาค้นหาแก่น ธรรมะ อย่างจริงจัง
ทั้งยังตามหา หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ว่าอยู่ที่ไหน จะพาทั้งครอบครัวมากราบท่าน...

พวกเราคนไทย ไม่รู้หรอกว่าโชคดีขนาดไหน
ที่ได้มาอยู่ในดินแดนแห่ง...พระพุทธศาสนา
ได้กราบ พระพุทธรูป ตัวแทน พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
ได้ฟังธรรม เข้าถึง แก่นแกนของธรรมะ ได้ง่ายดาย
ได้เห็น ได้ทำบุญใส่บาตร กับพระสงฆ์ พระอริยะ
คนอื่น ชาติอื่น เค้าอยากจะได้ อยากจะสัมผัสสิ่งประเสริฐอย่างนี้
แต่...กรรม บางอย่างก็ปิดกั้นพวกเค้าไว้
พวกเราช่างโชคดี แค่ไหน...
รู้กันบ้าง มั้ย

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 26
https://pantip.com/topic/39236917




 

Create Date : 19 กันยายน 2562    
Last Update : 19 กันยายน 2562 21:56:34 น.
Counter : 251 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 24

วัดป่า...มหาสนุก 24

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถือเอา พระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถือเอา พระธรรมเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถือเอา พระสงฆเจ้าเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

พระสงฆ์ ผู้ที่ผมถือเอาเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นพระอริยะ เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ มีอยู่มากมายหลายท่าน
แต่ที่ผมระลึกถึงอยู่ทุกวัน และวันละหลายครั้ง 
คือ หลวงตามหาฯ.....กมลาไสย
และหลวงพ่อ.....วัดป่าฯ 
ผมได้บวชเรียนอยู่กับท่าน 5 เดือนเต็ม ๆ และไปกราบท่านอีกปีละหลายหน
ได้เคยติดตามไปรับใช้ท่าน ที่ประเทศ อินโดนีเซีย และประเทศอินเดีย อีก 3 ครั้ง
ทั้ง ๆ ที่ หลวงตาฯ ท่านเป็น พระบ้าน มหานิกาย แต่หลวงพ่อ....ท่านเป็น พระป่า ธรรมยุติ
แต่ทั้งสองท่าน ก็รักในธรรม ของอีกฝ่ายอย่างยิ่ง ท่านเคารพรักกันเหมือน พ่อ กับลูก
เมื่อครั้งได้รับนิมนต์ จาก พระธรรมทูต ที่ไปเผยแพร่พุทธศาสนา ในประเทศอินโดนีเซีย ท่านก็รับนิมนต์ไปด้วยกัน
มีผม และทายก ติดตามไปรับใช้ท่านทั้งสอง

ที่ประเทศ อินโดนีเซีย นี้พวกเค้าเป็น...มุสลิม กันเกือบทั้งหมดทุกคน
ศาสนาอื่นสอดแทรกแข้าไปยากมาก ๆ แต่...ศาสนาพุทธ ก็มีคนสนใจนับถืออยู่บ้างไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์
แถมเป็น พุทธมหายาน แบบพระจีน อีกต่างหาก บรรดาคนที่นับถือก็เป็นกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจ เชื้อสายจีน
ส่วน พุทธเถรวาท แบบบ้านเราเพิ่งจะเข้าไปเผยแพร่ประปราย โดยกลุ่มพระธรรมยุติ จากเมืองไทยเรา
คนที่สนใจอยากจะได้แนวทางปฏิบัติฯ ของเถรวาท ก็คือพวก พ่อค้านักธุรกิจที่นับถือ พุทธศาสนา แบบมหายานอยู่แล้ว
แต่สนใจแนวทางการ ทำสมาธิภาวนา สายหลวงปู่มั่น สาย...พระป่า
ผมเองพยายามหาเหตุผล แต่ก็ไม่ชัดเจน เนื่องจากภาษาที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เค้ามีภาษาถิ่นเหมือนเรามีภาษาไทย
แต่เค้าก็ใช้ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สอง แถมใช้เก่งด้วยเพราะเค้าใช้ตัวอักษรอังกฤษ เป็นตัวออกเสียงในภาษาอินโดฯ
มองไปแล้ว คนอินโดฯ รูปร่างหน้าตาเหมือนคนไทยเรานี่แหละ...ใครเดินเข้ามาหาเราก็คงดูไม่ออกว่าชาติไหนกันแน่
บ้านเมืองเค้าดู ๆ ก็คล้าย ๆ ของเรา ตึกรามบ้านช่องไม่ค่อยแตกต่างกัน ห้างสรรพสินค้าเหมือนกับบ้านเรานี่แหละ

กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจคนจีน ที่นับถือ พุทธมหายาน อยู่แล้วมีความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับ พุทธเถรวาท มาก ๆ ๆๆๆ อย่างยิ่ง
ก็ไม่รู้ว่าทำไม...แต่ถ้าจะให้เดานะ คนพวกนี้เป็นพวก พ่อค้านักธุรกิจ ระดับค่อนข้างสูง มีความฉลาดหลักแหลม 
มีสติปัญญา และไหวพริบดีมาก แต่พวกเค้าก็มีความทุกข์มากเป็นธรรมดา
ยิ่งมีทรัพย์สินมาก การค้าวุ่นวายมาก ความโลภ ความวุ่นวาย ได้มาเสียไป ก็มากตามด้วยกัน
พวกเค้าแสวงหา หนทางดับความทุกข์อยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน
ที่ได้เจอสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ คือ ศาสนาพุทธ 
แต่เป็น พุทธ ในแบบมหายาน ซึ่งผมเองก็ไม่มีความรู้ในด้านนี้
เท่าที่สังเกตุดู พวกเค้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการอย่างที่สุด ที่เค้าได้มามันก็พอประทังความทุกข์ไปได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
คนฉลาด มีไหวพริบ แถมมีเงินเยอะ เค้าสามารถหาข้อมูลไปได้ทั่วโลก และคงมาเจอแนวทางบางอย่างของ พุทธเถรวาท
เมื่อมี พระสงฆ์ ในสายธรรมยุต ไปเผยแพร่แนวทางการปฏิบัติฯ ภาวนา 
พวกเค้าก็สนใจใคร่รู้ ด้วยมีพื้นฐานมาจาก มหายาน อยู่บ้างแล้ว
แต่ปัญหาใหญ่ยิ่ง คือ...ภาษา การสื่อสาร
พระธรรมทูต ที่ไปอยู่ที่นั่นต้องไปหัดเรียนภาษาอินโดฯ อยู่นานเป็นปีเหมือนกัน ว่าจะพอพูดคุยกับพวกเค้าได้ดี
แต่ภาษาธรรม อันลึกซึ้งมันยาก.ก..ก...ก ยิ่งกว่าเข้าไปอีก

อีกประการหนึ่ง รัฐบาลของประเทศเค้าไม่สนับสนุนศาสนาอื่น แถมยังคอยแอบกีดกันด้วยซ้ำ ไป
อย่างเช่น จะสร้างเทวรูป หรือพระพุทธรูปขนาดใหญ่....ไม่ได้โดยเด็ดขาด
บางแห่งที่สร้างไปแล้ว เค้ายังฟ้องร้อง ให้ทำลายลงซะด้วยซ้ำไป ที่ยังมีคดีค้างคากันในศาลก็เยอะ
การขอตั้งวัด จัส เซย์..โน ท่าเดียว ไม่ต้องคิดหวัง
แต่ทว่ากลับมีเศรษฐีหลายคน อาสาให้บ้านและที่ดินส่วนตัวเค้ายกให้ พระธรรมทูต ได้ใช้เป็นที่เผยแพร่ 
แต่ก็ต้องทำกันเงียบ ๆ แบบปากต่อปาก ห้ามเอิกเกริก โฆษณาประชาสัมพันธ์โจ๋งครึ่ม ม่ายยย ด้ายยย
พระธรรมทูต ท่านได้รับการสนับสนุนมากมายจาก กลุ่มเศรษฐี นักธุรกิจคนจีน จนกระทั่งมีการมาชักชวน พระไทย ไปอยู่กันพอสมควร
แต่ส่วนใหญ่ จะอยู่ที่แถบเมืองหลวง ที่ค่อนข้างเจริญแล้ว ถ้าออกไปต่างเมือง ต่างจังหวัด จะมีแต่ อิสลาม มุสลิมทั้งนั้น

หลวงตามหา ฯ และ หลวงพ่อ.... ได้รับการเชิญชวนจาก พระธรรมทูตให้ไปกราบพระมหาเจดีย์ บุโรพุทโธ
สิ่งก่อสร้างทางพระพุทธศาสนา ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาทางตอนกลางของเกาะชวา
มีสัณฐานกว้างยาวเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านละ 123 เมตร และสูง 125 เมตร 
มี 10 ชั้น แต่ละชั้นมีภาพแกะสลักมากมายเป็น ปริศนาธรรม ที่ในชั้นต้น ๆ บอกถึง มนุษย์ ว่ายังเกี่ยวข้องกับกามคุณ 5
ในชั้นที่สูงขึ้น จะมีภาพบอกเล่าถึงคนที่เริ่มสนใจการบุญ ทาน และชั้นต่อ ๆ ไปกล่าวถึง ชาดก และพุทธประวัติ
ใน 3 ชั้นบนสุดจะมี พระพุทธรูป ที่ครอบไว้ด้วยเจดีย์ ทรงระฆังครอบไว้ถึง 72 องค์ 
และพระประธานองค์ใหญ่ที่สุด อยู่เป็นประธาน ของบุโรพุทโธ
พรพุทธรูปทุกองค์แกะสลักจาก หินภูเขาไฟ ที่แข็งแกร่ง และพุทธลักษณะ งดงามมากทีเดียว

พอไปถึง อินโดฯ แล้วจึงเข้าใจได้ว่า หลวงตาฯ และหลวงพ่อ...ถูกนิมนต์มาเพื่อให้ คนที่สนใจพุทธศาสนา เถรวาท
ได้ดูเพื่อระลึกไว้ว่า...พระอริยสงฆ์ ผู้ตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนาจนสามารถก้าวพ้นสังสารวัฏ นั้นยังมีอยู่จริง
ชาวพุทธ อินโดฯ ที่ได้ทราบข่าวต่างตื่นเต้น รอคอยวันที่จะได้เห็นตัวอย่างของมนุษย์ผู้ก้าวเข้าเส้นทาง...พระนิพพาน
คนที่ได้พบ ได้กราบท่านพากัน...ตื่นตา ตื่นใจ อยากรู้อยากเข้าถึงหลักธรรมอันเป็น หัวใจ แก่นแกนของ พระธรรมอันซับซ้อน
พวกเค้าอยากรู้ อยากค้นหาจริง ๆ ไม่ได้เสแสร้ง หรือศรัทธาแค่เครื่องรางของขลังเท่านั้น
แต่...น่าเศร้าที่การพูดจาสื่อสารกันมันติดขัดไปหมด
ถึงแม้จะมีพระธรรมทูต หลายท่านช่วยกันแปล ช่วยกันอธิบาย แต่มัน...ไม่ถึงใจ ไม่ถึงแก่นของความต้องการของพวกเค้า
อีกอย่างหนึ่งที่เหล่า พระธรรมทูต ไม่กล้าแปลให้ตรงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามคำพูดของ หลวงตา ฯ หลวงพ่อ.....
ก็เพราะกริ่งเกรงในบางเรื่อง ที่ไม่อยากให้ คนอินโดฯ เหล่านั้นได้ยิน ได้ฟัง

พระธรรมทูต ที่ไปอยู่ที่นั่น สามารถอยู่อาศัยด้วยศรัทธาของ พ่อค้านักธุรกิจที่ร่ำรวย
ยังต้องอิงอาศัย...กิเลสของพวกเค้า เช่นความโลภในการหาเงินทอง ต้องเอาเรื่องของการทำทาน การนับถือพระโพธิสัตว์กวนอิม
หรือเลยเถิดไปถึง การกราบไหว้พระพรหม เทพเทวา ไปโน่นเลย
ในตอนหลัง พอหลวงตาฯ และหลวงพ่อ...ท่านเข้าใจเรื่องราว ถึงกับเล่นงานพระธรรมทูตพวกนั้นซะยกใหญ่
ซึ่งพวกพระเหล่านั้นก็พยายามอธิบายว่า...อยู่ที่นี่ ออกไปบิณฑบาต ก็ไม่ได้ สั่งสอนอะไรโจ่งแจ้งก็ไม่ได้
ต้องอาศัยกิน อยู่ บนทรัพย์สิน ข้าวปลาอาหาร และเงินทองที่...ผู้ศรัทธาเอามาประเคนให้
บางอย่างพวกคนเหล่านั้น เค้าคุ้นเคยการกราบไหว้ บวงสรวงต่อ พระโพธิสัตว์ เทพเทวา ก็ต้องตามน้ำไปก่อน
หลวงตาฯ และหลวงพ่อ....ได้แต่ถอนหายใจ ด้วยความเหนื่อยหน่าย
แล้วบ่นกับผมว่า....นี่มัน คนตาบอด เดินจูง คนตาบอด ด้วยกันแท้ ๆ เลย...ฮ่วย.ย..ย

แต่ในบรรดา คนอินโดฯ ที่มาต้อนรับดูแลพวกเรา...ยังมีบางคนที่มีสติปัญญาหลักแหลม มองทะลุเห็นบางอย่าง
พยายามหาทางเข้าใกล้ หลวงตา ฯ กับหลวงพ่อ ในตอนที่ไม่มี พระธรรมทูตอยู่ด้วย
ได้พยายามสื่อสารผ่านผม ด้วยภาษาอังกฤษ แต่...ภาษาของผมก็จนด้วย ศัพท์เฉพาะทางธรรม
ในชีวิตก็ไม่เคยคิดสักนิด ว่าต้องมาเป็นล่ามอธิบาย...ธรรมะของพระพุทธองค์
ดีแต่ว่า...แก่นธรรม ที่หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ต้องการให้กับพวกเค้า เป็นแนวทางปฏิบัติฯ ภาวนา ไม่ใช่...ปริยัติ
บางคนมากราบขอร้องให้ท่านทั้งสอง ได้โปรดไปที่บ้านของเค้าด้วยเถิด
ซึ่งท่านทั้งสอง พิจารณาแล้วก็ยินยอม

รายแรก เป็นหัวหน้ากลุ่มพ่อค้าที่นี่ ชื่อ....ป๋ายุง อายุราว 65 ท่าทางกร่าง ตามแบบคนเป็นหัวหน้า
ซึ่งเค้าเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของวัดจีนมหายานแห่งหนึ่ง เคารพนับถือพระจีน ที่นั่นมากมาย
คนนี้เจ้าตัวไม่ค่อยเข้าใจ หรือศรัทธาในตัว หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...เท่าไหร่นัก
แต่คุณ ซูซี่...เมียของเค้า ตั้งแต่ได้เห็นท่านทั้งสองตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว...ขอติดตามไปไหนไปด้วยตลอดเวลาที่อยู่ อินโดฯ เลยทีเดียว
แกรูปร่างเล็ก ๆ อ้วน ๆ แบบเถ้าแก่เนี้ย แววตาเข้มแข็งมีพลัง มองคนแบบรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์
ดูก็รู้ว่าธุรกิจของสามีที่รุ่งเรือง ยืนหยัดขึ้นมาได้ก็เพราะมีเจ๊แกค้ำยันอยู่เบื้องหลัง
แกกระซิบบอกผมว่า...พอเห็นท่านทั้งสองแล้วเกิด ปิติ น้ำหูน้ำตาจะไหลให้ได้ เห็นพวกท่านแล้วชื่นใจ อยากอยู่ใกล้ท่านให้มากที่สุด
ผมว่า อาเจ๊ซูซี่ แกคงสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งความเมตตา ที่หลวงตาฯ และหลวงพ่อ...ท่านแผ่ออกมาสม่ำเสมอเป็นปรกติ
แกคงไม่เคยได้สัมผัสสิ่งนี้มาก่อน พลังความรัก ความอบอุ่น กระแสแห่งความเมตตาที่ท่านทั้งสองแผ่ให้สัตว์โลก
ตลอดเวลาที่ เจ๊ซูซี่ แกเดินตามพวกเรา....ดูแกมีความสุข 

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 25
https://pantip.com/topic/39219349




 

Create Date : 19 กันยายน 2562    
Last Update : 19 กันยายน 2562 21:55:31 น.
Counter : 263 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 23

วัดป่า...มหาสนุก 23

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

การเป็นคนกรุงเทพ มาบวชเป็น พระป่า ...อยู่ในวัดป่า มันช่างวังเวงเสียเหลือเกิน
ยิ่งมาเจอครูบาอาจารย์ ที่เข้มงวดดุดัน ไม่มีคำว่าอ่อนข้อให้กับ...กิเลสตัณหา
พระใหม่ จะว่าไปแล้ว ก็เหมือนเด็กอ่อน ที่ต้องสอน ต้องหัดให้ไปซะหมดทุกเรื่อง
ทั้งการนุ่งห่ม เดิน นั่ง ยืน กราบ ไหว้ การถือการสะพายบาตร พระวินัยหยุมหยิมไปทุกเรื่อง จนถึงการขับถ่าย
ผู้ที่ช่วยประคับประคองให้เราสามารถอยู่ในเพศสมณะนี้ได้ นอกจากหลวงพ่อ...แล้ว 
ก็มีพวก ครูบา ( หลวงพี่ ) ทั้งหลายนี่แหละ ที่ท่านคอยให้กำลังใจ ชี้แนะสอนสั่งเรื่องกระะจุกกระจิก
คอยแอบเตือน เมื่อเราทำผิดพลาด คอยปลอบใจเมื่อเราโดนหลวงพ่อ เอ็ดตะโร
ถึงแม้ผมจะอายุมากกว่าพวกท่าน แต่ครูบา กลับมองเราเป็น....น้องเล็ก ที่ไม่ประสีประสา

เรื่องแรก ๆ ของความวุ่นวาย เป็นปัญหามากมาย คือ...การนุ่งห่ม ครองจีวร
โอ้โฮ...มันยากอย่างนึกไม่ถึง ผ้าที่เย็บเป็นผืนเดียว ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 3.20 เมตร นี่แหละ
เอามาพันรอบตัว ตามวิธีการเฉพาะ...มันไม่ง่ายเลย คอยแต่จะหลุดล่วงออกจากกันอยู่เสมอ
เดินไปก็ระแวงไป กลัวจะหลุดลุ่ยลงมากองกับพื้น เหมือนกับเป็นโรคประสาท ระแวงไปหมด
ยิ่งตอนออกไป...บิณฑบาต แล้วยี่งหนักหนา เพราะต้องสะพายบาตร อีกด้วย
ผ้าก็จะหลุด บาตรก็จะคว่ำ ฝาบาตรก็คอยจะหล่น....สาละวนวุ่นวายดีแท้
ผมละกลัว จีวรไปหลุดลุ่ยต่อหน้าชาวบ้านเป็นที่สุด
ก็ได้พวก ครูบา นี่แหละท่านคอยจับ คอยดึงผ้ากลับเข้าที่ให้ทุกวัน
กว่าจะคล่องก็โน่นแหละ เกือบเดือน

ผมมาเจอว่า สาเหตุที่ผ้าจีวรมันลื่นนักหนา ครองไม่ติดกับตัวก็เพราะเป็น...ผ้าใหม่เอี่ยม
ยังไม่เคยซักเลย น้ำยาที่เค้าเคลือบผ้าไว้มันทำให้ผ้าลื่น
พอถึงวันโกน วัดป่า...จะมีการซัก และต้มย้อมจีวรด้วยแก่นขนุน กับต้นข่า
ผ้าจีวร ที่ซักย้อมใหม่ ๆ แล้ว...หอมน่าใช้มาก
เมื่อได้ซัก ได้ต้มย้อมแล้ว สารเคมีที่มามันจะหายไปหมด ผ้าจะไม่ลื่นแล้ว
การครองนุ่งห่มจะง่ายขึ้นเยอะเลยทีนี้

ว่าไปแล้ว....บาตร กับ จีวร นี่เป็นชีวิตจิตใจอันสำคัญของ พระป่า เลยนะครับ
สองสิ่งวิเศษนี้ จะกลายเป็นดั่ง...อวัยวะส่วนหนึ่งที่พวกเรา ทั้งรัก ทั้งหวงแหนยิ่งนัก
คนที่ไม่เคยบวช เป็น...พระป่า จะไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกนี้ได้เลยสักนิด
ผ้าจีวร ที่มีคุณภาพดี ๆ ราคาประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป
บาตรที่ดีควรค่าที่จะใช้ ราคาประมาณ 7,000 ถึง 10,000 บาท หรือกว่านั้น เลยนะครับ
คนภายนอกจะไม่รู้หรอกว่า บาตร ที่ว่าดีแล้ว แพงแล้ว
ยังต้องมีของคู่กันอีกอย่างคือ....ขาบาตร หรือขาที่ตั้งรองบาตร เวลาที่วางกับพื้น
สำหรับ พระป่า แล้ว...ขาบาตรนี่แหละจะเป็นสิ่งที่บอกถึง รสนิยม ความละเมียดละไม ของเจ้าของบาตรนั้น
ขาบาตรทั่วไป ที่เค้าทำขายปรกติ จะทำจาก ไม้ไผ่ หรือหวายราคาไม่กี่ร้อยบาท
แต่ความนิยม ของพระป่า...ขาบาตรจะทำด้วย ไม้แดง หรือไม้พยุง จัดทำอย่างประณีตแข็งแรง
ราคาเฉพาะขาบาตรที่ว่านี่....กว่า 5,000 บาทขึ้นไป
ที่วัดของเรา หลวงพ่อ...ท่านจะซื้อให้ใช้ ถ้า...ขยันภาวนา และปฏิบัติตัวเหมาะสมดีแล้ว ท่านถึงจะซื้อให้เป็นรางวัล

พระป่า... ท่านไม่ได้ยึดติดที่ราคาหรือความสวยงามแต่เป็นสิ่งจำเป็นคู่กาย และการที่ใช้ของมีคุณภาพก็เพื่อความคงทน
บาตรที่ราคาถูก มักจะเป็นสนิมง่าย แถมมีปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย
เพราะพระป่าท่านฉันในบาตร ขาตั้งจึงต้องแข็งแรง และใช้ทนทาน ขนาดต้องใหญ่พอสมควร
นี่ยังไม่นับเมื่อออกไปธุดงค์ บาตรก็กลายเป็นกระเป๋าเดินทาง ใส่สบง จีวร อังสะ สังฆาฏิ ในนั้นสารพัด
ถ้าขาบาตรที่ทำด้วยไม้ไผ่ หรือหวาย มันไม่ค่อยแข็งแรง ผุพังง่ายมาก 
หรือไม่ก็อ่อนตัวโย้เย้เวลาตั้งแล้วบาตรจะเอียงน่าเกลียดพิลึก
ไม่ต้องคอยขอญาติโยมมาถวายบ่อยๆ 
ถ้าเป็นพระบ้านส่วนใหญ่บิณฑบาตรมาถึงวัดก็เทข้าว กับข้าวใส่ถ้วยใส่ชาม บาตรก็ล้างเก็บ 
การใช้งานไม่หนักหนาเท่าพระป่า
พวกเรารัก และทนุถนอมบาตร จีวร เป็นชีวิตจิตใจ และเป็นพระวินัยกำหนดให้ดูแลรักษาอย่างดี ด้วย

นอกจากหลวงพ่อ...ที่สอนหลักการให้เราแล้ว
ครูบา ที่สอนและชี้แนะ แก้ไข การภาวนาให้ผม ท่านเหมือน ครูประจำชั้น ครูที่ปรึกษา
ท่านเป็น พระหนุ่ม ๆ อายุแค่ 25 เท่านั้น แต่บวชมาตั้งแต่เป็น เณร ที่วัดสร้อยทอง กทม.
และมาบวชเป็น พระป่า...อยู่กับหลวงพ่อ
ครูบาเหลียว...ท่านนี้เหมือนมี 2 บุคลิกลักษณะ ขณะที่สอนสั่งท่านเหมือน พระผู้ใหญ่ ที่มีตบะเดชะมากมาย
แต่ในเวลาปรกติ ท่านนิสัยเหมือนเด็ก ๆ น่ารัก ชอบพูดชอบคุย สนุกสนาน
ผมได้รบเร้า ให้ท่านเล่าเรื่องผลของการ ปฏิบัติฯ ภาวนา ...
ท่านจะเดินจงกรมครั้งละ 1 ชม. แล้วยืนนิ่ง 10 นาที แล้วเดินต่อ 4 ครั้ง  หลังจากนั้น นั่งสมาธิ 2 - 3 ชม.ติดต่อกัน
พออยู่รับใช้ท่านไปนาน ๆ จนวางใจแล้ว ท่านถึงได้ยอมเล่าบางเรื่องที่น่าสนใจมาก
ท่านมีอาการป่วย หลายโรค ทั้ง หัวใจ ความดัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฯลฯ เป็น กรรม ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่ก็ ปฏิบัติฯ ภาวนา ต่อสู้กับ กรรม ที่คอยมาขัดขวางอย่างเด็ดเดี่ยว
ท่านใช้ความรู้สึกที่ว่า...โรคที่เป็นอยู่นี้ ทำให้ท่านอาจจะตายไปใน นาทีใด นาทีหนึ่งก็ได้
เพราะฉะนั้น ทุกลมหายใจที่ยังมีอยู่ ก็ขอตั้งใจปฏิบัติกรรมฐานให้ถึงที่สุด...ไม่ท้อ ไม่ตัดพ้อ เวรกรรมใด ๆ ทั้งสิ้นเลย
ขอแค่...ลมหายใจที่ยังมีอยู่ ก็เพื่อการภาวนา เท่านั้นพอ
ท่านเล่าว่า...ทุกครั้งที่ต้องไปนอนในโรงพยาบาล พระภูมิเจ้าที่ หรือพระพรหม ที่ดูแลสถานที่นั้น จะต้องเข้ามารายงานตัวเยี่ยมเยียนท่าน
มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาการท่านทรุดหนักมาก...พระพรหม ผู้ดูแล รพ.ขอนแก่น มากราบเรียนว่า ที่นี่คงรักษาท่านไม่ไหว
ขอให้ท่านรีบกลับไปรักษา โรงพยาบาลประจำในกรุงเทพ ด่วนเลย
ซึ่งท่านเป็นคนไข้ประจำของ รพ.วิชัยยุทธ เจ้าของที่นั่นได้ ปวารณา อาสาขอดูแลท่านตลอดชีวิต 
เป็นคนไข้ โคตะระ..วีไอพี ทะเบียนประวัติการรักษา ขึ้นตรงกับ เจ้าของ รพ.วิชัยยุทธ เท่านั้น

ผมเคยถามท่านว่า...พระภูมิ กับ พระพรหม เจ้าที่เหมือนกันมั้ยครับ
ท่านบอกว่า...เหมือนกัน เป็นผู้ดูแลความสุขสงบของสถานที่นั้น ๆ  
แต่ถ้าเป็นสถานที่ ที่สำคัญมาก ๆ หรือมีวิญญาณแรง ๆ มาก ๆ ...
ทางเบื้องบนจะส่ง เทวดา ที่มีฤทธิ์มากมาประจำตำแหน่ง พระพรหมในที่นั้น
โดยสรุป...ก็เหมือนกับ ข้าราชการ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลดหลั่นกันไปนั่นแหละ
แต่ทุกครั้งที่ เทพเทวา ท่านมาเฝ้าเข้ากราบพระ พวกท่านจะถอดเครื่องยศ และชฎา ออกซะก่อน เพื่อแสดงความเคารพนบนอบ

ที่วัดป่า....ของเราก็เหมือนกัน วันไหนหลวงพ่อ...ท่านเหนื่อย ไม่รับแขก เทวดา
พวกท่านก็จะ...แอบ มาหาครูบาประจำชั้นของผมแทน ...มาขอให้ท่านเทศน์ให้ฟัง
ครูบาท่านนี้ มีพรสวรรค์อีกอย่างคือ....เสียงสวดมนต์ ของท่านดังกังวาล ไพเราะจับใจอย่างเหลือหลาย
ท่านมีเร้นจ์ช่วงเสียง ที่กว้างกังวาล น่าฟังอย่างที่สุด และลอกเลียนแบบกันไม่ได้ เพราะต้องมาจากสรีระ อวัยวะการออกเสียงเลย
ปรกติแล้ว หลวงพ่อ...จะให้ครูบาท่านนี้ อัญเชิญเทวดาเป็นประจำ ซึ่งฟังแล้วขนลุก ขนพอง เข้มขลังมีพลัง

แหมมม...พูดเรื่องนี้แล้ว ขอเม้าท์นิดนึง
หลวงพ่อ...ท่านเคยได้รับนิมนต์จากบุคคล ที่ท่านเกรงใจมากให้ไปช่วยนั่งแผ่สมาธิจิตในงานหล่อพระ ครั้งหนึ่ง
ในงานนั้น เจ้าภาพมีการจ้างคณะ...พราหมณ์ มาทำพิธีด้วย
แต่ดูยังไง ก็น่าจะเป็น...คณะพราหมณ์ รับจ้างในการประกอบพิธีต่าง ๆ เช่นยกศาลพระภูมิ ปลุกเสก พิธีกรรมอะไรพวกนั้น
ไม่ใช่ พราหมณ์หลวง หรือตระกูลพราหมณ์ ที่ถือศีลเคร่งทั้งชีวิต
เรามักจะเจอพวกนี้ ในงานแบบอย่างนี้ บางคณะก็ดีนะ แต่บางคณะก็เล่นใหญ่มาก บางคณะก็มั่วซั่วมาก ๆ
ครั้งนั้น...การหล่อพระ บังเอิญไปตรงกับ งานบวช ของคนในพื้นที่
โอ้โฮ...ทั้งแตรวง ทั้งเครื่องเสียงบรรเลง ทั้งนางรำหน้าขบวน โอ๊ย..สนั่นหวั่นไหว ขณะที่กำลังทำพิธีพอดี
ครั้งนั้น....พราหมณ์ ที่ทำพิธีอัญเชิญเทวดา สวดอัญเชิญผิด คงเป็นด้วยเสียสมาธิไป
การปลุกเสกแต่ละครั้ง...ถ้าผู้เป็นประธานการแผ่เมตตาจิต ไม่เข้มขลัง เทพเทวาที่จะมาก็จะมีศักดิ์น้อย ๆ ไม่ค่อยอะไรนักหนา
แต่ถ้า ท่านผู้มีบารมีธรรมสูง ๆ มาทำพิธี เทพเทวา ที่มีอิทธิฤทธิ์มาก ก็จะมาร่วมด้วยเป็นธรรมดา
ครั้งนั้นเมื่อเกิดผิดพลาดไป....คนที่ไม่เต็มที่ในการอัญเชิญ ก็ย่อมได้รับความไม่พอใจจาก เทพเทวา แน่นอน
อ้อ...ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า เทพ เทวา ผู้มีฤทธิ์ ท่านไม่ใช่ พระผู้มีเมตตาธรรมนะครับ
ท่านเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ ในเบื้องบน แต่ท่านก็ยังมี อารมณ์รักชอบ พอใจ ไม่พอใจ การกระทำที่เหมือนลบหลู่
และจะแสดงออกเพื่อเป็นการยืนยันในศักดิ์...ของท่าน
ได้ยินมาว่า....หลังจากนั้นไม่นาน ตัวพราหมณ์คนนั้นถึงกับล้มป่วยหนักไปเลย

จึงอยากขอเตือนท่านที่ชอบ...สวดบทอัญเชิญเทวดา 
ว่าทุกครั้งที่จะสวดบทสำคัญนี้  ขอให้พิจารณาก่อนว่า...สมควรมั้ย
หากสวดมนต์ในบ้าน ถ้าเชิญเทวดาท่านมา...การสวดครั้งนั้นต้อง จริงจัง ตั้งใจ และสมาธิจดจ่อกับบทสวดมนต์ให้เข้มแข็ง.
บทที่จะสวด ควรเป็น...พระสูตร ที่สำคัญ ไม่ใช่บทสวดเรียกเงิน เรียกทรัพย์ หวังค้าขายดีอะไรแบบนั้น
ความรู้ในบทที่สวดต้องมี ว่า...บทนี้แปลว่าอะไร พูดถึงเรื่องอะไร มีที่มาอย่างไร
พระพุทธเจ้า ท่านสวดบทนี้ให้ใครฟัง ที่ไหน เมื่อไหร่
ถ้าเชิญเทวดา ท่านมาแล้ว...สวดมั่วซั่ว ผิดสำเนียง อักขระ เว้นวรรคไม่ถูกต้อง
เฮ้อ...ผมว่าน่าจะเป็นภัย เป็นโทษ มากกว่าเป็น บุญกุศล นะครับ
นอกจากนั้นแล้ว การจะเชิญ เทพเทวา อันเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มาฟังสวดมนต์ น่ะ....
บ้านช่อง สถานที่ สะอาดสะอ้านพอมั้ย โต๊ะหมู่ หิ้งพระ เรียบร้อยถูกต้องหรือเปล่า
ไม่ใช่ หิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่ที่ รกรุงรัง และจัดวางไม่เหมาะสม พระพุทธรูป ปนกับ เทวรูป เทพคนละศาสนามาวางในระดับเดียวกัน
หนักกว่านั้น...พวกเครื่องรางของขลัง นางกวัก ปลัด..คิ๊กกก อะไรพวกนี้
เทวดา ท่านโกรธนักหนา เจ้าบ้านคนเชิญจะ...ซวยเอาน่ะสิ

หลวงพ่อ...ท่านเคยรับนิมนต์ไปสวดมนต์ที่บ้านญาติโยมบางราย
ท่านเคยสั่งให้จัด หิ้งพระ โต๊ะหมู่ใหม่ซะก่อนท่านถึงจะเริ่มสวดมนต์
พระพุทธรูป ไม่ว่าองค์เล็ก หรือองค์ใหญ่ เก่าใหม่แค่ไหน ก็...คือ พระพุทธเจ้า ต้องอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดเสมอ
รองลงมาคือ...พระอัครสาวก และพระสาวก จากนั้นก็รูปเหมือน พ่อแม่ครูอาจารย์
บรรดา เทวรูป เทพเทวา และเครื่องรางของขลังทั้งปวง...ต้องแยกออกไปต่างหาก หิ้งหรือโต๊ะที่วาง ต้องไม่ชิดติดกัน
และต้องสะอาด เรียบร้อย พวงมาลัยดอกไม้แห้งเหี่ยว ต้องเอาออกไป
หลวงพ่อ...ท่านเคยบอกว่า โบสถ์ หรือ หน้าหิ้งพระ ขณะที่เรามาสวดมนต์
คือการได้มาเข้าเฝ้า พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกวันเราต้องมารายงานตัว รายงานถึงความก้าวหน้าในงานที่ พระพุทธองค์ อันเป็นนายเหนือหัวของเรา
ได้สั่งไว้ให้....ชะล้างจิตใจ ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำกุศลบารมีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้แจ่มใส
ตั้งมั่นมีสมาธิ มีสติระลึกรู้อยู่ในงานที่ทำตลอดเวลา 
ให้เดินใน เส้นทางมรรค 8 ....และทำ พระนิพพานให้แจ้ง

ผมเอง ในอดีตทำผิดบาปไว้นักหนา ช่วงเวลานั้นมีแต่ความละอายในตัวเอง ที่เป็นคนชั่วเลว
มันเกิดความเกลียดชัง และดูถูกตัวเอง....
ไม่กล้าสบตา ไม่กล้ามองหน้าพระพุทธรูป จิตใจมันพ่ายแพ้ ทั้งเกรงกลัว ทั้งอับอายต่อท่าน
แต่เมื่อได้หันกลับหลัง เดินหน้าเข้าหาเส้นทางธรรม 
ค่อย ๆ ยืนหยัดรักษาศีลให้ได้...ทีละข้อ ๆๆๆ  ไม่ขอมาก
ชีวิตก็เหมือน ฟ้าดินประทานความช่วยเหลือ ค่อย ๆ ละบาปกรรมได้ทีละนิด ทีละเรื่อง
มีกิน มีใช้ ไม่อดไม่อยาก จิตใจมั่นคง ไม่ต้องหวาดผวาต่อบาปกรรม

หลวงพ่อ...ท่านบอกว่า คนที่มีศีล ใจเค้าสะอาด สว่างไสว บุคลิกจะองอาจ แกล้วกล้า
คนที่รักษาศีลสำรวมระวัง ถึงจะแต่งตัวธรรมดา ๆ แต่ให้สังเกตุดูสิ...
เวลาพวกเค้าอยู่ในหมู่ผู้คน ก็จะดูโดดเด่น สง่างาม แปลกแตกต่างกว่าคนอื่น ๆ เสมอ
เราไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก...
แค่ตื่นขึ้นมาแล้ว ตั้งจิตอธิษฐานว่าวันนี้จะรักษาศีลข้อใดก็ได้สักข้อหนึ่ง...ให้เข้มแข็ง
แล้วความคิดนี้ จะนำไปสู่จิตใจให้สว่างไสว การพูด การกระทำจะเปลี่ยนไป จะองอาจกล้าหาญขึ้นทันที
ลองไปสังเกตุดูตัวท่านเอง และคนที่เค้าตั้งใจรักษาศีลอย่างเข้มแข็ง
แล้วบอกผมด้วยนะ...ว่าจริงอย่างที่ว่า มั้ยยย ครับ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 24
https://pantip.com/topic/39219287




 

Create Date : 19 กันยายน 2562    
Last Update : 19 กันยายน 2562 21:53:00 น.
Counter : 279 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 22

วัดป่า...มหาสนุก 22

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

การมาบวช ที่วัดป่า.... เพื่อเป็น...พระป่า
ก็มีข้อดีตรงที่ เงียบสงัด สงบ วิเวก เหมาะกับการบำเพ็ญภาวนาอย่างที่สุด
เปรียบเหมือนกับการสมัครเข้าเป็น..นักรบ ทหารพราน หน่วยลุยแนวหน้า หน่วยกล้าตาย
คงไม่ใช่สาย...เสนาธิการ หรือสายบริหาร
ยิ่งได้พ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ท่านเคร่งครัด เอาจริงเอาจัง ก็ยิ่งจะได้...มรรค ได้ผลอย่างรวดเร็ว
แต่ก็สุดแสนจะเหนื่อย สุด...สุด

ผมเคยนึกท้อกับ พระวินัยปฏิบัติ กฏกติกามารยาทของพระสงฆ์ ที่มีถึง 227 ข้อ
ซึ่งในนั้นจะมีอยู่ 75 ข้อ อันเกี่ยวกับกริยามารยาท ที่ต้องประพฤติให้สมควร เรียกว่า...เสขิยวัตร
เช่น เดินสำรวมไม่แกว่งแขน การนุ่งห่มให้เรียบร้อย การขบฉันไม่อมข้าวแก้มตุ่ย ไม่เคี้ยวเสียงดัง
ไปจนกระทั่งถึงเรื่องการขับถ่าย ห้ามยืนฉี่ ห้ามถ่ายลงในน้ำ.....ฯลฯ
ซึ่งพระวินัยอันเกี่ยวกับกริยามารยาทนี้ หลวงพ่อ...ท่านเคร่งครัดนัก คอยว่าคอยปรามผมเป็นประจำ
ท่านบอกว่า...พระพุทธเจ้า ท่านเป็นลูกกษัตริย์ถูกฝึกหัดกริยาอย่างกษัตริย์
เมื่อพระองค์มาตั้ง...พุทธวงศ์ ของตนเอง ท่านต้องการให้ผู้สืบเชื้อสายของท่านมีกริยามารยาทสวยงามอย่าง กษัตริย์ ด้วย
พอฟังอย่างนี้แล้ว...อดปลื้มตัวเองไม่ได้ เราต้องฝึกหัดตนให้งดงาม เพราะเราเป็นเชื้อสายวงศ์ของพระองค์ แล้ว
เคยบ่นให้พระอาจารย์ ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อท่านหนึ่ง ที่มีลักษณะห้าวหาญเป็นนักเลงเต็มตัว
ฟัง เรื่องพระวินัย หยุมหยิม เอ๊ะ อะ อะไรก็อาบัติ ๆๆๆๆ นึกว่าท่านจะเห็นด้วย ช่วยกันบ่น
แต่ที่ไหนได้ ท่านกลับหันมาพูดสั่งสอนผม อย่างจริงจังว่า...อย่าดูถูก อาบัติเล็กน้อย ว่าไม่มีความหมาย ว่าไม่จำเป็นนะ
เพราะอาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แลดูเหมือนไม่ได้มีความสำคัญต่อการ ปฏิบัติฯ ภาวนา นี่แหละ
เปรียบเหมือนกับ...ฝุ่นผงละเอียดเล็กน้อย ที่ปลิวเข้านัยน์ตาของเรา แล้วไม่สนใจล้างออก หรือสำนึกตนปลงอาบัติเสียก่อน
วันนึงมันจะสะสมมากขึ้นมากขึ้น เป็นความเคยชิน ความหยาบกระด้าง
เหมือนฝุ่นผงเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันมากขึ้นจนกลายเป็นพิษภัย ให้นัยน์ตาเรา...มืดบอดสนิท
ฟังท่านสั่งสอนแล้ว...เข้าใจลึกซึ้ง เห็นภาพเลย

การที่ได้มาอยู่กับ หลวงพ่อ...ซึ่งท่านเป็น พระอริยสงฆ์ผู้ประเสริฐ ยิ่งเหนื่อยหนัก กว่าปรกติอีก
เพราะท่าน...รู้ ไปหมด
ตอนที่บิณฑบาต ทุกวัน...ท่านเดินนำหน้าสุด พวกครูบาเดินตามอันดับอาวุโสเป็นทิวแถว 
ผมเป็นพระใหม่ ๆ ก็รั้งท้ายสุด ด้วยความที่ยังเพิ่งมาเห็นโลกอีกมุมหนึ่งย่อมดูแปลกไปหมด
มองดูอะไรเพลิน โยมบ้านนั้น ลูกสาวบ้านนี้ รถตัก รถไถ หมู หมา กา ไก่ ชีวิตประจำวัน โอ๊ยยย...มันน่าสนใจไปหมด
พอกลับมาถึงวัด...โดนหลวงพ่อ...เทศนาซะยกใหญ่ เดินให้ระวังจิต สำรวม ภาวนาทุกก้าวเดิน ไม่ใช่มองตามลูกสาวชาวบ้านเค้า
เอ๊...ท่านรู้ได้ยังไง ท่านไม่ได้หันมาสักนิด
หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่า...ต้องภาวนา พุทโธ ให้หนัก ๆ ไว้เวลาอยู่ใกล้ท่าน
ครูบา ท่านไหนคิดเรื่อยเปื่อยไม่สมควร เป็นโดนกระหนาบทุกราย

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านได้รับนิมนต์ไปร่วมงานบุญ ที่วัดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน กาฬสินธุ์ นี่แหละ
หลวงพ่อ...ท่านมีอายุพรรษามากกว่า 30 พรรษาแล้ว ถือว่าเป็น พระเถระผู้ใหญ่
งานบุญนี้ มีพระป่า ด้วยกันมาร่วมจำนวนมาก และด้วยธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของ พระป่า
พระสงฆ์ ที่อาวุโสพรรษาน้อยกว่า จะต้องรีบเข้ามา...กราบคารวะ ผู้ที่มีพรรษามากกว่าอย่างนอบน้อม
มีพระ ผู้ใหญ่รูปหนึ่ง จด ๆ จ้อง ๆ จะเข้ามากราบท่านดี หรือไม่กราบดีนะ
แต่ในที่สุดก็เข้ามากราบหลวงพ่อ...
ชั่วขณะเวลาที่ท่านรับการ กราบคารวะ.....หลวงพ่อ...ท่านชะงักไป
แล้วพูดเบา ๆ กับพระรูปนั้น บอกให้ท่านไปถอดเปลื้องจีวร ซะเถอะ
ยิ่งนานวันมันยิ่ง...บาปกรรม ยิ่งมหันต์นะท่าน
พระผู้ใหญ่รูปนั้น ขณะที่คุกเข่าก้มจะกราบ ถึงกับตกใจหน้าซีด เข่าอ่อน นั่งแปะลงไปทันทีเลย
นั่งอึ้งงง...พูดอึก ๆ อัก ๆ ว่า....ผมผิดไปแล้ว ผมพลาดไปแล้ว ครับ
ปรากฏว่า พระผู้ใหญ่รูปนั้น ไปยุ่งกับสีกาที่มาช่วยงานที่วัด
เรื่องเกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ระแคะระคายสักคน
พอหลวงพ่อ...ทักขึ้นเลยตกใจ กลับไปถอดจีวรหายไปจากวัดทั้งคู่
หลวงพ่อ...ท่านเล่าให้ฟังว่า ขณะที่กำลังจะรับการกราบคารวะ มันเสียดแว่บขึ้นมาที่หัวใจ
ท่านเลย เพ่งพิจารณาเห็นหมดทุกอย่าง

ที่วัดของเรา ก็มีพระมาบวชใหม่อยู่รูปหนึ่งเป็นคนมีการศึกษาสูง ฐานะทางบ้านดี แถมรูปร่าง หน้าตาหล่อดี ซะด้วย
ผมเองยังนึกชื่นชมที่มีความเพียบพร้อม ทั้งชาติตระกูล ความรู้ ฐานะ หน้าตา
แต่...ที่มาอยู่วัดนี้ เพราะเห็นว่าอยู่ไกล และกันดารดี...ท่านหลบอะไรมาบางอย่าง
พออยู่ได้แค่เดือนเดียว เริ่มมีอะไรแปลก ๆ 
หลวงพ่อ...ท่านเตือนเบา ๆ ก่อน และค่อย ๆ พูดเตือนหนักขึ้นทุกครั้ง
จนในที่สุด ท่านเรียกไปคุยส่วนตัว...ยื่นคำขาดบางอย่าง ให้ยอมรับออกมาซะเถอะ
แต่พระใหม่รูปนั้น กลับแสดงท่าทางฉุนเฉียว ฮึดฮัดออกไป
แล้วโทร.ตามญาติให้มารับไปอยู่วัดอื่น....ในทันที
เย็นวันนั้นหลวงพ่อ เรียกครูบา ทั้งหมดมารับทราบ และตักเตือนเรื่องสำคัญ
พระใหม่รูปนั้น...แอบเอาโทรศัพท์มือถือมาใช้ทั้ง ๆ ที่หลวงพ่อท่านห้ามปรามทุกคนไม่ให้ใช้
แต่พระรูปนั้นดื้อ ไม่เชื่อฟัง แถมแอบคุยติดต่อกับใครบางคน และเปิดดูสิ่งไม่สมควรอะไรบางอย่าง
จนในที่สุดได้กระทำผิด...อาบัติสังฆาทิเสส คือการสำเร็จความใคร่ จนน้ำอสุจิเคลื่อน....แตกออกมา

ต้องอธิบายให้ท่านที่ไม่มีความรู้เรื่องอาบัติ การทำผิดละเมิดข้อห้าม ของพระสงฆ์
อาบัติ มี 2 ประเภท คือ ครุกาบัติ แปลว่า...อาบัติหนัก และลหุกาบัติ แปลว่า...อาบัติเบา
อาบัติหนัก ที่มีโทษร้ายแรง มี 2 อย่างคือ ปาราชิก และ สังฆาทิเสส
อาบัติเบา อาบัติที่ไม่มีโทษร้ายแรงเท่าครุกาบัติ มี 5 อย่าง คือ อาบัติถุลลัจจัย , ปาจิตตีย์ , ปาฏิเทสนียะ ,ทุกกฏ , ทุพภาสิต

อาบัติหนัก ถ้าปาราชิก มีเพศสัมพันธ์ ขโมยทรัพย์สิน ฆ่าคน และคุยโม้โอ้อวดอ้างว่ามีฤทธิ์เดช ทั้ง ๆ ที่ไม่มีจริง
อาบัติประเภทนี้ เปรียบเหมือนโทษประหารจากความเป็น...พระ

แต่...อาบัติสังฆาทิเสส นั้นเบากว่าออกไปทางแนวเรื่อง ทางเพศ แบบสำเร็จความใคร่ เกี้ยวพาราสีจีบสาว กกกอด...แต่ไม่กับถึงสอดใส่
โทษที่ได้รับไม่ถึงประหารจากความเป็น พระ แต่ก็หนักหนาเพราะเป็นโทษ...ประจาน
เพราะต้องไปสารภาพผิดต่อหน้า พระสงฆ์ด้วยกันที่อยู่ในวัดนั้น และพระ ที่มาจากที่อื่นด้วย
แล้วต้องถูกกักขัง ให้สำนึกตัวหลายวัน...เท่านั้นยังไม่จบ นะครับ
ยังต้องไปนิมนต์ พระสงฆ์ จำนวน 20 รูปมาประชุมกันสวดบทพิเศษที่เรียกว่า...สวดอัพภาน

หลวงพ่อ...ท่านยังอธิบายเพิ่มเติมว่า
ผู้ที่เป็น พระ ได้กระทำผิด ปาราชิก ถึงจะหมดจากความเป็นพระแล้ว ไม่ใช่ว่าจะหมดเรื่องแค่นั้น นะ
แต่บุญกุศล บารมี ที่เคยทำสะสมมาทุกภพ ทุกชาติต้องเป็นอันยกเลิก หายสูญสิ้นไปหมด
ผู้ที่ได้ทำผิด ปาราชิก แล้วชีวิตที่เหลือจะไม่ได้ดี ไม่มีความสุขแน่นอน จะไปตกระกำลำบาก ไม่มีบุญกุศล หรือเทวดาช่วยเหลืออีกเลย
ส่วนการทำผิด สังฆาทิเสส แล้วปกปิดไม่ยอมรับ ไม่ยอมบอกใคร....
บุญกุศล ที่เคยทำสะสมมาทุกภพ ทุกชาติต้องเป็นอัน...หยุดพัก สต๊อปไว้ ไม่ให้ผลใด ๆ จนกว่าจะได้มาทำการสารภาพผิด
หลวงพ่อ....ท่านเป็นห่วงนักหนา เกรงว่าจะมีลูกศิษย์ของท่าน ก้าวล่วงไปทำผิดข้อนี้เข้า
ท่านทั้งย้ำ ทั้งเตือน ทั้งคอยระแวดระวังในเรื่องนี้อย่างมาก ....ท่านถึงคอย สแกน ตรวจสอบจิตใจของพวกเราถี่ยิบ
อยู่ใกล้ท่าน ถึงต้องภาวนา...พุ ท โ ธ กำกับจิตใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา
หลายครั้งที่นั่งรถตู้ไปที่อื่น เป็นชั่วโมง...ครูบา และผมต้อง บริกรรมภาวนาอย่างหนักแน่นตลอดทาง เหนื่อยยย มั้ยล่ะครับ

พระบวชใหม่ อีกหลายรายที่ทนการฝึกเข้มข้น ของหลวงพ่อ...ไม่ไหว ก็ลาสิกขาออกไป
บางคน ท่านไม่ยอมให้ลาสิกขา หนีไปขอสึกที่วัดอื่นก็เยอะ
แต่ขนาดท่านเข้มขนาดนี้ ก็ยังมี ครูบา แหกคอกออกแนวแปลกประหลาดหลายท่าน
บางท่าน ก็ชอบทำสมาธิ แล้วจิตโลดโผนโจนทะยาน ได้ฤทธิ์น้อย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็นึกว่าตนเอง สำเร็จบรรลุธรรมแล้ว
พอหลวงพ่อ ท่านตักเตือนว่า ผิดทางแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไปเอง
กลับโมโหโทโส หาว่าหลวงพ่อ...ใจแคบ ไม่ยอมรับว่าคนอื่น ก็เก่งได้เหมือนกัน
หลวงพ่อ พยายามโน้มน้าว แก้ไขความเห็นผิดสารพัดวิธี ก็ไม่สำเร็จ หนีเตลิดเปิดเปิงออกจากวัดไปเป็นปี
ออกไปเทศนาอวด แสดงฤทธิ์วุ่นวายไปทั่ว ...ท้าทายครูบาอาจารย์ไปหมดทุกที่ 
เคยถูกต้อนย้อนถามพระวินัย ความรู้ทางธรรม ก็ไปโมโหเค้าอีก
ครั้งสุดท้ายไปอวดแสดงฤทธิ์ อวดตบะเดชะ....อดอาหาร จนตายในที่สุด
สิ้นลมแล้ว บรรดาลูกศิษย์ที่หลงเชื่อ ยังคิดว่าท่านกำลังเข้า ฌานสมาบัติชั้นสูง....
ผ่านไปหลายวันจนเริ่ม เน่ากลิ่นโชยแล้วนั่นแหละถึงรู้ว่า ตายจริง ๆ 
พ่อแม่ มาขอเอา ศพ มาเผาที่วัดป่า...แห่งนี้ หลวงพ่อ ก็ใจอ่อน แต่ชาวบ้านประท้วง ไม่ยอมท่าเดียว

ว่าไปแล้ว วัดป่า ก็เป็นสถานที่อันน่าเกรงกลัวเหมือนกันนะครับ
คนที่ก้าวเข้ามาแล้ว ตั้งใจดี มีความนอบน้อม สนใจธรรมะของพระพุทธเจ้า...ก็จะได้เต็มเปี่ยม
แต่ถ้าใครจิตใจไม่สะอาด มาด้วยความโลภ อยากได้ฤทธิ์เดช หรือคิดว่ามาวัดป่าแล้ว จะเฮง ๆ รวย ๆ มาด้วยความโลภ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเค้า จะกลายเป็นพิษภัย บาปกรรม เป็นทวีคูณ
หลวงพ่อ...ท่านเคยเปรียบว่า ศีล ก็เปรียบเหมือน...สปริง
ยิ่งถือศีลมาก ยิ่งเหมือนสปริง ที่มีขดลวดมาก จะยิ่งส่งพลัง ดีดสะท้อนไปได้ไกลมาก
แต่...ถ้าตั้งสัจจะ ว่าจะถือศีลมากข้อเท่าไหร่ ผลสะท้อน แรงดีด ก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ
ทำดี ตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนาดี ก็ยิ่งดีดสะท้อน รุนแรง ได้มรรคได้ผลทวีคูณ
แต่ในทางกลับกัน เป็น พระ มีสัจจะว่าจะอยู่ในพระวินัยศีล 227 แล้วทำเหยาะแหยะ ย่อยนาน
แรงดีดสท้อนยิ่งส่งไปลง นรก เร็วเป็นทวีคูณ

วัดป่า....ก็น่า สะพรึงกลัว ด้วยเหมือนกันนะ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 23
https://pantip.com/topic/39215804




 

Create Date : 19 กันยายน 2562    
Last Update : 19 กันยายน 2562 21:51:50 น.
Counter : 282 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.