กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม

กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม


บางครั้งคนเรา …..เมื่อถึงคราวอับจน

มองไปไม่เห็นทางออก หมดทางต่อสู้

กับคำว่า...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็ดูจะพึ่งไม่ไหว

ทางสุดท้าย ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากฟ้าดิน

โดยต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง..............

ซึ่งบางที ท่านก็รับเดิมพันเหมือนกัน.

 


ผมเอง เรียนจบ ปริญญาตรี ทางธุรกิจ เมื่อปี 2525

ไปสมัครทำงานที่...เต้นท์รถมือสอง

เถ้าแก่ใหญ่ ชื่อ...เฮียเฮง

จะสอนว่า

.........คนเราต้องขยัน ต้องทำทุกอย่าง ทำยังไงก็ได้ ให้ขายได้

ให้กำไรมากที่สุด จะโกหกพกลมยังไงก็ได้

ในโลกนี้มีแต่คนเข้มแข็ง ที่จะอยู่ได้...

เงินเท่านั้น….สำคัญที่สุด

 


ตอนนั้นผมเป็นวัยรุ่นไฟแรง ….อยากรวย

อยากเด่น อยากเอาชนะ

เฮียเฮงก็สอนวิชาการ...สารพัดทุกอย่างให้ผม

ทั้งการดูคน ดูรถ ย้อมแมว กะล่อนปลิ้นปล้อน เทคนิคการโกหก

วิธีการขายแบบสารพัดชั่วร้าย เลวทราม

ผมก็ดีมาก ….รับมาหมด

 


เวลาผ่านไปหลายปี ผมยังได้พัฒนาความกะล่อน หลอกลวง

ให้มากขึ้นอีกหลายเท่า

โกหกได้แนบเนียน ออกแนว 18 มงกุฏ

และด้วยความที่อยากเอาชนะ ผมจึงพยายามโชว์ฝีมือ

ทำยอดขายรถ ให้ได้มากกว่าคนอื่น

ที่สำคัญขายรถที่คนอื่นขายไม่ได้ พวกรถที่มีปัญหา ย้อมแมว......

ไม่มีใครขายมันได้…ต้องเป็นผม เท่านั้น

 


เฮียเฮง ก็มองเห็นความสามารถ จึงพัฒนาขึ้น

มีการเอารถย้อมแมวมาขายมากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยมีผมเป็นมือขวา

รถชน รถคว่ำ รถหงาย

รถที่ยิงกันตาย ฆ่ากันตาย

รถแท๊กซี่ถอดป้าย สารพัด เอามาหลอกขายได้หมด

 


ผมทำงานให้เฮียแกเกือบ 10 ปี ก็แยกตัวออกมาทำเอง

เพราะระยะหลังแกเล่นไปร่วมมือกับ...แก็งค์ขโมยรถ

เอารถสวมทะเบียนปลอมแปลงเอกสารมาขาย และเรื่องเฉียดคุก เฉียดตะราง อีกมากมาย

โดยให้ผมออกหน้า ส่วนแกเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง

 

ถึงแม้ว่าผมแยกตัวมาแล้ว ก็ยังขายรถในแนวเดิม เลวเหมือนเดิม

แต่.....เงินทองที่ได้มามาก....ก็หมดไป

อย่างที่เขาว่า น่ะ...เงินมันร้อน

 


ผมเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวผู้หญิง

แต่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ อยากได้อะไรก็ซื้อ

ประกอบกับกู้เงินนอกระบบเยอะ ดอกแพง

ทำได้เท่าไรก็หมดไป เหมือนมันละลายหายเกลี้ยง

แต่สิ่งที่เหลือไว้ ก้อแต่หนี้สิน

 


จำได้ว่าประมาณ ปี 2538 เกิดมีน้ำท่วมใหญ่

อู่ที่ผมใช้ซ่อม และย้อมแมวรถ อยู่ที่…สวนผัก ตลิ่งชัน

น้ำ….มันท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เอากระสอบทรายกันสู้เอาไว้ ก็ไม่อยู่

 


ในที่สุด….ทั้งอู่ มีน้ำท่วมสูงเกือบถึงหลังคารถ

รถแพงๆ อยู่ในนั้นหมดเลย เอาออกไม่ได้เลย

ผม...หมดตัว

เหลืออยู่แต่หนี้สิน...ล้านกว่าบาท

 


เลยต้องหลบไปเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ที่ปากเกร็ด

ตอนนั้นเซ็งชีวิตมาก

กลัดกลุ้มหงุดหงิด สารพัด จิตใจมีแต่ความรุ่มร้อน เครียด กังวล

มีปากเสียงระหองระแหง กับภรรยา ตลอดเวลา

 


ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ผมอายลูก อายเมีย ที่ทำให้พวกเค้าต้องลำบาก

คนเคยทำงาน เคยมีธุรกิจ มีเต็นท์รถ

แล้วต้องมานั่งขายของชำ...เฮ้อออ

 


บางวันกลัวจะถูกมองว่าไม่มีงานทำ ก็แต่งตัวออกไปข้างนอก

ไปนั่งอยู่ริมน้ำทั้งวัน ๆ ทุกวัน

จิตใจก็ยิ่งหดหู่หมดกำลังสู้

 


บังเอิญวันหนึ่ง ได้ไปซื้อหนังสือนิยายอ่านโดยไม่ตั้งใจ

เป็นเรื่อง “ จิตา ” ของคุณ ทมยันตี

หนังสือเล่มนี้แปลกดี อ่านแล้ว...เย็นลง

ความหงุดหงิด ร้อนรน มันหายไปหมด

อยากให้ทุกท่านลองไปหาอ่านดูนะครับ......

 


หลังจากอ่านจบหลายรอบแล้ว ให้รู้สึกอยากจะกลับตัวเป็นคนดีบ้าง

แต่ก็ยังทำไม่ได้ หนี้สินมันจ่อคออยู่

ช่วงนั้นยังติดต่อกับ….เฮียเฮงอยู่เสมอ

เพราะยังเป็นหนี้แกหลายแสน

เฮียแกก็ทวงอยู่เรื่อย เรียกไปใช้งานชั่ว ๆ งานเดิม ๆ อยู่บ่อย ๆ

ที่แย่มากที่สุดคือ...ให้ขายรถที่ขโมยมาปลอมแปลง สวมทะเบียน

เป็นงานใกล้คุก ใกล้ตะราง หนักเข้าไปอีก

 


ผมก็กลัวติดคุกด้วย กลัวโดนเก็บ ห่วงลูกเมียด้วย

บางครั้งยังอยากฆ่าตัวตายซะให้หมดเรื่องไป ….แต่ก้อสงสารเมีย

เพราะหนี้ของผมเป็นหนี้นอกระบบ ไม่จบง่าย ๆ

ตาย ก็ไม่จบ.....

 


แต่ผมเหนื่อยกับ…การทำความชั่ว

การโกหก หลอกลวง แล้ว

อยากจะกลับตัว เป็น…คนดี

แต่ก้อไม่รู้จะทำยังไง มองไม่เห็นหนทางเลย

 


กระทั่งขับรถหลงเข้าไปที่วัดแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว จำทางก้อไม่ได้

เป็นวัดที่…สงบ  และเงียบเชียบ

พอผ่านเข้าประตูวัดไป เหมือนกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยสิ้นเชิง

ผมก้าวเดินผ่านประตูโบสถ์ เข้าไปนั่ง อยู่หน้าพระประธาน

บอกตรง ๆ ว่า…แทบไม่กล้าเงยมองหน้าท่าน

เพราะความ…ละอายใจ

นั่งนิ่งๆ อยู่นานนน ตอนที่จะกลับผมได้บอกกับท่านว่า….

อยากกลับตัวเป็นคนดี เป็นคนที่…ลูกเมีย ภูมิใจ

ไม่อยากโกหก ไม่อยากหลอกลวงใครอีกต่อไปแล้ว

ผมเหนื่อย กับการ…ทำชั่ว แล้ว

ขอให้ผมได้มีโอกาส…ทำความดี บ้างเถอะครับ

 

 

 

ไม่กี่วันต่อมา ข้าง ๆ บ้าน ที่ปากเกร็ด

มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่

แขกที่มาคนหนึ่งเป็นผู้หญิง แต่..เป็นร่างทรง

ชื่อ...อาติ๋ว

ปรกติจะอยู่ที่บางระกำ พิษณุโลก

คุณหม่อง แฟนผมได้ไปช่วยงาน และได้คุยกับอาติ๋ว โดยบังเอิญ

อาติ๋ว….สั่งให้เรียกผมไปคุย และแนะนำว่า

..........ถ้าอยากเป็นคนดี แต่ไม่มีหนทาง

ลำพังแต่กำลังบุญของเรา ช่วยไม่ไหว

น่าจะลองขอต่อ….เทวดา ฟ้าดิน ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ดูนะ

.....แต่มีข้อแม้ คือ

ต้องมีเครื่องแลกเปลี่ยน

ให้ไปนึกดูจะเอาอะไรไปแลกกับเค้า

เรื่องใหญ่ หนักหนาสาหัส

สิ่งที่เอาไปแลก ก้อต้องใหญ่ และมีค่าสมควรกัน

......ที่สำคัญกว่านั้น เทวดา…ท่านไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

ถ้าเกิดทำตามสัญญาไม่ได้ เค้าเอาตาย...ย...ย นะ

คิดดูให้ถี่ถ้วนก่อน ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ อย่าใช้วิธีนี้....โดยเด็ดขาด

 


ก่อนกลับยังกำชับ ….เน้นแล้ว เน้นนน อีกว่า

ให้คิดให้ถี่ถ้วนมาก ๆ

อย่าอธิษฐานส่งเดช หมดหนทางจริง ๆ แล้วค่อยทำ

 


ผมมานอนคิดเรื่องนี้ดูแล้ว ไม่มีทางออกมันจนหนทาง

ถูกทวงหนี้ตลอด ถูกตามไปทำชั่วเพิ่มขึ้น ๆ ๆ ๆ

บ้านที่ซื้อไว้เก็งกำไร ก็ทำท่าจะผ่อนไม่รอด

ไอ้เราก็กะล่อนมาหลายปี โกหก หลอกลวงมาสารพัด

ผมละอายลูก ละอายเมีย ดูกระจกทีไร…ก็ทุเรศตัวเอง

ใส่บาตรทำบุญก็อายพระ ทำสังฆทานก็อายเวลารับศีล

ผมเหนื่อยกับการทำชั่วแล้วหละ

 


แต่ผมจะเอาอะไรที่มีค่าพอ กับการไปต่อรอง แลกเปลี่ยน ล่ะ

เงิน…ก้อไม่มี

ความดี หรือบุญกุศล ก้อจะไม่เคยทำ

 

ดึกคืนหนึ่ง ผมตัดสินใจออกไปยืนที่ดาดฟ้าบ้านไม่มีหลังคา

ถือซะว่าเป็นกลางแจ้ง

แล้วจุดธูป 16 ดอก

บอกกล่าว อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน

ตั้งใจอธิษฐานว่า

 


...ขอให้ข้าพเจ้า ได้หลุดพ้นวังวนแห่งความชั่วร้ายต่าง ๆ

ขอให้ได้เป็น คนดี …มีอาชีพสุจริต

ขอให้หมดหนี้สินทั้งหลายด้วยเถิด

สิ่งที่ลูกจะขอแลกเปลี่ยน คือต่อไปนี้จะไม่โกหกหลอกลวง

จะตั้งใจทำทุกอย่างที่คิดว่าดี จะทำความดีเท่าที่ทำได้

จะปฏิบัติ…ศีลห้า ตลอดไปจนกว่าจะตาย............

 


แล้วปักธูปลงไป ด้วยใจที่ตั้งมั่น แน่วแน่

ขณะที่ปักธูปลงไป รู้สึกได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรามันเงียบกริบ

เงียบงัน นิ่งสนิท เหมือนมีใครมองจ้องดู และ เงี่ยหูฟังเราอย่างจดจ่อ

พอปล่อยมือจากธูป ขนลุกซู่...ตั้งแต่ปลายนิ้ว ไล่ขึ้นไปถึงกลางหัวเลย

 


จากวันนั้นมาไม่ถึงอาทิตย์ เฮียเฮงก็เรียกผมไปพบ

พอเจอหน้าก็ ด่า...ด่า...ด่า

ด่าผม….ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องเก่าสมัยไหนๆ ก็ขุดเอามาด่า

ด่าเสียงดังลั่นออฟฟิซอยู่ ตลอดร่วมชั่วโมง

แล้วไล่ผมออก….

ไม่ให้เข้ามาข้องแวะที่เต็นท์อีก หนี้สินที่มีให้มาใช้ในทีหลัง

 


แกบอกว่า….จู่ ๆ  แกก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าผมขึ้นมาอย่างแรง.....

เห็นหน้าแล้ว… ยากจะ อ้วก

เวียนหัว อยากจะอาเจียน

แล้วก้อออกปาก….ไล่ให้ไปให้พ้นหน้า

อย่ามาให้เห็น อีก

 

ผมออกมายืน มึน งง….อยู่นอกเต็นท์ตั้งนาน กว่าจะเข้าใจว่าโดนไล่ออกจริง ๆ

มันเกิดอารายกัน..วะ

ก่อนหน้านั้น ขอลาออก….ก้อไม่ยอมให้ออก

ถ้าเลิกทำให้ให้แก….ก้อคงต้องตาย

เพราะกลัวปากโป้ง

 

เจ้าหนี้อีกรายใหญ่อีกราย ก็เรียกผมไปพบ

แล้วบังคับให้ผมโอนบ้านที่ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรมาให้แก

จากนั้นก็ให้ไปปิดบัญชี โอนบ้านกันในวันรุ่งขึ้น

ผมเลยหมดหนี้จากธนาคาร 3 ล้านกว่า ผ่อนเดือนละเกือบ 30,000 บาท

หมดหนี้ก้อนใหญ่ ๆ ที่หนักหัวอก ไปอย่างกระทันหัน

อย่างมหัศจรรย์

 


สรุปแล้วอยู่ดี ๆ ผมก็หมดตัว แต่แทบจะหมดหนี้สิน

หมดพันธะกับ โจร

เรื่องชั่ว ๆ …..ไม่ต้องการผมอีกต่อไปแล้ว

 

 

 

จากนั้นมาผมก็นอนอ่านนิยายธรรมะ ของคุณทมยันตีอีกหลายเล่ม

จนเบื่อเลยไปเดินเล่นที่วัดชลประทาน

จำได้ว่าเป็นตอนประมาณ 5-6 โมงเย็น

ที่วัดเงียบสงบมาก คงจะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว...เลยไม่มีใครสักคน

 


ผมก็เดินใจลอย เลยไปเรื่อยจนเจอ...กุฏิหลวงพ่อปัญญาฯ

ในใจอยากกราบท่านเลยเข้าไปใกล้ๆ

เจอผู้ชาย..ใส่ชุดขาว ๆ ยืนอยู่คนนึง

ผมถามว่า...หลวงพ่ออยู่มั้ยครับ

เขาพนักหน้า แล้วชี้มือให้… เข้าไปสิ

 


ผมได้เข้าไปกราบท่านในกุฏิ

ท่านก็ยิ้ม ๆ …. ไม่พูดอาราย

ผมบอกว่า อยากตาย เบื่อตัวเอง รู้สึกตัวเองเลวมาก ๆ

ท่านถามว่า….ทำไมล่ะ

ผมบอกท่านว่า มีอาชีพทำเต้นท์ ขายรถเก่า

งานมันต้อง…โกหก ตลอดเวลา

ท่านถามว่า…. ไม่โกหกไม่ได้เหรอ

ผมบอก…. ถ้าไม่โกหก ก็ขายไม่ได้ครับ

ท่านกลับถามว่า…. แล้วเราถนัดอะไรล่ะ

 


ผมฟังแล้ว… อึ้ง

ไม่นึกว่าจะถูกคำถามแบบนี้

นึกอยู่นานแล้วก้อว่า…. ก็ถนัดขายรถนี่แหละครับ เพราะทำมาตั้ง 10 กว่าปี

ท่านก็ว่า…. งั้นก็ไปขายรถ แต่ไม่ต้องโกหก

ผมก็ถามว่า …..แล้วมันจะ ขายได้เหรอครับ

ท่านบอก….. ได้สิ

แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรอีก…. ยิ้ม ๆ อย่างเดียว

 


ตอนนั้นผมนึกอะไรไม่ออกแล้ว

ได้แต่ก้มลง….กราบแทบเท้า

แล้วเอื้อมมือไปจับปลายจีวรท่าน...เพื่อเป็นกำลังใจ

 


กลับบ้านมานอนคิด ๆ ว่า...แล้วเราจะขายรถแบบไหน ที่ไม่ต้องโกหก วะ

เงินทุนก็ไม่มีสักบาท มีแต่หนี้อีกเป็นแสน

นึกไปนึกมา… เอ๊ะ

เราไปขายรถใหม่ดีกว่า ไม่ต้องลงทุน ไปเป็นเซลส์ก็ได้

รถใหม่ ๆ มันไม่ต้องโกหก นี่นา

โอ้ยยยย โง่ ซะนานเลย

 


อีก 2 วันไปสมัครงานที่โชว์รูมรถเบนซ์ ถนนแจ้งวัฒนะ

ผู้จัดการมองผมแบบเหยียด ๆ อาจจะเห็นอายุมาก ตอนนั้น 35 

แล้วถามว่า…. คุณดื่มเหล้ามั้ย

ผมบอก… ดื่มไม่เป็น

แล้ว…เที่ยวกลางคืนมั้ย

ผมบอก….ไม่ชอบ ผมขี้ง่วง แถมแพ้กลิ่นบุหรี่

เขาบอกว่า…. ถ้าอย่างนั้น ผมมาเป็นเซลส์ขาย รถเบนซ์ ไม่ได้

ผมถามว่า…ทำไมล่ะ

เขาก็อธิบายว่า ….กลุ่มลูกค้าของเขาเป็นพวกเสี่ย ๆ พวกนักเที่ยว

ต้องไปหาลูกค้าที่ผับหรู ๆ ตอนกลางคืน

ผมเลยเดินคอตกออกมายืนมองเข้าไปจากหน้าโชว์รูมแห่งนั้น

ผมเห็นเซลส์ของเขา แต่งตัวดีมากกก….ของแพงทั้งน้านน

ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คาบบุหรี่ทุกคน

นุ่งสั้น นั่งอ้า อีกต่างหาก

ในใจนึก…. มันบ้าหรือเปล่าวะ

โชว์รูมหรือซ่องกันแน่

( หลังจากนั้นประมาณปีกว่า โชว์รูมนี้ก้อ เจ๊ง ไป )

 


วันต่อมา...ไปสมัครเป็นเซลส์ รถนิสสัน

แต่โดนส่งให้ไปประจำที่….อ้อมน้อย

โชว์รูมเล็กๆ สกปรกมาก

แต่ผมตั้งใจอย่างแรงที่..จะไม่โกหก

ทุกคนหัวเราะเยาะผมเรื่องนี้มาก

 

แต่ก็ประหลาดนะ

ผมขายได้...มีคอมมิชชั่นคันละ 2,000 บาท

เมื่อก่อนผมขายรถกำไร คันละ 10,000 -100,000

เงินไม่เคยพอ เหลือไว้แต่หนี้สินเป็น….ล้าน

แต่ขายรถใหม่โดยไม่โกหก ได้คันละ 2,000 บาท

ผมกลับมีเงินเหลือกิน มีเงินใช้จ่ายตามอัตภาพ

อยู่ที่อ้อมน้อย 1 ปี ผมเป็น...ท๊อปเซลส์

ทำยอดขาย ชนะคนอื่น ๆ ทั้งหมด

และถูกยกย่องให้เป็น…พี่ใหญ่

 


จากนั้น...ที่สยามกลการใหญ่ มาทาบทามชวนผมไปเป็นเซลส์…ที่ พระประแดง

วันแรกที่เข้าไปรายงานตัว

ผมถามว่า….ถ้าอยากเป็น ผู้จัดการ ต้องทำอย่างไร

เค้ามองหน้า แล้วหัวเราะบอก...

ต้องอยู่มาอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป

ยอดขายต้องเอาชนะให้ได้ทั้ง …บริษัท

ต้องชนะคนเก่า ๆ เป็นร้อย ๆ คน

ซึ่งคงไม่มีทางเป็นไปได้ หร๊อกกก

 


แต่...ผมทำอยู่ 3 ปี หมดหนี้ และได้ขึ้นเป็นผู้จัดการ

อีก 1 ปีกว่า ได้ขึ้นจากโชว์รูมเล็ก ๆ

ข้ามขั้นไปเป็น…ผู้จัดการโชว์รูม ขนาดใหญ่

อยู่ที่หนองแขม โดยไม่ต้องไต่จากโชว์รูมขนาดกลาง

 


ผมเคยขายครั้งเดียว ได้ 200 คัน ให้กับ บ. ซี.พี.

แต่น่าเสียดายส่งรถได้แค่ 100 คันเท่านั้น

โรงงานนิสสัน…ผลิตให้ผมไม่ทัน

เพราะไม่เคยมีใคร ขายได้ล๊อตใหญ่เท่านี้มาก่อน

 

ขายทุกคัน ขายทุกครั้ง ผมไม่โกหกลูกค้าเลยครับ ลูกน้องของผมทุกคนรู้ดี

ผมลาออกมาตั้งแต่ปี 2545 แล้ว

 


ที่เล่ามาก็เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับคนที่คิดว่า …หมดหวัง จนหนทาง

ขอให้ตั้งจิต รักษาศีล ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเราอยู่

 

ที่สำคัญ........

คุณ กล้าเดิมพัน กับท่าน…มั๊ยล่ะ

 

อนณ นิศารัตน์

โทร - ไลน์  0931499564

 




Create Date : 28 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 21 พฤษภาคม 2565 12:25:16 น. 1 comments
Counter : 1962 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ สามีก็เป็นพนักงานขายรถเหมือนกันค่ะ อยากเปิดเต้นท์รถเหมือนกันค่ะ แต่ไม่มีทุน


โดย: kangadoll วันที่: 8 เมษายน 2554 เวลา:9:39:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.