กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
วัดป่า...มหาสนุก 14

วัดป่า...มหาสนุก 14

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

มาต่อเครื่องการ...ปฏิบัติ ภาวนา กันอีกนิดนะครับ

นอกจากท่องบ่นบริกรรม คำว่า... พุ ท โ ธ
ไปเรื่อย ๆ ยิ่งมากก็ยิ่งดี ให้ติดต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ เพื่อให้จิตใจของเรา สงบนิ่งลงแล้ว
หลวงพ่อ....ท่านยังให้ เดินจงกรม ให้มากสลับกับการนั่งสมาธิภาวนา
อันที่จริงแล้ว ท่านสั่งให้...เดินจงกรม จนเหนื่อยซะก่อน แล้วค่อยมานั่งสมาธิ
ในตอนแรก ท่านก็ให้เดิน สลับ นั่งครั้งละ 15 นาที  แล้วขยับไปเป็น 20 นาที  30 นาที ไป 45 นาที จนถึงครั้งละ 1 ชั่วโมง
คีย์ของมันคือ....เดินจนเหนื่อย แล้วค่อยมานั่ง ภาวนา
อีทีนี้ปัญหา คือ....เดินยังไงล่ะ
ผมเอง เคยฝึกแบบ...หลวงพ่อจรัญ คือแบบ ซ้ายหนอ ขวาหนอ เหยียบหนอ ยกหนอ ย่างหนอ.........ช้า ๆ จับจังหวะไปเรื่อย ๆ 

แต่หลวงพ่อ....ท่านบอกว่า แล้วแต่ จริต ของแต่ละคน
การฝึกภาวนา นี้มันไม่ได้เพิ่งมาเริ่มกันเฉพาะ...ชาติภพนี้หรอกนะ
มันเคยได้ฝึกหัดกันมาตั้งหลายภพ หลายชาติมาแล้ว ก็แล้วแต่ใครเคยมี วาสนามาแบบไหน
เอาเป็นว่าให้ผมลองเปลี่ยนมาเป็นแบบ....เดินไปไม่ต้องสนใจจังหวะ ไม่ต้องช้า ๆ ชัด ๆ
แต่ใช้วิธี....เดินไปภาวนา พุ ท โ ธ กำกับไปเรื่อย ๆ 
โดยไม่ต้องสนใจว่าจะ ... พุท เท้าซ้าย โธ เท้าขวา แต่อย่างใด
แค่เดินไป ...พุทโธ ไป จะเร็วจะช้าก็ตามที่ใจเราชอบ ให้ไปหาจังหวะที่เหมาะสมกับตัวเรา เอาเอง
แต่ต้องมี...สติ นะ ต้องรู้ว่ากับลังเดิน กำลังภาวนา อยู่อย่าให้ขาดสติ
เหมือนกับการ นั่งสมาธิภาวนา พุ ท โ ธ เหมือนกัน....ต้องไม่ตก ภวังค์ โดยเด็ดขาด
เพราะการตก ภวังค์ นั่นคือการ....ขาดสติ
ห้ามตาม แสง สี อะไรทั้งนั้น...ต้องมีสติ รู้ตัวอยู่ตลอด
การเดินก็ให้รู้ว่า กำลังเดินอยู่....
ให้รู้สึกตัวว่ากำลังเหยียบอะไร เอาใจไปอยู่กับฝ่าเท้าที่สัมผัส อ่อน นุ่ม แข็ง เรียบ หรือขรุขระ

ขอเสริมนิดนึงนะครับ....ทางจงกรม ที่ผมชอบที่สุด ต้องทำจาก....ทรายขี้เป็ดอัดแน่น มันเดินนุ่มเท้า เพลินดี
แต่เอาจริง ๆ ผมชอบเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ดินบ้าง ลูกรังบ้าง พื้นกระเบื้องบ้าง
และก็ต้อง...ถอดรองเท้า นะมันได้ฟิลลิ่ง ได้ความรู้สึกขึ้นมาชัดเจนดี
ยิ่งเดินบนหิน ลูกรัง ก็สนุกดี
วันแรก ๆ ที่ไปอยู่วัด ไปบิณฑบาต ท่านห้ามใส่รองเท้า....โอ๊ยยย เขย่งเกร็งกอย หินบาด หินทิ่มเจ็บไปหมด
แต่พออยู่ครบ 1 เดือนกลับมาบ้านที่กรุงเทพ....ผมละโหยหา ความรู้สึกของการเดินบนหินดินลูกรัง อย่างที่สุด
บอกให้คนที่ไม่เคยทำแบบนี้ จะไม่เข้าใจหรอกครับ 
มันต้องคนที่เคย เดินฝ่าเท้าเเปล่า ๆ มาแล้วนั่นแหละถึงจะเข้าใจกัน

อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า...ผมไปอยู่แค่ 1 เดือนในปีแรก อะไร ๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ยังจับเคล็ด จับจังหวะอะไรไม่ได้มากนัก
แต่ก็ทำได้ดีแบบ...เด็กอนุบาล หรือคนเพิ่งหัดขี่จักรยานใหม่ ๆ นะครับ
ก็สนุกตื่นเต้น แปลกใหม่ ดีแค่นั้น
แต่ในปีถัดไป ผมไปบวชอยู่กับ หลวงพ่อ...ท่านเลย. นาน 5 เดือน
ครั้งแรก ตอนที่เป็นโยมธรรมดา มาฝึกหัดปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านไม่ค่อยเข้มงวด กลัวจะสู้ไม่ไหวหนีกลับซะก่อน
แต่คราวนี้ มาบวชเป็น...พระ เต็มตัว บทบาทของหลวงพ่อ...ก็เปลี่ยนไป
ท่านเข้มงวด กวดขัน เอาจริงเอาจัง...ไม่มีการลดลาวาศอกให้กับการอู้ การขี้เกียจของ พระ เด็ดขาด
ต้องภาวนา 24 ชั่วโมง....คือต้องมี สติ กำกับตลอดเวลา แม้กระทั่งยามหลับ ยังต้องมีสติไม่ใช่ นอนแผ่แบหรา อ้าซ่า หลับไม่รู้เรื่อง

เดือนแรก...ผมตั้งใจเคร่ง ในการ เดินจงกรม ต่อด้วยนั่งสมาธิภาวนา สลับครั้งละ 1 ชั่วโมง
เอานาฬิกามาตั้งไว้เลย......
หลวงพ่อ...เดินมาดู ท่านก็หัวเราะ แต่ไม่ได้ว่าอะไร
แต่เทศน์ต่อหน้าชาวบ้าน แซวออกไมค์ได้ยินทั้งวัด......ครูบาที่บวชใหม่ ช่างตั้งใจดีเหลือ เกิ้นนนนน
เอานาฬิกามาตั้งปลุก เดินจงกรม นั่งสมาธิ....ตามเวลาเป๊ะ
พวกครูบา ที่บวชมาก่อน ท่านพากันอมยิ้ม ...แต่ชาวบ้านหัวเราะกันใหญ่
ผมก็ งง ๆ นะ...มันผิดตรงไหน
แต่...ถึงแม้จะตั้งใจมั่น เคร่งครัดในการ เดินอย่าง....จริงจัง เคร่งเครียด
เมื่อถึงเวลา นั่งสมาธิ ก็บีบบังคับให้ สงบ จิตใจอย่างแข็งแรง แข็งขืนสู้กับความ...แส่ส่ายของจิต 
ที่ชอบกระโดดหนีไปไหน ๆ อยู่เรื่อย ๆ
คร่ำเคร่งเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ๆๆๆๆๆ  ทั้งวัน ๆๆๆๆๆ 

จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 2
ผมก็ยังทำเหมือนเดิม ตั้งใจมาก เอาจริงเอาจังมาก ....แต่กลับไม่ก้าวหน้า
นอกจากไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร มันกลับจะยิ่งแย่ มีแต่ความกดดันให้กับตัวเอง
เหมือนกับแบกกระสอบข้าว เดินขึ้นสะพานลอย น่ะ....
เดินหน้า 2 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าว.....ผมเหน็ดเหนื่อยมาก ตั้งใจภาวนาวันละ 8 ถึง 10 ชั่วโมง
แล้ววันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งเซ็งตัวเองที่ไม่ก้าวหน้าไปไหนสักที
ครูบา ท่านหนึ่งชื่อ....ครูบาเหลียว
ท่านเดินมานั่งซ่อมจีวร อยู่ใกล้ ๆ และทักว่าทำไมดูเหนื่อย ดูเหมือนทุกข์ทรมานอย่างนี้ ล่ะ
ผมก็ได้เล่าให้ท่านฟัง สิ่งที่กำลังเป็นอยู่....
ท่านก็นิ่งฟัง แล้วย้อนถามรายละเอียดอีกบางอย่าง แล้วบอกให้ผมไปกราบเรียนให้ หลวงพ่อ...ทราบซะสิ
ผมบอกว่า....ไม่กล้าครับ ผมคงยังขยันไม่พอ หรือจิตแส่ส่าย ฟุ้งซ่านเกินไปมั้งครับ
แต่ครูบาเหลียว ท่านบอกไม่ใช่ หร๊อก.....แค่ ตั้งใจมากเกินไป เคร่งเครียดจดจ่อมากเกินไป น่ะ
ผมฟังแล้ว....เหวอออ ไปเลย  อ้าว...มันไม่ดีเหรอครับ ความตั้งใจเต็มที่
ท่านบอก....ดี แต่มันมากไป เหมือนการขี่จักรยาน ถ้าจับแฮนด์มันแน่น แข็งเกร็งมากเกินไป รถมันก็จะล้ม เอาสิ
หลังจากขอให้ท่านช่วยแนะนำ ท่านก็บอกเคล็ดวิธีที่น่าจะใช้กับผม ได้
ท่านย้อนถามว่า....เคยเดินเล่นในสวนมั้ย ล่ะ
.... เอ๊าาา เคยสิครับ
.... นั้นแหละ...เวลาเดินจงกรม ให้ทำใจ ว่าง ๆ สบาย ๆ เหมือนกำลังเดินเที่ยวชมสวนอยู่นั่นแหละ
.... ว่างยังไง สบายยังไง นึกไม่ออกครับ
.... ก้อ เวลาเดินเล่น เดินชิว ชิว เดินปล่อยใจ ปล่อยอารมณ์ ไม่ต้องคิดอะไร....แค่ เดินเล่น น่ะ
.... ไม่ต้องจดจ่อ มีสติ เหรอครับ
.... ต้องมีสติ  แต่ไม่ต้องเคร่งเครียดจริงจัง  แค่เดิน เราก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา รู้สึกที่เท้าอยู่ตลอดว่ากำลังเหยียบ กำลังย่ำไปบนอะไร
.... อือออ คล้าย ๆ จะเข้าใจ นะครับ. แล้วตอน นั่งสมาธิ ภาวนา ล่ะครับ ผมต้องทำจิตยังไง ครับ

ครูบา ท่านคิดแป๊บ นึง แล้วบอกว่า.....
.... เคยไปวิ่งออกกำลังกาย มั้ย
.... เคย ครับ
.... ให้นึกภาพ นึกอารมณ์ ตามนะ....เวลาที่เราไปวิ่งออกกำลังมาจน เหนื่อยยย น่ะ
วิ่งมาเป็นชั่วโมงแล้ว จนเหนื่อยหอบเต็มที่แล้ว คิดว่าจะเลิกแล้ว เหนื่อยแล้ว
พอวิ่งมาถึง...ม้านั่งริมสวน ก็ลงนั่ง
ตอนนั้นผมก็หลับตา นึกจินตนาการตามท่าน
พอวิ่งมาถึงม้านั่ง แล้วลงนั่ง........ วินาที ที่ก้นแตะพื้นเก้าอี้ น่ะ รู้สึกยังไง
.... ก็สบาย อ่ะสิ ครับ
.... ใช่ ๆๆๆ นั่นแหละ ความรู้สึกนั้นแหละ แบบไหน...อธิบายมาซิ
.... ก็ เฮ้อออ โล่งโปร่ง....ปล่อยวางทุกอย่าง เพราะมัน...เหนื่อย อ่ะ อะไรก็ไม่เอาแล้ว แค่....ขอหายใจไปเรื่อย ๆ ก่อน
.... ใช่ ๆๆๆ นั่นแหละ โมเม้นท์นั้น ความรู้สึกแบบวินาที นั้นแหละ
โล่ง ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น....ขอแค่ได้นั่ง ได้พัก ได้หายใจไปเรื่อย ๆ ก็พอ
จำอารมณ์นี้ไว้ให้ดี ๆ  แล้วใช้อารมณ์นั้นแหละในการเริ่มนั่งสมาธิ ภาวนา
และประคองอารมณ์นั้นไว้ให้นาน...ที่สุด
จากนั้นท่านก็แนะนำอีกหลายอย่าง. และอีกอย่างหนึ่งคือให้เลิกใช้นาฬิกามาคอยจับเวลา
เพราะใจมันจะจดจ่อ อยู่กับเวลา อยู่กับเข็มนาฬิกา จิตมันถูกกดทับ
ผมก็ถามว่า แล้วจะใช้อะไรกำหนดเวลา....
ท่านบอก แค่เดินไปจนเหนื่อยให้มากที่สุด ใช้ความรู้สึก ....ถ้ายังอยากเดินอยู่ ก็เดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าไม่อยากจะเดิน
เวลานั่ง ก็ใช้อารมณ์ปล่อยวาง ไม่อยากได้อะไร ไม่สนใจ ไม่ห่วง ไม่กังวล ขอแค่ให้ได้นั่งภาวนาแค่นั้นก็พอ

หลังจากใช้วิธี ที่ครูบาท่านสอนแล้ว....เกิดความก้าวหน้ามากมาย อย่างนึกไม่ถึง
เดินสบาย ๆ ใจโล่ง ๆ ว่าง ๆ เหมือนเดินเล่น....แต่มีสติจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่ ฝ่าเท้า
ใจก็ภาวนา..พุทโธ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ อย่าให้หลุด 
แต่ถ้าหลุด ขาด แว่บไปไหน ๆ ....ก็แค่ต่อใหม่ ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เดินจนเหนื่อยแล้ว มานั่งตั้งใจคุมสติ ให้จดจ่ออยู่กับ พุทโธ ๆๆๆๆๆ
จนได้ยินเสียง ได้รู้สึกถึง...หัวใจ ที่เต้น ตุ๊บบบ ตั๊บบบ ๆๆๆๆๆ
ทำอยู่แค่นี้ วนไปวนมาเหมือนเล่นเกมส์ เล่นสนุก...ไม่เคร่ง ไม่เครียด

ที่วัดป่า....กลางคืนมันจะ เงียบสงัด เหมาะมากกับการเดิน การนั่งภาวนา
แต่มันก็...มืด ตึ๊ดดด ตื๊ออออ
ยิ่งช่วงข้างแรม จะมืดมิดจนมองแทบไม่เห็นอะไร.....แต่ ดาว บนท้องฟ้าจะส่องแสง สวยงามมาก
กลางคืนเราต้อง...จุดเทียนไว้ที่ปลายทาง จงกรม ทั้งสองข้าง หัว-ท้าย
ตอนบวชใหม่ ๆ นะ แหมมม ฟิตจัด
หยิบเทียนมาแล้ว ตั้งสัจจะ บอกกับตัวเองว่า....เทียนไม่หมดต้น จะไม่เลิกเดิน
อีทีนี้แหละ....เดินไป ๆๆๆ จนเหนื่อย
เอ๊ะ....ทำไมเทียนมันยัง แท่งยาวอยู่เลย ทำไมมันไม่ค่อยจะหดลงเลย
เอ้าาา แข็งใจเดินต่อไปอีกจนเหนื่อยล้า.....หันมาดู โว้ยยย เทียนยังเหลืออีกตั้งเยอะ เป็นไปได้ยังไง วะ
อีทีนี้ เดินดูแต่ต้นเทียน อยู่นั่นแหละ...ไม่หมดสักที ยังเหลืออีกเยอะ เหมือนมันไม่ไหม้ ไม่หดลดลงเลย โว้ยยย
อดคิดไม่ได้ว่า....มันเทียนยี่ห้ออะไรกัน วะ สว่างอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง
แถมมันยัง เต้นระริก แสงเทียนสว่างไสวเหมือน...หัวเราะเยาะเราซะอีก แน่ะ ยี่ห้ออาราย วะ

พอไปบ่นเรื่อง ตั้งสัจจะกับต้นเทียน จนต้องเดินซะแทบตาย...ให้หลวงพ่อ....กับครูบาทั้งหลายฟัง
พวกท่านหัวเราะกันใหญ่....แล้วบอกว่า ไอ้เรื่องตั้งสัจจะกับต้นเทียน เนี่ยะ
โดนกันมาแล้ว ท้างงง น้านนนน ทุกองค์แหละ
เข็ดไปตาม ๆ กัน.....แต่ถ้าไม่ได้ตั้งสัจจะไว้ บางวันเดินเพลิน จนเทียนดับ ต้องจุดต้นใหม่
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คนที่ไม่เคยลอง ไม่เคยทำจะไม่เข้าใจ
ถ้าไม่เชื่อ...ลองไปเอาเทียนมา ตั้งสัจจะ อธิษฐานดูสิ
แล้วจะรู้.....

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 15
https://pantip.com/topic/39197128


Create Date : 04 กันยายน 2562
Last Update : 4 กันยายน 2562 18:26:41 น. 0 comments
Counter : 297 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.