กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
กรรมทันตา ใครลิขิต

ใครลิขิต

วันนี้ 14 กรกฎาคม 2554
ผมนัดกับทางทีมงาน กันตนา 5 คน เป็นทีมเล็กๆ ที่ทำรายการ...กรรมลิขิต
ตามที่ได้เล่าไปเมื่อครั้งที่แล้ว ไปสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมอง และปัญญา ปากเกร็ด
ขอย้ำนะครับ เด็กกว่า 1,000 คน
พิการซ้ำซ้อน พิการสมอง และร่างกาย
พูดหยาบๆ คือ ปัญญาอ่อน แล้วยังเป็นง่อย แขนขาลีบ
น้อยคนนักที่เดินได้ปรกติ

ความพิการทางสมอง และร่างกาย เกือบทั้งหมดมีสาเหตุมาจาก...
การพยายามทำแท้ง ด้วยการกินยาขับ...แต่เด็กไม่ออกมา
หรือจากที่ผู้เป็นแม่ กินเหล้า สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด

บ้านเฟื่องฟ้า ที่รับเด็กตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 7 ขวบ
และบ้านราชาวดี ที่รับต่อมา คือ 7 ขวบ จนถึงประมาณ 18 หรือกว่านั้นในบางราย
( เราไม่สะดวกที่จะไปบ้าน ราชาวดี ที่รับเด็กหญิง )
โดยมีท่านผู้อ่านที่เคารพหลายท่าน โอนเงินมาร่วมบุญกว่า 6,000 บาท
เพื่อนลูกสาวสมทบมาให้อีก 2,000 บาท
รวมที่ทางรายการให้ค่าเรื่องอีก 5,000 บาท
รวมเบ็ดเสร็จเกือบ 13,000 บาท
ผมได้แบ่งเงินไปซื้อ ผ้าอ้อมเด็ก 4 ลัง
สำลีอีก 2 ลัง
อ้อ...ลูกสาวไปติดต่อซื้อจากโรงงานโดยตรง เลยได้ราคาถูกมากทีเดียว
และแบ่งเป็นเงินสดให้กับเจ้าหน้าที่ พี่เลี้ยง ที่คอยดูแลบรรดาเด็กทั้ง 2 บ้าน

เหตุที่ผมตั้งใจพาทีมงานของ กันตนา ไปที่นี่เพราะผมคิดอะไรบางอย่าง
หนุ่มสาวทีมงานที่ได้สัมผัส เป็นคนรุ่นใหม่
เป็นหนุ่มสาวอายุแค่ 20 กว่า ๆ
กำลังมีไฟ มีพลัง มีความคิด
เพียงแต่พวกเค้ากำลัง วิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...
วิ่งตามฝัน วิ่งตามสังคม วิ่งตามกิเลสของตัวเอง
วันนี้ผมได้พาพวกเค้าให้มาเห็น ชีวิต ที่เลือกเกิดไม่ได้
เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะตามความฝันไม่ได้
เด็กทั้งหลาย.ย..ย..ร้อยคน เกิดมาเพราะความผิดพลาดของพ่อแม่ และธรรมชาติ
ทุกชีวิตที่ผิดพลาดไปหมดนี้เป็นเพราะ...กรรมลิขิต
เราไม่รู้หรอกว่า กรรม อะไรนำพาให้มาเป็นอย่างนี้

เมื่อเจ้าหน้าที่ พาพวกเราไปสัมผัสชีวิตจริงของพวกเขา
ผมเห็น หนุ่มสาวทีมงาน ที่เก่งกล้าอาจหาญถึงกับ...ผงะ...อึ้ง
ห้องที่เป็นโรงเรือนนอนเต็มไปด้วย...เด็กทารก ที่เรียงรายกันเต็มไปหมด
เด็กทุกคนนั่งไม่ได้ นั่งไม่เป็น หน้าตาก็บอกชัดว่า...พิการสมอง ปัญญาอ่อน
หัวโต แต่ร่างกายลีบเล็ก
นอนลืมตา กระสับกระส่ายไปมา
มีแค่บางคนที่ร่างกายดีหน่อยพยายามชันตัว ยกหัวขึ้นอย่างลำบาก...ตลอดเวลา
ปากก็ร้อง ฮือ.อ..อ ฮือ.อ..อ แต่หลายคนก็ร้องไห้โยเย
ทุกคนอายุเฉลี่ย 5 ขวบแล้ว แต่ดูเหมือนกับทารก...ไม่ถึงขวบ
โตแต่หัว ร่างกายไม่โต
พวกเราดูกันอยู่พักหนึ่งทนไม่ไหวย้ายไปบ้าน ราชาวดี ที่เด็กโตกว่า

ที่นี่...พวกเราโชคดีมาก ท่านผู้อำนวยการ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า...แม่ใหญ่
ท่านเมตตาพาเดินดู และอธิบายด้วยตัวเอง
แต่สิ่งที่ได้เห็น... มันยิ่งแย่กว่า
มีเด็กที่โตขนาด 7 ขวบจนถึง เกือบ 20 ปี
ทุกคนเหมือนกัน...ปัญญาอ่อน ร่างกายไม่สมบูรณ์
เดินได้ แต่ผอม แขนขาไม่ค่อยมีแรง
คุณพี่เลี้ยง เล่าให้ฟังว่าเด็กเกือบทั้งหมดถูก...ทิ้ง...ตั้งแต่เกิด
ถูกเลี้ยงดูโดยสถานสงเคราะห์มาตลอด
คุ้นชินกับชีวิตแบบนี้
แต่...บางคนก็มี พ่อแม่ เลี้ยงดูมาระยะหนึ่งแล้ว อาจจะ 4 – 5 ปี
แล้ววันนึงพ่อแม่ของเขาก็ตัดสินใจเอามา...ทิ้ง
ทิ้งที่วัด หรือแม้แต่ทิ้งข้างถนนก็มี
พวกนี้ยิ่งน่าสงสารมากกว่า พวกเขาจะ...เจ็บปวด อย่างที่สุด
ถึงแม้จะปัญญาอ่อน แต่...เขาก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
เคยอยู่บ้าน ที่มีคนเลี้ยงดู มีพ่อ มีแม่
แล้ววันนึง คนที่เคยอุ้มชู คนที่เขารัก...ก็หายไป
ต้องมาอยู่รวมกับเด็กพิการ ปัญญาอ่อน อีกนับร้อย
อยู่กับใครก็ไม่รู้...ไม่คุ้นเคยซักนิด
คนที่เคยอยู่ด้วยทุกวัน...หายไปไหน
ที่แน่ๆ...ตกใจ...กลัว
ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยคุ้น ปรับตัวไม่ได้
พวกนี้จะต่อต้าน ประท้วง แผลงฤทธิ์เดช ทุกอย่างเท่าที่ทำได้
บางคนไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน ร้องหาพ่อ แม่ ตลอดเวลา
หรือไม่ก็ซึมกระทือ ไม่ยอมขยับตัวเคลื่อนไหว
อาการทางสมองยิ่งทรุดหนักขึ้นไปอีกหลายเท่า

คุณแม่ใหญ่ พาเราไปดูเด็กคนหนึ่ง ซัก 7 ขวบแล้ว แต่ดูเหมือนแค่ 4 ขวบเท่านั้น
เด็กคนนี้ พ่อของเขาพามาเอง...ท่าทางรัก และสงสาร ลูกของเขามาก
ท่าทีที่ประคบประหงม บ่งบอกถึงความห่วงใย เอาใจใส่
มาขอร้องให้รับลูกคนนี้ไว้รักษาด้วยเถอะ
สัญญาว่าจะไม่ทิ้งแน่นอน จะมาดูแลสม่ำเสมอ
ทางเจ้าหน้าที่ก็ใจอ่อน เห็นใจว่าการเลี้ยงดูเด็กแบบนี้มันยาก
คนเราต้องทำมาหากิน
ดูแล้วพ่อเค้าก็รักและห่วงใยมาก คงไม่เอามาทิ้งไว้หรอก...ตกลงรับไว้
วันนั้นหลังจากที่พ่อเค้ากลับไป ก็ไม่มาให้เห็นอีกเลย
ตั้งแต่เด็กคนนี้ เข้ามาอยู่ก็เหมือนกับเด็กที่ถูกทิ้งคนอื่นๆ
ตกใจกลัว หวาดผวา...โหยหา พ่อ ที่เคยอุ้มชูมาตลอด
ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน คอยเหลียวหา ชะเง้อหา...พ่อ ตลอดเวลา
แววตาตื่นตระหนก ร้องสะอื้นคราง ฮือ ฮือ ทั้งวันทั้งคืน

1 ปี เต็มๆ...
ทุกวัน ทุกคืน ที่เด็กคนนี้ชะเง้อมองหา
พี่เลี้ยง ต้องเอาใจใส่อย่างมากกับเด็กแบบนี้
ยิ่งคนนี้ อาการหนักกว่า...เจ็บปวดใจ มากกว่า
ต้องคอยเอามากอด มาอุ้มไว้กับอก...คอยปลอบให้กิน ให้นอน
กว่าจะปรับสภาพจิตใจได้...ทีละนิด ทีละนิด ทีละน้อย
จนเริ่มวางใจ พี่เลี้ยง
จู่ ๆ วันนึง...พ่อเค้าก็มา
มาหาลูก ที่พิการปัญญาอ่อนของเขา
มากอด มาพูดกับลูก
มาโวยวายว่า...ทำไมลูกเค้าผอมอย่างนี้ ดูแลกันยังไงเนี่ย
แต่...มากับ เมียคนใหม่
เมียใหม่ มองอยู่ห่าง.ง...ห่าง มองด้วยสายตาและความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
แล้วเด็กคนนั้นล่ะ...พอเจอหน้าพ่อ ก็ดีใจ ดีใจ ดีใจอย่างที่สุด
แสดงออกชัดว่าดีใจ
แล้ว...
ตั้งแต่วันนั้น...มาจนวันนี้ หลายปีแล้ว
ก็ไม่เคยเห็น พ่อ เค้าอีกเลย
หลังจากพ่อเค้ากลับไป...ก็เหมือนเดิม
ไม่สิ...ยิ่งกว่าเดิม
มองหา ชะเง้อหา พยายามออกมาตามหา
ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน พี่เลี้ยงบอกว่า...แววตาไม่เหมือนเดิมแล้ว
แกเจ็บปวดใจ ยิ่งกว่าเดิมหลายร้อยเท่า
แกไม่เข้าใจ พ่อ หายไปไหน...พ่อ ที่มาให้เห็นอีกครั้ง หายไปไหน
ไม่ยอมกินอะไรอีกเลย หุบปากอย่างเดียว
ไม่กินทั้งน้ำ ทั้งข้าว...
คุณพี่เลี้ยง บอกเหมือนแกตัดสินใจ...ยอมตาย
ใช้เวลารักษา จิตใจ อีกหลายปีกว่าจะดีขึ้นมาหน่อย
ทุกวันนี้ก็ยังคอยเหลียวมอง ชะเง้อหา...อยู่ทุกวัน
สมองพิการปัญญาอ่อน...แต่ก็รัก พ่อ หมดหัวใจ
พ่อ...ที่ไม่มาหาอีกเลย

ผมได้เห็นได้ฟังแล้วน้ำตาซึม
พวกทีมงานน่ะ...น้ำตาร่วง เศร้าสลด

คุณแม่ใหญ่ พาเดินไปที่เรือน...จิตประสาท
โอ้ย...เด็กหลายสิบคนมีอาการทางจิต
นั่งผงกหัว หรือส่ายหัวตลอดเวลา
อยู่กับตัวเอง ไม่สนใจใคร...พวกเค้าติดอยู่ในความคิดของตัวเอง
อีกพวกนึงถูกแยกไว้...กรีดร้องอาละวาด
ขี้ เยี่ยว เรี่ยราดไปหมด ยังขว้างอึใส่กันด้วย...
บางคนต้องล่ามโซ่เอาไว้ไม่งั้นจะทำร้ายคนอื่น
พวกที่เรือนนี้ต้องใช้ยากินเพื่อคุม...ความคุ้มคลั่ง ทุกคน
ต้องเป็นห้องโล่งๆ มีอะไรซักชิ้นก็ไม่ได้
เหม็นอึ เหม็นฉี่ ทำความสะอาดยังไงก็ไม่หมด
คุณพี่เลี้ยงก็ต้องดุเดือด เสียงดังต่อสู้กันทุกวัน
โอ๊ยย.ย...ดูแล้วเหนื่อย
เห็นใจพวกพี่เลี้ยงตึกนี้ที่สุด

ออกจากห้องนั้นก็ไปที่เรือน...พยาบาล
มีเด็กป่วย ที่ได้รับการเอาใจใส่นอนเรียงกันเกือบ 30 คน
แต่ละคน...นอนนิ่งๆ ไม่กระดิกกระเดี้ย
มีแต่แววตาเท่านั้นที่ยังบอกถึงความมีชีวิต
แต่ก็เป็นแววตาที่...ละโหยอ่อนเต็มที
คุณพี่เลี้ยง หมอ พยาบาล ต้องคอยเดินไปสัมผัสลูบเนื้อตัวเพื่อกระตุ้นความรู้สึก
ต้องคอยเดินไปพูดคุยด้วย กระตุ้นปลอบโยนไปเรื่อย ๆ
บางคนก็ยัง ยิ้ม ตอบรับการกระตุ้นด้วยนะ
สมองที่พิการมาแต่เกิดทำให้ส่วนใหญ่อายุสั้น
มีความพิการมากมายในหลายส่วนของอวัยวะ
แอบรู้มาว่าหลายคนในห้องนี้...นอนรอความตาย
หันไปดูพวกสาวๆ ทีมงาน อ้าว...ร้องไห้อีกแล้ว

คุณแม่ใหญ่ เรียกเด็กหนุ่มอายุ 15 คนหนึ่ง หน้าตาไม่บอกถึงความปัญญาอ่อนซักนิด
แกค่อยๆ เดินอย่างยากลำบาก ยกขาได้แค่เรี่ย ๆ พื้น
พูดได้ติดๆ ขัดๆ ทีละคำ
เด็กหนุ่มคนนี้...ประวัติไม่ธรรมดา
เคยเป็นนักเลงหัวโจกอันดับต้นๆ ของปทุมธานี
ยกพวกตีกับนักเลงอีกกลุ่ม...ตัวเขาถูกฟาดที่ หัว อย่างรุนแรง
ไม่ตาย...แต่สมองพิการทันที
ฟื้นขึ้นมาเป็นอัมพาตร่างกายก็ไม่ตอบสนอง
ทางโรงพยาบาลบอกในที่สุดว่า...พิการทางสมอง และร่างกายสิ้นเชิง
ศาลตัดสินให้เอามาไว้ที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้
จากที่นอนนิ่งๆ ลืมตาได้อย่างเดียว ทั้งหมอ และพี่เลี้ยงก็พยายามรักษา
จนผ่านไปไม่ถึงปี...สามารถกลับมาพูดได้ เดินได้ทีละนิด...ทีละนิด
ร่างกายก็ค่อยๆ คืนสภาพตอบสนอง
เด็กคนนั้นเดินมาไหว้ คุณแม่ใหญ่
และบอกว่าระลึกถึงบุญคุญที่นี่...จะไม่ไปไหน
ถึงหายแล้วก็ขออยู่ช่วยงานต่อไป
พวกทีมงาน ถามว่ารักษาได้ยังไงกัน
คุณแม่ใหญ่ บอก...ที่นี่เรารักษาด้วย ยา กายภาพ และที่สำคัญ
ความรัก ความเมตตา เอาใจใส่

แอบถามพวก คุณพี่เลี้ยง
รายได้นิ๊ด.ด..เดียว งานก็แสนจะหนักหนา
เช็ดอึ เช็ดฉี่ทั้งวัน ทนทำอยู่ได้ยังไง
คุณพี่เลี้ยงเล่าให้ฟังว่า...มาใหม่ๆ ก็แทบทนไม่ไหว
แต่พอได้สัมผัสถึง เด็ก พวกนี้แล้ว...สงสาร
ยิ่งไปเจอเด็กที่ติดเราแล้ว มันก็ผูกพันทางใจ
พวกนี้สมองพิการแต่แววตาเหมือนรู้ เหมือนเข้าใจ
บางคนจะไม่ยอมกินข้าว ถ้าไม่ใช่พี่เลี้ยงคนที่เขาคุ้นเคย
ยิ่งถ้าเค้ารักพี่เลี้ยงคนไหน เค้าก็จะคอยเดินตาม มองหาทั้งวัน
พี่เลี้ยงบางคนที่ลาออกไป เด็กที่ติดเขาก็จะแทบไม่กินอะไรเลย
บางรายร้องไห้โหยหา อาละวาดก็มี
รายไหนที่ติดมากๆ พอออกเวรกลับบ้าน...ยังต้องอุ้มเอาไปเลี้ยงต่อที่บ้านด้วย
ถึงเงินเดือนจะน้อย แต่ทำยังได้ล่ะ...มันรัก มันผูกพัน
มองตาแล้ว ทิ้งไม่ได้ ตัดใจไม่ลง
คิดอย่างเดียว...เอาวะ ทำเอาบุญ

สุดท้ายก็ไปกันที่แผนกฝึกฝนอาชีพ
เด็กที่พิการน้อย ก็จะได้รับการสอนให้สามารถออกไปสู่โลกภายนอก
มีการสอนให้ฝึกอาชีพ หัดทำงานศิลปะหลายอย่าง
พวก เปเปอร์มาเช่ พรมเช็ดเท้า .....
หัดให้รู้จักแยกสี แยกวัสดุ ฝึกใช้มือ สายตา ความคิด
ที่น่าตกใจก็คือ...ชิ้นงานออกมาสวยงาม มาก.ก..มาก
ผมชอบ พรมเช็ดเท้าขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต
หนานุ่ม ที่สำคัญสวยน่ารักม๊าก.ก..มาก
น่าจะเอาไว้นั่งปฏิบัติสมาธิได้ดี เลยซื้อมา
โห...100 เดียวเอง
สาวๆ ทีมงานกิ๊วก๊าว เลือกเอาที่เป็นรูปหัวใจ สีแดงสลับชมพู
อู๊ยย..ย เสียดาย...ผมแย่งไม่ทัน

เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถูกใจกันออกมา
เจอเข้ากับ...หนูน้อย ที่คอยชะเง้อหาพ่อ
แกเดินสะเปะสะปะ มาคนเดียว
คุณแม่ใหญ่ ก็ตกใจเรียกพี่เลี้ยงมาดูแล
คุณพี่เลี้ยง บอกว่าแกแอบหนีออกมาจนได้
คงจะเป็นเพราะเห็น หนุ่มทีมงานกันตนาคนหนึ่ง
คนนี้มีหน้าที่ขับรถ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น...สีฟ้า
คุณแม่ใหญ่ หันมองแล้วพยักหน้าเข้าใจ
อธิบายว่า...พ่อ ของเด็กคนนี้
ขับรถแท็กซี่ใส่เสื้อสีฟ้าเป็นประจำ...แกคงจำได้สีนี้ แบบนี้
สีฟ้า...สีของ พ่อ
พวกเราหันไปมองพี่เลี้ยงที่ค่อยๆ ปลอบ ค่อยๆ อุ้มแกกลับไป
แกก็หันมองตามพวกเราตลอดเวลา
แววตาโหยหา หดหู่ อาวรณ์อย่างที่สุด
แกชะเง้อมองตลอดจนสุดสายตา...
หันมา โธ่...สาวๆ ร้องไห้กันอีกแล้ว น้ำตาร่วงเผาะ เผาะ
ไอ้หนุ่มที่มาด้วยก็แย่ กัดฟันแน่น หน้าแดง ตาแดง
ผมเองมัวแต่...หาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา

เฮ้อ....โธ่เอ๋ย ลูก
ใครนะ ลิขิตชีวิตแบบนี้


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com



Create Date : 14 กรกฎาคม 2554
Last Update : 15 กรกฎาคม 2556 21:07:32 น. 2 comments
Counter : 1386 Pageviews.

 
อ่านแล้วเศร้าจังเลยค่ะ เราโชคดีจริงๆที่เกิดมาครบ32


โดย: S.Nantana วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:40:13 น.  

 



สงสารเด็กน้อยที่พ่อเอามาทิ้ง


โดย: วฬายุ วันที่: 18 ธันวาคม 2554 เวลา:23:51:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.