กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

วัดป่า...มหาสนุก 50

วัดป่า...มหาสนุก 50
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เล่าเรื่องของ สาวไทยไปได้สามีฝรั่งรูปหล่อ มีลูกสาวน่ารัก 2 ขวบ
กลับมาเที่ยวบ้านเกิด มาทำบุญที่วัด และอยากรู้ว่า...พระพุทธศาสนา เป็นอย่างไร
พระพุทธเจ้า ท่านสอนอะไร แก่นแกนของ ธรรมะ ที่พระองค์ท่านสอนคืออะไร.....

ฝรั่งต่างชาติ นี่เค้าก็ดีไปอย่างหนึ่งคือ พอสนใจเรื่องอะไร เค้าจะพยายามทำความเข้าใจ
สรุปเนื้อหา แล้วพยายามเจาะเข้าไปในแก่นหลักของเรื่องนั้น ๆ
ผิดกับพี่ไทยเรา...จะเอาแต่เปลือก เอาแต่กะพี้
เหมือนคนได้มังคุด ได้ทุเรียนมา แล้วมัวแทะเปลือกกินอยู่นั่นแหละ
เนื้อที่หวานหอมอยู่ข้างใน ไม่ยอมกิน....
ในตอนแรก สองผัวเมียเค้าคิดว่าผมเป็น...มัคนายก เด็กวัด หรือสัปเหร่อ อะไรสักอย่าง
แต่พอเล่านิทานชาดกเรื่อง...หนทางเศรษฐี ให้ฟังในตอนที่แล้ว
เลยถามว่าผมเป็นใคร ทำอาชีพอะไร.....พอรู้ว่าผมเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ อยู่กับศูนย์กลางการค้าของไทยเรา
พวกเค้าเลยต้องประเมินผมใหม่ และสนใจว่าทำไมผมถึงมาสนใจ ปฏิบัติฯ ภาวนาอยู่ในวัดป่า...แห่งนี้

ผมเลยบอกว่า....ธรรมะ ของพระพุทธเจ้า ช่วยผลิกชีวิตที่กำลังล้มเหลว ล้มละลาย
ให้กลับมาตั้งหลัก สร้างฐานะขึ้นมาใหม่ได้ จากติดลบเป็นล้าน กลายเป็นบวก....พอสมควร อ่ะ
พอรู้ว่าผมก็มีลูกสาว 2 คน อายุ 35 เป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ บริษัทต่างชาติ
และคนเล็ก อายุ 28 เป็น...เชฟ ชื่อดังชนะการแข่งขันมาแล้วสักครึ่งโลกมั้ง
ทุกวันนี้ มีทั้งกิจการค้าขายอุปกรณ์ทำอาหาร อุปกรณ์เชฟ
และอยู่เบื้องหลังการทำรายการอาหาร ในโทรทัศน์ด้วย

มร.เบน ก็ยิ่งสนใจซักถามเรื่องการเลี้ยงลูกให้เก่ง และเป็นคนดี ได้อย่างไร
ผมก็เล่าว่า....แต่ก่อนนั้นผมทำแต่งาน หาแต่เงินจนแทบไม่ได้พบหน้า พูดคุยกับลูกเมีย
ในแต่ละวันมันมีแต่ความเครียดสูงมาก กลับมาถึงบ้านก็มาระบายอารมณ์กับพวกเค้า
สมองตีบตัน หวาดระแวง เพราะทำธุรกิจผิดศีลธรรม 
ผมได้ลูกสาว นี่แหละเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะอยากให้เค้าภูมิใจในตัว...พ่อ
ไม่อยากให้ลูกโตขึ้นมา แล้วได้รู้ว่า พ่อของเค้าทำแต่ความชั่ว เอาเงินสกปรกมาเลี้ยงดูพวกเค้า
จึงหันมาเคร่งครัดในศีล  5 ...ไฟว์ เพอร์เซปส์
....ไม่ฆ่าไม่ทำร้าย
....ไม่โกงไม่ขโมย
....ไม่โกหกไม่หลอกลวง
....ไม่วุ่นวายลูกเมียคนอื่น
....ไม่ดื่มเหล้าไม่เสพของมึนเมา

และผมนึกถึงสิ่งที่ พระพุทธองค์ ท่านย้ำนัก ย้ำหนาว่า....อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สิ่งทั้งหลายไม่มีความแน่นอน มันอาจจะพลิกผันเปลื่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
วันนี้ยังดีมีชีวิตที่ราบรื่น ....แต่พรุ่งนี้อาจจะไม่มีลมหายใจแล้วก็ได้
ผมจึงเตรียมลูกสาว ทั้งสองให้พร้อมมากที่สุด....
พาไปหัดว่ายน้ำ หัดขึ่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ ขับรถยนต์....สอนคอมพิวเตอร์
เป็นลูกผู้หญิง ยิ่งต้องเก่งกว่าผู้ชายให้ได้
ผมคิดเสมอว่า....ถ้าวันนี้ผมต้องตายจากไป พวกเค้าจะต้องอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยตัวของเค้าเอง

อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ...โก หิ นาโถ ปโร สิยา
ตนเท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งแห่งตน... ใครไหนเล่าจะเป็นที่พึ่งให้เราได้

พอ มร.เบน ฟังถึงตอนนี้ เค้าหันไปมองลูกสาวที่เดินเล่นอยู่ใกล้ อย่างใช้ความคิด
แล้วถามว่า...จะสอนการดำเนินชีวิตให้ลูก แบบไหน
ผมสอน....วิธีคิด ไม่ได้สอนวิธีการ
เพราะทุกอย่างเป็น...อนิจจัง โลกนี้เป็น...ไดนามิค เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
วิธีการก็ย่อมต้องเปลี่ยนตามไปด้วย
แต่เราให้กรอบวิธีคิดที่ถูกต้อง....ความชั่ว ทำแล้วเป็น ทุกข์
ความดี บุญกุศล ทำแล้วมีแต่ ความสุข
ไม่ทำบาป ทั้งปวง
ทำความดี ให้มากที่สุด
ทำจิตใจให้ผ่องใสเบิกบาน.........

ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา....
ทุกครั้งที่ทำ ต้องดีที่สุด 
ทุกครั้งที่ทำ ต้องสุดชีวิต

จิตต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ
จดจ่อกับอะไร สิ่งนั้นก็จะขยายผล

ผมตั้งใจบอกพวกเค้าทั้งสองผัวเมีย ว่า.....ที่สำคัญ พวกคุณต้องเป็นตัวอย่างให้เค้าเห็น 
เพราะลูกจะไม่เชื่อที่เราพูด...แต่จะทำตามที่เราทำ โดยไม่รู้ตัว
ฝรั่งสามี ฟังแล้วไม่เก็ตต ม่ายย แน่ใจ....
ผมบอกไปดูสิ...บ้านไหนที่ พ่อแม่ กินเหล้า สูบบุหรี่ บ้านนั้นลูก ๆ ก็ทำตาม
บ้านไหนที่ พ่อแม่ เป็นคนมีเมตตา กรุณา ลูกบ้านนั้นก็มีจิตใจอ่อนโยน ใสสะอาดเหมือนพ่อแม่ของเค้า
คุณอยากให้ลูกสาว เป็นคนแบบไหน คุณก็ต้องเป็นแบบอย่างให้เค้าเห็นซะก่อน

คุณ มร.เบน บอกว่า....เค้ากลัวความผิดหวัง
ผมบอกว่า...พระพุทธเจ้า ท่านสอนว่า คนเราเกิดมาจะต้องเจอกับ ความผิดหวัง ความไม่สมหวัง...เป็นธรรมดา
แปลว่า....มั่นใจได้เลยว่า ความผิดหวัง จะมากกว่าความสมหวัง
ถึงแม้ว่าเรา...ตั้งใจทำเหตุให้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่อย่าประมาท อย่าหวังผลเลิศ
เหตุปัจจัยมันมีทั้งที่เรา ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้
เค้าร้องว่า....อ้าววว ถ้ามันไม่สมหวัง แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ
ผมบอก...ก็ย้อนเอามาดู ว่าอะไรที่ทำให้ไม่สำเร็จ ไม่ซัคเซส
แล้วก็ทำใหม่....ทำใหม่....ทำอีก....ทำอีก......
เคยอ่านเรื่องของ...โทมัส อัลวา เอดิสัน ที่ประดิษฐ์หลอดไฟ มั้ยล่ะ
เค้าทดลองแล้วไม่สำเร็จ นับพันครั้งเชียวนะ แต่ไม่เคยล้มเลิก
พระพุทธเจ้า ของผมท่านทำการทดลองอย่างแสนสาหัส ฮาร์ทคอร์ สุดโต่ง ถึง 6 ปี
หรือเท่ากับ 2,000 กว่าวัน โดยไม่ย่อท้อ
นี่แหละ...เอนเดวเวอร์  ความเพียรพยายาม

ฝรั่งคานาเดี้ยน หล่อล่ำยังบ่นว่า....ศาสนาพุทธ พูดแต่เรื่อง ความทุกข์ ฟังแล้วหดหู่
ผมบอก...โอววว  โน ๆ ๆ ๆ ม่ายช่าย
ท่านสอนเรื่อง....ความทุกข์ และการดับทุกข์
เหมือน หน่วยดับเพลิง...ไฟร์ ดีพาร์ทเม้นท์
นักดับเพลิง...ไฟร์ ไฟท์เตอร์
ก่อนจะดับไฟ ทุกข์ร้อน ... ไฟร์ ออฟ ซัฟฟเฟอร์...เอ็นด์ ซัฟฟเฟอริ่ง
เราจะต้องมาศึกษาถึง ความทุกข์ ให้เข้าใจซะก่อนสิ
การเกิด ความแก่ชรา ความเจ็บป่วย ความตาย...เป็นทุกข์ทางกาย
ความหวัง แล้วไม่สมหวัง การเผชิญกับสิ่งที่เราไม่ชอบ เราเกลียดชัง การต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก สิ่งที่เราชอบ
พวกนี้เป็นความทุกข์ ทางใจ หรือ กองไฟที่เร่าร้อน เผาให้เรา...แสบร้อนอยู่ข้างใน
นักดับเพลิง จะต้องมองหาว่าอะไรเป็นเชื้อเพลิง ให้กองไฟมันลุกไหม้
ไฟจากไม้จากฟืน ไฟจากน้ำมัน จากแก๊ส หรือไฟจากสารเคมี
ถึงจะรู้วิธีจัดการกับมันได้

ความทุกข์ หรือ ไฟ ที่ลุกไหม้ในหัวใจให้แสบร้อน มันมีเชื้อเพลิง 
มีสาเหตุมาจาก...ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเด่น อยากดัง อยากให้คนรัก
ความผิดหวังที่ ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ...ไม่มีในสิ่งที่อยากจะมี ...ไม่ได้เป็นในสิ่งที่อยากจะเป็น
เมื่อเข้าใจแล้วว่า...สิ่งที่เผาไหม้อยู่ในใจมันคือ อีเรื่องพวกนี้นี่เอง
มันก็ง่ายที่จะจัดการกับมัน

พวกเราคุยกันแบบ ช้า ๆ ไม่รีบไม่ร้อน...ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ
เค้าก็ยอมรับว่า...จริงอย่างที่ พระพุทธองค์ บอกทุกอย่าง
แต่มันก็ยาก ที่จะทำความเข้าใจทั้งหมด
ผมก็บอกว่า.... ก็เพราะอย่างนี้ ท่านจึงไม่ได้สอนทุกคน นะ
ท่านจะสอน เฉพาะคนฉลาด คนมีปัญญา
เคลฟเวอร์ หรือ อินทีรีเจ้นท์ เท่านั้น
เพราะต้องใช้ ปัญญา...วิสด้อมม มาคิดพิจารณาเยอะมาก
เหมือนอย่างวิชา...วิศวกรรม ของคุณนั่นแหละ
มันง่ายซะที่ไหน ล่ะ

มร.เบน ยังบ่นอีกว่า....ถ้าเค้าศึกษา พุทธศาสนา แล้วจะต้องออกบวช มั้ยล่ะเนี่ยะ
ผมหัวเราะ....พระพุทธเจ้า ท่านสอนไว้ 2 ระดับ
คือ...ระดับคนทั่วไป ชาวบ้าน คนธรรมดา พ่อค้า นักธุรกิจ ฯลฯ
ท่านสอนให้ มีชีวิตอยู่ในโลกที่วุ่นวายนี้ ได้อย่างมีความสุข ไม่ทุกข์ ไม่ร้อนมากนัก
โดยให้ข้อปฏิบัติง่าย ๆ คือ...ศีล 5 อย่างที่เคยบอก
และให้มีความเข้าใจในคนอื่น ๆ ว่าพวกเค้าก็เหมือนกับเรา...มีทุกข์ มีกองไฟอยู่ในใจ เหมือนกัน
เมื่อเข้าใจคนอื่น ก็ให้เมตตา กรุณา ต่อพวกเค้าเถอะ....อย่าถือโทษ โกรธเคืองกันจนเกินไปเลย
เราก็อยาก เค้าก็อยาก ....เราก็โง่ เค้าก็โง่ พอ ๆ กัน
ถ้าทำตามนั้นได้ คุณก็จะเป็นคนที่สงบสุข มีการงานทำ มีเงินทองทรัพย์สิน กินใช้ไม่เดือดร้อน

และท่านยังย้ำเตือน ย้ำแล้วย้ำอีก ให้เข้าใจว่า...ทุกสิ่งมันไม่เที่ยงแท้ ไม่สเตเบิ้ล ไม่เอ็กซ์แซ๊กกก
มันเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง เป็นไดนามิค และมัน เชนจ์ อยู่ตลอดเวลา นะจ๊ะ
อย่าได้ประมาท.... ด้อนท์ บี แคร์เรสส์

คำสอนในระดับคนธรรมดา ทั่วไป ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจความเป็นไปของ...สังคมโลก
และสิ่งที่จะ...วิ่งมา กระทบ กับเราอยู่ตลอดเวลา
ท่านเรียกว่า....โ ล ก ธ ร ร ม  8
ลาภ...ยศ....สรรเสริญ....สุข
เสื่อมลาภ....เสื่อมยศ.....นินทา.....ทุกข์
พวกเราต้องเจอกับมันแน่นอน หนีไม่พ้นหรอก

พอพูดถึงเรื่องนี้ มร.เบน ฝรั่งมีปัญญา กลับสนใจอย่างออกนอกหน้า
ถึงขนาดลืมลูกสาวตัวน้อย ไปพักหนึ่งเลย
ผมอธิบายว่า...ในชีวิตจริงของคนทั่วไปจะพบเจอกับสิ่งที่ สุขสม ได้ดั่งใจ และผิดหวัง เศร้าเสียใจ
ได้มาและก็เสียไป ทั้งเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ ความมีเกียติ การได้รับคำชม คำสรรเสริญ
แต่พอไม่นาน มันก็จากไป ตำแหน่งเลื่อนขึ้น ก็ดีใจได้พักเดียว 
แล้วกลับเหน็ดเหนื่อยที่ต้องต้องเหนี่ยวรั้งความสำเร็จนี้เอาไว้
ความชื่นชมที่คนเค้าเยินยอต่อหน้า มันก็ตามมาด้วยความอิจฉาริษยา แอบทิ่มแทง
เหรียญมีสองด้าน ชีวิตก็มีสองฝั่ง มีสุข ก็มีทุกข์ ของมันคู่กัน
เมื่อเคยได้ ก็อยากได้อีก ได้อีก ได้ อี๊กก ก ก ก ไม่เคยพอ 
แต่ชีวิตจริงมันได้บ้าง เสียบ้าง ได้มา แล้วเสียไป ต่างหากล่ะ

ทั้งคู่ตั้งใจฟังอย่างน่าแปลกใจ แล้วถามว่า....จะต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ ล่ะ
ผมบอกพวกเค้า....พระพุทธเจ้า ท่านให้รู้เท่าทัน ทุกอย่างมันมีสองด้าน สองมุมคู่กัน
เมื่อได้...ก็ให้เตรียมตัว เตรียมใจว่าอีกไม่นานก็จะเสียไป
เมื่อเลื่อนขึ้นแลัว...ก็อย่าเหลิงว่าจะอยู่ในสถานะนี้ตลอดไป 
ไม่นานนักมันก็เสื่อมถอยลงมา
เมื่อได้ยินคำสรรเสริญ เยินยอ... ก็ให้พึงสังวรว่า คนเดียวกันนี้แหละ 
ถ้าเมื่อไหร่ไม่ได้อย่างใจ เค้าก็เอาเราไปนินทา ว่าร้าย
เมื่อไหร่ที่รู้สึกสุขสม สุขล้น....ก็ให้รู้ไว้เถอะ ความทุกข์ กำลังวิ่งไล่มาแล้ว
ท่านสอนไว้ว่า....ความสุข ที่จริงนั้นมันไม่มี 
เป็นเพียงแต่...ความทุกข์มันคลายตัวลงชั่วขณะเท่านั้น

ผมหันไปถามพวกเค้าว่า....เคยมีความสุขจริง ๆ อยู่ได้นาน เท่าไหร่
เค้ามองหน้ากัน แล้วไม่ตอบ
ผมเลยบอกว่า....พระพุทธเจ้า ท่านให้ทำใจนิ่ง ๆ ไม่สุขมากเกินไป ไม่ทุกข์มากเกินไป
พอมีความรู้สึกว่า....แฮปปี้ ก็ต้องนึกเอาไว้ว่า....อัน แฮปปี้ กำลังจะตามมา
ใจ...อย่าโลด โดดขึ้น โดดลง
ค่อย ๆ ขึ้น ค่อย ๆ ลง ... ใจ มันจะไม่เจ็บ
แล้วหันไปชี้ที่ลูกสาวของเค้า....อย่ารักเค้ามากจนเกินไป
เพราะที่ใดมี รัก ที่นั่นก็มี....ทุกข์

ส่วนคำสอนอีกระดับที่สูงขึ้นไป....
จะสอนให้เฉพาะคนที่ตั้งใจที่จะ หลุดพ้น จากความทุกข์ ความสุข และความสนุกอย่างสิ้นเชิง
เฉพาะกับคนที่ไม่ปรารถนาจะเกิด เพื่อมาแก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไปแล้ว...เป็นสายฮาร์ทคอร์ อย่างแท้จริง
ซึ่งคำสอนในระดับนี้ จะเป็นการทำความเข้าใจเรื่องของ...จิตใจ จิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก  มายด์ โซลล สปิริต เมนทาลิตี้
เป็นการสอนเรื่องกระบวนการทำงานของ จิตใจ เรื่องกิเลส 
เรื่องของอารมณ์เมื่อได้รับการกระทบจากสิ่งเร้าภายนอก

คุณทิพย์ ถามว่า...พระป่า พระสงฆ์ ที่นี่ใช่มั้ย ที่เข้าสู่ระดับฮาร์ทคอร์ 
พวกท่านต้องทำอะไรบ้าง
ผมอธิบายว่า....คนทั่วไปจะดิ้นรนไขว่คว้า หาทรัพย์สมบัติเงินทอง
แต่ พระ ท่านต้องสละ ละทิ้ง ไม่สนใจ ไม่สะสม อยู่โดยไม่มีทรัพย์สินใด ๆ 
....คนทั่วไปจะตามใจตัวเอง ตามใจกิเลส โดดตามตัณหา
แต่ พระ ท่านต้องคอยขัดใจกิเลส ต่อสู้กับตัณหา ความทะยานอยาก
....คนทั่วไปรักชอบความศิวิไล ความทันสมัย ความสนุกของเมืองใหญ่
แต่ พระ ท่านกลับเข้าไปอยู่ในป่า หาที่วิเวก สงบ สันโดษ
....คนทั่วไปชอบอยู่รวมกัน พูดคุยเฮฮา หาเพื่อน หาคนรัก หาคนถูกใจ
แต่ พระ ท่านต้องอยู่คนเดียว หนีห่างจากความวุ่นวายของสังคม
....คนทั่วไปรักชอบใน กามกิเลส รูปสวย รสเลิศ กลิ่นหอม เสียงไพเราะ สัมผัสนุ่มนวลเร้าใจ
แต่ พระ ต้องหาทาง ละ ลด ปลด วาง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
....คนทั่วไปสร้างบ้าน สร้างครอบครัว สร้างความผูกพัน
แต่ พระ ท่านรักษาพรหมจรรย์ ทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว หนีห่างจากความผูกพันอันเป็นบ่วงผูกรัดความอาวรณ์

นี่แหละ...พระ  ผู้อาจหาญ เดินย้อนทวนกระแส เพ่งเพียรขัดเกลา....  กิ เ ล ส   ตั ณ ห า   อุ ป า ท า น

ตั ด โ ล ภ ะ.  ล ด โ ท ส ะ.  ข จั ด โ ม ห ะ.  

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2562    
Last Update : 18 ตุลาคม 2562 19:58:37 น.
Counter : 287 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 49

วัดป่า...มหาสนุก 49
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เล่าเรื่อง ผัวฝรั่งคานาเดี้ยน หนุ่มวิศวะ...กับเมียคนไทย สาวน้อยหน้าหวาน มาเที่ยววัดป่า
ผมต้องกลายเป็นไกด์ พาทัวร์วัด แถมเล่าเรื่องของ พระพุทธเจ้า กับคำสอน แบบ...กระท่อนกระแท่น
เดินกันไป คุยกันไป เปลี่ยนที่คุยก็แล้วพวกเค้ายังไม่หายสงสัย
ถามว่า....หลักการที่ พระพุทธเจ้า ท่านสอนคืออะไร
ผมเลยต้องค่อย ๆ นึกดู.....

.... หลักของความเปลี่ยนแปลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ จักวาลนี้ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ในสภาพเดิมเลยสักอย่างเดียว
ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ ธรรมชาติ ต้นไม้ แม่น้ำลำธาร หรือ ภูเขาที่ได้ชื่อว่า เอเวอร์เรส ....เอฟเวอร์ ลาสติ้ง
มันเกิดขึ้นมา คงอยู่ได้แป๊ปป เดียว...แล้วก็จะเปลี่ยนแปลงไป สลายไป ตายไปด้วยกัน ท้างงง น้านนน
ผมให้พวกเค้า ลองบอกมาสิว่า...อะไรที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เลย
เค้าก็ลองหาดู แต่ในที่สุดก็ยอมรับว่า...ไม่มีอะไร ที่ไม่เปลี่ยนแปลง

... หลักของ เหตุ และ ผล
อันนี้เค้าเข้าใจง่าย....มีเหตุ แล้วต้องมี...ผล ตามมาเสมอ
แต่ถ้าเราต้องการ ผล แบบไหน ก็ทำ...เหตุ แบบนั้น
ต้องการ ผลที่ดี ก็ทำ เหตุที่ดี...แค่นั้นเอง
แต่...ในความเป็นจริง แล้วต้อง...จดจ้อง ทำแต่เหตุ
อย่าไปสนใจ....ผล
ในทุก ๆ วัน เพียงแค่ ...ทำเหตุ ให้ดี แล้วยังไงซะ ผล มันก็ต้องออกมาดี เองนั่นแหละ

แล้วจู่ ๆ คุณสามี มร.เบน ก็ถามขึ้นว่า....พระพุทธเจ้า สอนเรื่องการแก้ปัญหาไว้บ้างมั้ย
ผมก็นึก ๆ ดูแล้วบอกว่า.....
.... ท่านสอนเรื่อง วิเคราะห์ กับ สังเคราะห์
เอาจริง ๆ มันก็เกี่ยวพันกับเรื่อง เหตุ และ ผล เหมือนกัน
คือ....ปัญหา หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้น เราต้องเอามันออกมา...แยกย่อย
เอามารื้อดู...เหตุปัจจัย องค์ประกอบ แฟคเตอร์ของมัน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าที่บ้านของคุณมีห้องว่าง ๆ อยู่ห้องนึง
อยากจัด...ปาร์ตี้ ร้องคาราโอเกะ จะต้องทำยังไง
เค้าบอกว่า...ก็ไปหาเครื่องดื่ม อาหาร เครื่องเสียง และชวนเพื่อน ๆ มากันหลาย ๆ คน
ก็น่าจะเป็น ปาร์ตี้ ได้แล้ว

อีทีนี้เอาใหม่นะ...ถ้าเลิกปาร์ตี้ แต่อยากทำเป็นห้องประชุม สัมมานา ล่ะ
เค้าบอก...ก็เอาข้าวของในงานปาร์ตี้ ออกไป
เอาโต๊ะ เก้าอี้ เข้ามาแทน แล้วหากระดาน จอโปรเจคเตอร์ พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์
เตรียมเครื่องดื่ม กาแฟ ไว้ให้พร้อม
ผมบอกว่านั่นสิ....วิเคราะห์ อนาไลซ์ คือ แยกออกเป็นส่วน ๆ เพื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้ง
สังเคราะห์ ซินเททิค คือ เอามารวมกันเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่
ถ้าเรื่องไหนที่เป็นปัญหา ก็เอามันมา...วิเคราะห์ แยกย่อยออกเป็นชิ้น ๆ แล้วดูว่าชิ้นไหนที่มันเสีย มันบกพร่อง
จัดการซ่อมมัน แล้วประกอบเข้าไปใหม่
เรื่องของ คน หรือ ทีมงาน ก็เหมือนกัน ถ้าทำงานไม่ได้ หรือไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ก็ลองพิจารณาเป็นส่วน ๆ ว่าใครคนไหนที่อ่อนด้อยเป็นปัญหา 
ผล ไม่ได้ตามที่ต้องการ....ก็ไปรื้อดู เหตุ เหตุปัจจัย แฟคเตอร์

คุณทิพย์ ฟังแล้วจ้องหน้าผม ถามว่า....ท่านสอนเรื่องการทำธุรกิจ การค้าให้ประสบความสำเร็จ มีบ้างมั้ย
ผมหัวเราะ บอกว่า....หลวงพ่อ...ท่านเคยให้คาถาไว้นะ
.... ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน
พระพุทธองค์ ท่านบอกว่า...อิทธิบาทสี่
....​ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
.... ความรักความชอบในสิ่งที่จะทำ
.... ความขยันหมั่นเพียร อดทนทำ
.... ความเอาใจใส่ จดจ่อ กับสิ่งที่กำลังทำ
.... หมั่นใช้ปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผล และตรวจสอบข้อผิดพลาด

พระพุทธเจ้า ท่านเล่านิทานชาดกให้ฟัง.....
ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้า ได้เคยเกิดเป็นเศรษฐี ในเมือง พาราณสี ชื่อว่า จุลลกเศรษฐี
เป็นหนุ่มที่มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้มาก 
มีอยู่วันหนึ่ง...กำลังเดินทางไปเพื่อเฝ้าพระราชา
ระหว่างทาง มองไปมองมาเห็น...ซากหนูตาย ตัวหนึ่งถูกทิ้งไว้ข้างถนน
ท่านก็พูดขึ้นดัง ๆ ว่า

...ไอ้ซากหนูตายตัวนี้อ่ะนะ ถ้าใครฉลาดมีปัญญา ก็สามารถเอามันมาทำประโยชน์ 
เป็นทุนประกอบอาชีพ ได้ใหญ่โตเป็นเศรษฐีได้เลยทีเดียว...

รอบ ๆ ตัวท่านก็คงมีคนอยู่เยอะแหละนะ...แต่ มีไอ้หนุ่มยากจนกิ๊กก๊อก ชื่อ...จูฬันเตวาสิก
ไอ้หมอนี่ ได้ยินถนัดเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วก็คิด...
ท่านเศรษฐี เป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง แถมยังเป็นคนที่พิเศษมาก.ก...
ท่านพูดอะไรแล้ว ต้องไม่พลาดแน่...
คิดได้แค่นั้น ก็รีบโดดไปตะครุบซากหนูตัวนั้น ก่อนคนอื่น

พอได้มาแล้ว มานั่งนึกว่าจะเอา ไอ้หนูตาย ตัวนี้ไปทำมาหากินยังไงดีหว่า
สรุป ก็เอาไปเดินเร่ขาย...เร่ขายไอ้ซากหนูตาย ตัวเดียวนี่อ่ะนะ
ก็ไม่มีใครซื้อซักคน เลยต้องเอามานั่งตีโจทก์ หากลยุทธใหม่
ใครนะที่มันจะอยากได้ หนูตาย...คงจะมีแต่แมวเท่านั้น...เอ๊ะ ได้การ
เขาเลยเอาไปเสนอขายให้กับ พวกคนที่รักแมว ชอบเลี้ยงแมว...สุดท้ายก็ขายจนได้
ได้เงินมา นิ๊ด.ด...หน่อย...ก็อีแค่หนูตายตัวเดียว 
ประมาณ 5 บาท

แล้วเขาก็เอาเงิน นิ๊ดเดียว ที่ได้ไปซื้อ งบน้ำอ้อย คือน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเป็นก้อน
แล้วเอาไปละลายกับน้ำสะอาด ทำเป็น...น้ำหวาน
จากนั้น...ไปยืนดักพวกคนเก็บดอกไม้ ที่ไปเก็บดอกไม้จากในป่าเอามาขาย
พอเจอพวกนี้ก็บริการ น้ำดื่ม น้ำหวาน ฟรี...ฟรี...คนละถ้วย สองถ้วย
คนมาเหนื่อยๆ พอได้น้ำหวานชื่นใจก็แสนสุข อารมณ์ดี...ขอบอก ขอบใจ
แล้วก็แบ่งดอกไม้ที่เก็บมาให้คนละกำมือ เป็นการตอบแทน
พอได้ดอกไม้สด ที่เพิ่งเก็บมา...คนอื่นเก็บ
ก็เอาไปขายที่ตลาด...ก็ได้เงินเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย
ประมาณ 30 บาท

หนุ่ม จูฬันฯ เอาดอกไม้ทั้งหมดนั้น ไปขายได้เงินมาอีกจำนวนหนึ่ง
ในวันรุ่งขึ้น... เขาก็นำค่าดอกไม้นั้นซื้อน้ำอ้อยอีก แต่คราวนี้ตรงไปยังสวนดอกไม้เลยทีเดียว 
ให้พวกคนปลูกดอกไม้ ได้ดื่มน้ำอ้อย
พวกคนปลูกดอกไม้จึงตอบแทนน้ำใจเขา ด้วยการให้ดอกไม้ ที่เก็บแล้ว คนละครึ่งกอ 
ในวันเดียวกันนั้น เขาจึงนำดอกไม้ไปขายหมดสิ้น ได้เงินมาเพิ่มขึ้นอีกมากพอสมควร
ทำหยั่งงี้หมุนเวียน วนไปเรื่อย ๆ ....เงินกองทุนก็เพิ่มมากขึ้นทุกที
จนเขาเองก็เริ่มรู้สึกว่า...เริ่มรวยแล้ว

วันหนึ่ง...มีฝนตกหนัก แถมมีลมพายุด้วย 
ทำให้ต้นไม้ในอุทยานของพระราชา หักโค่นทั้งกิ่งแห้ง กิ่งสด มากมาย
ทำให้คนที่ดูแลเฝ้าสวนเหนื่อยใจเลยว่า จะทำยังไงต่อไป ต้องรีบเก็บกวาดให้เรียบร้อยซะด้วย
เจ้าหนุ่ม จูฬันฯ หัวใสที่เริ่มจะรวยก็รีบไปคุยกับคนเฝ้าสวนทันที
แล้วยื่นข้อเสนอว่า... จะบริการเก็บกวาดกิ่งไม้หักโค่นทั้งหลายให้ ฟรี..ฟรี
ขอแค่ไอ้กิ่งไม้ ที่หักร่วงหล่นทั้งหลายนั้นก็พอ...

คนเฝ้าสวนที่กำลังกลุ้มใจ ก็รีบโอเค ตกลงทันที
จากนั้น...เจ้าหนุ่มหัวใส ก็ขอแรงพวกเด็กวัยรุ่นแถวนั้น ให้ช่วยกันขนกิ่งไม้ออกมาทั้งหมดในเวลาแป๊ปเดียวเอง
เมื่อได้กิ่งไม้มามากมายแล้ว...เขาก็ไปหาคนที่ต้องการซื้อ หาดีมานด์ หาคนที่กำลัง ว้อนท์
ตกลงก็ไปได้ ช่างปั้นหม้อ ที่กำลังต้องการฟืนไปเผาพวก เครื่องปั้นดินเผา
ถือว่าขายได้ราคามาก แสดงว่าเข้าใจเรื่อง ธุรกิจ เป็นอย่างดี ทั้ง ดีมานด์ ซัพพลาย ครบถ้วน
นอกจากได้เงินมากแล้ว ยังได้ขอแถม...ตุ่มน้ำ...มาด้วยอีกต่างหาก

แล้วก็จัดแจงเอา...ตุ่มน้ำ...ใส่น้ำดื่มเอาไว้ ในที่ใกล้ประตูพระนคร 
คอยบริการแก่คนเดินทาง และพวกขนฟืน หาบหญ้า ให้ได้ดื่มกินกันดับความกระหายน้ำ...ฟรี...ฟรี
พวกผู้คนทั้งหลายที่ได้รับน้ำใจจาก หนุ่มจูฬันฯ ต่างก็ออกปาก ว่า
...ท่านได้มีน้ำใจ มีพระคุณ แก่พวกเรามาก แล้วพวกเราจะช่วยกระทำอะไรให้แก่ท่านได้บ้าง… 
จูฬันเตวาสิก ยิ้มแล้วบอกว่า...เอาไว้ถ้ามีธุระแล้วค่อยรบกวนก็แล้วกัน นะจ๊ะ

หลังจากนั้นแล้ว เขาก็เที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้ ขยันตีสนิท ผูกสัมพันธ์ เมคคอนเน็คชั่น กับคนอื่นไปทั่ว 
ผูกมิตรไว้กับผู้คนที่ทำงาน ทั้งทางบก และทั้งที่ทำงานทางน้ำ
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง...คนทำงานทางบกผู้หนึ่ง ได้บอกแก่ หนุ่มจูฬันฯ ว่า
...พรุ่งนี้ จะมีพ่อค้าม้านำเอาม้า 500 ตัวมายังเมืองนี้
จากข่าวนี้เอง เขาจึงรีบไปบอกกับพวกคนหาบหญ้าทั้งหลายว่า
...ขอเหมาหญ้าที่มีทั้งหมด แต่ยังไม่จ่ายเงินนะ
...ขอเอาตัวอย่างมาหน่อยนึงก่อน
คนหาบหญ้าทั้งหมดถึง 500 คน ต่างก็รับคำ...โอเค
ตกลงพากันนำหญ้าคนละกำมือ มาไว้ที่ประตูบ้านของ ไอ้หนุ่มจูฬันฯ

พอวันรุ่งขึ้น เมื่อพ่อค้าม้าพาม้ามาถึงพระนครแล้ว แต่ไม่สามารถหาซื้อหญ้าให้ม้ากินได้เลย 
จนมาเจอกองหญ้าที่หน้าบ้าน จึงต้องขอซื้อหญ้า กับไอ้หนุ่มจูฬันฯ
พ่อค้าม้านั้น ถึงได้หญ้าไปเลี้ยงม้าของตน
เคสนี้ ทำกำไรอีกอักโขเลย...เพราะคอนเนคชั่น และความมีน้ำใจ

ต่อจากนั้นอีก ๒-๓ วัน สหายผู้ทำงานทางน้ำคนหนึ่ง ได้มาแจ้งข่าวกับ เจ้าหนุ่มจูฬันฯ ก่อนใคร ๆ ว่า
...วันนี้ จะมีเรือสินค้าลำใหญ่มาจอดที่ท่าน้ำนี้เอง
ได้ฟังอย่างนั้น หนุ่มจูฬันฯ ก็คิดว่า 
...เราน่าจะเอาเงินสักก้อน ไปเช่ารถ แล้วตระเตรียมพรรคพวกเพื่อนฝูงให้เพียบพร้อมไว้
จากนั้นก็นำ รถและผู้คนตรงไปยังท่าเรือ ด้วยมาดของพ่อค้าใหญ่
พอถึงแล้ว ก็เอาเงินที่มีไปมัดจำสินค้าบนเรือทั้งหมด กับเจ้าของเรือไว้
จากนั้นก็มานั่งพัก กางเต็นท์ทำเป็นออฟฟิศ รออยู่ในที่ไม่ไกลจากเรือนัก 
โดยสั่งกับพรรคพวกทั้งหลายไว้ว่า
...ถ้าหากมีพ่อค้าคนอื่นๆ มาหาเรา พวกท่านจงบอกประวิงเวลาไว้ ให้รอคอยเราก่อน

ในวันนั้น เมื่อบรรดาพ่อค้าในเมืองพาราณสีประมาณ 100 คน
ได้ข่าวว่าเรือสินค้ามาจอดที่ท่าแล้ว ก็รีบพากันมาที่ท่าโดยเร็ว เพื่อหมายจะมาซื้อสินค้า
คงจะประมาณว่า...ใครเร็วใครได้
แต่พอมาถึงแล้ว เจ้าของเรือกลับบอกว่า
...พวกท่านมาช้าไปเสียแล้ว เพราะพ่อค้าใหญ่ชื่อ จูฬันเตวาสิก ได้มามัดจำสินค้าทั้งหมดไว้แล้ว 
ถ้ายังไงเสียพวกท่านก็ลองไปถาม ที่เต็นท์ออฟฟิศตรงโน้น ดูเองแล้วกัน

เหล่าพ่อค้าจึงพากันไปที่เต็นท์เพื่อหา จูฬันเตวาสิก 
แล้วทั้งหมดก็เจรจาตกลงทางการค้ากัน 
โดยพ่อค้าทั้ง 100 คนนั้น ซื้อสินค้าต่อจาก จูฬันเตวาสิก คนละ 8,000 บาท
ในการค้าขายคราวนั้น เจ้าหนุ่มจูฬันฯ จึงได้เงินมากมายถึง 800,000 บาท

พอกลับไปที่บ้านแล้ว ก็เกิดสำนึกขึ้นว่า 
...เราควรเป็นคนกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณของผู้มีคุณต่อเรา
จึงได้เอาเงินครึ่งหนึ่งของตนที่มี นำไปมอบให้แก่ จุลลกเศรษฐี ที่บ้าน
ทำเอา จุลลกเศรษฐี งุนงง สงสัยนัก ต้องสอบถามว่า
...นี่พ่อหนุ่ม เธอทำอะไรจึงได้เงินนี้มา แล้วเอามาให้เราทำไมกันล่ะ

จูฬันเตวาสิก ตอบว่า
...ได้ตั้งใจทำอย่างที่ท่านบอกไว้ จนกระทั่งได้เงินมามากมาย ภายใน 4 เดือนเท่านั้นเอง 
จึงอยากนำเงินครึ่งหนึ่งที่กระผมมีอยู่ มาตอบแทนบุญคุณของท่าน...
แล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องซากหนูตาย จนถึงสินค้าที่ท่าเรือให้ทราบ 
ฟังแล้ว จุลลกเศรษฐี ก็ชื่นชมในใจว่า 
...เด็กหนุ่มคนนี้ทั้งขยันขันแข็ง ทั้งเฉลียวฉลาดหลักแหลม 
ทั้งเป็นคนดีมีน้ำใจงาม มีมิตรมาก เราน่าจะได้เขาไว้ เป็นลูกเขย…

จึงยกเงินที่ได้มาให้แก่บุตรสาวของตน แล้วให้บุตรสาวแต่งงานเป็นคู่ครอง กับจูฬันเตวาสิก 
จนกระทั่งเมื่อจุลลกเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว จูฬันเตวาสิก จึงได้ครอบครองสมบัติทั้งหมด
ได้ชื่อว่า เป็นเศรษฐีใหญ่ อยู่ในพระนครพาราณสีนั้น
พระพุทธองค์ ได้ตรัส คาถาธรรม สำหรับชาดกเรื่องนี้ไว้ว่า…

"  คนผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย 
ดุจคนก่อไฟกองน้อย ให้เป็นไฟ กองใหญ่ได้ ฉะนั้น   "

ค้าขาย ทำธุรกิจ สร้างคอนเนคชั่น 
มีน้ำใจ โอภาปราศรัย เจรจาอ่อนหวาน 
ภายใน 4 เดือน กลายเป็น เศรษฐี ได้
ผมว่า ชาดกเรื่องนี้ น่าคิดนะ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 50
https://pantip.com/topic/39329350




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2562    
Last Update : 18 ตุลาคม 2562 19:57:35 น.
Counter : 254 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 48

วัดป่า...มหาสนุก 48
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

หลังจากเล่านิทาน ให้สองผัวเมีย ไทย และฝรั่ง จนเหนื่อยแล้ว
พวกเค้าก็ยังอยากฟังต่อ...

.... ศาสนาพุทธ มีรากฐานความเชื่อว่า คนเราเกิดมาแล้วหลาย ๆ ภพชาติ
คือ เกิดมา แล้วก็ตาย ....ตายแล้ว ก็เกิด... เกิดแล้ว ก็ตาย ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ไม่จบไม่สิ้น
แล้วผมก็ย้อนถาม มร.เบน ว่า....เคยดูหนัง ติดต่อกัน ต่อเนื่องกันกี่เรื่อง 10 เรื่องได้มั้ย
ทั้งผัวเมีย สั่นหัวบอก ...อย่างเก่งก็แค่ 2 เรื่อง ถ้ามากกว่านั้นไม่ไหว มันเวียนหัว แล้วก็คงมั่วจำเรื่องราวปนเปกันไปหมด
ผมบอก...ให้ลองสมมุตินะ ว่า เรานั่งดูหนังทีละเรื่อง ..ทีละเรื่อง ๆ ๆ ๆ ติดต่อกันสัก 10 เรื่องนะ
จะหนังฝรั่ง หนังไทย หนังจีน หนังแขก อะไรก็ได้
ขอถามว่า...ทั้ง 10 เรื่อง มันมีอะไรที่เหมือนกัน
เค้าช่วยกันตอบ....เหมือนกันก็มี พระเอก นางเอก ตัวโกง ตัวอิจฉา
ผมถามต่อ...แล้วสิ่งที่ต่างกันล่ะ
เค้าบอก...ก็เนื้อเรื่อง ตัวละคร สถานที่ ..........
ผมบอกว่า...เรามาลองหา รูปแบบ แพทเทิร์น ของหนังทุกเรื่องกันสิ
จะมี....พระเอก นางเอก....เกิดมารวย เกิดมาจน ต้องดิ้นรนต่อสู้
....มาเจอกัน ตกหลุมรักกัน ...เหมือนกับ คุณเบน กับคุณทิพย์ ใช่มั้ยล่ะ
พวกเค้าพยักหน้า อมยิ้ม คงจะดีใจได้เป็น นางเอก พระเอก

....เรื่องของพวกคุณ ก็เหมือนหนังเรื่องนึงนะ
....อยู่กันคนละประเทศ คนละซีกโลก แล้วบุพเพสันนิวาสชักพาให้มาเจอกันในอีกมุมหนึ่งของโลก
....ได้มาเจอกัน ตกหลุมรักกัน แต่งงานกัน
.... แล้วหนังชีวิตจริงของคุณ มีอุปสรรค มีตัวโกง ตัวอิจจฉามั้ยล่ะ
คุณทิพย์ หันไปแปลให้สามีฟังอย่างสนุกสนาน แล้วบอกว่า...อุปสรรคเยอะแยะ ตัวอิจฉาก็มากมาย
เพราะคุณเบน แกหล่อ ความรู้ดี การงานรุ่งเรือง สาว ๆ ติด ตรึมมม
ฝ่ายคุณ เบน ก็บอกว่า ตัวคุณทิพย์ ก็ใช่ย่อย เป็นนักเรียนต่างชาติ มาทำงานพาร์ทไทม์ 
แถมมีแฟนเป็นคนไทยด้วยกันอีกต่างหาก
ความคิด นิสัยใจคอ อาหารการกิน ก็ไม่เหมือนกัน กว่าจะลงเอยกันได้แทบแย่เหมือนกัน

ผมบอกว่า....ลองย้อนกลับไปนึกดูใหม่นะ
....คุณ 2 คนเกิดมากี่ชาติแล้ว ครองรักกันมากี่ชาติแล้ว
เค้านิ่งอึ้ง คิดตาม ...คงหลายชาติ 
ผมบอก...สมมุติว่า หนัง 10 เรื่อง คือ 10 ชาติของพวกคุณทั้งคู่
....คุณว่า มันน่าเบื่อหน่ายมั้ย และเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตในแต่ละชาติมั้ย
มร.เบน สามี บอกว่า...แค่ชาตินี้ ก็เหนื่อยมากมายแล้ว ต้องดิ้นรนทำงานหาเงิน สร้างครอบครัว ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต
แล้วเค้าก็หันไปมองลูกสาวตัวน้อย...
....แต่พอมีลูก ความคิดของเค้าก็เปลี่ยนไปอีก ดิ้นรนให้มากขึ้นอีก อยากให้ลูกเมีย มีความสุข มีทุกอย่าง
ผมถามว่า....เหนื่อยมั้ย ทุกข์มั้ยล่ะ
เค้าหัวเราะ ยอมรับ
....นี่แหละ รักอะไร ยึดมั่นกับอะไร ก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น
....ดูก็รู้ว่า คุณทุกข์ ก็เพราะรักและห่วงใยครอบครัว รักลูกมาก ก็กลายเป็นทุกข์ เป็นจุดอ่อนมาก
พระพุทธเจ้า ท่านบอกไว้ว่า...ทุกข์ มาจาก กาย และใจ
ทุกข์กาย เพราะเจ็บป่วย
ทุกข์ใจ เพราะ โลภ อยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น.....ความโกรธ ความผิดหวัง 
หวังสิ่งใดมาก ก็เสียใจมาก ผิดหวังมาก
ทั้งสองคนผัวเมีย ถามว่าแล้วจะทำอย่างไรถึงจะไม่...ทุกข์ ล่ะ
ผมบอกว่า....ก็มองทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง...ตามที่มันเป็นจริง สิ
อย่าไปใส่คุณค่า อารมณ์ หรือราคาให้มัน
ทั้งสองคนไม่เข้าใจ....

ผมถามว่าเค้าชอบรถ ยี่ห้ออะไร
เมียรีบตอบว่า...สามีเป็นคนบ้ารถ ชอบรถยุโรป ตราดาว 3 แฉก
ผมก็ถามว่า...ชอบรุ่นไหน ล่ะ
อีทีนี้ มร. เบน แกอธิบายฟุ้งเลย...ชอบแทบทุกรุ่น ทั้งสปอร์ต ทั้งเก๋ง ทั้งเอสยูวี ...ชอบ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมถามอีกว่า...ชอบเพราะอะไร ล่ะ
เค้าบอกอย่างรวดเร็ว....เครื่องยนต์ทรงพลัง วิ่งได้ถึง 300 กม. ต่อ ชม.
ความหรูหรา สมรรถนะการทรงตัว เบาะหนังแท้ แอร์เย็นจนหนาววววว
ขับไปที่ไหน ก็ดูหรูหรา ใครเห็นเป็นต้องอิจฉา
ผมย้อนถามว่า...เป็นสุข หรือเป็นทุกข์ กับมัน ล่ะ
เค้าตอบว่า ทั้งสองอย่าง เวลาขี่ก็สุข มันเท่ห์ แต่ก็ทุกข์ เพราะกลัวชน กลัวหาย กลัวเป็นริ้วรอย ค่าซ่อม ค่าดูแลรักษาก็แพง...ฯลฯ
ผมถามใหม่...รถยนต์ มีไว้ทำอะไร ล่ะ
.... ก็ขับไปไหน ๆ 
.... คือวิ่งจาก จุดหนึ่ง ไปจุดหนึ่ง ใช่มั้ย จุดเอ...ไปจุดบี
.... แล้วคุณต้องขับให้ถึง 300 กม.ต่อ ชม.ทุกครั้งมั้ย
.... ราคาที่ร่วงหล่น ตกลงมาเรื่อย ตามวัน เวลา อีกล่ะ
.... ความสวยความหรูหรา จะอยู่ตลอดไปมั้ย หรืออีกไม่กี่ปี ก็เชย ตกรุ่น ต้องเปลี่ยนใหม่อีกวุ่นวาย
มร.เบน หัวเราะแห้ง ๆ ร้องว่า....เยส ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ถ้ามองว่ารถยนต์ เป็นเพียงเครื่องมือ เครื่องใช้อย่างหนึ่ง ก็คงไม่ทุกข์มาก
แต่ถ้าไปมองถึงความโก้หรู เอาไว้อวดใคร ๆ ก็คงทุกข์เพราะต้องคอยดูว่า....ใครมองเรา อิจฉาเรา
และอีกไม่เท่าไหร่ มันก็คงจะ..เก่า โทรม ตกรุ่น ค่าซ่อม ค่าบำรุงรักษาคงบานไปเรื่อย ๆ
เอาใจไปยึดมั่นกับ รถ...ก็ทุกข์ เพราะรถ
เอาใจไปจับกับ ลูก...ก็ทุกข์เพราะลูก
เอาใจไปยึดกับอะไร....ก็ทุกข์เพราะอันนั้น

คราวนี้เอาใหม่นะ...
ถ้าเพื่อนร่วมงาน หรือคนข้างบ้าน เค้าไปมีชู้ หรือเป็นชู้ นอกใจกับแฟน....คุณทั้งคู่จะ ทุกข์มั้ย
พวกเค้า งง ....จะไปทุกข์ทำไม ล่ะ
ผมบอกว่า....เรื่องสมมุตินะ ถ้าคุณ เบน ไปนอกใจ ยุ่งกับสาวอื่น ...คุณทิพย์จะทุกข์มั้ย
หรือ คุณทิพย์ ไปมีชู้ ล่ะ ...คุณ เบน จะทุกข์ มั้ย
อีทีนี้...หน้าเครียดคิดตาม เข้าใจว่าผมจะสื่ออะไร
เพื่อนมีชู้ นอกใจ เราไม่ทุกข์ ...เพราะเราไม่ได้ยึดมั่นอะไรกับเค้า
แต่ถ้า สามี ภรรยา ของเราทำแบบนี้...เราจะทุกข์สาหัส เพราะยึดมั่นกับคนนั้น
อะไรที่เกิดขึ้นกับ...คนอื่น เราไม่สนใจ ไม่เดือดร้อน
แต่อะไรที่เกิดขึ้นกับ...คนที่เรารัก เราจะทุกข์แสนสาหัส
เพราะ รัก จึง...ยึดมั่น
เพราะ ยึด จึง...อยากให้อยู่กับเรา เป็นของเรา
เพราะ อยาก จึง...ทุ ก ข์

ไม่ รัก ก็ไม่...ยึด
ไม่ ยึด ก็ไม่...อยาก
ไม่ อยาก ก็ไม่.... ทุ ก ข์

พอเค้าทั้งสองคน กำลังคิดตามไปเรื่อย ๆ 
ผมก็ถามว่า... ถ้าคุณสองคน เล่นหนังมา 10 เรื่องติดต่อกัน
เริ่มเปิดฉาก ด้วยการ...เกิด ออกจากท้องแม่ กว่าจะโตขึ้นมาได้ มีเจ็บ มีป่วยหลายครั้งกว่าจะโตมาได้
กว่าจะเรียนจบ ต้องอดทน ต้องต่อสู้ อดหลับอดนอน 
พอมาทำงาน ก็ยิ่งต้องอดทน ยิ่งต้องต่อสู้ บากบั่น เอาแรงกาย แรงสมองเข้าแลก
พระเอก นางเอก มาเจอกัน รักกันหวานแหวว มีตัวโกง ตัวอิจฉามาคอยกลั่นแกล้ง กว่าจะฝ่าฟันมาได้
ต้องดิ้นรน สร้างชีวิตคู่ หาเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ อดทนต่อสู้ไม่ได้หยุดหย่อน
โกรธกัน หึงหวงกัน ทะเลาะกัน.......ผิดหวัง ผิดใจกัน
พอมีลูก ที่แสนจะน่ารัก...ยิ่งต้องอดทน ต่อสู้ มากขึ้นไปอีกหลายเท่า
บ้านก็ต้องใหญ่ขึ้น รถก็ต้องดีขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งพอกพูนขึ้น ต้องหาเงินเพิ่มหนักเข้าไปอีก
นี่ยังต้องมาคอยพะวง เรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยอีก....ทุกครั้งที่ลูกป่วย ลูกเจ็บ คุณก็เจ็บปวดที่ใจ ยิ่งกว่า
ยิ่งพอแกโตขึ้น คุณก็ต้องหาโรงเรียน เตรียมชีวิตไว้ให้ แก้วตาดวงใจคนนี้อีก
ทุกก้าวเดิน ของคนที่เรารัก ...เราทั้งห่วง และหวงแหน
ต้องทำงานให้มากขึ้น ดิ้นรนให้มากขึ้น อดทนให้มากขึ้น ต่อสู้ฝ่าฟันให้มากขึ้นอีก....ขึ้นอีก......อีก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
พอพระเอก นางเอก...เริ่มอายุมากขึ้น
แทรกมาด้วย....โกรธกัน หึงหวงกัน ทะเลาะกัน.......ผิดหวัง ผิดใจกัน
ความแก่ชรา ความเหี่ยวย่น หย่อนยาน สมองไม่แจ่มใส ร่างกายไม่ยอมฟังคำสั่งแล้ว
ผัว ก็ขี้โมโห...เมียก็ขี้บ่น....ลูก ก็แยกครอบครัวออกไปอีก
ความเจ็บป่วย เริ่มเข้ามาเยือน ความดัน หัวใจ เบาหวาน...สมองเสื่อม อัลไซเมอร์
และในที่สุด....พระเอก และนางเอก ก็ต้องพลัดพรากจากอีกฝ่ายหนึ่ง ไปอย่างห่วงหาอาวรณ์

แล้ว....หนังเรื่องใหม่ บทบาทใหม่ ก็เริ่มขึ้นอีก
เกิดขึ้น....เติบโต.....เล่าเรียน......ทำงาน ทุกขั้นตอนมีแต่ต้องต่อสู้ อดทน ฟันฝ่าด้วยแรงกายแรงใจ
พบกัน รักกัน.....สร้างครอบครัว ยิ่งเหนื่อยหนักเข้าไปอีก
โกรธกัน หึงหวงกัน ทะเลาะกัน.......ผิดหวัง ผิดใจกัน
มีลูก.....เลี้ยงลูก.....ก็ยิ่ง เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด สายใจแทบสลาย
เริ่มแก่...เริ่มป่วย ...........เหี่ยวย่น หย่อนยาน .....สมองเสื่อม เรี่ยวแรงถดถอย
ผัวเบื่อ เมียบ่น.
และก็........ตายจากกันไป

เอ้าาา...หนังเรื่องใหม่ เริ่มต้นอีกแล้ว....อีกแล้วววว .......อีกแล้ว
เกิด ...เติบโต....เล่าเรียน......ทำงาน.......ฝ่าฟันอุปสรรค
เจอกัน....รักกัน........แต่งงาน.........มีลูก.............สารพัดจะต่อสู้ ดิ้นรน เลือดตาแทบกระเด็น
โกรธกัน หึงหวงกัน ทะเลาะกัน.......ผิดหวัง ผิดใจกัน ก็มาแทรกอยู่เสมอ
แล้วก็เริ่ม แก่เฒ่า หนังยาน.....เจ็บป่วย มะเร็ง สมองฝ่อ ความดัน หัวใจ
ขี้บ่น ขี้โมโห....
แล้วในที่สุด.....ก็ ตายจากกันไป
เป็นอยู่อย่างนี้....วนเวียนอยู่อย่างนี้
เพราะหลีกไม่ได้ หนีไม่พ้น
นี่แค่....หนัง 10 เรื่อง เกิด 10 ครั้ง
ตายจากกันไป 10 หน.....เท่านั้น นะ

น่ า เ ศ ร้ า   น่ า เ บื่ อ ห น่ า ย.  มั้ ย. 

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 49
https://m.pantip.com/topic/39327395?




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2562    
Last Update : 18 ตุลาคม 2562 19:56:10 น.
Counter : 227 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 47

วัดป่า...มหาสนุก 47
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เล่าค้างไว้ว่า....เมื่อปลายปี 2561
ที่วัดป่าฯ ของหลวงพ่อ...มีงานบุญอะไรสักอย่าง
มีชาวบ้าน ลูกศิษย์ และคนที่เคารพนับถือหลวงพ่อ...มากราบ มาทำบุญกันเยอะแยะ
และมีครอบครัวชาวบ้านใกล้วัด พาลูกสาว ที่ไปแต่งงานกับ ฝรั่งต่างชาติ และทำงานอยู่ใน อเมริกา
มาพร้อมสามีชาว คานาดา และลูกสาวตัวน้อยลูกครึ่งน่ารัก 2 ขวบ
คุณทิพย์ สาวไทย รูปร่างหน้าตาดีมาก สวยแบบไทยแท้ แต่ไม่มีความรู้ทาง พุทธศาสนาเลย
คุณสามี มร.เบน หนุ่มแคนาดา อายุ 30 หล่อเหลา มีหนวดเครา สมาร์ทแมน แฮนด์ซั่ม ไม่มีความรู้ทางศาสนาอะไรสักอย่าง
แต่ด้วยความที่ ภรรยา พาไปทำบุญที่วัดไทยบ่อย ๆ เลยเกิดความสนใจ...พุทธศาสนา ขึ้นมาบ้าง
ด้วยอาชีพการงาน ด้าน...วิศวะ และคอมพิวเตอร์ ทำงานด้านวางระบบ ฯ

หลวงพ่อ...มอบหมายให้ผม พาพวกเค้าเดินชมทัวร์วัดป่า
ก็เริ่มด้วยการไปกราบพระประธาน ในโบสถ์ หัดกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์กัน
อธิบายว่า...โบสถ์ คือที่ประทับของ พระพุทธรูป ที่เป็นตัวแทนของ พระพุทธองค์
เป็นเซ็นเตอร์ ศูนย์กลางของวัด และเป็นที่ พระสงฆ์ และญาติโยม เข้ามากราบพบเพื่อรายงานการปฏิบัติฯ ในแต่ละวัน
พาไปดู กุฏิพระ หลังเล็ก ๆ มีแค่ห้องเดียว กับนอกชานพักผ่อน 18 ตารางเมตรเท่านั้น
ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรูหราสักชิ้นเดียว...มีแค่ บาตร กับ ผ้า 3 ผืนเท่านั้นเอง
เพราะพระวินัยห้ามการสะสม ทรัพย์สมบัติที่เกินความจำเป็น
อธิบายให้เข้าใจว่า....งานหลักของ พระป่า ในแต่ละวัน คือ...ปฏิบัติฯ ภาวนา เดินจงกรม แล้วมานั่งสมาธิ
พาเข้าไปใน พระเจดีย์ กราบ...พระบรมสารีริกธาตุ และพระอิฐิธาตุ ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่าน สำเร็จอรหันต์ไปแล้ว

แล้วแล้วเรื่องยุ่ง ก็เกิดขึ้น...เมื่อเค้าขอให้อธิบายว่า....พระพุทธศาสนา เป็นอย่างไร
พระพุทธเจ้า สอนอะไร ต้องการให้เราทำอะไร ชาวพุทธตายแล้วไปไหน
หลักการ และแก่นแกนของคำสอน คือ....อะไร
ผมฟังแล้ว ได้แต่ร้องในใจ.....โ อ้.  ม า ย  ก๊ อ ด ด ด....

ผมหันไปมองคุณ ทิพย์ ภรรยาแสนสวยของเค้า
ด้วยหวังจะให้ช่วยอธิบาย แต่...กลับบอกว่า เธอก็อยากรู้เหมือนกัน
อ้าวววว.....ตายละวา เอาไงดี

วินาทีนั้น...ผมย้อนนึกไปถึงเมื่อปลายปี 2559
ผมได้ติดตาม หลวงตามหา...และ หลวงพ่อ....ไปกราบ พระมหาเจดีย์ บุโรพุทโธ ที่อินโดนีเซีย
พวกเราได้พบกลุ่มเศรษฐีชาวอินโดฯ เชื้อสายจีน ที่อยากเรียนรู้ พุทธศาสนาแบบ เถรวาท พระป่า อย่างมาก
แต่ติดขัดเรื่อง...ภาษา การสื่อสาร ที่ต้องใช้ศัพท์แสงทางศาสนา เฉพาะมากมาย
ผมเองน่ะ ภาษาอังกฤษ แค่พอซื้อข้าวกิน ถามทาง หรือติดต่อธุรกิจ พอได้อยู่บ้าง....นี๊ดดด หน่อยยย
ในครั้งนั้นได้เกิดความเศร้าใจ ที่เห็นคนอยากได้....ธรรมะ เหมือนอยากได้อากาศบริสุทธิ์ ใจจะขาด
แต่เรา หยิบให้เค้าไม่ได้.....มันเจ็บแค้นใจยิ่งนัก
พอกลับมาเลยได้ลองหา...ธรรมะ ในภาษาอังกฤษ อ่านผ่านตามาบ้าง
คราวนี้ หละ วะ...จะได้ล้างแค้น เมื่อคราวไปอินโดฯ กันละนะ

ผมพาพวกเค้า พ่อ แม่ ลูกน้อย 2 ขวบ เดินออกไปหน้าวัด ซึ่งเป็นที่ดิน 9 ไร่
ที่หลวงพ่อ....ซื้อจากชาวบ้านเพื่อปลูกป่า เอาไว้เป็นที่วิเวก เหมาะแก่การภาวนา
ท่านปลูกเป็น....สวนป่า และ ขุดบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำเต็มเปี่ยม ลมพัดเย็นสบาย ...โอโซนเต็มเปี่ยม
พาไปนั่งที่แคร่ ใต้ร่มไม้ แล้วคุยกัน....
ผมมองหน้า มองตา ดูโหวงเฮ้ยลักษณะของพวกเค้าแล้ว แน่ชัดว่าเป็นคนฉลาด มีปัญญาเยอะ
บอกพวกเค้าว่า....ธรรมะ ของพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาไว้สอนคนทั่วไปทุกคนนะ
เค้าก็ งง ....อ้าว ไม่ใช่ใคร ๆ ก็เรียนได้เหรอ
ผมถามว่า .... วิศวกรรม หรือ คอมพิวเตอร์ เค้าสอนให้กับคนทุกคน มั้ยล่ะ
ต้องคนฉลาด มีปัญญา ถึงจะเข้าเรียนได้ ใช่มั้ย
เค้าพยักหน้าเห็นด้วย

ผมเล่านิทานให้เค้าฟัง....
....มีเจ้าชายหนุ่ม รูปงาม และเฉลียวฉลาดมากเหลือเกิน
ท่านได้เรียนรู้วิชาการต่าง ๆ ที่แสนจะยากเย็นสารพัดวิชา
แล้วได้แต่งงานกับ เจ้าหญิง ที่สวยที่สุด 
ทั้งสองรักกันมากมาย เพราะเคยเกิดเป็นคู่ครองกันมาหลายร้อยชาติภพ นับไม่ถ้วนมาแล้ว
ท่านรักกัน เหมือนดั่งว่าเป็น...ดวงใจ ของกันและกัน 
ต่างคนเหมือนกับ เป็นส่วนหนึ่งของอีกคน ต่างก็เติมเต็มซึ่งกันและกัน
และหลายปีต่อมา เจ้าหญิง ก็ตั้งท้อง จนครรภ์แก่ได้ 9 เดือนแล้ว

วันหนึ่ง....เจ้าชาย ออกไปเที่ยวนอกเขตพระนคร กับนายทหารคนสนิท
วันแรก ท่านได้เจอกับสิ่งที่นึกไม่ถึง คือ...คนแก่ 
ท่านตกใจมาก เพราะในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยพบเห็นคนแก่ สักครั้งเลย
หันไปถามกับทหารคนสนิท ว่าคนแก่ เป็นอย่างนี้เหรอ
คนสนิทก็บอกว่า....ทุกคนที่เกิดมาแล้ว ก็ต้องเติบโตขึ้น เหมือนต้นไม้ที่สูงใหญ่ขึ้นตลอดเวลา
แล้วก็ต้อง แก่ชรา ร่วงโรย เหี่ยวย่น หย่อนยาน อย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ
เจ้าชาย มองคนแก่ ที่เป็นประชาชนของพระองค์ อย่างสมเพชเวทนามาก
หันไปถามคนสนิทว่า...ท่านจะช่วยพวกเค้าได้อย่างไร ไม่ให้แก่ชรา
คนสนิท บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
ท่านถามอีกว่า....แล้วตัวพระองค์ กับเจ้าหญิง ล่ะ
จะต้องเป็นอย่างนี้ ....เหี่ยว ย่น ยักแย่ยักยัน อย่างนี้ด้วยเหรอ
คนสนิทกลับบอกว่า....ทุกคน รวมทั้ง พระบิดา พระมารดา ของเจ้าชายก็เหมือนกัน หนีไม่พ้นหรอก
เย็นวันนั้น...เจ้าชาย กลับไปนั่งครุ่นคิด ถึงความแก่ชรา ที่พระองค์ และคนที่ท่านรักทุกคนจะต้องกลายเป็นอย่างนั้น

วันต่อมา จึงชวนนายทหารคนสนิท ออกไปเที่ยวดูโลกภายนอกอีก
แต่วันนี้...เจ้าชาย ได้พบกับ....คนป่วย นอนซม จมขี้ จมเยี่ยว เจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ท่านตกใจยิ่งกว่าการได้เห็น คนแก่ เมื่อวานซะอีก
เจ้าชายหันไปหาคนสนิท สอบถามว่าทำไมประชาชนของพระองค์ ต้องมาทุกข์ทรมานอย่างนี้
เราจะช่วยเค้าได้อย่างไร....
คนสนิท เข้าไปตรวจดูแล้ว บอกว่า....คนป่วยพวกนี้ เราช่วยเค้าไม่ได้ เพราะเป็นโรคเรื้อรัง หมอก็หมดทางรักษาแล้ว
ต้องปล่อยให้อยู่ไปอย่างนี้เอง...แม้แต่อาหาร และน้ำ พวกเค้าก็ป่วยจนกินไม่ได้ หรือกินไม่เข้าแล้ว
เจ้าชาย มองประชาชนของพระองค์ ที่กลายเป็นอย่างนี้อย่างห่วงใย ครุ่นคิดหาวิธีช่วยพวกเค้า

แล้วอีกวันต่อมา เจ้าชาย ก็ออกมากับคนสนิทอีก
แต่กลับเจอทั้งคนแก่ คนเจ็บป่วย และเลยไปพบกับ...คนตาย ด้วย
คนสนิท อธิบายว่า....ทุกคนก็เป็นอย่างนี้เอง
เมื่อเกิดมาแล้ว เติบโตขึ้น จนวันหนึ่งก็แก่ชรา เหี่ยวย่น 
พอแก่มาก ๆ ก็เริ่มป่วยไข้ กินไม่ได้ ทุกข์ทรมาน
และในที่สุด ก็...ตาย ไม่หายใจ กลายเป็น...ซากศพ เปื่อยเน่าไป
เจ้าชาย กลับไปด้วยใจที่ห่อเหี่ยว ครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขเรื่อง....แก่ เจ็บป่วย ตาย เหล่านี้

วันต่อมา ออกไปดูอีก แต่กลับได้พบกับ...นักบวช ที่ออกแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
ท่านได้เข้าไปถามว่า...ทำไมถึงออกมาบวช ทำไมถึงหนีออกจากบ้านมา
นักบวช ก็บอกว่า....กำลังออกแสวงหาหนทาง ดับทุกข์
แต่ยังไม่เจอ ยังตามหาอยู่ตลอดเวลา
เจ้าชายได้ฟังแล้ว...เริ่มมองเห็นช่องทางที่น่าจะช่วยทุกคนที่ท่านรักได้

เมื่อกลับไปที่วัง...มีคนวิ่งมาบอกว่า เจ้าหญิงได้คลอดลูกแล้ว เป็นเด็กผู้ชาย
เจ้าชายรีบวิ่งไปดู เจ้าหญิง และลูกของท่าน...เจ้าหญิง นอนหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย
ท่านได้เห็น...คนที่ท่านรัก ที่สุดสองคน
เด็กน้อยที่เห็นแล้วเกิดความรัก และหวงแหน อย่างท่วมท้น ดั่ง...แก้วตา ของท่านเลย
เจ้าหญิง ที่อ่อนล้าหลับอยู่นั้น ท่านก็สุดแสนจะ รัก และห่วงใย เปรียบดั่ง...ดวงใจ
แล้วพลันก็คิดได้ว่า....แก้วตา และดวงใจ ทั้งสองของท่าน
จะต้อง แก่เฒ่าชรา และต้องพบกับ ความเจ็บป่วยแสนสาหัส อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โอ๊ยยย...ไม่ได้ ไม่ได้ ท่านไม่ยอมให้ทุกคนที่รัก ต้องกลายเป็นอย่างนั้น
ท่านจะต้องหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องพวกนี้ให้ได้
นักบวช...ที่ท่านได้เห็น ก็กำลังทำเรื่องนี้อยู่....
แต่ถ้าพระองค์เอง ออกไปตามหา ยาวิเศษ หรือ วิธีการดับความทุกข์
น่าจะมีโอกาสมากกว่า เพราะพระองค์น่าจะแข็งแรงกว่า ฉลาดกว่า

แล้วเจ้าชาย ก็รีบออกไปแสวงหา ...ยาวิเศษ ที่จะมาดับความ แก่ ความเจ็บป่วย และความตาย ในคืนนั้นเลย
ท่านไปถาม ผู้รู้ หรือคนที่ฉลาดที่สุดไปทั่วในเรื่องนี้
แล้วในที่สุดหลังจากลองทำตามที่คนอื่น ๆ ได้พยายามทำ พยายามหา และทำมากกว่า สาหัสกว่าพวกนั้นนัก
เจ้าชาย ออกแสวงหา ลองทำตามอย่างหนัก ทุกวัน ทุกคืน ทุกนาที อยู่ตลอดเวลา 6 ปีเต็ม ๆ
ในที่สุดท่านก็ได้เรียนรู้ว่า...วิธีการที่คนอื่นลองมาแล้ว มันไม่ได้ผลแน่นอน
เจ้าชาย เป็นผู้มีสติปัญญาอย่างสูง ท่านเอาความรู้ทั้งหมดมาเรียบเรียงใหม่
และลองทำตามวิธีการ ของท่านเอง
ในคืนนั้นเอง...ท่านระลึกย้อนหลังไป....ย้อนหลังกลับไป .......ย้อนไป.........ย้อนไป ก่อนที่ท่านจะเกิดมาในชาตินี้
ท่านย้อนกลับไป แต่ละชาติ ๆ ๆ ๆ ๆ 
ได้เห็นว่า ตัวเจ้าชาย และเจ้าหญิง รวมทั้งลูกของท่าน ได้เคยเกิดมาแล้วมากมาย นับภพชาติไม่ถ้วน
มีสุข มีทุกข์ มีความสมหวัง ผิดหวัง เสียใจ ดีใจ ได้มา เสียไป....
ได้เคยเกิด เคยเติบโต ล่วงเลยไปแก่เฒ่า เจ็บป่วย และในที่สุดก็จบลงที่....ความตาย มาแล้วเป็นแสน ล้าน ชาติภพ

เจ้าชาย ได้หันไปมองดู...ชีวิตของคนที่ท่านรัก ทั้งพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และสัตว์โลกทั้งหลาย
ท่านเห็นว่า...ต่างก็เคยเกิด เคยเจ็บป่วย แก่ชรา และตกตายหายจากกันไป ครั้งแล้ว ครั้งเล่า นับแสนชาติเหมือนกัน
ทุกอย่างมันวนเวียนอยู่แค่....เกิด เติบโต แก่เฒ่าชรา เจ็บป่วย ทุกข์ทรมาน และจบลงที่...ความตาย
แล้วทุกคน ทุกชีวิต ก็ย้อนกลับมาเกิดอีก นับหนึ่งกันใหม่อีก...วนเวียน ซ้ำซ้อน ซ้ำซาก 
ไม่เคยจบสิ้น เหมือนเดินเป็น..วงกลม เป็น สังสารวัฏ....วัฏสงสาร
ทั้งตัวพระองค์ และทั้งหมดทุกชีวิต กำลังวิ่งวนอยู่ใน...วงกลม วงนี้ หาต้น หาปลายไม่เจอ
มันช่างน่าเศร้า สุดประมาณ

เจ้าชาย คิดต่อไปว่า....ต้นเหตุมันเริ่มที่... การเกิด แล้วจึงตามมาด้วย การแก่ การเจ็บป่วย ตาย
ถ้าอย่างนั้นทำไมถึง เกิด ล่ะ
อะไรเป็นองค์ประกอบ เป็นเหตุปัจจัยทำให้...เกิด ขึ้นได้ล่ะ
ร่างกาย เป็นธาตุสี่...ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประกอบรวมกัน
แต่ทำงานได้เพราะ มี...จิต วิญญาณ มาสั่งการ บังคับควบคุม
แล้ว...จิต วิญญาณ ล่ะ มันมาเกิดก็ไอ้เพราะ....กิเลศ ตัณหา เป็นพลังงานพาให้วิ่งมาจุติขึ้นมา

ถ้าอยากจะตัดต้นตอ ตัดพลังงานการเกิด...ก็ต้องตัด กิเลส ตัณหา ให้หมดสิ้น
เจ้าชาย ท่านใช้วิธี.... เห็นผล แล้วตามย้อนกลับไปหา เหตุ ของมัน
ต้องมี...เหตุ จึงเกิดมี ผล
เพราะ...ผล มันเกิดมาได้จาก เหตุ

แล้วฉับพลันนั้น เจ้าชาย ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวง อย่างหมดสิ้น
ท่านได้เอาสิ่งที่เรียนรู้ทั้งหมด มาจัดเรียงใหม่
เอามาสรุปให้ง่าย ต่อความเข้าใจ
วางระบบ ระเบียบ แนวทางสำหรับคนอื่น ๆ ที่จะทำตามได้

เห็น... ผ ล
ย้อนหา... เ ห ตุ
ดับ... เ ห ตุ
ก็ดับ... ผ ล



อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 48
https://pantip.com/topic/39326524




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2562    
Last Update : 18 ตุลาคม 2562 19:53:50 น.
Counter : 239 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 46

วัดป่า...มหาสนุก 46

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

วันหนึ่งที่วัดป่าฯ ของหลวงพ่อ...มีงานบุญ
มีชาวบ้านมาร่วมทำบุญกันมากมาย รวมทั้งครอบครัวหนึ่ง
ลูกสาวไปทำงานต่างประเทศ เลยไปได้สามีหนุ่มฝรั่งยุโรป ที่ทำงานด้านวิศวกร วางระบบคอมพิวเตอร์
สามี ภรรยา อายุน่าจะประมาณ 30 เท่านั้น ยังหนุ่มยังสาว
มีลูกสาวเล็ก ๆ น่ารักอายุ 2 ขวบ น่ารักมาก
ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด กาฬสินธุ์ อีสาน
พ่อแม่ชักชวนให้มากราบหลวงพ่อ...ก็พากันมาหมดทั้งครอบครัว
สามีหนุ่มฝรั่งชื่อ...เบน ไว้หนวด เครา แต่หล่อมาก อย่างกับดาราเลย
มีความสนใจวัฒนธรรม การทำบุญของชาวอีสานเรามาก
ภรรยาชื่อคุณ...ทิพย์ รูปร่างหน้าตาดี สวยแบบไทยแท้
เธอเล่าว่าอยู่ที่ต่างประเทศก็ไปทำบุญ ฟังเทศน์ที่วัดไทยบ่อย ๆ
แต่สามีเค้าอยากจะรู้ว่าพวกเรามาทำอะไรกัน
หลวงพ่อ...ท่านก็เลยให้ผมพาเดินเที่ยวดูให้ทั่ววัด

ผมเองใช้วิธีสื่อสารเท่าที่พอจะทำได้ และให้ภรรยาเค้าช่วยแปลด้วย
มร.เบน เค้าอยากจะเข้าใจใน...พุทธศาสนา เพราะตามภรรยาไปทำบุญในวัดไทยบ่อย ๆ
ผมพาเดินดูทั่ว ๆ และก็อธิบายไปด้วยว่า....วัดนี้ เป็นสไตล์ วัดป่า เป็นวัดที่ใช้เพื่อการปฏิบัติฯ ภาวนา ทำสมาธิ
เค้าก็ถามว่า....ทำสมาธิ ภาวนา ไปทำไม เพื่ออะไร
ผมได้ฟังก็ออกจะจนแต้มเหมือนกัน ...หันไปมอง คุณทิพย์ ภรรยาแต่เธอก็อยากได้คำตอบเหมือนกัน
ผมก็ย้อนถามว่า แล้วพวกเค้ารู้อะไรมาบ้าง เข้าใจอะไรมาแค่ไหน
ปรากฏว่าตัว คุณทิพย์ เองก็ไม่มีความรู้ในเรื่อง พระพุทธศาสนา เอาเลย เป็นพุทธ ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น
แล้วเวลาไปทำบุญที่วัดไทย คือไปใส่บาตร สวดมนต์ บริจาค และฟังเทศน์บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ

อีทีนี้เลยต้องสตาร์ทกันที่ เริ่มแรก....พาไปที่โบสถ์ อันเป็นที่ประทับของ พระพุทธรูป
ที่วัดของหลวงพ่อ....จะเป็น โบสถ์ไม้ หลังเล็ก ๆ กระทัดรัดอยู่กลางสระน้ำ บรรยากาศอบอุ่นสบาย ๆ
ภายในโบสถ์จะมี พระพุทธรูป และพระอัครสาวก รวมทั้งรูปหล่อ...หลวงปู่มั่น และหลวงตามหาบัว
พอเราเข้าไป นั่งลงในโบสถ์ ผมก็สอนให้พวกเค้า...กราบพระ แบบเบญจางคประดิษฐ์
ทำให้ดู และให้เค้าทำตาม อย่าง..ช้า ๆ มีความตั้งใจ ไม่ใช่ กราบปะล๊ก ปะล๊ก...แพล่บ ๆ ๆ
ซึ่งคุณทิพย์ เธอหัวเราะยอมรับแบบ อาย ๆ ว่า...ไม่เคยมีใครสอนเลย 
ทุกครั้งก็ กราบ...แพล่บ ๆ ๆ
ส่วนตัว มร.เบน เค้าสนใจ และตั้งใจมาก...บอกว่า เห็นชาวบ้านกราบพระได้สวย งดงามมาก ดูแล้วประทับใจ
แถมบอกว่า...ต่อไปนี้จะตั้งใจกราบ ช้า ๆ อย่างมีสติ
กราบครั้งที่หนึ่ง เพื่อทำความเคารพต่อ พระพุทธเจ้า อย่างหมดหัวใจ
กราบครั้งที่สอง เพื่อ...ยอมรับในพระธรรม คำสั่งสอนอันวิเศษมหัศจรรย์
กราบครั้งที่สาม เพื่อ...นอบน้อมต่อพระสงฆ์ ผู้เดินตามพระพุทธองค์

จากนั้นก็อธิบายว่า...โบสถ์ ถือเป็นหัวใจของวัด
พระพุทธรูป คือสิ่งที่เราใช้เพื่อเป็นตัวแทนองค์พระพุทธเจ้า 
ทุกครั้งที่เห็น พระพุทธรูป ก็เท่ากับเราเห็น พระพุทธเจ้า ด้วยทุกครั้ง
เพราะฉะนั้นคนไทยก็เลยทำให้ดูสวยงามเกินจริงไปบ้าง
และโบสถ์...ก็เป็นทั้งที่อยู่ ที่ประทับ และออฟฟิศ ของพระองค์ด้วย
ทุกวัน พระสงฆ์ ก็จะต้องมาเข้าเฝ้า เพื่อรายงานว่า...สิ่งที่พระองค์ได้สั่งไว้ให้ทำ เราได้ทำไปถึงไหนบ้างในแต่ละวัน
พวกเราเข้ามาในโบสถ์ ก็เพื่อมาเข้าเฝ้า เข้ามากราบพระพุทธเจ้า เพื่อยืนยันว่า...สิ่งที่ท่านบอกให้เรางดเว้น 5 อย่างนั้น
เราได้พยายามระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา...ไม่ฆ่า ไม่ทำร้าย ไม่ขโมย ไม่เป็นชู้ ไม่โกหก ไม่กินเหล้า
เพราะท่านได้บอกไว้ว่า ถ้าเราไม่ทำเรื่องพวกนั้น ชีวิตของเรา และครอบครัว จะมีแต่ความสุข มีกินมีใช้ ไม่ลำบากเดือดร้อน

ตอนนั้นเอง คุณเบน ได้คว้าลูกเข้ากอด แล้วถามผมว่า...ถ้าเค้าไม่ทำ 5 อย่างที่ว่านั้น
ครอบครัวเค้า และลูกสาว จะมีความสุขมั้ย
ผมก็ตอบไปว่า....แน่นอนที่สุด ไม่ใช่แค่มีความสุขเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์สิน มีกินมีใช้ มีกิจการงานที่มั่นคงด้วย
เพราะพระพุทธเจ้า ท่านไม่เคยพูดไม่จริง ทุกสิ่งที่ท่านบอกเอาไว้จะเป็นไปตามนั้นเสมอ
เค้านิ่งคิดไปอึดใจนึง แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
แล้วเค้าก็...พนมมือ พูดว่าเค้าจะทำตามคำสั่งสอน 5 อย่างนั้นให้ได้ตลอดไป เพื่อ...ครอบครัว และลูกสาวที่เค้ารัก ที่สุด

แล้วเราก็ลงไปเดินดู...กุฏิพระ ที่มีลักษณะเป็นเรือนไม้หลังเล็ก ๆ  ยกพื้นสูง
กุฏิ ที่เราไปดูกันเป็นกุฎิเปล่า ที่ไม่มีพระมาอยู่...ผมเองมานอนที่นี่เป็นประจำ
ผมจึงพาเค้าขึ้นไปดูข้างบน ในกุฏิ ได้เลย
คุณทิพย์ เธอถามว่า ผู้หญิงขึ้นได้เหรอ...
ผมก็บอกว่านี่เป็น กุฏิร้าง ปีนี้ไม่มีพระมาพักที่หลังนี้ และอยากให้ขึ้นไปดู 
ไปสัมผัสของจริงว่า...พระป่า ท่านอยู่กันอย่างไร
แล้วให้เค้าทดลองนั่ง ทดลองนอนจริง ๆ ดู ....
มร.เบน ถามว่า พระอยู่กันแค่นี้เองเหรอ แล้ว หลวงพ่อ ล่ะ อยู่แบบนี้ด้วยเหมือนกันมั้ย
ผมตอบว่า...ใช่ มีแค่นี้เอง ไม่กว้างขวางอะไร เพราะพระป่า จะไม่สะสมทรัพย์สิน
เราจะมีแค่...บาตร และ เครื่องแต่งกายที่เป็นผ้าผืนใหญ่ ๆ แค่ 3 ผืนเท่านั้น
ถ้าสะสมอะไรมากเกินไปกว่านี้ ก็ถือว่า...ผิดต่อคำสั่งของ พระพุทธองค์
คุณ มร.เบน เค้าทึ่งมากที่กุฏิ อันเป็นที่อยู่อาศัย มีเพียงแค่...ห้องนอน และนอกชานนิดหน่อย 
พื้นที่ใช้สอยเพียงแค่ 18 ตารางเมตร เท่านั้นเอง

ผมพาพวกเค้าไปที่....ทางจงกรม หลังกุฎิ ที่ผมใช้ประจำ
แล้วอธิบายว่า...กุฏิพระ ทุกหลังจะต้องมี ทางจงกรม ด้วยเอาไว้ทำ...วอล์ค เมดิเทชั่น
ทางจงกรม จะทำด้วย....ทรายขี้เป็ด คือ ทรายผสมดินเหนียว ก่อยกขี้นมาสูงประมาณ 20 เซนติเมตร 
กว้างยาว ประมาณ 1 X 10 เมตร รดน้ำอัดให้แน่น
แล้วให้ มร.เบน และ ภรรยา ถอดรองเท้า แล้วยกมือไหว้ ก่อนพลัดกันเดินบน...ทางจงกรม 
ดูท่าทางทั้งสองคน เค้าสนใจอยากรู้ อยากเข้าใจ อยากลองทำเป็นอย่างมาก
ผมก็อธิบายว่า โดยปรกติแล้ว การทำสมาธิ ภาวนา หลวงพ่อ...ท่านเน้นว่า ไม่ให้ใครเห็น และไม่ให้เห็นใครด้วย
ให้ใช้ความสงบ ปฏิบัติฯ ไปคนเดียวเงียบ ๆ

การเดินจงกรม ...ก็แค่ ก้าวเดินสบาย ๆ เหมือนกับการเดินเล่นในสวน เพียงแต่ตัดทิ้งความคิดออกไปให้หมด
ให้จดจ่ออยู่เพียงความรู้สึกที่ฝ่าเท้า...ที่เหยียบลงไปบนดินทราย 
เพียงแค่ก้าวไปเรื่อย ๆ ไม่รีบไม่ร้อน  แค่.ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง
หลังจากได้ลอง...เดินจงกรม กันอยู่นานมากพอสมควร ทั้งสองคนก็บอกว่า...ชอบความรู้สึกของฝ่าเท้าที่เหยีบไปบนทรายนุ่ม ๆ แน่น ๆ
เค้าบอกว่า ฟิลลิ่งมันวิเศษมาก ๆ แล้วถามว่าจะต้องเดินนานเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง
ผมบอก...เดินจนเหนื่อย ไม่จำกัดเวลา
พอเหนื่อยแล้ว ไปนั่งสมาธิ ซิทติ้ง เมดิเทชั่น ต่อเลย.......

แล้วเราก็พากันไปนั่งบน ม้านั่งในป่า ใกล้ ทางจงกรมนั่น
เค้าขอให้สอนว่า...สเต๊ป ขั้นตอนยังไง
ผมบอก...นั่งสบาย ๆ ยังไงก็ได้ จะขัดสมาธิ หรือนั่งห้อยขาก็ได้
แล้วท่อง คำว่า.....พุ ท โ ธ​  ไปเรื่อย ๆ  หรือไม่ท่องอะไรเลยก็ได้นะ 
แต่ให้โฟกัสไปที่...ลมหายใจ หรือ การเต้นของหัวใจ ก็ได้แล้วแต่ความชอบของใครของมัน
มร.เบน เค้าถามว่า ผมล่ะชอบแบบไหน.....
ผมบอกว่า...ชอบจับ และฟังเสียงหัวใจเต้น ...ตุ๊ บ ... ตั๊ บ.... ๆ ๆ ๆ ๆ มากกว่า
แล้วพวกเราก็ลองนั่งสมาธิกัน ร่วม 10 นาที

แล้วพาเค้าเดินไปทั่ว ๆ วัด ที่มีแต่ต้นไม้ปลูกไว้เป็นสวนป่า
นาน ๆ ถึงจะเห็น กุฏิพระ สักหลังที่เป็นเรือนไม้ยกสูงหลังเล็ก ๆ พร้อมทางจงกรม เหมือนกันทุกหลัง
แล้ววนไปที่...เจดีย์ ซึ่งหลวงพ่อสร้างเป็นห้องขนาดประมาณ 4 X 4 เมตร
ภายในนั้นจะมีตู้กระจก ที่บรรจุ...พระบรมสารีริกธาตุ และ อัฐิธาตุ ของพ่อแม่ครูอาจารย์หลายองค์ จัดไว้อย่างสวยงาม
พอพวกเราก้าวเข้าไป ก็จะรับรู้ถึง...ความเย็นชุ่มชื่น และความสงบ เข้มขลัง
พากันกราบ แบบช้า ๆ มีสติ ระลึกถึง...พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
แล้วอธิบายให้เค้าฟังถึง...พระบรมสารีริกธาตุ คือ กระดูกของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และ พระอัฐิธาตุ ว่าคือ...กระดูกของพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติฯ บำเพ็ญภาวนาอย่างโชกโชน
ทำให้ กระดูกทั่วร่าง ของพวกท่านแปรสภาพเป็นอย่างนี้......

ตัวคุณทิพย์ เธอสนใจฟัง และพยักหน้าตามอย่างเข้าใจลึกซึ้ง
แต่คุณสามี มร.เบน บอกว่า...ไม่เข้าใจหรอก แต่เค้ารู้สึกถึงความ สงบเย็น และพลังงานบางอย่างในที่นี้
แล้วเรื่องยุ่ง ก็เกิดขึ้น...เมื่อเค้าขอให้อธิบายว่า....พระพุทธศาสนา เป็นอย่างไร
พระพุทธเจ้า สอนอะไร ต้องการให้เราทำอะไร ชาวพุทธตายแล้วไปไหน
หลักการ และแก่นแกนของคำสอน คือ....อะไร
ผมฟังแล้ว ได้แต่ร้องในใจ.....
 
โ อ้.  ม า ย  ก๊ อ ด ด ด

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 47
https://pantip.com/topic/39325428




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2562    
Last Update : 18 ตุลาคม 2562 19:51:28 น.
Counter : 320 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.