กรรมทันตา ปีชง
ปีชง
ช่วงที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ผมทำงานที่ นิสสัน พระประแดง เป็นผู้ช่วย ผจก. โชว์รูมนี้อยู่เกือบถึง ป้อมพระจุลฯ อีก 2 กม. ก็ปากอ่าวไทยพอดี คนชอบไปลอยกระดูกคนตาย ลอยอังคาร อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า ผมใช้ศีลห้าเป็นแกนหลักในการดำเนินชีวิต แต่ใช้ธรรมะข้อเดียว คือ ความเพียร ในการหาเงินล้างหนี้ ผมทำงานหนัก แต่ก็คุ้มค่าความเนื่อยนะครับ เพราะขายได้ระดับท๊อปๆ ของบริษัทเลย
แต่พอมาเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เล่นเอากระอักไปเลยเหมือนกัน ลูกค้า คนธรรมดาแทบไม่มี ทุกคนแย่หมด ลูกค้าโรงงานที่ผมถนัด ยิ่งแย่กว่า เจ้าของกิจการ เจ้าของโรงงานแต่ละแห่ง สภาพจิตแย่ยิ่งกว่าพวกเราๆ คนธรรมดามาก เพราะเขามีต้นทุนสูงกว่าเราเยอะ เห็นร่ำรวย มีกิจการใหญ่โต ไปดูเบื้องหลัง ลึกๆ น่าสงสารมาก เงินหมุน เงินกู้ท้างน้าน..น...ยิ่งรวย ยิ่งเครียด กลัวไปไม่รอด
พวกที่ขี่เบนซ์นั่นแหละ มีหนี้เป็นหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน โรงงาน บริษัท กิจการต่างๆ เริ่มลดการขาย การผลิต และสุดท้ายปลดคนงาน บางอาชีพ ที่เคยดูเหมือนเป็นเทพบุตร เป็นนางฟ้า เช่น พนักงานแบงค์ วิศวกร สถาปนิก หรือพวกการก่อสร้าง ยิ่งตายไปตามๆ กัน สภาพบรรยากาศทั้งหมด ย่ำแย่ หงอยเหงา มีแต่ความไม่แน่นอน
ผมเองไปพบลูกค้าตามโรงงาน ไม่ได้ไปขายหรอกครับ ไปปลอบใจ เซลส์แมน ไปปลอบใจเศรษฐี น่าตลกนะครับ คือพวกเขาจะเครียดกว่าคนธรรมดา เป็นสิบเท่า ผมก็ได้แต่บอกว่า อย่าซีเรียส ไม่ใช่แต่เรา ผมเห็นทุกธุรกิจแย่เหมือนกัน ปลดคนงานเหมือนกัน ไม่มีใครดีกว่าใคร เขาก็...เหรอ...คนอื่นก็แย่เหมือนกันเหรอ...ค่อยยังชั่ว...นึกว่าเราแย่คนเดียว.... จะออกแนวนี้แหละครับ คนเรานี่ก็แปลก ถ้ารู้ว่าคนอื่นก็ตกต่ำ มีเคราะห์กรรม เหมือนเราก็จะสบายใจขึ้น
นานๆ เข้าผมก็ซึมซับรับความเครียดไปกับพวกเขาด้วย ผู้จัดการนั่งทำหน้าตูมทั้งวัน อารมณ์บูดเพราะถูกนายใหญ่กว่าไล่บี้อีกต่อ ไอ้นายที่ใหญ่กว่า ก็โดนนายที่ใหญ่ขึ้นไปอีกไล่บี้เหมือนกัน.... เพื่อนเซลส์ วันๆ ก็นั่งจับกลุ่มปรึกษากัน...ปีชง...ดวงไม่ดี....ไม่มีลูกค้า ผมฟังไอ้พวกนี้มากๆ ทุกวันๆ ก็จิตตกเหมือนกัน สุดท้าย เซซังไปหา คุณลุง สำเนียง หมอดูในดวงใจของผม ท่านที่ไม่รู้จัก ต้องไปอ่าน...กรรมทันตา หมอดู.ต่อ...
ปีนั้นลูกค้าของคุณลุงเยอะมาก ท่านเสียงแหบ เสียงแห้งทุกวัน ผมมักจะรอตอนปลอดคนจริงๆ อยากคุยยาวๆ ปรึกษาท่านเรื่อง ขายไม่ได้ สงสัย ดวงปีนี้จะเป็นปีชง.... ท่านก็จะดูดวง แล้วปลอบใจ....ไอ้ที่มากันเยอะๆ น่ะ วิตกจริตทั้งนั้น ดูแล้วไม่ได้มีเคราะห์มีโศก แต่ตกใจหลอกตัวเองกัน
ท่านมักจะเมตตาสั่งสอนผมเรื่องชีวิตมากกว่าคนอื่น ที่ดูดวงอย่างเดียว ท่านบอก......ดวงชะตา เป็นองค์ประกอบภายนอก จิตใจเป็นองค์ประกอบภายใน มีสัดส่วน 60 : 40 , 50 : 50 หรือ 40 : 60 ก็แล้วแต่เรา ผมก็ถามว่ามันเป็นยังไง ไม่ใช่เราถูกกำหนดชะตาชีวิต ถูกขีดเส้นมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ ท่านบอก เอางี้...สมมุติว่า ดวงบอกว่าจะมีเกณฑ์เดินทาง ไปเชียงใหม่ ชาติก่อนทำบุญเยอะ ชาตินี้เสวยบุญทำให้มีเงินซื้อรถขับไป ถ้าชาติก่อนทำบุญน้อย ชาตินี้ก็มีแค่มีเงินซื้อตั๋วรถทัวร์ปรับอากาศ หรือไม่ค่อยมีบุญ ชาตินี้ก็นั่ง บ.ข.ส.พัดลมไป อันนี้เป็นเรื่องดวง เป็นปัจจัยภายนอก
ส่วนปัจจัยภายใน คือจิตใจของเรา จิตใจดีทำแต่เรื่องบุญกุศล มีแต่ความสุข ไม่ว่าจะต้องไปด้วยวิธีไหน ก็มีความสุขตลอดทาง แต่ถ้าจิตใจเราสกปรก ขี้โกรธ ขี้โมโห โลภไม่สิ้นสุด ตลอดการเดินทางก็ไม่มีความสุข ถึงแม้จะมีเงินซื้อรถขับไปก็เหอะ ต่อให้รถเบนซ์ด้วย
แล้วสัดส่วนทำไมไม่เท่ากันละครับ... คุณลุงท่านบอก...มันแล้วแต่เราไงล่ะ ว่าเราเอามันเป็นปัจจัยหลักแค่ไหน บางคนว่าดวงสำคัญกว่า ก็ 60 : 40 ถ้าเห็นว่า เก่งกับเฮงเท่ากัน ก็ 50 : 50 แต่บางคนฝืนสู้ชะตาชีวิต ก็ 40 : 60 , 30 : 70 แล้วแต่ว่าเขาคนนั้นเอาอะไรเป็นหลัก สรุปว่า ดวงชะตา คือผลของกรรมเก่า...เป็นเรื่องของเมื่อวาน มีผลถึงวันนี้...เท่านั้น แต่ กรรมใหม่...เป็นชะตากรรมที่เรากระทำ ตั้งแต่วันนี้ ส่งผลไปถึงวันพรุ่งนี้ ผมฟังแล้ว...คล้ายๆ จะเข้าใจ เลยเปลี่ยนเรื่อง
แล้วเรื่อง...ปีชง...ละครับ ถ้าปีเกิดเรา ชงกับปีนี้ก็แย่ใช่มั๊ย ท่านเมตตาอธิบายว่า คนส่วนใหญ่...เกือบทั้งหมด เข้าใจผิด ...ชง...แปลว่า...แรง...แปลว่า...กระแทก หมายความว่า ถ้าปีเกิดของเรา ชงกับปีนี้ มันมีผลอย่างแรง อย่างหนัก กว่าปรกติ ประมาณว่า....แอ๊คชั่น ไม่เท่ากับ รีแอ๊คชั่น......แต่ รีแอ๊คชั่นจะแรงกว่า แอ๊คชั่น......ผมสรุปเอาเองน่ะครับ
ท่านอธิบายต่อว่า ในปีที่ชงกัน เช่น ปีชวด ชงกับ ปีชวดด้วยกัน และปีม้า..... หมายความว่า ในปีชวด หรือปีม้า คนที่เกิด ปีชวด ทำกรรมชั่ว ก็จะได้รับกรรมชั่ว เป็นสามเท่า.... แต่ถ้าทำกรรมดี ในปีชวด หรือปีม้า ผลกรรมความดี จะได้ดับเบิ้ล สามเด้ง เลย ผมฟังสองเรื่องแล้ว มึนตึ๊บ....ต้องนั่งไล่เรียงกันตั้งนาน
คนเกิด ปี ชวด ชงกับ ปี ชวด , มะเมีย มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี เถาะ , ระกา มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี ฉลู ชงกับ ปี ฉลู , มะแม มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี มะโรง , จอ มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี ขาล ชงกับ ปี ขาล , วอก มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี มะเส็ง , กุล มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี เถาะ ชงกับ ปี เถาะ , ระกา มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี มะเมีย , ชวด มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี มะโรงชงกับปี มะโรง , จอ มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี มะแม , ฉลู มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี มะเส็งชงกับ ปี มะเส็ง , กุล มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี วอก , ขาล มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี มะเมียชงกับปี มะเมีย , ชวด มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี ระกา , เถาะ มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี มะแม ชงกับ ปี มะแม , ฉลู มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี จอ , มะโรง มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี วอก ชงกับ ปี วอก , ขาล มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี กุล , มะเส็ง มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี ระกา ชงกับ ปี ระกา , เถาะ มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี ชวด , มะเมีย มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี จอ ชงกับ ปี จอ , มะโรง มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี ฉลู , มะแม มีผล 2 เท่า
คนเกิด ปี กุล ชงกับ ปี กุล , มะเส็ง มีผล 3 เท่า ชงกับ ปี ขาล , วอก มีผล 2 เท่า
ผมเขียนเองก็งง....เอายังงี้ เราเอาหน้าปัดนาฬิกามาตั้ง เอาปี ชวด ตั้งไว้ ที่เลข 12.....แล้วไล่ไป ฉลู เลข 1...... ขาล เลข 2......ไล่ไปจนครบ กุล จะอยู่ เลข 11.......โอเค๊..
ปีที่ชงกัน คือเลข 12 ชงกับ เลข 12 , 6 มีผลสาม เท่า.... แต่ เลข 3 , 9 มีผลสองเท่า. สรุป ในรอบ 12 ปี เราจะชง 4 ครั้ง / ปี หลายปีต่อมา ผมฟัง อาจารย์ วิศิษฐ์ เตชะเกษม ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหมอฮวงจุ้ย อันดับหนึ่งของไทย ก็พูดไว้ เหมือนกับเลย
ผมเชื่อคุณลุงท่านนี้อย่างสุดหัวใจอยู่แล้ว พอฟังก็เกิดความคิดว่า งั้นทุกปีที่เราชง ก็ต้องรีบสวดมนต์ ถือศีล ทำความดีเพิ่มขึ้นอีก เราจะได้บุญเป็นสอง-สามเด้ง เลย.....งกอ่ะ กลับไปผมเลยลุยแหลก.....และผลก็ออกมาอย่างเกินคาดฝันเหมือนกัน วันนี้หมดเวลาแล้ว คราวหน้ามาเล่าต่อแล้วกัน หรือ...เบื่อก็บอกนะ ครับ
อนณ 089-995-9377 จากคุณ : tobeteam เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 53 16:30:45
Create Date : 04 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:24:58 น. |
Counter : 1808 Pageviews. |
| |
|
|
|