กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา ผมเจอเทวดา

ผมเจอเทวดา

ตอนสายๆ ของวันที่ 10 ตุลาคม นี้เอง
ผมได้รับโทรศัพท์ จากผู้ที่อ่านเรื่องเล่า กรรมทันตา เรื่อง มังสวิรัติ
ซึ่งเรื่องนี้ ผมมีเจตนาเล่าถึง อานิสงส์ของการ หมั่นสวดมนต์ เคร่งครัดในศีลห้า
และยังตั้งใจกินมังสวิรัติ เพิ่มกุศลอีกด้วย
เป็นเรื่องของบุคคลที่ผมรู้จักมานาน ชื่อ ณรงค์พล ต่อมาเปลี่ยนชื่อ เป็น ภาดล เข็มทรัพย์
ต่างคนก็ไต่เต้ามาจาก พนักงานตัวเล็กๆ ของนิสสัน

ผมมาทางฝ่ายขาย แต่เขามาทางฝ่ายช่าง อะไหล่
ตัวผมตั้งใจถือศีลห้ามาแต่แรก ก็มีความเจริญในหน้าที่การงาน อย่างรวดเร็วมาก
คนอื่นใช้เวลาเป็นสิบปียังทำไม่ได้ แต่ผมใช้เวลาแค่สามปี ก็ได้เป็นผู้จัดการ
ณรงค์พล ถึงจะมีความสามารถในหน้าที่การงาน แต่ก็ยังประมาทในชีวิต ไม่เคยสนใจเรื่องรักษาศีล แถมชอบกินเหล้าอีกด้วย
ชีวิตมาผลิกผันเมื่อเมาขับรถไปชนคนตาย และพิการ
อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เขาเสียใจอย่างมาก และเสียใจอย่างที่สุดคือ
การทำให้ พ่อ แม่ ต้องมาเดือดร้อนกับเขาอย่างหนัก
ต้องไปกู้หนี้ ยืมสิน มาให้อย่างยากลำบาก

ณรงค์พล เมื่อได้กลับตัวเสียใหม่ หมั่นสวดมนต์ รักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด และสร้างกุศล งดเว้นเนื้อสัตว์ในวันพระ
ด้วยความประพฤติที่เปลี่ยนไป แต่อยู่ในสังคมเดิม จึงเป็นที่ล้อเลียนแปลกแยก
แต่อานิสงส์ก็ส่งให้เขาก้าวขึ้นเป็น ผู้จัดการ ทั้งที่วุฒิการศึกษาน้อยกว่าคู่แข่ง

ความก้าวหน้าในการงาน ทำให้มีกำลังผ่อนส่งหนี้สินที่เกิดจากเหตุคราวนั้นอีกหน่อย
ถึงปัญหาการเงินจะผ่อนคลายไปได้บ้าง แต่สิ่งที่ยังกัดกร่อนหัวใจทุกวัน คือ พ่อ แม่ ก็ยังเป็นทุกข์ทนยิ่งกับหนี้สินที่ยังไม่หมด
นอกจากยังไม่หมดแล้ว ตลอดเวลา 8 ปีต่อมา มันเติบโตขึ้น..โตขึ้น ตลอดเวลา
หาเงินผ่อนใช้เท่าไร ก็เหมือนแบกก้อนหินไปถมทิ้งทะเล
แล้ววันหนึ่งก็ถึงทางตัน ทะเลหนี้มันท่วมถึงคอ ถึงปาก ถึงจมูกแล้ว
สุดท้ายก่อนจะขาดใจตาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาฟ้าดินคงเห็นใจที่ตลอดมา ได้ตั้งใจประพฤติตนในศีลห้าแข็งขัน
ท่านได้ช่วยต่อลมหายใจอีกเฮือกหนึ่ง ด้วยอยากเห็นเขางดเว้นเนื้อสัตว์ทุกวันให้ได้ 6 เดือน ตามสัญญา...

ผ่านไปอีกหลายปี หนี้สินที่มีกว่า 600,000 ก็ลดลงเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ที่ยังต้องสู้กัน..ต่อไป
ผมเองได้แต่เอาใจช่วย เอาใจเชียร์
ครั้งสุดท้ายที่คุยกันเพื่อขอเอาเรื่องของเขามาเล่า เขาบอกอยากปฏิบัติกรรมฐาน มีครูบาอาจารย์ อย่างถูกต้อง
เผื่อบุญกุศลจะช่วย พ่อ แม่ให้คลายทุก เริ่มมีสุขได้บ้าง....

คงจะเป็นอานิสงส์ ความตั้งใจอันนี้ละมั๊ง...ปาฏิหาริย์ ก็เกิดอีกครั้ง....

เช้าวันนั้น ผมมีอาการแปลกๆ ใจเต้นแรงมาก ตุ๊บ..ตุ๊บ..ตุ๊บ ผิดสังเกตุ
แล้วก็ได้รับโทรศัพท์ จาก คุณป้าสลับ
ท่านอยากทราบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา
ผมก็ได้ยืนยันไปว่าเป็นเรื่องจริง มีตัวมีตนจริง
ท่านได้แสดงความประสงค์อย่างแรง อยากช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้
ถึงไม่มาก แต่ก็อยากยื่นมือช่วยคนตกทุกข์คนนี้

แว่บหนึ่ง ผมดีใจมาก..ก..
แต่หลังจากนั้นผมก็เครียดเลย เพราะไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้
ผมไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ เพื่อเรี่ยไร หรือเพื่อเงินทองใดๆ
จากนั้นก็ได้สอบถามความประสงค์ของ คุณป้าสลับ อีกครั้ง
ท่านยังยืนยันแข็งขัน อยากช่วยจริงๆ
หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน พอสรุปได้ว่า
ท่านเห็นใจ เงินกู้นอกระบบมันโหดร้าย รอดตัวจากมันน่ะยาก
ท่านเองก็เคยเห็นมานักต่อนัก

ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจแสนประเสริฐ ผมจึงขออนุญาตไปกราบท่าน
และจะพาตัว ณรงค์พล ไปด้วยเพื่อยืนยันว่ามีตัวตนจริง
ผมติดต่อเจ้าตัวอย่างด่วน เขาบอกไม่ว่าง....จะไปไหว้เจ้า...
ผมบอก เดี๋ยวจะพาไปไหว้เทวดา...เทวดาของจริงเลย
แล้วผมยังโทรไปตาม คุณฐิติกร ชัยชิตามร ผู้จัดการ สยามกลการ สำนักงานใหญ่
ที่เคยกล่าวถึงในเรื่อง อุบาย
ผมไม่ได้บอกรายละเอียดใดๆ กับทั้งสองคนนี้เลย
บอกแต่เพียง จะพาไปไหว้เทวดา....

เมื่อไปถึง บ้านคุณป้าสลับ ยังได้พบกับ คุณลุงสันต์ สามี
หลังจากเข้าไปแนะนำตัว นั่งพูดคุยกันสักพัก
โดยคนที่ผมพาไปทั้งสองไม่รู้เรื่องความประสงค์ของคุณป้า และคุณลุงเลย
เมื่อแน่ใจว่าเป็นตัวจริงแล้ว คุณป้าสลับได้บอกความตั้งใจอันดีของท่าน
ว่า ท่านมีเงินเก็บสะสมอยู่ก้อนหนึ่งไม่มากนัก...อยากให้ยืมเพื่อเบาเทาทุกข์ร้อน ของเพื่อนมนุษย์ผู้มีความตั้งใจดี
โดยท่านไม่คิดดอกเบี้ย เพียงแต่ให้ยืม ไม่ได้ให้เปล่า 100,000 บาท

ทั้งตัว ณรงค์พล กับคุณฐิติกร และภรรยาที่มาด้วยกัน
ต่างก็ไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่เข้าใจเหตุการณ์ จนต้องไล่เรียงกันอีกรอบ
ทั้งคุณป้า และคุณลุง ท่านยิ้มๆ แต่ยืนยัน....อยากช่วยเอาบุญ
อยากบรรเทาความทุกข์ร้อน ที่เผาใหม้คน คนหนึ่งให้เบาบางไปบ้าง....

ณรงค์พล หนุ่มอายุ 41 เป็นถึง ผู้จัดการฝ่ายซ่อมตัวถัง ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ไม่เคยนึกฝัน ว่ายังมีเรื่องแบบนี้ ในนิยายก็ยังหายาก แต่กำลังเกิดกับตัวเขาจริงๆ
สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวใจเขา คือ พ่อ แม่ ที่กำลังทนทุกข์ กับหนี้สินของเขา
สีหน้า พ่อ แม่ และภาพความทุกข์ที่ผ่านมา แว่บขึ้นมาเป็นฉากๆ
น้ำตาลูกผู้ชาย ไหลทะลัก เขาทำอะไรไม่ถูก นอกจาก...ร้องไห้โฮออกมา
ทั้งร้อง ทั้งพร่างพรูคำพูดที่มันอัดอั้น อยู่ในหัวใจ มาสิบกว่าปีแล้ว
...เขาเสียใจ...เสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ พ่อกับแม่ ต้องลำบาก
...เสียใจที่พยายามต่อสู้เต็มกำลัง แต่ยังไม่เห็นฟากฝั่ง
...เสียใจทุกที...เจ็บปวดหัวใจทุกครั้ง ที่ได้ยิน พ่อ แม่ ถอนหายใจ...

ทั้งคุณป้าสลับ และคุณลุงสันต์ ท่านได้แต่ปลอบโยน ว่าท่านรู้ ท่านเข้าใจ
ตลอดชีวิตของท่านจนถึง 70 ปี ก็เป็นหนี้ เป็นสิน มาเกือบตลอด
ถึงไม่ได้เหลวไหล แต่ก็กู้หนี้ยืมสินมาเพื่อส่งลูกของท่านทั้งสามคนได้เรียนดีที่สุด
ท่านเข้าใจ ความทุกข์ระทมของพ่อแม่ ที่เห็นลูกเป็นทุกข์ มันยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด
ท่านเห็นว่า ณรงค์พล ได้กลับตัวเป็นคนดี มีศีลธรรม ทั้งยังตั้งใจทวนกระแสกรรม ท่านก็อยากยื่นมือช่วยด้วยกำลังที่ท่านมี
ท่านอยากช่วยคนมีศีล คนมีสัตย์
ไอ้เจ้าณรงค์พล ได้แต่ระล่ำระลัก...ผมจะพา พ่อกับแม่ มากราบท่าน

เฮ้อ.อ..ผมและคนที่เหลือ ทำได้อย่างเดียว.....เช็ดน้ำตา...มันเศร้า...มันตื้นตัน...มันดีใจไปกับเขา...มัน..มัน....น้ำตาไหล
บอกแล้ว...จะพามาไหว้เทวดา...เทวดาที่ยังหายใจ...เทวดาที่ยังเดินดิน.

หลังจากร่ำลา คุณลุง คุณป้า โดยท่านไม่ให้ผมเอาเรื่องนี้มาเล่า
ท่านอยากทำบุญ เอากุศล ไม่อยากบอกใคร
แต่..ผมทนไม่ไหว อ่ะ....มันตื้นตัน...มันจะขาดใจ...น้ำตาไหล อีกแล้ว

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 14:52:45




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:28:25 น.
Counter : 1625 Pageviews.  

กรรมทันตา ปีชง ต่อ

ปีชง ต่อ

คราวก่อนเล่าเรื่อง ความเชื่อเรื่อง ปีชง ซึ่งคนเกือบทั้งหมดเข้าใจผิด ฟังผิด
ที่จริงจะว่าผิดก็ไม่เชิง เพราะความจริงฟังไม่หมด คนเล่าต่อๆ กันมาก็เล่าไม่หมด
ความจริงคือ โหราศาสตร์ น่าจะเป็นแบบจีน ได้บอกว่าในรอบ 12 ปี
เราจะต้องระมัดระวังทุกๆ 3 ปี จะมีช่วงที่ สวรรค์ ท่านให้คะแนนเบิ้ล 2 เด้ง 3 เด้ง แล้วแต่ใครเกิดตามนักกษัตรไหน
ซึ่งถ้าสังเกตุเรื่อง นักกษัตรปีเกิด ก็แปลกดี อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าว่ากันนะ
คนโบราณ ได้แบ่งแยกประเภทคนออกเป็น 12 พวก ตามลักษณะนิสัย
พวกที่เกิดปีไหน นิสัยใจคอก็มักจะไปทางนั้น
เช่น พวกปีฉลู วัว นิสัยจะไม่ค่อยวุ่นวาย รักสงบ พูดน้อย ธรรมะธรรมโม
แต่มีความทรหดอดทนต่อการงาน ลักษณะงานประเภทที่ต้องใช้ความอดทน ทำซ้ำๆ ซากๆ เขากลับทำได้ดี ทำอย่างมีความสุขด้วย
แต่พวกนี้จะไม่ชอบงาน ที่เป็นครีเอท คิดค้นสิ่งใหม่ แปลกพิสดาร ไม่ถนัดคิดนอกกรอบ แต่ใจเย็นดี
พวกที่เกิดปีเสือ ดูง่ายมาก ออกแนว ดุ แต่ไม่ใช่ดุเดือด แต่เป็นพวกจิตนิ่ง ห้าวหาญ อยู่ที่ไหนใครๆ ก็มักยกให้เป็นหัวหน้า เพราะกลัวแก
พวกปีม้ายิ่งสนุก โอ้โห..พวกนี้ชอบผาดโผนโจนทะยาน ไม่ชอบชีวิตสมถะรักสงบ
มีความสามารถส่วนตัวสูงมาก แต่มักอยากทดลองทำอะไรที่มันสุดๆ เลยมักจะเกิดเรื่องอยู่เรื่อยๆ

กลับมาเรื่อง ปีชง หากว่าปีเกิดของเรา ไปตก ชง กับปีนั้นๆ
ไปอ่าน ตอนที่แล้วเอาเองนะ
เช่น คนเกิดปีหนู ใช้ชีวิตมาเจอปีหนูด้วยกัน หรือ ปีเถาะ มะเมีย ระกา
จะเป็นโอกาสอันเลิศ ที่จะได้คะแนนดับเบิ้ล สองเท่า สามเท่า
ผลของการกระทำในปีนั้นจะ แรง..ง..ง มากถึงมากที่สุด
ถ้าทำกรรมเลวชั่ว คุณก็จะได้รับสิทธิ์นั้นทันที เอาไปเลยความซวย สองเท่า สามเท่า
ผลของกรรม จะรุมกระหน่ำซ้ำกระทืบอย่างเร่งด่วน
แต่ในทางกลับกัน ถ้าปีที่ ชง เราตั้งอกตั้งใจ เก็บคะแนนเบิ้ล ประกอบแต่กรรมดี มุ่งมั่น จดจ่อแต่สร้างบุญกุศล
รับรองได้ในปีนั้น คุณจะโชคดีมหาศาล ลาภผลจะเรียงรายเข้ามาหาจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่เชื่อไปลองทำดู
คนโบราณเขาสอนสั่งกันไว้อย่างนี้ แต่ไอ้คนสมัยใหม่มันใจร้อน ฟังแค่ครึ่งเดียว แค่ทำชั่วจะได้รับผลแสนสาหัส
เท่านั้นก็ตกอกตกใจ ปีนั้นไม่ทำอะไรแล้ว วิตกจริต จดจ่อแต่ความซวยทั้งปี
ผมเคยได้รับการสอนมาว่า....จดจ่อกับอะไร...สิ่งนั้นก็ขยายผล....
เมื่อจดจ่อกับเคราะห์กรรม ไอ้เคราะห์กรรมก็ยิ่งขยายผลนะซิครับ
แต่ถ้ามาจดจ่อ กับการบุญ การทำความดี มุ่งมั่นค้าขาย สิ่งนั้นก็ยิ่งขยายผลเบิกบานเข้าไปใหญ่

ผมเองพอรู้เรื่อง จากคุณลุงสำเนียง ผมก็โล่งอก โล่งใจ ยิ่งมีกำลังใจเพราะเป็น ปีชง ของผมด้วย ผมต้องเอาคะแนนเบิ้ล สามเด้งให้ได้

ผมก็มานอนคิด..คิด..คิด ว่าจะไปขายรถยังไงวะ ช่วงนี้มีแต่คนจิตตก คนโดนปลดจากงานเต็มไปหมด
ผมก็จดจ่ออยู่แต่เรื่องจะขายรถนี่แหละ นอนไม่ค่อยหลับ
อีก 2-3 วัน ความคิดก็ยังไม่ได้ผล นอนไม่หลับลุกขึ้นมาดูเคเบิ้ลทีวี
คืนนั้น...มีหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง เสียดายไม่รู้ชื่อเรื่อง ตามหาอีกหลายปีก็ไม่เจอ
เรื่องมีอยู่ว่า
พระเอก เป็นหนุ่มใหญ่แล้ว ยังโสด มีตำแหน่งเป็น รองประธานฝ่ายขายและสินเชื่อ บริษัทที่ผลิตและจำหน่าย รถแทรกเตอร์ยี่ห้อดังในอเมริกา
ดันเกิดเศรษฐกิจตกต่ำ ยอดขายตกวูบ สินเชื่อตามเก็บไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเมืองที่นางเอกอยู่
พระเอกก็โดนเจ้านาย และบอร์ดบริหาร อัดซะน่วมในที่ประชุม สุดท้ายให้ไปหาทางแก้ไข
มีการลงโทษให้หยุดงานไปนอนคิดวิธีมา ประมาณว่าถ้าคิดไม่ออกไม่ต้องกลับมาทำงาน...
พระเอก เลยเก็บเสื้อผ้าใส่รถไปเที่ยว โดยไปมันที่เมืองที่มีปัญหานี่แหละ
ตามประสาหนังนะครับ ไปยางแตกหรืออะไรนี่แหละ ที่หน้าบ้านนางเอก บ้านนอกเลยแหละ ทำฟาร์ม ทำเกษตร
เลยปิ๊งกัน แต่เก็บความลับไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร
จากนั้นก็ใช้เวลา 2 อาทิตย์ ตามจีบนางเอก ฝ่ายนางเอกก็ดีใจมีได้หนุ่มมาดเท่ห์มาเดินตามต๊อกๆ
วันๆ นางเอกก็พาไปเที่ยว ดูไร่ ดูฟาร์ม ของตัวเอง และเพื่อนบ้าน
พระเอก เห็นรถแทร็กเตอร์ ที่ขายมา ทำไมจอดโทรมอยู่หลายคัน หลายที่ แทบทุกบ้าน
นางเอก ก็เล่าว่าพอเศรษฐกิจตก หนุ่มสาวครึ่งหนึ่งก็หันไปทำงานโรงงานอุตสาหกรรม เพราะคิดว่าเป็นความหวังใหม่ๆ
ไร่นา ก็มีคนทำน้อยลง ไอ้แทรกเตอร์ที่มี ก็ขนาดใหญ่โตมโหราน กินน้ำมันมากไป
ราคาก็แพง ใช้คุ้มก็ใช่ แต่ต้องฟาร์มขนาดใหญ่จริงๆ
คนแก่ หรือผู้หญิง จะขับก็ขับไม่ค่อยไหว อุปกรณ์การบังคับก็ซับซ้อนยุ่งยาก ต้องคนที่ฝึกกับมันจริงๆ เท่านั้นถึงจะขับได้
แล้วข้อเสียอีกอย่าง คือมันไม่สามารถดัดแปลงการทำงานให้เป็นหลายรูปแบบได้ ไม่มีอุปกรณ์หลากหลาย
ไม่เหมือนจักรเย็บผ้าสมัยใหม่ ที่สามารถพลิกแพลงลวดลายได้เยอะแยะ
แรกๆ พระเอกก็งง อะไรวะ...รถของเราออกจะยอดเยี่ยม แข็งแรง สมบุกสมบัน
นี่ดันเอาไปเปรียบเทียบกับจักรเย็บผ้าซะนี่...คนละเรื่อง มันเทียบกันได้ที่ไหน.น...
แต่พระเอก ก็คือพระเอก คิดไปคิดมา งอนกันไปงอนกันมา ก็เกิดไอเดียกระฉูด
รีบกลับไปออกแบบ รถรุ่นใหม่ไซด์เล็กลง ขนาดเบากระทัดรัด แบบเกียร์ออโต้ ผู้หญิงก็ขับได้ ไม่ซับซ้อน
และยังให้ใส่อุปกรณ์ติดตัวที่ปรับเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ เหมือนมีดพับสวิสอาร์มี่.....บอร์ดบริษัทก็เห็นด้วยทันที...ก็หนังอ่ะนะ
แล้วพระเอกก็เอาไอ้รถตัวใหม่ ไซด์เล็กนี่ไปเปิดตลาด ราคาถูก พอซื้อไหว
ไปออกบู๊ทขายแถวบ้านนางเอก โดยให้เอาคันเก่ามาแลกเปลี่ยน ที่เหลือผ่อนเอายาวๆ
ใครที่ติดเงินอยู่ก็มาคุยกันใหม่ ถือเป็นการสมนาคุณ อุตส่าห์เป็นลูกค้ากันมานาน
ฝ่ายนางเอกก็งอนตุ๊บป่อง ที่ปกปิดฐานะที่แท้จริง แถมยังหนีกลับไปไม่ร่ำไม่ลา นึกว่าแห้วซะแล้ว....

ผมนอนดูไป แรกๆ ก็สนุกดี....แต่มาสะดุดใจ ตรงที่คันมันเล็ก ราคาเอื้อมถึงได้ พระโยชน์การใช้งานหลากหลาย
รุ่งขี้น ผมตื่นตัวมาก ไปแต่เช้าตรู่เลย เอารถที่มีขายอยู่ขณะนั้นมาวิเคราห์ ทั้งลักษณะ ทั้งราคา เงินสด เงินดาวน์
มาลงตัวเอาท้ายสุด ที่รถรุ่นเล็กสุด ถูกที่สุด แต่คนสนใจน้อยที่สุด คือรถเก๋ง ที่เป็นกระบะเล็กด้วย รุ่น NV
รุ่นนี้ขายน้อยมากในตอนนั้น เพราะมันเหมือน นกมีหูหนูมีปีก ยังไงไม่รู้ ไม่ชัดเจนในตัวเอง
ใช้เครื่องเบนซินภายในเป็นรถเก๋ง แต่ภายนอกเป็นรถกระบะ ไม่เท่ห์
ถ้าเอาหรูต้องรถเก๋ง แต่ถ้าเอาเท่ห์ แมน..แมน...ต้องกระบะ เนื้อที่บรรทุกเยอะ บุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น
แต่น้อง NV บรรทุกได้น้อย ลุยน้ำลุยโคลนก็ไม่ถนัด ชอบแต่ทางเรียบๆ ออกแนวสำอางค์เล็กๆ
ข้อดีมีหน่อย คือ เครื่องใหญ่ ตัวเล็ก ขับมันส์เป็นบ้า ฟิลลิ่งตอนซิ่งน้องๆ มอเตอร์ไซค์บิคไบค์ หรือออสตินมินิ น้อยๆ เลยละ

ผมไม่เป็นอันทำอะไรเลย จดจ่ออยู่กับน้อง NV ทั้งวัน เข้าไปนั่งในรถ ขึ้นไปเหยีดบนกระบะท้าย
เปิดฝากระโปรง มุดหัวเข้าไปดู นอนกับพื้น พินิจช่วงล่าง ......
สุดท้ายไปคุยกับช่าง ขอความรู้ทางเทคนิคของรุ่นนี้โดยเฉพาะ
ผมไม่พูดไม่จา ศึกษาอย่างเดียว จนเซลส์คนอื่นว่า...คงจะเครียดมาก น่าจะบ้าไปแล้ว
อีกอย่างที่วิเคราะห์มาก คือราคา การผ่อนชำระ เงินดาวน์ ส่วนลด
จดจ่อ เอาจริงเอาจังมาก..ก..ที่สุดเท่าที่เคยขายรถมา
ขณะนั้นถ้าจำไม่ผิด ราคาจะอยู่ที่ 350,000 ต้องดาวน์ขั้นต่ำ 40,000
แต่ผมมีมาร์จิน ช่องว่างส่วนลด แบบหมดตู๊ด.ด.เลย 5,000 - 6,0000

สถานการณ์โชว์รูมตอนนั้นวิกฤต เป้าที่บริษัทบังคับ 20 คัน เศรษฐกิจไม่ดีลดให้เหลือ 15 คัน ต่อเดือน
มีเซลส์ 8 คน แต่ขายกันได้ ไม่เกิน 5 คัน เอ๊ง....
ผมก็นึก....เอาวะ เราเป็นผู้ช่วย ผจก. ขอขายเอายอดมาช่วยโชว์รูมหน่อย
เลยคิดแคมเปญ รูปแบบการขาย ให้ลูกค้า ใช้เงินออกรถเบ็ดเสร็จ...แค่ 39,000 แต่ผมไม่มีกำไร แถมยังขาดทุนค่าใช้จ่ายด้วย
จากนั้นก็มาคิดว่ากลุ่มเป้าหมาย จะเล็งไปที่ลูกค้าแบบไหน
ในเวลานั้น พนักงานแบงค์ สินเชื่อ ธุรกิจก่อสร้าง โดนปลดออกจากงานเพียบ แต่มีเงินชดเชยให้ก้อนหนึ่ง
ส่วนที่ยังไม่โดนปลด ก็ไหวหวั่น ไม่รู้วันไหนจะถูกเรียกให้ไปเขียนใบลาออก
แต่สิ่งที่บูมตูมตาม เกิดขึ้นมามากมาย คือ เปิดท้ายขายของ....ผมก็ไปขายกับเค้าด้วยเหมือนกัน สนุกดี

ผมโฆษณาขายในหนังสือ วัฏจักร โลกรถ ฯลฯ
ที่จริงมีคนอื่น ลงโฆษณาขายรถในนี้อยู่แล้ว แต่เขาขายทุกรุ่น มันหลากหลายไป ดูแล้วมั่วๆ งงๆ...
แต่ผมเจาะจง เฉพาะน้อง NV อย่างเดียว แจกแจงคุณประโยชน์ เงินดาวน์ที่ต้องใช้เบ็ดเสร็จ ข้อดี ข้อจำกัด.....สั้น แต่ได้ใจความ
รูปที่ใช้ลงโฆษณา ก็มีแค่รูปรถรุ่นนี้ มีแค่รูปเดียวเท่านั้น....

ที่จริงผมเอาทุกอย่างที่คิด ไปปรึกษาผู้จัดการ แต่เขาบอก ไม่เวิร์คหรอก รุ่นนี้คนไม่ชอบ เศรษฐกิจแบบนี้อยู่เฉยๆ ดีกว่า...อ้าว.
แต่ผมไม่สนใจ....ลงโฆษณาไปวันแรกๆ ลุ้นน่าดู มีแต่คนทับถม...
จากนั้นก็ค่อยๆ มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม
แล้วก็เรียกไปคุยกัน.....อย่าลืมนะครับ โชว์รูมผมอยู่ปากอ่าวไทย ไกลสุดกู่....ใครมันจะมาดู

ผมใช้วิธีนัดลูกค้าที่สนใจ ไปพบกันที่โชว์รูม ใกล้กับที่เขาอยู่ ที่เขาสะดวก นัด วัน เวลา แน่นอน...
พวกคุณอาจจะสงสัย...แล้วไม่กลัว โชว์รูมอี่นๆ เขาว่าเอาเหรอ...
ไม่กลัวเซลส์ด้วยกันขโมยลูกค้าเหรอ....ไปตั้งไกล ไหวเหรอ

บอกตรงๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเลย.....คิดแต่ ปีนี้ปีชง...กรูลุยแหลก
ผมจะนัดสถานที่ เวลาลูกค้าให้แน่นอน...แล้วรีบไปก่อนเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง....กลัวลูกค้าไปก่อน
ไปถึงก็ไหว้พระภูมิ บอกกล่าว แล้วก็ไปไหว้ผู้จัดการ
บอกว่าผมเป็นใคร ลูกน้องใคร ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ขอยืมให้ลูกค้าดูรถนิ๊ด.ด..นึงนะครับ....เป็นพระคุณอันล้นพ้น ผมเซลส์ตัวเล็กๆ มาไกล..ล...
ใหม่ๆ ผู้จัดการแต่ละท่าน ก็เมตตา....โถ..สงสารมัน บ้านน๊อก...บ้านนอก
พอลูกค้าขึ้นมาโชว์รูม ผมจะปราดเข้าไปหาทันที ประมาณว่า.....นี่ ลูกค้ากรูนัดไว้...
จากนั้นก็นำชมรถ......ซึ่ง มีเกร็ดย่อยๆ อีก คือ

ผมซักซ้อม คำพูด ท่าทางการใช้รถรุ่นนี้ ให้ดูง่ายดาย....
วิธีเปิดฝากระโปรงดูสบายๆ เครื่องยนต์ก็เรียบง่าย ไม่พิสดารพันลึก ยุ่งยากมากกว่าจักรยานหน่อยเดียว
ด้านท้ายสามารถบรรทุกได้สบายๆ ข้าวสาร 5 กระสอบ
จากนั้นก็เปิดฝากระโปรงท้าย...แล้วให้ลูกค้า เอาก้น...ก้นแปะ...นั่งคุยกัน
มันเป็นเรื่องแปลกมาก รถรุ่นนี้ พอเปิดฝากระโปรงท้าย แล้วนั้งห้อยขาบนนั้น
ความสูงของมันกำลังดี....โช๊คอัพก็จะยวบลงมาเบา ๆ....นั่งสบายมาก ยังกับโซฟา
อู๊ย...ผมซักซ้อมมาเป็นร้อยครั้ง...ทั้งท่าทาง ทั้งคำพูด.
....แต่ไม่ได้โกหกซักคำ....ผมรู้สึกอย่างนั้น จริงๆ...รถมันน่าใช้
การใช้งาน ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายหลาก
ขับกันไป 2 คน จู๋จี๋กันไป...เที่ยวต่างจังหวัด นั่งห้อยขาท้ายรถได้อารมณ์ หรือเปิดท้ายขายของก็สะดวก
จะใส่หลังคาไฟเบอร์เพิ่มก็ได้....ของไม่เปียก
วันหลังหัดค้าขายเก่งแล้ว ค่อยปรับเปลี่ยนกันใหม่...คันนี้ถือเป็นคันแรกในชีวิตที่เจ๋งมาก....
อ้อ...ผมไปเอากำไร จากอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม เช่นฟิลม์กรองแสง หลังคาไฟเบอร์ ยิ่งกว่านั้น บางคนให้ทำเป็นเกียร์ออโต้ให้ด้วย
แต่ผมบอกลูกค้าตรงไปตรงมา ขอบวกเพิ่มเป็นค่าใช้จ่าย นิดหน่อย....ก็โอเค..

ผลที่ออกมา เดือนแรก ขายไป ได้ 5 – 6 คัน ดีใจแทบตาย
เดือนที่สอง 15 คัน....
เดือนที่สาม 25 คัน....
ขายทีละคัน...ทีละคัน นีแหละ
เคยมีบางวันเหนื่อยมาก....วันเดียว 3 คัน
วิ่งรอกทั่วกรุงเทพฯ ทู๊ก..ก...วันเลย ไปกับภรรยาสองคน
ผมมีกำไร รวมเงินพิเศษที่บริษัทให้ คันละประมาณ 3,000 – 4,000
เฉลี่ยเดือนละ 20 คัน ขายจนรถหมดสต๊อคนิสสัน เลย
ตอนหลังๆ ผู้จัดการโชว์รูมอี่น แทบจะกระโดดกัดคอผม...มันมาอีกแล๊ว.ว...ก็ลูกค้าในเขตของเขาทั้งนั้น..น....
แต่ผมให้ ใส่เป็นผลงานของทั้งโชว์รูม เพื่อเซลส์คนอื่นจะได้ไม่ถูกลดเงินเดือน....สงสารเค้า...แต่ผู้ใหญ่ก็รู้

นี่แหละครับ....ปีชง...ของผม
ทุกวันนี้ รอว่าเมื่อไหร่จะ ชง อีก
อย่าลืมนะครับ......จดจ่อกับอะไร...สิ่งนั้นก็ขยายผล...


อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 10:52:53




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:26:32 น.
Counter : 1123 Pageviews.  

กรรมทันตา ปีชง

ปีชง

ช่วงที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง
ผมทำงานที่ นิสสัน พระประแดง เป็นผู้ช่วย ผจก. โชว์รูมนี้อยู่เกือบถึง ป้อมพระจุลฯ
อีก 2 กม. ก็ปากอ่าวไทยพอดี คนชอบไปลอยกระดูกคนตาย ลอยอังคาร
อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า ผมใช้ศีลห้าเป็นแกนหลักในการดำเนินชีวิต
แต่ใช้ธรรมะข้อเดียว คือ ความเพียร ในการหาเงินล้างหนี้
ผมทำงานหนัก แต่ก็คุ้มค่าความเนื่อยนะครับ
เพราะขายได้ระดับท๊อปๆ ของบริษัทเลย

แต่พอมาเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เล่นเอากระอักไปเลยเหมือนกัน
ลูกค้า คนธรรมดาแทบไม่มี ทุกคนแย่หมด
ลูกค้าโรงงานที่ผมถนัด ยิ่งแย่กว่า เจ้าของกิจการ เจ้าของโรงงานแต่ละแห่ง
สภาพจิตแย่ยิ่งกว่าพวกเราๆ คนธรรมดามาก เพราะเขามีต้นทุนสูงกว่าเราเยอะ
เห็นร่ำรวย มีกิจการใหญ่โต ไปดูเบื้องหลัง ลึกๆ น่าสงสารมาก
เงินหมุน เงินกู้ท้างน้าน..น...ยิ่งรวย ยิ่งเครียด กลัวไปไม่รอด

พวกที่ขี่เบนซ์นั่นแหละ มีหนี้เป็นหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน
โรงงาน บริษัท กิจการต่างๆ เริ่มลดการขาย การผลิต และสุดท้ายปลดคนงาน
บางอาชีพ ที่เคยดูเหมือนเป็นเทพบุตร เป็นนางฟ้า เช่น พนักงานแบงค์
วิศวกร สถาปนิก หรือพวกการก่อสร้าง ยิ่งตายไปตามๆ กัน
สภาพบรรยากาศทั้งหมด ย่ำแย่ หงอยเหงา มีแต่ความไม่แน่นอน

ผมเองไปพบลูกค้าตามโรงงาน ไม่ได้ไปขายหรอกครับ ไปปลอบใจ
เซลส์แมน ไปปลอบใจเศรษฐี น่าตลกนะครับ
คือพวกเขาจะเครียดกว่าคนธรรมดา เป็นสิบเท่า ผมก็ได้แต่บอกว่า
อย่าซีเรียส ไม่ใช่แต่เรา ผมเห็นทุกธุรกิจแย่เหมือนกัน ปลดคนงานเหมือนกัน ไม่มีใครดีกว่าใคร
เขาก็...เหรอ...คนอื่นก็แย่เหมือนกันเหรอ...ค่อยยังชั่ว...นึกว่าเราแย่คนเดียว....
จะออกแนวนี้แหละครับ คนเรานี่ก็แปลก ถ้ารู้ว่าคนอื่นก็ตกต่ำ มีเคราะห์กรรม เหมือนเราก็จะสบายใจขึ้น

นานๆ เข้าผมก็ซึมซับรับความเครียดไปกับพวกเขาด้วย
ผู้จัดการนั่งทำหน้าตูมทั้งวัน อารมณ์บูดเพราะถูกนายใหญ่กว่าไล่บี้อีกต่อ
ไอ้นายที่ใหญ่กว่า ก็โดนนายที่ใหญ่ขึ้นไปอีกไล่บี้เหมือนกัน....
เพื่อนเซลส์ วันๆ ก็นั่งจับกลุ่มปรึกษากัน...ปีชง...ดวงไม่ดี....ไม่มีลูกค้า
ผมฟังไอ้พวกนี้มากๆ ทุกวันๆ ก็จิตตกเหมือนกัน
สุดท้าย เซซังไปหา คุณลุง สำเนียง หมอดูในดวงใจของผม
ท่านที่ไม่รู้จัก ต้องไปอ่าน...กรรมทันตา หมอดู.ต่อ...

ปีนั้นลูกค้าของคุณลุงเยอะมาก ท่านเสียงแหบ เสียงแห้งทุกวัน
ผมมักจะรอตอนปลอดคนจริงๆ อยากคุยยาวๆ
ปรึกษาท่านเรื่อง ขายไม่ได้ สงสัย ดวงปีนี้จะเป็นปีชง....
ท่านก็จะดูดวง แล้วปลอบใจ....ไอ้ที่มากันเยอะๆ น่ะ วิตกจริตทั้งนั้น
ดูแล้วไม่ได้มีเคราะห์มีโศก แต่ตกใจหลอกตัวเองกัน

ท่านมักจะเมตตาสั่งสอนผมเรื่องชีวิตมากกว่าคนอื่น ที่ดูดวงอย่างเดียว
ท่านบอก......ดวงชะตา เป็นองค์ประกอบภายนอก จิตใจเป็นองค์ประกอบภายใน
มีสัดส่วน 60 : 40 , 50 : 50 หรือ 40 : 60 ก็แล้วแต่เรา
ผมก็ถามว่ามันเป็นยังไง ไม่ใช่เราถูกกำหนดชะตาชีวิต ถูกขีดเส้นมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ
ท่านบอก เอางี้...สมมุติว่า ดวงบอกว่าจะมีเกณฑ์เดินทาง ไปเชียงใหม่
ชาติก่อนทำบุญเยอะ ชาตินี้เสวยบุญทำให้มีเงินซื้อรถขับไป
ถ้าชาติก่อนทำบุญน้อย ชาตินี้ก็มีแค่มีเงินซื้อตั๋วรถทัวร์ปรับอากาศ
หรือไม่ค่อยมีบุญ ชาตินี้ก็นั่ง บ.ข.ส.พัดลมไป
อันนี้เป็นเรื่องดวง เป็นปัจจัยภายนอก

ส่วนปัจจัยภายใน คือจิตใจของเรา จิตใจดีทำแต่เรื่องบุญกุศล มีแต่ความสุข
ไม่ว่าจะต้องไปด้วยวิธีไหน ก็มีความสุขตลอดทาง
แต่ถ้าจิตใจเราสกปรก ขี้โกรธ ขี้โมโห โลภไม่สิ้นสุด
ตลอดการเดินทางก็ไม่มีความสุข ถึงแม้จะมีเงินซื้อรถขับไปก็เหอะ ต่อให้รถเบนซ์ด้วย

แล้วสัดส่วนทำไมไม่เท่ากันละครับ...
คุณลุงท่านบอก...มันแล้วแต่เราไงล่ะ ว่าเราเอามันเป็นปัจจัยหลักแค่ไหน บางคนว่าดวงสำคัญกว่า ก็ 60 : 40
ถ้าเห็นว่า เก่งกับเฮงเท่ากัน ก็ 50 : 50
แต่บางคนฝืนสู้ชะตาชีวิต ก็ 40 : 60 , 30 : 70 แล้วแต่ว่าเขาคนนั้นเอาอะไรเป็นหลัก
สรุปว่า ดวงชะตา คือผลของกรรมเก่า...เป็นเรื่องของเมื่อวาน มีผลถึงวันนี้...เท่านั้น
แต่ กรรมใหม่...เป็นชะตากรรมที่เรากระทำ ตั้งแต่วันนี้ ส่งผลไปถึงวันพรุ่งนี้
ผมฟังแล้ว...คล้ายๆ จะเข้าใจ เลยเปลี่ยนเรื่อง

แล้วเรื่อง...ปีชง...ละครับ ถ้าปีเกิดเรา ชงกับปีนี้ก็แย่ใช่มั๊ย
ท่านเมตตาอธิบายว่า
คนส่วนใหญ่...เกือบทั้งหมด เข้าใจผิด
...ชง...แปลว่า...แรง...แปลว่า...กระแทก
หมายความว่า ถ้าปีเกิดของเรา ชงกับปีนี้ มันมีผลอย่างแรง อย่างหนัก กว่าปรกติ
ประมาณว่า....แอ๊คชั่น ไม่เท่ากับ รีแอ๊คชั่น......แต่ รีแอ๊คชั่นจะแรงกว่า แอ๊คชั่น......ผมสรุปเอาเองน่ะครับ

ท่านอธิบายต่อว่า
ในปีที่ชงกัน เช่น ปีชวด ชงกับ ปีชวดด้วยกัน และปีม้า.....
หมายความว่า ในปีชวด หรือปีม้า คนที่เกิด ปีชวด ทำกรรมชั่ว ก็จะได้รับกรรมชั่ว เป็นสามเท่า....
แต่ถ้าทำกรรมดี ในปีชวด หรือปีม้า ผลกรรมความดี จะได้ดับเบิ้ล สามเด้ง เลย
ผมฟังสองเรื่องแล้ว มึนตึ๊บ....ต้องนั่งไล่เรียงกันตั้งนาน

คนเกิด ปี ชวด ชงกับ ปี ชวด , มะเมีย มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี เถาะ , ระกา มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี ฉลู ชงกับ ปี ฉลู , มะแม มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี มะโรง , จอ มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี ขาล ชงกับ ปี ขาล , วอก มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี มะเส็ง , กุล มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี เถาะ ชงกับ ปี เถาะ , ระกา มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี มะเมีย , ชวด มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี มะโรงชงกับปี มะโรง , จอ มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี มะแม , ฉลู มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี มะเส็งชงกับ ปี มะเส็ง , กุล มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี วอก , ขาล มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี มะเมียชงกับปี มะเมีย , ชวด มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี ระกา , เถาะ มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี มะแม ชงกับ ปี มะแม , ฉลู มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี จอ , มะโรง มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี วอก ชงกับ ปี วอก , ขาล มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี กุล , มะเส็ง มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี ระกา ชงกับ ปี ระกา , เถาะ มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี ชวด , มะเมีย มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี จอ ชงกับ ปี จอ , มะโรง มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี ฉลู , มะแม มีผล 2 เท่า

คนเกิด ปี กุล ชงกับ ปี กุล , มะเส็ง มีผล 3 เท่า
ชงกับ ปี ขาล , วอก มีผล 2 เท่า

ผมเขียนเองก็งง....เอายังงี้
เราเอาหน้าปัดนาฬิกามาตั้ง
เอาปี ชวด ตั้งไว้ ที่เลข 12.....แล้วไล่ไป
ฉลู เลข 1......
ขาล เลข 2......ไล่ไปจนครบ
กุล จะอยู่ เลข 11.......โอเค๊..

ปีที่ชงกัน คือเลข 12 ชงกับ เลข 12 , 6 มีผลสาม เท่า....
แต่ เลข 3 , 9 มีผลสองเท่า.
สรุป ในรอบ 12 ปี เราจะชง 4 ครั้ง / ปี
หลายปีต่อมา ผมฟัง อาจารย์ วิศิษฐ์ เตชะเกษม ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหมอฮวงจุ้ย อันดับหนึ่งของไทย
ก็พูดไว้ เหมือนกับเลย

ผมเชื่อคุณลุงท่านนี้อย่างสุดหัวใจอยู่แล้ว พอฟังก็เกิดความคิดว่า
งั้นทุกปีที่เราชง ก็ต้องรีบสวดมนต์ ถือศีล ทำความดีเพิ่มขึ้นอีก เราจะได้บุญเป็นสอง-สามเด้ง เลย.....งกอ่ะ
กลับไปผมเลยลุยแหลก.....และผลก็ออกมาอย่างเกินคาดฝันเหมือนกัน
วันนี้หมดเวลาแล้ว คราวหน้ามาเล่าต่อแล้วกัน
หรือ...เบื่อก็บอกนะ ครับ

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 53 16:30:45




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:24:58 น.
Counter : 1808 Pageviews.  

กรรมทันตา โธ่...ท่านเทวดา

โธ่...ท่านเทวดา

โปรดใช้วิจารณญาน ในการรับฟัง
เป็นความเห็นส่วนตัว ของข้าพเจ้าแต่ผู้เดียว

ความรู้สึกที่ว่า คนเราเมื่อทำความดี แล้วจะมีเทวดาอารักษ์ ช่วยปกปักษ์รักษา
คุ้มครอง ช่วยเหลือ นั้น ก็ดีเหมือนกัน
ทำให้เรามีกำลังใจ อุ่นใจ และแน่วแน่ ในการทำความดี ต่อไปเรื่อยๆ
นอกจากนั้น ยังทำให้เราไม่กล้าประมาท ไม่กล้าทำชั่ว
ด้วยความกลัวสายตาที่จับจ้องมองเราอยู่
แต่ บางทีหากเรา เอาแต่ขอความช่วยเหลือจากเทวดา พร่ำเพื่อ ไม่เป็นสาระ
หรือเรื่องไม่เข้าเรื่อง ท่านอาจจะโมโหเอาก็ได้นะครับ

เกือบปลายปี พ.ศ. 2551 สมัยรัฐบาล สมัคร เป็นนายกฯ แต่ปลายๆ มากแล้ว.....
ผมเห็นโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะมีการตักบาตรพระ 100 รูป
ที่ลานพระบรมรูป รัชกาลที่ 1 สะพานพุทธฯ
บ้านผมอยู่สี่แยกบ้านแขก ใกล้กันมาก เลยสนใจชวนกันไปทั้งบ้าน

เช้าตรู่วันนั้น ครอบครัวผม 4 คน พ่อ แม่ ลูกสาว 2 คน
หอบของที่เตรียมไว้เยอะแยะ ขึ้นรถตุ๊ก.ตุ๊ก.ไป
เมื่อถึงที่หมาย.........โอ้แม่เจ้า....คนมาจากไหนก็ไม่รู้
มากมายก่ายกอง มองไปมีแต่ คน...ค๊น...คน ยุบยับไปหมด
อู๊ย..ย..ย บรรยากาศแสนวุ่นวายหลายเด้อ...
คนจัดงานคงเก็งผิด ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้

ผมกับครอบครัว ยืนหอบของพะรุงพะรัง ยังงงจะเข้าไปยังไง
ที่ยืน ที่เดิน แทบจะไม่มี เขามากันก่อน แล้วจองที่กันหมด
เว้นไว้แต่ตรงที่ให้พระท่านเดิน เท่านั้น
เราเข้าไปไม่ได้เลย....อะไรกันเนี่ยะ…

แว่บนึง...ผมก็นึกขอให้เทวดาช่วย
...ผมกับครอบครัว ตั้งใจมาตักบาตรเอาบุญ เอากุศล
ขอได้โปรดให้มีที่ใส่บาตรที่ดี ๆ มุมดี ๆ ด้วยเทิด....

ตอนนั้น ไม่ใช่แต่ครอบครัวผมเท่านั้น ที่เข้าไม่ได้ คนอีกมากมายเตรียมของมาแล้วก็เข้าไม่ได้เหมือนกัน
ภรรยาผมช่วยกันชะเง้อ ชะแง้ หาทางเบียดเสียดเข้าไป
ลูกๆ ก็แบกของกันหนักแอ๊ก วางก็ไม่ได้...มันไม่มีที่วาง
จู่ ๆ ...ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง ใส่ชุดขาวๆ....ซึ่งคนที่มากมายก่ายกอง ทุกคนก็ใส่สีขาวๆ ทั้งนั้น
แต่ เขา แต่งตัวเรียบร้อยมาก ถ้าจำไม่ผิด เสื้อที่ใส่ประมาณ ชุดพระราชทาน แต่ตัดเย็บดีมาก....ความรู้สึกมันบอก
เขา คนนั้น ทำท่าพยักหน้า อาการว่าให้หอบของตามมาทางนี้
....คงจะเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่น่ะ....ผมคิดในใจ
เราทั้งครอบครัว ก็หอบสมบัติเดินตาม เขา คนนั้นไป
พาเดินไปซะไกลเลย...แต่เดินตามได้สบายมาก
คนหลีกให้อย่างนิ่มนวล ไม่ใช่ออกแรงแหวก ทั้งๆ ที่คนแน่นมาก
ไอ้ผม ก็ไม่ได้ทันคิด หรือสังเกตุอะไร...ก็ของมันเยอะ พะรุงพะรัง กลัวหล่น

เขา คนนั้น...ก็พาไปถึงที่ว่างที่หนึ่ง....ซึ่งไม่น่าจะมี
เป็นโต๊ะที่มีการจองไว้ มีป้ายชื่อด้วย แต่มันหันออก ผมก็ไม่ทันได้สนใจ
ผมใช้เนื้อที่ข้างโต๊ะนั้น มันเป็นตั่งเตี้ยๆ
พวกผม หันไปขอบคุณ แล้วสาระวนอยู่กับการวางของ เรียงของ

รอบๆ ตัวเราก็มีคนอยู่เยอะมาก แน่นเอี๊ยด....แต่ห่างเราไปหน่อย
คนที่ว่าเยอะแยะนั้น ถึงแม้จะเบียดเสียดแต่ก็เป็นระเบียบเพราะมีตั่ง
มีป้ายกำกับ ยกเว้นของครอบครัวผม....ประมาณว่า เป็นส่วนแอเรียที่กันไว้ เป็นแถวพิเศษ

ลูกสาวของผม เป็นคนผิดสังเกตุขึ้นก่อน...
เอ๊...แถวนี้มันเป็นส่วนที่เจ้าหน้าที่เขาจัดไว้ มีป้ายกำกับชัดเจน และเป็นบริเวณจุดที่ดีมาก ถึงมากที่สุด
พอจัดของเข้าที่แล้ว ก็นั่งพัก...นั่งกับพื้น....มีเสื่อให้ด้วยนะ...
มองไปรอบๆ ดูคนอื่นเขายังวุ่นวายกัน มีทหารเรือมาคอยรักษาการณ์
ดูป้ายกำกับตั่งอื่นๆ .....อู้..ฮู....ตำแหน่งใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย
ครอบครัวผู้ช่วย รมต. ครอบครัวท่าน ส.ส. ครอบครัวนักการเมือง
ครอบครัวคนใหญ่ ครอบครัวคนโต ครอบครัวคนไฮโซ ฯลฯ
ป้ายที่พิมพ์ไว้ แต่ละชื่อ แต่ละนามสกุล น่าเกรงขาม น่าสนใจทั้งนั้น
ภรรยาผม กับลูก ชี้ชวนกันดู ชี้ชวนกันอธิบาย ถึงชื่อ นามสกุล พวกนั้น
แต่ไม่ได้ดูอยู่ป้ายเดียว.....คือป้ายบนโต๊ะข้างๆ ตัวนี่เอง
....บอกแล้ว มันหันออก

จนใกล้เวลาที่กำหนด เริ่มมีเจ้าของตามป้าย ทะยอยเข้าประจำที่
มีทหารเรือ แบกของมาส่งให้อย่างดี....มีแต่คนที่เราเคยเห็นในทีวีทั้ง..น้าน...
นักการเมือง ที่เราเห็นชอบยืนประดับอยู่หลัง รัฐมนตรี...นายกฯ…มากันเยอะ
ที่มันแย่กว่านั้น....คนที่เราเคยเห็น...ทั้งหลาย หลายคน...ยกมือไหว้ผม กับ ภรรยา
แรกๆ ผม กับภรรยา ก็งง แต่ก็รับไหว้โดยอัตโนมัติ....ไหว้เราทำไมว่ะ
นั่งไปอีกเดี๋ยว...มีคนดัง เดินมาไหว้อีกแล้ว....
เราก็ต้องรับไหว้...แต่นึก มันไหว้เราทำไมว่ะ...สงสัยหาเสียง..ภรรยากระซิบ
ก็เลยไม่สงสัยอะไร คิดแต่ว่า นักการเมืองก็ยังงี้ มือไม้อ่อนตอนอยากได้คะแนน
สรุป ตลอดเวลาเกือบชั่วโมง มีคนนั้น คนนี้ เดินมาไหว้ ผ่านก็ไหว้ อยู่ห่างๆ ก็ไหว้.....เออ มันอยากได้คะแนนกันจัง สงสัยพวกทีมงาน

สักพัก....เสียงเอะอะ...เสียง วอ. วิทยุสื่อสาร วุ่นวาย คนขยับตัวหลีกกันเป็นทาง.......อู๊ย..ย...ตายแล้ว
คนที่มายืนข้าง ผมและครอบครัว ห่างไปแค่สิบคืบ ก็คือ
คุณ.สมชาย ..... รัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ตัวประธานในงานนี้....และต่อมาอีกไม่กี่วัน...ไม่กี่วัน จริงๆ
ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจากคุณ สมัคร

เขา เอ๊ย..ท่าน มายืนข้าง ๆ...ข้าง ๆ ผม กับครอบครัว แถมยิ้มให้ด้วย...
มีคนยกลำเลียงของใส่บาตรของท่านมากองบนโต๊ะ และข้างๆ เต็มไปหมด
ตอนเอาไอ้ป้ายชื่อออก....เพิ่งเห็น....รัฐมนตรีกระทรวงศึกษา และครอบครัว
คือ ตอนนั้น มีข่าวออกมาแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนตัวนายกแน่นอน...แต่ไม่รู้จะเอาใครมาแทน
พวกนักการเมือง...ไฮโซ...พวกวิ่งเต้น สารพัด รีบมาประจบกันอุตลุต

จากนั้นก็ใส่บาตรกันสนุก คนเยอะ พระตั้ง 100 รูป
พวกนักการเมืองยื่นมือมาช่วยกันเป็นระวิง
ถ้า...คนอื่น ยืนมองดู...ยังไง...ยังไง...ก็ต้องคิดว่า ครอบครัวผม เป็นครอบครัวเดียวกับท่านแน่นอน
....มิน่าล่ะ...ถึงมาไหว้กันใหญ่......นึกว่าหาเสียงซะอีก...ไอ้เราก็ไม่ได้ดูเล๊ย..ย..

พอของที่เตรียมไปหมดก่อน ครอบครัวผมก็หลีกออกมา
ตอนนั้นมันชุลมุนไปหมด คนพยายามรุมล้อมท่าน แต่ติดที่พวกผม
พอออกมาได้ พวกนั้นก็กรูกันเข้าไปช่วยกัน....เอาหน้าสุดๆ....

กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ตอนแหวกคนออกมา
ตกบ่าย ดูข่าวสัมภาษณ์ท่าน ไม่ยักกะเห็นเรา เพราะออกมาก่อน
อีกอย่างกล้องโคลสใกล้เฉพาะตัวท่านเท่านั้น....แหม อดออกทีวีเลย
โดยส่วนตัวนะ.....ดูท่านเป็นคนใจดีนะ...ท่าทางจิตใจดีเชียว
ลูกสาวคนเล็กถาม เป็นไงอยากได้ที่มุมดีๆ

มานั่งนึกดู...เทวดา ท่านคงหมั่นใส้ผมเหมือนกัน
ขอไปเรื่อย เลยให้ซะที่ดี ๆ ดีที่สุด....ดีพอมั๊ยล่ะ.

แต่อานิสงส์ใส่บาตร นี่แรงจริงๆ นะ....

อนณ 093-149-9564
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 18:38:49




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 30 กันยายน 2562 8:24:31 น.
Counter : 1788 Pageviews.  

กรรมทันตา มังสวิรัติ

มังสวิรัติ

ตอนนี้หน้าเจ ภรรยากับลูกๆ ผมก็กินเจด้วยครับ
แต่ผมสู้ไม่ไหว ใจไม่ถึง ขอแค่ มังสวิรัติ หรือ เจเขี่ย ก็แล้วกัน
ผมติดหมู หมูทอด หมูอบ หมูผัดพริก หมูกรอบ หมูแดง ฯลฯ
ไม่มีกับข้าวอะไร ขอแค่มีหมูก็พอ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
เออ...พูดถึง มังสวิรัติ แล้วนึกถึงเรื่องหนึ่ง

ผมมีเพื่อนร่วมงาน รุ่นน้องคนหนึ่ง ชื่อ ณรงค์พล เข็มทรัพย์
ตอนหลังเปลี่ยนชื่อ เป็น ภาดล ขอเรียก พล แล้วกัน ง่ายดี
รู้จักกันตั้งแต่ ผมหัดขายรถ ที่ นิสสัน อ้อมน้อย
ผมเป็นเซลส์ เขาเป็น พนักงานห้องอะหลั่ย
ไอ้เจ้าพล นี่เป็นอะไหล่ ที่เก่งกาจมากที่สุด ที่ผมเคยเห็นมา
เขาจำอะไหล่ นัมเบอร์ เลขโค๊ต รหัส อะไรพวกนี้ได้แม่นมาก
ถือว่าเก่งเป็นตัวต้นๆ ของนิสสันเลย

แต่มีนิสัยเสีย ชอบเฮฮาตามประสาสายงานช่าง
ออกจะมากไปหน่อย ก็เรื่องตั้งวงกินเหล้า...ดูท่าทางจะชอบมาก

ต่อมาเราทั้งคู่ ถูกชวนไปอยู่บริษัทแม่ คือ สยามกลการเซลส์ สาขา พระประแดงเหมือนกัน เลยยิ่งสนิทกันมากขึ้นอีก
เขาได้เลื่อนขึ้นเป็น หัวหน้าแผนกอะไหล่
แต่ก็ยังชอบเฮฮา ตั้งวงเหล้า เหมือนเดิม

จนวันหนึ่งเกิดเรื่อง งานก็หนักพอแรงแล้ว ยังเฮฮาอีก
เพลียจัด ขับรถหลับในชนคน...ตายหนึ่ง...พิการหนึ่ง
อีที่นี้ จ๋อยไปเลย สุดท้ายเสียเงินไปทั้งหมดกว่า ห้าแสน บาท
เดิมก็มีหนี้สินอยู่แล้ว ร่วมแสน เบ็ดเสร็จเท่ากับ หกแสน .
เงินที่เสียไปนี้ วิ่งเต้นหยิบยืมมาทั้งนั้น ไม่ได้มีเงินเก็บสะสม
โดยเฉพาะ พ่อกับแม่ เป็นคนไปหายืมมาให้
ทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวอย่างแรง มีปากเสียงกับเมีย เป็นประจำ
สุดท้าย เมียอำลา เลิกกันไป

ปัญหาทางการเงิน ก็เรื่องใหญ่
แต่ปัญหาทางใจ ใหญ่กว่า เพราะเขารู้สึกเสียใจ ต่อการกระทำของตนเอง
รู้สึกเป็นบาปเป็นกรรม ที่ฆ่าคนตาย และทำให้อีกคนพิการ
สิ่งนี้ได้กัดกร่อนหัวใจมากที่สุด ยิ่งมานอนคิดดู ก็เป็นเพราะเรื่องเหล้า เรื่องสังคมเพื่อนฝูงนี่แหละ

เมื่อทุกข์มากๆ เข้าก็เห็นธรรม เริ่มหาทางแก้ทุกข์
พยายามไปทำบุญ ทำทาน สะเดาะห์เคราะห์
สุดท้ายเริ่มศึกษาธรรมะ ต่อมาก็คิดวิธีชดเชยกรรมที่ก่อขึ้น
โดยการเริ่ม สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกวัน
ทำได้ไม่นาน ก็อยากได้บุญมากกว่านี้ ลงทุน กินมังสวิรัติ แบบย่อ
คือไม่กินเนื้อสัตว์ ใน วันพระ เพราะเขาเชื่อตามแม่ ว่าวันพระ คือวันที่กุศลแรงที่สุด
เพราะวันพระ เป็นวันที่ สามโลก คือ นรก สวรรค์ และมนุษย์ เปิดถึงกัน
เจ้ากรรมนายเวร จะสามารถมารับส่วนบุญได้โดยตรง
ส่วนวันธรรมดา ทุกวันก็ยิ่งเคร่งครัดในศีลห้า อย่างเข้มข้น

การเริ่มทำบุญกุศล อย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องง่าย มีอุปสรรคมากมายเลย
เช่น อย่างแรก เพื่อนฝูงยังมาชวนตั้งวงอยู่เสมอ เมื่อปฏิเสธไปก็กลายเป็นที่ไม่พอใจของเพื่อน
อย่างที่สอง ในที่ทำงาน หรือใกล้เคียง หาอาหารมังสวิรัติยากมาก
อย่างที่สาม หนักหน่อย คือต้องไปกินข้าวกับเจ้านาย หรือฝ่ายตรวจสอบเป็นประจำ เหมือนถูกแกล้งเลย

เมื่อพยายามทำอย่างเคร่งครัดไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น ถึงกับถูกล้อ ถูกแซวเป็นประจำ
เรื่องเงิน ก็ต้องผ่อนจ่าย ดอกเบี้ยก็บานโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย
ที่ทุกข์ใจที่สุด ก็เพราะเห็น พ่อ แม่ เป็นทุกข์
สวดมนต์ ไหว้พระ ทุกครั้งก็ขอให้พ้นทุกข์ทางใจ ทางการเงินเสียที...เจ้าประคู๊น..น....จะไม่ไหวอยู่แล้ว..ว...ว....

เหมือนสวรรค์ช่วย.....
ณรงค์พล ได้เลื่อนตำแหน่งไปสองเด้ง
ได้เป็น..ผู้จัดการศูนย์ซ่อมตัวถัง
โดยไม่คาดฝัน และเป็นไปได้ยาก เนื่องจาก เขาจบแค่ ปวช.เท่านั้นเอง
แต่มีตัวเต็งมากกว่าเขา ทั้ง ปริญโท บริหาร และ ปริญญาตรี วิศวกรรมบัณฑิต ไม่รวมอื่นๆ อีกหลายคน

เหตุผลที่ผู้ใหญ่ คือ คุณประชาชาติ เอกบุตร M.D.
อธิบายในที่ประชุม คือ
...ปริญญาโท หรือ วิศวกรรมบัณฑิต หาที่ไหนก็ได้ เยอะแยะไป
แต่คนที่เคร่งครัดในศีลห้า...หาไม่ง่ายเลย....ฟันธง !

การเลื่อนตำแหน่งอย่างก้าวกระโดด ทำให้ได้ปรับเงินเดือนแบบกระโดด เหมือนกัน
ทำให้เขา มีพลังใจ และกำลังในการผ่อนส่งเพิ่มขึ้น
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างนี้อีก 8 ปี ได้ย้ายไปที่สาขา หนองแขม
เงินกู้ที่มีอยู่ มันยังไม่ลดลงเท่าไหร่ เอาก้อนนั้นไปโปะก้อนนี้ เอาก้อนนี้ไปจ่ายก้อนโน้น ชุลมุนพันวัลตลอดเวลา
แต่...เขายังเคร่งครัด เรื่องศีลห้า และมังสวิรัติ ในวันพระอยู่ตลอด...

จนในที่สุด วันนั้นก็มาถึง วันที่หนี้สินเติบโต รวดเร็วยิ่งกว่าแชร์ลูกโช่
มันถึงทางตันแล้ว บัตรเครดิตกี่ใบต่อกี่ใบ เต็มหมด รูดจนบัตรถลอกปอกเปิก
ความเครียด ความกลัดกลุ้ม ที่สะสมมาตลอด มันถึงจุดสุดท้ายแล้ว
ณรงค์พล ตัดสินใจจะเดินหนีจากทุกอย่าง อยากหนีไปบวชไกลๆ ไม่อยากรับรู้เรื่องทางโลกอีกต่อไปแล้ว
โดยไม่บอกใครเลย เขาเคลียร์งานทุกอย่างไม่ให้เป็นภาระคนอื่น
ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปต่างจังหวัด โดยไม่ร่ำลาใครเลย...นอกจาก
เขานึกขอบคุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่ทำงาน เทวดาฟ้าดิน
ที่ช่วยดูแลรักษาตัวเขา ให้รอดปลอดภัย ให้เติบโตในสายงาน
แต่เขาคงจะหมดบุญกับที่แห่งนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ยังรักงานในอาชีพนี้มาก

กว่าจะเคลียร์งานทุกอย่างหมดสิ้น ก็มืดค่ำ ไม่เหลือใครอยู่แล้ว นอกจาก รปภ.
เขาเดินออกจากส่วนออฟฟิซ มาที่กลางลาน ยืนมองสถานที่ทำงาน....แล้วนึกอธิษฐาน
....ด้วยบุญกุศลที่ลูกได้ทำสะสมมา ถึงแม้จะไม่มาก ไม่นาน แต่ก็ตั้งใจสร้างบุญด้วยใจจริง
....หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาฟ้าดิน รับรู้ ขอให้มีโอกาส ได้สร้างบุญกุศลต่อไปด้วยเถิด
....หากรอดวิกฤตไปได้ จะเลิกกินเนื้อสัตว์ทุกวันตลอด 6 เดือน และรักษาศีลห้าให้เข้มแข็งตลอดชีวิต....

เมื่อกลับบ้านไป ก็เตรียมตัว เตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋า....แต่ยังไม่กล้าบอก พ่อ แม่
รุ่งขึ้นเป็นวันหยุดอยู่แล้ว หาโอกาสลา แต่ยังไม่ได้จังหวะ
แต่ใครจะไปนึก
วันนั้น....เขาถูกล๊อตเตอรี่ 200,000 บาท....โดยไม่คาดฝัน
เงินก้อนนี้ มันยิ่งกว่าน้ำทิพย์ ยิ่งกว่ายาวิเศษ
ช่วยให้หนี้สินที่รัดคอเขาแน่นผ่อนคลายไป มันช่วยต่อลมหายใจให้อีกอึดหนึ่ง
แต่ที่สำคัญที่สุด ยิ่งกว่าสิ่งใด คือ ทำให้ ณรงค์พล แน่ใจว่า
บุญกุศลที่พยายามอดทน อดกลั้น รักษาศีลห้า งดเนื้อสัตว์ในวันพระมาตลอด นั้น มีจริง แท้แน่นอน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา ฟ้าดิน ที่เขานับถืออยู่ในใจ ก็มีจริง ได้คอยดูแลรักษาเขาจริงๆ ...

จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจ งดเนื้อสัตว์ ตลอด 6 เดือน
แต่เหมือนถูกทดสอบ ลองใจหลายครั้ง ต้องอดทนอดกลั้นต่อคำพูดเสียดสีของคนในสายงาน
ที่แรงที่สุด คือ รางวัลผลงานเข้าเป้า ได้ไปเที่ยว ฮ่องกง
ทัวร์ที่ไป ก็ในสายงานเดียวกัน และใกล้เคียง รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย
อาหารที่จัดให้ มีแต่เนื้อสัตว์ การหาของเจยากมาก ต้องใช้ความอดทน พยายาม อย่างที่สุด
แถมยังเป็นตัวประหลาด ตัวปัญหา แปลกแยก ในสังคมของสายงานอีกด้วย
แต่ก็รอดมาจนได้....
ทุกวันนี้ ยังอยู่ที่ นิสสัน หนองแขม
เขายังก้มหน้าก้มตาทำงานใช้หนี้ ที่ยังเหลืออีกประมาณ 300,000 บาท
สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ เขาขวนขวายศึกษา ธรรมะ มากขึ้น จนสนใจในการปฏิบัติฯ พยายามหาครูบาอาจารย์ตลอดเวลา

เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป…
ต้องมีสักวัน...ต้องมีสักวัน...ที่หนี้มันดับไป
สู้นะโว้ย...สู้ต่อไป...

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 20:06:40




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:20:48 น.
Counter : 1535 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.