Group Blog
All Blog
<<< “ความอยากเป็นปัญหา ถ้าดับความอยากได้แล้วสบาย” >>>










“ความอยากเป็นปัญหา

ถ้าดับความอยากได้แล้วสบาย”

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราปฏิบัติแล้ว

เจริญก้าวหน้าไปแค่ไหนเจ้าคะ

พระอาจารย์ : ก็ถ้ามันไม่อยากมันก็ก้าวหน้า

 ถ้ามันยังอยากอยู่มันก็ไม่ก้าวหน้า

 เช่นถ้ามีแฟนยังอยากนอนกับแฟนอยู่

มันก็ไม่ก้าวหน้า ถ้าปฏิบัติไปแล้ว

ไม่อยากจะนอนกับแฟนก็ถือว่าก้าวหน้า

ถ้าเคยอยากรวยแล้วเดี๋ยวนี้ไม่อยากรวย

ก็เรียกว่าก้าวหน้า ถ้าตอนนี้ไม่อยากเที่ยว

แล้วก็ก้าวหน้า ถ้าอยากจะซื้อของฟุ่มเฟือย

ซื้อเสื้อผ้า เดี๋ยวนี้ไม่อยากจะซื้อแล้ว

ก็เรียกว่าก้าวหน้า คือตัดความอยาก

ในลาภยศ สรรเสริญ

ในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

 ให้ดูตรงนี้ถ้าตัดได้ต่อไปก็นุ่งขาวห่มขาวได้

อยู่วัดได้ พวกที่เขาบวชกันนี้

เขาก็ตัดไปกันได้เยอะแล้ว

 แต่ยังตัดเพียงแต่ส่วนนอก

คือตัดรูปเสียงกลิ่นรส ตัดลาภยศ สรรเสริญ

 แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัดร่างกายได้หรือเปล่า

ตัดความแก่ ตัดความเจ็บ

 ตัดความตายได้หรือเปล่า

 ต้องตัดเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านร่างกายไปแล้ว

ก็ยังมีเรื่องกามารมณ์อีก ถึงแม้ว่าจะถือศีล ๘ ได้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กามารมณ์มันจะตายไป

กามารมณ์มันก็ยังมีอยู่เพียงแต่ว่า

 เราใช้ศีลเป็นตัวคอยคุมมันไว้

มันเหมือนตัวคุมกำเนิด ถ้าอยากจะให้มันตายจริงๆ

ก็ต้องปฏิบัติเข้าไปถึงรากของมัน

รากของมันก็คือความชอบของสวยของงาม

 ต้องเอาของไม่สวยไม่งามมาให้มันดูบ่อยๆ

เอามาป้อนให้มันกินบ่อยๆ

 พอมันเห็นของไม่สวยไม่งามบ่อยๆ

 เช่นเห็นซากศพเห็นคนตาย

แทนที่จะเห็นคนเป็นทุกครั้งที่เห็นคนเป็น

ก็นึกถึงเวลาที่เขาตาย

 หรือเวลาเห็นข้างนอกสวย

ก็ดูข้างในสวยไหม

ดูแต่ข้างหน้าหัดดูข้างหลังบ้าง

 ดูส่วนที่ไม่สวยไม่งามบ้างแล้ว

ต่อไปมันก็จะดับกามารมณ์ได้อย่างถาวร

จะไม่มีกามารมณ์เกิดขึ้น

 แล้วจะรักษาศีลไม่รักษาศีลก็ไม่เป็นปัญหา

 เพราะว่ามันจะไม่มีเหตุที่จะไปทำผิดศีล

ศีลนี้เป็นเพียงแต่เหมือนรั้ว เหมือนกับคุก

ที่ไว้ขังนักโทษ แต่ถ้านักโทษไม่อยากจะแหกคุก

และไม่อยาก จะออกจากคุกแล้ว

ชอบอยู่ในคุกแล้วก็ไม่ต้องมีคุกก็ได้

จิตเราก็เหมือนกัน ตอนนี้จิตของพวกเรา

ชอบแหกคุกกัน แหกกรงกัน ชอบทำบาปกัน

แต่ถ้ามันไม่อยากจะได้อะไรแล้ว

ต่อไปมันก็จะไม่อยากจะทำบาปเอง

พอไม่อยากจะทำบาปก็เอาศีลออกไปได้

เอารั้วออกไปได้ คุกไม่ต้องมีกำแพงก็ได้

เพราะนักโทษมันเชื่องแล้ว

 นักโทษมันเห็นโทษของการทำบาป

 เห็นโทษของความอยากแล้ว

 พอมันไม่อยากแล้วมันก็ไม่ต้องไปทำบาป

ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น

 ดังนั้นความอยากตัวนี้เป็นปัญหา

ถ้าดับความอยากได้แล้วสบาย

 ถ้าไม่มีความอยากก็จะมีแต่ความพอ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

....................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๗

“หัวใจของพระพุทธศาสนา”







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 30 กรกฎาคม 2560
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 17:42:51 น.
Counter : 642 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ