ถือว่าเราถึงวัดแล้ว
ถาม : หนูมีเรื่องทุกข์ใจมากๆ
คือหนูคนเดียวต้องหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน
ที่เขาทำงานไม่ได้ถึงสี่คน บางทีหนูเหนื่อยมากๆ ค่ะ
หนูอยากจะไปวัดหนูยังหาเวลาไม่ได้เลย
หนูมีกรรมมากเลยใช่ไหมคะ
พระอาจารย์ : อ๋อไม่มีหรอก
ความจริงหนูก็ได้ทำบุญแล้วนี่
เลี้ยงคนสี่คนนี่ก็ได้ทำบุญเลี้ยงพระสี่รูปแล้ว
เลี้ยงพระอรหันต์ในบ้านก่อน
แล้วค่อยไปเลี้ยงพระอรหันต์นอกบ้าน
ในบ้าน เราก็มีพระอรหันต์ตั้งสองรูป คือพ่อแม่เรา
ฉะนั้นการอยู่เลี้ยงดูคนอื่นนี้ก็เป็นการทำบุญไปในตัวด้วย
แล้วที่หนูทรมานเพราะหนูอยากจะทิ้งเขาไป
อยากจะไปทำบุญที่วัดแทน ฉะนั้นทำที่บ้านนั่นแหละ
ถ้าหนูเข้าใจว่าหนูกำลังทำบุญหนูก็จะมีความสุข
หนูกำลังเสียสละแบ่งปันประโยชน์สุขของหนู
ให้แก่ผู้ที่เขาเดือดร้อน เขาช่วยตัวเขาเองไม่ได้
ฉะนั้นอย่าไปอยาก อย่าไปอยากจะทำ
ในสิ่งที่เรายังทำไม่ได้ ให้เราทำในสิ่งที่เรากำลังทำได้
ทำบุญกับบุคคลที่เราอยู่ใกล้ตัวไปก่อน
แล้วเราก็จะมีความสุข
แล้วเราเวลามีเวลาว่างเราก็นั่งสมาธิได้
เดี๋ยวนี้เขามีถ่ายทอดสด
นี่ก็ตอนนี้ก็เหมือนมาถึงวัดแล้วนี่ ใช่ไหม
พอเปิดขึ้นมาถ่ายทอดสดก็ถึงวัดแล้ว
วัดมันไม่ได้อยู่ที่สถานที่หรอก มันอยู่ที่ใจเรา
ถึงหรือเปล่า ตอนนี้ใจเรามาถึงวัดแล้ว
เราได้ยินได้ฟังธรรม ได้สนทนาธรรม
ได้ถามตอบปัญหากัน ดีกว่าบางทีไปที่วัดแล้ว
ไม่มีพระให้เจอเสียด้วยซ้ำไป
ไปก็ไปกราบพระพุทธรูปเฉยๆ
มีปัญหาถามพระพุทธเจ้าท่านก็ตอบเราไม่ได้
ฉะนั้นขอให้เราเข้าใจหลักธรรมว่ามันไม่ได้อยู่ที่สถานที่
มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่การปฏิบัติของเรา
อยู่ที่ไหนเราทำทานก็ถือว่าเราไปถึงวัดแล้ว
อยู่ที่ไหนเรารักษาศีลก็ถือว่าเราถึงวัดแล้ว
อยู่ที่ไหนเราทำใจให้สงบได้เราก็ถึงวัดแล้ว
อยู่ที่ไหนเราฟังธรรมได้ก็ถือว่าถึงวัดแล้ว.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ