"ทุกข์ทางใจกับทุกข์ทางกาย
เป็นคนละเรื่องกัน"
ถาม : พระโสดาบันตัดกามตัณหาได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์
พระสกิทาคามี ๕๐ เปอร์เซ็นต์
พระอนาคามี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของภวตัณหาและวิภวตัณหาเล่าครับ
พระอาจารย์ : อันนี้เป็นความอยาก
ในความสุขทางความสงบ อยากในรูปฌาน
อยากในอรูปฌาน ก็เรียกเป็นวิภวตัณหา
ถาม : ทุกขเวทนาทางกาย
ถือเป็นทุกข์ในอริยสัจหรือไม่ครับ
หรือแค่ทุกขเวทนาทางใจครับ
พระอาจารย์ : อ๋อ ทุกขเวทนาทางร่างกายนี้
เป็นเวทนา ไม่ได้เป็นอริยสัจ ไม่ได้เป็นทุกข์ในอริยสัจ
เพราะไม่ได้เกิดจากความอยาก
ทุกข์ในอริยสัจนี้ เกิดจากความอยาก
เช่นร่างกายสุขสบาย แต่พอได้ยินข่าวไม่ดี
ก็เกิดความทุกข์ใจขึ้นมา
เพราะว่าใจไม่อยากจะรับข่าวไม่ดี
พอรับข่าวไม่ดีก็เลยเกิดความทุกข์ขึ้นมา
อยากจะได้รับแต่ข่าวดีๆ
พอได้รับข่าวไม่ดีใจก็ทุกข์ขึ้นมา อันนี้เป็นทุกข์ทางใจ
ทุกข์ที่เกิดจากความอยาก
แต่ทางร่างกายนี้สุขสบายดี
ร่างกายไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เจ็บตรงนั้นไม่ปวดตรงนี้
ก็ถือว่าไม่มีทุกขเวทนาทางกายในตอนนั้น
ฉะนั้นทุกข์ทางงใจกับทุกข์ทางกายนี้เป็นคนละเรื่องกัน
เพราะใจกับร่างกายนี้เป็นคนละคนกันนั่นเอง
คนหนึ่งเจ็บ อีกคนหนึ่งไม่เจ็บ เช่นเป็นฝาแฝด
แฝดพี่แฝดน้อง แฝดน้องไม่เจ็บ
แต่แฝดพี่เจ็บอย่างนี้ ไม่เกี่ยวกัน.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
............................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ