"เป็นไปตามภูมิธรรม ภูมิจิต
ถาม : การเดินจงกรมให้สติอยู่ที่เท้าหรือลมหายใจ
พระอาจารย์ : แล้วแต่ถนัดไง
แต่ที่เราผ่านมา ปฏิบัติมา
ดูลมมันจะยากมันจะละเอียดมาก
จับลมไม่ค่อยได้ ที่เท้ามันง่ายกว่า
มันชัดกว่ามันเห็นได้ด้วยตา
แต่ถ้าถนัดจับลมก็จับลมได้ จับเท้าก็ได้
พุทโธ ก็ได้ แล้วแต่ความพอใจ
หรือความถนัดในขณะนั้น
อาจจะเท้า หรือ ลมก็ได้ พุทโธก็ได้
เอาที่การพิจารณาอาการ 32
พิจารณาร่างกายเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปก็ได้
เป้าหมายคือการควบคุมความคิด เพ้อเจ้อต่างๆ
ไม่ให้มันเกิดขึ้น ความคิดที่ไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ
คิดไปว่านั่นเป็นของเรา นี่เป็นของเรา
ห่วงบ้าน ห่วงเมือง ห่วงสิ่งของทรัพย์สมบัติ
ห่วงอะไรต่างๆเหล่านี้ อย่าไปคิด
คิดแล้วมันไม่ตรงกับความจริง
ความจริงคือทุกอย่างอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
บ้านก็ไม่ใช่ของเรา เมืองก็ไม่ใช่ของเรา
มันไม่ใช่ มันจะไม่เป็นอย่างนี้ไปตลอด
มันมีเจริญมีเสื่อม กรุงศรีอยูธยา กรุงสุโขทัย
ยังเป็นซากปรักหักพังไปได้
กรุงเทพถึงเวลามันก็กลายเป็นซากปรักหักพัง
ไปสักวันหนึ่ง ถ้าเรามองอย่างนี้
เราก็ใจของเราก็จะได้สงบ
เมื่อเราทำอะไรไม่ได้ เราไปวุ่นวายทำไม
มันเป็นอนัตตา
มันอยู่เหนือความสามารถของพวกเรา
เดินจงกรมก็พิจารณาอย่างนี้ไป
ถ้าพิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เป็น
พิจารณาอาการ 32 ไม่เป็น
พิจารณาอสุภะไม่เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่เป็น
ก็พุทโธ ไปก่อน
หรือเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเท้าไปก่อนก็ได้
เพื่อดึงใจไว้ไม่ให้ไปคิดเรื่องราวต่างๆ
นี่คือเป้าหมายของการเจริญสติ
หรือเจริญปัญญา
ถ้าคิดไปในทางสัมมาทิฏฐิก็คิดว่าเป็นปัญญา
เป็นอสุภะ เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อันนี้เรียกว่าเจริญปัญญา
ถ้าพุทโธ ๆไปดูเท้าไป อันนี้เรียกว่า เจริญสติ
ก็อยู่ที่ภูมิจิตภูมิธรรมของผู้ปฏิบัติ
ว่าจะเจริญธรรมแบบไหน บทไหนได้
ก็เจริญตามบท เจริญตามภูมิของตน
เพราะผู้ปฏิบัติก็เป็นเหมือนนักเรียน
ที่อยู่ชั้นต่างๆกัน บางท่านอยู่อนุบาล
บางท่านอยู่ประถม มัธยม บางท่านก็อุดมศึกษา
จึงไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งที่ตายตัว
สำหรับผู้ปฏิบัติต้องเป็นไป
ตามภูมิธรรม ภูมิจิตของตน.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ 1 ธันวาคม 2556
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ