Group Blog
All Blog
<<< "นิวรณ์ ๕ ข้อ" >>>










“นิวรณ์ ๕ ข้อ”

ถาม : นิวรณ์คืออะไรหรือ มีอะไรบ้างครับ

พระอาจารย์ : นิวรณ์คืออุปสรรคทางใจ

ที่จะมาขวางกั้นการปฏิบัติ ที่จะทำให้ใจไม่สงบ

 ทำให้ใจเครียดใจวุ่นวาย

มี ๑ คือ กามฉันทะ ความยินดีในรูปเสียงกลิ่นรส

ความอยากเสพรูปเสียงกลิ่นรส

 พวกนี้จะนั่งสมาธิไม่ได้

 พวกชอบเที่ยวชอบกินชอบดื่มนี่

 พอนั่งปั๊บเดี๋ยวเดียวก็หิวแล้ว

เดี๋ยวก็อยากดูอยากฟังแล้ว

 ต้องกำจัดนิวรณ์นี้ด้วยการถือศีล ๘

ห้ามดูทีวี ห้ามกินหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว

ข้อที่ ๒ ก็คือความลังเลสงสัย

 ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริงหรือเปล่า

 อันนี้ก็ต้องศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

จากพระไตรปิฎก จากพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

 ท่านก็จะยืนยันรับประกันว่า

 พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง

 หากปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน เช่น ฝึกสติ นั่งสมาธิ

 จิตก็จะสงบ อันนี้ก็จะแก้นิวรณ์ความสงสัยได้

ถ้าไม่เช่นนั้น บางทีนั่งไปแล้วก็สงสัย

 เอ๊ะ เรานั่งนี่มันมีจริงรึเปล่า ผลที่เขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้

 อาจจะนั่งไปแล้วไม่มีผลก็ได้ นั่งไปทำไม

ก็อาจจะไม่อยากนั่งขึ้นมา

ข้อที่ ๓ ก็คือความง่วงเหงาหาวนอน

 ความเกียจคร้าน ก็เกิดจากกินมากเกินไป

 ก็ต้องคอยรู้จักประมาณในการรับประทานอาหาร

รับประทานให้พออยู่ได้ อย่าให้มันอิ่ม

 แล้วเวลานั่งสมาธิจะได้ไม่ง่วง จะได้ไม่ขี้เกียจ

 หรือถ้ามันยังง่วงยังขี้เกียจอยู่ ก็ลองอดดู อดข้าวดู

 ดื่มแต่น้ำปานะ ดื่มแต่น้ำผลไม้ กินแต่ของเบาๆ

 มันก็จะทำให้ไม่ง่วงนอน ไม่เกียจคร้าน

อีกข้อ ก็คือความโกรธ

ความโกรธบางทีเราก็จะมานั่งสมาธิ

 ก็ไปคิดถึงคนที่เขาด่าเราเมื่อเช้านี้

ด่าเราแล้วเราก็โกรธเขา

 เวลานั่งใจก็คิดแต่เรื่องที่เขาด่าเราว่าเรา

 ก็ทำให้ใจเราไม่สงบ นั่งไม่ได้

 เราก็ต้องใช้ความเมตตา คือให้อภัย

อย่าไปถือสาถือโทษเขา คิดว่าเราอยู่ด้วยกัน

มันก็เป็นเหมือนลิ้นกับฟัน

มีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา

หรือถือว่าเป็นกรรมของเราก็แล้วกัน

 ที่จะต้องมาใช้กรรม อาจจะไปเคยด่าใครเขาไว้ก่อน

 ตอนนี้เลยก็ต้องมาถูกเขาด่าบ้าง

 เขาด่าแล้วก็แล้วกันไป มันก็ผ่านไปแล้ว

 เราจะมาแบกหามมันทำไม เขาด่าไปแล้วผ่านไปแล้ว

 เราก็อย่าไปคิดถึงมัน เลิกคิดถึงมัน มันก็หายไป

 อันนี้ก็ต้องใช้ความเมตตา

 แต่ถ้าจะคิดอาฆาตพยาบาท

เดี๋ยวบอกจะต้องไปด่ามัน มันด่าเรา

เดี๋ยวเราจะต้องไปตีมัน ถ้ามันมัวแต่นั่งคิดอย่างนี้

 มันก็จะทำใจให้สงบไม่ได้ นี่คือการระงับความโกรธ

ตัวสุดท้าย ก็คือความฟุ้งซ่าน

ชอบคิดเรื่อยเปื่อยอยู่เรื่อย คิดถึงคนนั้น คิดถึงเรื่องนี้

 คิดถึงที่กินที่ดื่มที่เที่ยว คิดถึงเพื่อนคิดถึงแฟน

 คิดถึงประโยชน์จากการทำธุรกิจอย่างนั้นอย่างนี้

 เรื่องนั้นเรื่องนี้ ชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย

 ถ้าอยากจะนั่งสมาธิให้สงบ ต้องควบคุมความคิด

ต้องใช้สติ ต้องฝึกสติก่อนมานั่ง

ต้องหัดพุทโธพุทโธพุทโธไป

อย่าปล่อยให้ใจคิดเรื่อยเปื่อย

 แล้วพอเวลามานั่ง ใจก็จะไม่ฟุ้งซ่าน

 นี่คือนิวรณ์ ๕ ข้อด้วยกัน

ที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมต่อการทำใจให้สงบ.

อาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.................................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 12 พฤษภาคม 2561
Last Update : 12 พฤษภาคม 2561 9:18:53 น.
Counter : 283 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ