ใจที่สะอาดบริสุทธิ์
ถาม : ความว่าง เนื่องจากความว่างไม่มีขอบเขต
แล้วก็จุดพิกัด แล้วก็ปริมาตรที่แน่นอนนะครับ
แล้วธรรมชาติของความนึกคิด
มันก็จะเคลื่อนตัวตลอดเวลา
เราจะดูมันยังไงครับความว่าง อาจารย์
พระอาจารย์ : อ๋อ ต้องหยุดความคิดไง
พอหยุดความคิดมันก็ว่าง
ดังนั้น ถ้าอยากจะให้ห้องนี้ว่าง
ก็เอาคนออกไปให้หมด พอไม่มีคนห้องนี้มันก็ว่าง
เราไม่ได้ไปดูความกว้างของความว่าง
เราดูว่ามันมีอะไรอยู่รึเปล่า
ในตรงนั้นในห้องนั้นในที่นั้น
ถ้ายังมีอยู่มันก็ไม่ว่าง เราต้องการให้ใจว่าง
จากความคิดปรุงแต่ง จากความโลภโกรธหลง
ความรักชังกลัวหลง
ที่มันเกิดจากความคิดปรุงแต่งทั้งนั้น เท่านั้นเอง
พอหยุดความคิดปรุงแต่งได้
อารมณ์ต่างๆ รักชังกลัวหลงก็จะหายไป
ก็เหลือแต่ตัวรู้ผู้รู้อยู่ตามลำพัง
ถาม : ก็เปรียบเสมือนแก้วน้ำที่มีตะกอนนี่
คือเราก็ดูความบริสุทธิ์ของน้ำนั้น
ที่ไร้ซึ่งตะกอนเลย ใช่ไหมครับอาจารย์
พระอาจารย์ : เออ เวลาถ้าตะกอนมัน ถ้าน้ำมันไม่นิ่ง
ตะกอนมันก็จะคลุกเคล้ากับน้ำทำให้น้ำขุ่น
ดังนั้น เวลาถ้าเราแกว่งสารส้ม
สมัยก่อนนี้เราต้องใช้น้ำจากแม่น้ำ
เราเคยอยู่ต่างจังหวัดไง ต้องเอาน้ำจากแม่น้ำ
น้ำมันก็มีขุ่นด้วยดินอะไรต่างๆ
เขาก็เอาสารส้มมาแกว่ง พอแกว่งปั๊บ
ตะกอนคือฝุ่นต่างๆ ที่อยู่ในน้ำ
มันก็จะแยกตัวเป็นตะกอน ตกตะกอนไป
มันแยกออกจากกัน
ความคิดกับใจก็เป็นเหมือนกับ
ความคิดกับผู้รู้มันปนกันอยู่
ถ้าต้องการให้ผู้รู้อยู่ตามลำพัง
ก็ต้องหยุดความคิด แยกตะกอนออก
แยกสิ่งที่มาคลุกเคล้ากับน้ำ
ให้มันแยกออกจากกัน ด้วยการแกว่งสารส้ม
สารส้มมันจะเป็นตัวที่เร่งปฏิกิริยา
ของการรวมตัวของสารต่างๆ เพื่อให้มันตกตะกอน
เพื่อมันจะได้แยกออกจากน้ำ
สติก็เป็นการหยุดความคิดปรุงแต่ง
พอหยุดความคิดปรุงแต่งแล้ว
ใจก็จะปราศจากตะกอนต่างๆ มันจะแยกออกจากใจ
ออกจากผู้รู้ไปสู่ มันไปตกตะกอน
มันยังไม่ตายจากการแยกด้วยสติ
ขั้นต่อไปจึงต้องใช้ปัญญามาตักตะกอน
หรือแยกน้ำออกจากตะกอน
ตักน้ำออกไปไว้อีกภาชนะหนึ่ง
แล้วที่เหลือที่เป็นตะกอนก็โยนทิ้งไปให้หมด
ต่อไปใจที่สะอาดบริสุทธิ์จะไปคิดปรุงแต่งอย่างไร
ก็ไม่มีตะกอนแล้ว ไม่มีอารมณ์
ไม่มีความรักชังกลัวหลงจากความคิดปรุงแต่งต่างๆ
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
....................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ