Group Blog
All Blog
<<< "มาหัดหาความสุขสำรองไว้ดีกว่า" >>>









“มาหัดหาความสุขสำรองไว้ดีกว่า”

คำถาม: อยากถามพระอาจารย์ว่า

ก่อนหน้านี้เรายังไม่เคยรู้วิธีที่จะดำเนินชีวิตอะไรยังไง

พอมา ณ ปัจจุบันนี้ก็คือเราก็มีครอบครัว

มีธุรกิจมีภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ

 แล้วเราจะอยู่กับปัจจุบัน

หรือว่าใช้ธรรมะมาปฏิบัติ

แล้วอยู่กับสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน

 แบบธุรกิจหรือว่าหนี้สินแล้วก็ลูกครอบครัวน่ะค่ะ

 อย่างมีความสุขอะไรอย่างนี้เจ้าค่ะ

พระอาจารย์: อ๋อ ก็ต้องอยู่แบบปล่อยวาง

 อยู่กับสิ่งที่เราอยู่ต้องปล่อยวาง ได้ก็ดีไม่ได้ก็ดี

อยู่ก็อยู่ไปก็ไป อย่าไปยึดอย่าไปติด เข้าใจไหม

ถ้าได้ก็ดีไม่ได้ก็ดี ถ้าเขาจะจากเราไปก็ปล่อยเขาไป

เขาอยู่ก็ปล่อยเขาอยู่ไป อย่าไปอยากให้เขาดี

 อย่าไปอยากให้เขาอยู่อย่างเดียว

เดี๋ยวเกิดเวลาเขาไม่ดีเวลาเขาไม่อยู่

 เราจะทุกข์ใจกัน เพราะทุกอย่างจะต้องไปไง

 ไม่ไปช้าก็ไปเร็ว ไปก่อนไปหลัง

 ไม่ไปตอนเป็นก็ไปตอนตาย

ก็คือมันไปด้วยกันทั้งนั้น

ท่านพระพุทธเจ้าสอน

บอกให้นึกถึงอนิจจังอยู่เรื่อยๆ

ไม่เที่ยง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน

มีเกิดมีดับ มีเจริญมีเสื่อม ของที่ดีไม่เอานี่

ของที่ไม่เสื่อมไม่เอา ความสงบนี้ไม่เสื่อม

ทำใจให้สงบแล้วมันไม่เสื่อม

 แต่ของอย่างอื่นมันเสื่อม

ไม่ว่าเป็นลาภยศสรรเสริญ

ธุรกิจเงินทอง ครอบครัว มันต้องเสื่อม

ต้องมีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา

 ถ้าอยากจะอยู่อย่างมีความสุข

ก็ต้องพร้อมให้เขาจากกัน อย่าไปยึดไปติด

คิดว่าเมื่อก่อนเราก็ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ไม่ใช่เหรอ

 เวลาเรามาเรามาตัวเปล่าๆ ไม่ใช่เหรอ

 เราก็อยู่ได้ ตอนเป็นเด็ก

เราก็ไม่มีสามีภรรยาไม่ใช่เหรอ

เราก็ไม่มีอะไรเราก็อยู่ได้ ไม่มีลูกเราก็อยู่ได้

ไม่มีสามีไม่มีภรรยาเราก็อยู่ได้

ไม่มีสมบัติเราก็อยู่ได้ อาศัยสมบัติของพ่อแม่

 กินข้าววันหนึ่งมีข้าวกินไปวันละวันก็อยู่ได้แล้ว

 ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีอะไรเลย

 ให้คิดอย่างนี้แล้วเราจะได้อยู่อย่างมีความสุข

 ไม่งั้นเราจะอยู่อย่างหวาดวิตกกังวลห่วงใย

กลัวว่าจะเสียของที่เราจะมีไป

แล้วเวลาอยากได้อะไรก็วุ่นวายใจ

 เวลาไม่ได้ก็เสียใจ เวลาได้มาก็หวงห่วง

แต่ถ้ารู้ว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเรา

วันดีมันจะต้องมีวันพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา

ให้คิดอย่างนี้แล้วเราจะอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างได้

อย่างไม่เดือดร้อน ไม่ทุกข์ไม่วุ่นวายใจ

แต่เราอยู่แบบนี้ไม่ได้เพราะเราอยู่เพราะเราติด

 เรายึดเราติดเราต้องมีมัน

เพราะเราอาศัยมันให้ความสุขกับเรานั่นเอง

พอไม่มีมันเราก็เลยทุกข์กัน

 ถ้าอยากจะอยู่แบบที่พูดนี้

ต้องไม่อาศัยสิ่งเหล่านี้ให้ความสุขกับเรา

 ต้องอาศัยความสงบให้ความสุขกับเรา

 ถ้าเรามีความสงบให้ความสุขกับเราแล้ว

เราก็ไม่แคร์กับสิ่งต่างๆ สิ่งต่างๆ จะมีไม่มี

จะเกิดจะดับยังงี้เราไม่เดือดร้อน

 แต่ถ้าเรายังต้องมี เวลามันไม่มี

เราก็จะเดือดร้อนขึ้นมา

ฉะนั้นมาหัดหาความสุขสำรองไว้ดีกว่า

 เผื่อเวลาไม่มีอะไรเรายังจะได้ไม่เดือดร้อน

ถ้าเป็นเหมือนนักบินเวลาขึ้นเครื่องบิน

ก็มีร่มชูชีพไว้ เผื่อเครื่องบินตก

มันยังจะได้มีร่มชูชีพประคับประคอง

ไม่ให้มันกระแทกกับพื้น

ถ้าเรารู้จักนั่งสมาธิทำใจให้สงบ

 เวลาแฟนตายไปเราก็ไปนั่งสมาธิ มันก็ไม่ทุกข์

 เวลาลูกตายไปเราก็ไปนั่งสมาธิ มันก็ไม่ทุกข์

 เวลาเงินหมดเราก็ไปนั่งสมาธิ เราก็จะไม่ทุกข์

แต่ถ้าเราไม่หัดนั่งสมาธิไว้ เราก็นั่งไม่เป็น

 พอถึงเวลาจะนั่งก็นั่งไม่ได้

ฉะนั้นตอนนี้หัดนั่งสมาธิไปทุกวันเถิด

 แล้วจะเหมือนมีร่มชูชีพเวลาเครื่องบินตก

ก็จะได้ไม่กระแทกกับพื้น กางร่มชูชีพได้

นะหัดทำสมาธิบ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ทำทุกวัน

แล้วต่อไปเวลามีความเสียใจมีความเศร้าใจ

 ก็ไปนั่งสมาธิ แล้วความเสียใจเศร้าใจก็จะหายไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าชองภาพค่ะ




Create Date : 26 มกราคม 2561
Last Update : 26 มกราคม 2561 12:31:35 น.
Counter : 307 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ