การพิจารณาทางปัญญา
ถาม : การปฏิบัติเมื่อเจริญสติจนจิตตั้งมั่นดีแล้ว
ถ้าจะเจริญวิปัสสนา ต้องยกข้อธรรม
เช่น การพิจารณากาย การแยกรูปแยกนาม
ขึ้นมาพิจารณาด้วยกฎของไตรลักษณ์
หรือว่าจะรอให้พิจารณาเองโดยอัตโนมัติครับ
และการเจริญปัญญาเพื่อตัดกิเลสให้ได้ผลเร็ว
ต้องพิจารณาอะไรบ้างครับจึงจะสอบผ่าน
พระอาจารย์ : การพิจารณาปัญญา
ต้องแยกออกจากการปฏิบัติสมาธิ
ทำเวลาพร้อมกันไม่ได้
ถ้าจะทำสมาธิก็อย่าไปทำปัญญา
ถ้าจะทำปัญญาก็อย่าไปทำสมาธิ
มันเป็นคนละเรื่องกัน
เหมือนถ้าจะนอนก็ไม่ต้องไปทำงาน
ถ้าจะทำงานก็อย่านอน
การฝึกสมาธิเป็นการพักจิต สร้างกำลังจิต
สร้างความสุขให้กับจิต
ดังนั้น เวลาทำสมาธิอย่าไปทำปัญญา
อย่าไปพิจารณาอะไรทั้งนั้น
เวลาออกจากสมาธิมาแล้ว
เหมือนคนตื่นขึ้นมาจากนอนแล้ว ก็อย่าไปนอน
พอตื่นขึ้นมาแล้วก็ไปทำงาน
งานของจิตก็คือไปศึกษาปัญญา ไปศึกษาความจริง
ก็พิจารณาทุกอย่างที่เราติดอยู่
เราทุกข์กับเรื่องไหนก็พิจารณาว่ามันเป็น
มันทุกข์เพราะมันไม่เที่ยง มันไม่ใช่ของเรา
แต่เราไปอยากให้มันเที่ยง
อยากจะให้มันเป็นของเรา มันก็เลยทำให้เราทุกข์
พอเราเห็นว่ามันไม่เที่ยง มันไม่ใช่เป็นของเรา
เราก็จะได้ปล่อยวาง
จะได้ไม่ไปอยากให้มันเป็นของเรา
จะได้ไปอยากให้มันไม่เที่ยงให้มันเที่ยง
เราก็จะไม่ทุกข์กับมัน
เพราะฉะนั้น เราจะพิจารณาอะไรได้ทั้งหมด
อยู่ที่ว่าตอนนี้เราทุกข์กับเรื่องอะไรก่อน
แก้ปัญหาปัจจุบันทันด่วนก่อน
ถ้าทุกข์กับเงินก็พิจารณาว่าเงินนี้เป็นทุกข์
อย่าไปมีมันดีกว่า ไปบวชดีกว่า
อยู่แบบพระไม่ต้องมีเงิน
ก็จะได้ไม่ทุกข์กับการหาเงิน
ไม่ต้องมากังวลว่าจะมีเงินพอใช้หรือไม่พอใช้
ถ้าทุกข์กับภรรยาก็เลิกกันไป ไปบวช
ทุกข์กับลูกก็ยกให้คนอื่นไป
พอไปบวชแล้วทีนี้ไอ้ทุกข์เกี่ยวกับเรื่องภายนอก
ก็จะหมดไป มันก็จะมาทุกข์กับเรื่องร่างกาย
ก็มาพิจารณาร่างกายว่ามันต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย
มันไม่เที่ยงเหมือนกัน มันไม่ใช่ของเรา
มันไม่ใช่ตัวเรา ก็ต้องปล่อยวางเหมือนกัน
พอปล่อยวางร่างกายได้ก็ไปติดกับ
ยังไปอยากไปชอบร่างกายของคนอื่นอยู่
ก็ต้องไปพิจารณาว่ามันไม่สวยไม่งาม
มันไม่น่ารักน่าดูน่าชม มันก็จะได้ปล่อยได้
นี่มันก็ไล่ไปเรื่อยๆ การปฏิบัตินี้
มันจะมีเป็นเหมือนกับเป็นด่าน ต้องผ่านไปทีละด่าน
เหมือนผลไม้นี่ ก่อนเราจะไปถึงเม็ดได้นี่
เราต้องผ่าน ต้องปอกเปลือกก่อน ใช่ไหม
ปอกเปลือกแล้วก็ไปเจอเนื้อ
พอกำจัดเนื้ออกไปถึงจะไปเจอเม็ด
อันนี้ก็เหมือนกัน กิเลสหรือสิ่งที่เราไปยึดไปติด
นี่มันมีหลายตัวด้วยกัน
ตอนต้นก็เป็นของภายนอกร่างกายก่อน
ลาภยศสรรเสริญ รูปเสียงกลิ่นรสนี่
ก็ตัดมันไปก่อน ตัดได้แล้วก็มาตัดร่างกาย
ตัดร่างกายได้ก็ไปตัดกาม
อารมณ์ที่ยังอยากไปมีแฟนมีอะไรอยู่
พอตัดตัวนี้ได้แล้วก็ไปตัด
ไอ้ความอารมณ์ที่มีอยู่ภายในใจอีก มันถึงจะหมดนะ
ดังนั้น ปัญญามันเป็นขั้นๆ ถึงเวลาปฏิบัติมันจะรู้เอง.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ
อนุโมธนา