"บทสนทนาถาม - ตอบ
ข้อสงสัยระหว่างพระอาจารย์กับศิษย์"
ศิษย์ : พระอรหันต์มี ๔ ประเภทนี้
ท่านสามารถแสดงธรรมได้เหมือนกันหมด
พระอาจารย์ : ก็ ๔ ประเภทนี้
ประเภทหนึ่งที่ท่านสามารถ
ในการแสดงธรรมได้อย่างกว้างขวาง
พระอรหันต์บางท่านนี้ไม่มีความสามารถ
ท่านก็แสดงได้แบบง่ายๆ สั้นๆ
แบบภาวนาเน้อ อย่างนี้ ท่านก็แสดง
ครูบาอาจารย์ท่านก็สอนภาวนาเน้อ สติเน้อ
ท่านก็พูดแค่นี้ แต่ถ้าคนที่มีความสามารถ
ท่านก็จะขยายความให้ละเอียดขึ้น
ให้คนฟังได้เกิดความเข้าใจดีขึ้น
ศิษย์ : การแจกแจงเปรียบเทียบ หัวข้อธรรม
พระอาจารย์ : อันนี้เป็นความสามารถพิเศษ
ของพระอรหันต์
ศิษย์ : ประเภทนี้เป็นประเภทที่เท่าไหร ครับ
พระอาจารย์ : ก็รู้สึกจะเรียกเป็น ๔
ท่านมีความสามารถในการแสดงอรรถ
ในการแสดงธรรม ประเภทแรกนี้คือแบบพื้นๆ
ไม่มีความสามารถพิเศษ ท่านเพียงแต่สามารถ
ทำกิจของท่านให้ดับความทุกข์ต่างๆได้
ศิษย์ : สุขวิปัสโกใช่ไหมครับ
พระอาจารย์ : เออ..ขั้นที่ ๒
แบบมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
เป็นพวกที่ ๓ ก็มีความสามารถ
ในการแสดงอรรถ แสดงธรรมต่างๆได้
พวกที่ ๔ ลืมไปแล้วเป็นอะไร มี ๔ จำพวก
พวกเราจะได้รับประโยชน์
ก็จากพวกที่แสดงอรรถแสดงธรรมเก่ง
ศิษย์ : อย่างพระอาจารย์สุชาติ
ก็เป็นประเภทที่แสดงธรรมเก่ง
พระอาจารย์ : โอ๊ย..อันนี้ไม่รู้แล้ว
ก็อย่าไปยกตน
จะเป็นประเภทไหนก็ช่างมันแหละ
ก็มันเรื่องของบุญ เรื่องของกรรม
ของแต่ละคนที่ได้ทำมา
บุญบารมีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนก็เก่งไปในทางอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
บางคนก็เก่งไปในทางแสดงธรรม
อย่างพระสารีบุตรนี้
พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่อง
ว่าเก่งในการแสดงธรรม
ส่วนพระโมคคัลนานะก็แสดงเก่งในเรื่อง
การแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
พระอานนท์ก็เก่งในเรื่องความจำ
จำธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าได้หมด
แล้วแต่ละคนก็ได้สะสม
บุญบารมีมาไม่เหมือนกัน
เรื่องเหล่านี้ถือว่าเป็นของแถมไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ
การบรรลุเป็นพระอรหันต์
ขอให้ดับกิเลสกับทุกข์
ยุติการเวียนว่ายตายเกิดได้
อันนีก็พอแล้ว ส่วนความสามารถพิเศษนี้
ก็เป็นเรื่องของการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
ถ้ามีก็ทำไป ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ทำ
อย่างพระพุทธเจ้าบางรูปไม่มีความสามารถ
ก็ไม่แสดงธรรม
ก็เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไปก็มี
พระอรหันต์บางรูป
ท่านแสดงธรรมไม่ชำนาญไม่เก่ง
ท่านก็ไม่แสดง ท่านก็ไม่ปรากฏเป็นที่รู้จัก
อย่างหลวงปู่มั่นนี้ ท่านแสดงธรรมเก่งมาก
จึงปรากฏมีพระอรหันต์
เป็นลูกศิษย์กันเยอะแยะเลย
ส่วนพระอาจารย์เสาร์ท่านแสดงธรรมไม่เก่ง
ท่านก็ไม่มีลูกศิษย์ที่เป็นพระอรหันต์มาก
เพราะท่านสอนไม่เป็น เพราะการสอนนี้
มันต้องใช้ความรู้ความสามารถพิเศษ
คือต้องรู้จักแยกแยะเปรียบเทียบอะไรต่างๆ
ยกตัวอย่างอะไรต่างๆ มา
ศิษย์ : เวลาผมฟังเทศน์พระอาจารย์
พระอาจารย์ก็สอนเปรียบเทียบเก่ง
พระอาจารย์ : มันก็เป็นไปตามธรรมชาติของเรา
เราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเทศน์แบบนี้
แต่เวลาเราจะพูดอะไรจะอธิบายอะไร
เราก็อยากให้คนฟังเขาเข้าใจใช่ไหม
เราก็ต้องยกตัวอย่างให้เขาเห็น
ถ้าเขาเห็นแล้วเขาก็จะเข้าใจ
เพราะเมื่อก่อนนี้เราก็ใช้อาศัยดูตัวอย่าง
ที่ทำให้เราเกิดความเข้าใจ
อย่างสมัยเด็ก ๆ เราอยากจะรู้ว่า
ทำไมโลกกลม ทำไมมันไม่แบน
ก็เขาสอนบอกว่า
ให้ดูเวลาเรือวิ่งเข้ามาจากทะเล
ดูว่าจะเห็นอะไรก่อน
ถ้าโลกมันแบนก็ต้องเห็นเรือ
เห็นเสากระโดงพร้อมกัน
แต่ถ้ามันไม่เรียบ
มันโค้งมันก็ต้องเห็นส่วนที่สูงก่อน
ยกตัวอย่าง ใช่ไหม เวลาเราเห็นเรือเข้ามานี้
เราเห็นทั้งรำพร้อมกันหรือเปล่า
เราต้องเห็นเสากระโดงก่อนใช่ไหม
เหมือนคนที่ขี่ม้าข้ามเขามานี้
เราก็ต้องเห็นอะไรก่อน
เราก็ต้องเห็นคนขี่ก่อนใช่ไหม
ก่อนจะเห็นตัวม้า เพราะพื้นมันไม่เรียบ
ถ้าพื้นมันเรียบมันก็เห็นพร้อมกันหมด
อันนี้มันก็เป็นการยกตัวอย่าง
พระพุทธเจ้าเวลาแสดงธรรมท่านก็ยกตัวอย่าง
ลองอ่านพระธรรมพระสูตร
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
แสดงอะไรก็จะยกตัวอย่างเช่น
เรื่องของกรรมการทำความดีความชั่ว
ท่านก็เปรียบเหมือนกับรอยของล้อเกวียน
กับตัวล้อเกวียน ล้อเกวียนนี้เวลามันหมุนไปไหน
มันก็ต้องมีรอยเท้าตามไปใช่ไหม
ฉันใดบุญที่เราทำมันก็ต้องมีผลตามมา
บาปที่เราทำมามันก็ต้องมีผลตามมาเหมือนกัน
เปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับว่ามีไฟ
มันก็ต้องมีควันใช่ไหม
มีควันมันก็ต้องมีไฟใช่ไหม
ของเปรียบเทียบกันได้
ถ้ามีการกระทำมันก็ต้องมีผลตามมา
ผลดีหรือผลชั่วก็ต้องอยู่ที่การกระทำดี
หรือการกระทำชั่วนั่นเอง.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..............................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖
บัว ๔ เหล่า
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอยคุณเจ้าของภาพค่ะ