"จะนั่งสมาธิได้ผลนี้
ต้องเจริญสติให้ได้ก่อน"
ถาม : การพยายามภาวนาพุทโธ
อยู่ตลอดในทุกๆ กิจกรรมที่ทำ
ตลอดทั้งวันในชีวิตประจำวัน
แบบนี้เป็นการปฏิบัติที่ถูกทางแล้วหรือไม่คะ
หรือต้องเอาสติจดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ทำคะ
และในกรณีที่เราภาวนาพุทโธตลอดทั้งวัน
ในกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
แบบนี้ยังจำเป็นไหมสำหรับการนั่งสมาธิ
ที่เป็นรูปแบบเหมือนที่นั่งปฎิบัติธรรมในวัดคะ
พระอาจารย์ : อ๋อ จำเป็นการนั่งสมาธินี้เป็นกิจที่จำเป็น
แต่ก่อนที่จะนั่งสมาธิได้ผลนี้ต้องเจริญสติให้ได้ก่อน
ต้องมีสติกำกับควบคุมใจ
ไม่ปล่อยให้ใจคิดเรื่อยเปื่อย
ให้ใจอยู่กับคำบริกรรมพุทโธพุทโธไปตลอดเวลา
พอมีเวลาว่างก็ให้นั่งเฉยๆ นั่งหลับตา
แล้วก็บริกรรมพุทโธต่อไป
แล้วใจก็จะเข้าสู่ความสงบเข้าสู่สมาธิได้
ถ้าไม่นั่งสมาธิก็จะไม่ได้สมาธิ จะได้แค่สติ
ซึ่งก็ไม่พอเพียงสำหรับการที่จะใช้
ในการเจริญปัญญาเพื่อฆ่ากิเลสให้หมดไปจากใจ
ฉะนั้นสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ถูกแล้ว เป็นขั้นเริ่มต้น
คือฝึกสติคอยกำกับควบคุมใจ
ไม่ให้ลอยไปกับความคิดต่างๆ
ให้หยุดความคิดต่างๆ
จะเฝ้าดูการงานที่เรากำลังทำอยู่ก็ได้
หรือให้บริกรรมพุทโธพุทโธไปก็ได้
แล้วใจเราจะไม่สามารถไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้
ใจก็จะว่าง แต่ยังไม่สงบ ว่างจากความคิด
หรือความคิดเบาบางลงไป ยังไม่หมด
ยังมีความคิดแทรกเข้ามาได้อยู่เรื่อยๆ อยู่
แต่ไม่เหมือนกับตอนที่ไม่มีพุทโธ
มันจะมีแต่ความคิดตลอดเวลา
ถ้ามีพุทโธก็จะหยุดความคิดในช่วงที่มีพุทโธ
พอเผลอไม่ได้พุทโธความคิดก็จะกลับเข้ามา
ก็ต้องพยายามทำให้ไม่มีความคิดให้ได้
แล้วให้นั่งเฉยๆ นั่งหลับตา แล้วเฝ้าดู
ลมหายใจเข้าออกเพียงอย่างเดียวก็ได้
หรือบริกรรมพุทโธพุทโธไปเพียงอย่างเดียวก็ได้
แล้วใจจะเข้าสู่ความสงบได้ลึกได้สงบมากกว่า
ตอนที่ไม่ได้นั่งสมาธิ พอที่ได้สมาธิแล้ว
ก็จะมีความสุขใจที่จะใช้ต่อสู้กับความอยาก
ที่จะไปหาความสุขในรูปแบบอื่นได้
ความอยากดื่มกาแฟก็บอกไม่ดื่มก็ได้
มีความสุขในสมาธิ ไม่ดื่มก็ไม่ทรมาน
หยุดดื่มกาแฟได้ หยุดสูบบุหรี่ได้
หยุดดื่มสุราได้ หยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากทำได้
ถ้ามีสมาธิ ถ้ามีปัญญาบอกว่า
การทำตามความอยากนี้ไม่ควรจะกระทำ.
อาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..............................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ