เหมือนผมจะเพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่ได้เขียนเรื่องเที่ยวเชียงใหม่เลย "เชียงใหม่" ของผมต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนมกราครับ
มันเริ่มจากผมสัญญากับแฟนว่า ถ้าธุรกิจที่ทำด้วยกันดีลหนึ่งได้กำไรมากพอ "เราจะไปเชียงใหม่กัน" ซึ่งสุดท้าย มันไม่ได้มากเท่าที่ผมพูดไว้หรอกครับ แต่ถือว่าน่าพอใจใช้ได้ บอสเลยทวงสัญญาเบาๆ ว่า... "แล้วยังจะพาไปเชียงใหม่ได้รึป่าว" อ่ะจ้ะ... ไปสิ...เราจะไปเชียงใหม่กัน
ตั๋วเครื่องบินนี่แพงจนหน้ามืด 2 คน 5600 บาท ขึ้นเครื่องปั๊บ เครื่องยังไม่ทันถอยออกจากหลุมจอด...ผมหลับครับ จริงๆ เราควรจะตื่นอยู่ตอนเครื่องเทคออฟ แต่มันฝืนธรรมชาติไม่ได้จริงๆ อ่ะฮะ ทริปของเราคือ 3 วัน เสาร์ ถึง จันทร์ ไปถึงปั๊บ ผมรีบพุ่งไปหารถยนตร์เช่าก่อนเลย เพราะคนเยอะมาก ที่สำคัญผมขี่มอร์ไซด์ไม่แข็ง ถ้าไม่อยากกลิ้งไปรวมกันที่ข้างทาง...ผมไม่ควรขี่ รถเล็กหมดอย่างไว เหลือแต่รถใหญ่ ซึ่งก็แพงขึ้นตามตัว แนะนำให้จองล่วงหน้ามานะครับ สำหรับรถเช่า จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแย่ง
สุดท้ายผมจองยาริสตัดหน้าคุณน้าข้างๆ มาได้แบบฉิวเฉียด ในราคา 1300บาทต่อวัน หลังจากไล่เช็ครถแบบโคตรละเอียด เราก็เริ่มการเดินทาง และผมขอเรียกมันว่า "ฮังเล"
ล้อหมุ่นได้ก็ 11 โมง หิวแล้วครับ...ทำไมทุกบล๊อคผมต้องมีคำว่า "หิว" 55555 สถานีแรกของเราคือ โอ๋กะจู๋ สาขาสันทราย จากสนามบินก็เปิด GPS ยาวๆ ไปครับ โอ๋กะจู๋งานดีไม่มีผิดหวังอยู่แล้วครับ ผมเคยไปสาขา กทม แต่ทานที่นี่ได้บรรยากาศสุด ๆ ทานข้าวเสร็จสามารถเข้าไปเดินเล่นในสวนผักได้ด้วย
 

หลังจากท้องอิ่ม ก็เริ่มออกเที่ยวแล้วครับ มาเชียงใหม่ ถ้าไม่ได้ไปเที่ยววัดในกำแพงเมืองคงถือว่ามาไม่ถึง แต่ผมเที่ยวมั่วมากจนบอกไม่ได้เลยครับว่าชื่อวัดอะไรบ้าง เจอตรงไหน สวย จอดได้ ผมแวะมันหมดนั่นแหละ ซัก 4-5ที ใครถามไปไหมมาบ้าง...เหอะๆ ไม่ทราบเหมือนกันครับ

หลังจากเข้าสู่สายบุญ เข้าวัดชมศิลปะยาวๆ หมดแรงครับ เพราะมันร้อนมากๆ ภาคเหนือในอุดมคติหายไปในพริบตา มาเชียงใหม่ ก็ต้องไปโดน ต๋องเต็มโต๊ะ แต่พอไปถึง...โอ้โห! เฮียต๋องโต๊ะเต็ม!!! ไทย จีน ฝรั่ง นั่นรอกันเป็นแถว

ทีแรกว่าจะถอดใจไปทานอย่างอื่น คิวมันก็เร็วครับเลยตัดสินใจนยืนๆ นั่งๆ รอ รวมเวลารอน่าจะครึ่งชั่วโมงได้ แต่เอาจริงๆ แม่งคุ้มค่ามาก อาหารอร่อย ราคาไม่แพง ตรงนี้ก็ลองทานอาหารเหนือแปลก ๆ นานจัดครับ...ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ที่แน่ๆ มีแกงฮังเล(เอ๊ะ..หรือหมูฮ่อง) กับไข่เจียวเห็ดเผาะ หมดนี่ก็ 254 บาทเท่านั้น



ทานข้าวเสร็จผมเริ่มไอนิดหน่อย และระคายคอ ผักแปลก ๆ นั่นแน่ๆ แม่งติดคอ!
ตกดึกก็ต้องไปถนนคนเดินสิครับวัยรุ่น ที่โรงแรมแนะนำให้เอารถไปจอดในวัดวัดหนึ่ง แต่ผมหาวัดนั้นไม่เจอเว่ยครับ ผ่านไปเจอวัดใกล้ๆ เลยแวะจอดแบบเนียนๆ
 เดี๋ยวนะ!!! นี่คนเบียดกันจนผมแทบจะเป็นสามีภรรยากับคุณลุงข้างหน้า
ตอน ม.ปลาย ผมเคยมาเชียงใหม่ 2 ครั้ง ตอนนั้นซื้อแต่ของไร้สาระ 7-8 ปีผ่านไป เดินคราวนี้แทบไม่ซื้ออะไรเลยครับ ซื้อแต่น้ำหอมเอาไปใส่ห้องน้ำ แฟนพยายามชวนไปนั่งให้เค้าวาดการ์ตูนให้ แต่ผมไม่อินว่ะ...เลยจูงเข้าวัดแทน


แถวถนนคนเดินมีวัดที่เปิดกลางคืนด้วยครับ บางวัดประดับโคมสวยๆเลย ผมชอบศิลปะภาคเหนือ เลยเดินดูเพลินๆ เพลินไปเพลินมา ตลาดจะปิด 4 ทุ่มละครับ งั้นเราคงต้องกลับกันแล้ว บ๊ายบายถนนคนเดิน...
สวัสดี...ที่จอดรถ...แต่... วัดปิดว้อยยยยยครับบบบบบบ !!!!!!! ไฟปิดมืด ประตูเหล็กปิดและล๊อค ไอ้ฮังเล...ไอ้ฮังเลอยู่ในนั้น เวรละครับ งานนี้ต้องนั่งรถแดงกลับโรมแรมแน่นอน แล้วโรงแรมแม่งก็ลึก ผมปวดหัวมากตอนนั้นบอกเลย เพราะซอยมันลึก แอบกลัวโดนดักตี แฟนก็บอกว่าไม่เป็นไร กลับรถแดงก็ได้ แล้วมาเอารถตอนเช้า จริงๆ ผมถอดใจ แล้วเดินไปลองเอามือถือส่องกุญแจประตูข้างในอีกครั้ง เฮ้ย! ถ้าไม่ได้ตาฝาด กุญแจมันน่าจะแค่คล้องไว้ไม่ได้ล๊อคลงไป ประเด็นคือ มันเอื้อมไม่ถึงเท่านั้นเอง
ปีนสิครับรออะไร ! ใช่ครับ ผมสวมวิญญาณสไปเดอร์แมนปีนรั่วเข้าไปถอดกุญแจทันที เอาจริงๆ ตอนนั้นผงผีไม่กลัวหรอกครับ กลัวแต่เจ้าอาวาสจะมาด่ากับหมาวัดไล่เท่านั้น คือผมแม่งเหมือนขโมยมาก ทั้งๆ ที่นั่นคือรถเรา ผมแทบจะคลานต่ำยื่นมือไปไขกุญแจประตู แล้วโดดขึ้นรถ สตาร์ทปั้บ หมาเห่า! แต่ผมขับออกมาเลย ส่วนแฟนก็รู้งานลากประตูปิดให้เหมือนเดิมอย่างดี ขอโทษนะครับหลวงพ่อ...
ตอนเช้าที่โรงแรม เพิ่งสังเกตว่ามีเปียโน กีต้าร์ อูคูเลเล่ อยู่ที่ล็อปปี้ พร้อมติดป้ายว่า ห้ามเล่นหลัง 3 ทุ่ม แล้วต้องได้รับอนุญาตก่อน ไม่กล้าเล่นครับ กลัวไม่เพราะแล้วเค้าด่าเอา โรงแรมมีน้ำฟรีด้วย เปิดเอาจากตู้ใหญ่ได้เลย กี่ขวดก็ได้
วันนี้เราออกตั้งแต่ 6.30น. เพื่อไปพระธาตุดอยสุเทพ ก่อนขึ้นดอย แวะใส่บาตรพระจากวัดบนดอย และไหว้ครูบาร์ศรีวิชัยก่อนครับ เจ็บคอมากกว่าเมื่อวานเยอะมาก แต่คิดว่าน่าจะเพราะแอร์เย็น ก็ได้น้ำที่ตุนไว้น่ะครับ จิบมาตลอดทาง ปวดฉี่ไปอีก... ที่นี่ผมมาหลายครั้งแล้ว เดินเล่นขึ้นบันไดออกกำลังกาย สูดอากาศยามเช้า




ลงมาจากดอยสุเทพ ก็หิวอีกแล้ว 5555 เลยกลับเข้ามาที่นิมมานฯ แวะร้าน "โกเผือก โกดำ" (ขอบคุณ คุณสาวไกด์ใจซื่อ ที่แวะมาบอกว่าชื่อสลับครับ 555) จัดอาหารเช้าชิคๆ แบบฮิปสเตอร์กันซะหน่อย

 โฮ๊ะฮิปอะไรกันละครับ หิวชิบเป่ง! จัดเรียบแทบไม่รอบอสสั่งให้กิน
แอบแวะอีกหนึ่งวัด คือวัดถ้ำอุโมงค์ ที่นี่ผมเป็นคนอยากไปครับ เพราะดูในพันทิปมาแล้วกำแพงมันดูเขียวชะอุ่ม ผมเป็นคนชอบมอสชอบเฟิร์น เลยอยากมาเห็นกำแพงมอสกับตาซักครั้ง

แต่...ผมว่าผมมาผิดฤดูนะ...แห้งเชียว
ด้านในเป็นอุโมงค์ยาวๆ ครับ เห็นว่าเป็นหลุมหลบภัยช่วงสงครามโลกมาก่อน แล้วมาสร้างเป็นวัด ผมยังหารูปที่ถ่ายประวัติความเป็นมาไม่เจอ ถ่ายรูปมาน้อยมากครับ เพราะมันค่อยข้างมืด และลืมชาร์ทแบตในรถ
คราวนี้เวลาเหลือเยอะ ไม่รู้จะไปไหนต่อ เลยขับรถหาคาเฟ่นั่ง ขับมามั่วๆ ก็มาเจอ No.39 cafe หลังจากเลี้ยวผิดไปรอบนึง ร้านน่ารักดีครับมีบ้านไม้ให้ขึ้นไปนั่งเล่นได้ เด็ก ๆ มาเยอะ ต่างชาติก็เยอะ

ส่วนมาก็จะมานั่งเปิดคอมทำงานชิลๆ ผมละอยากทำแบบนี้บ้าง ในร้านส่วนห้องแอร์มีเปียโนหนึ่งตัว นั่งว่างๆ ผมเลยไปนั่งเล่นครับ เล่นจบ...สาวจีนที่ยืนอยู่หน้าประตูตบมือเว่ยครับ เขินมาก 555
เรานั่งอยู่ที่ร้านซักพักครับ เพราะบอสอยากเลือกก่อนว่าจะไปที่ไหนดี ที่ในใจเยอะครับ แต่เชียงใหม่มันใหญ่ เราคงต้องเลือกที่ใดที่หนึ่ง ตอนนั้นผมรู้สึกเพลียๆ เหนื่อยๆ อยากนอน เลยปล่อยให้เค้าตัดสินใจ และสุดท้ายเราก็ออกเดินทางต่อ
ที่ที่จะไปคือ สวนพฤษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนฯอยู่ที่อำเภอแม่ริมครับ ประมาณ 30โล จากนิมมานฯ ที่ผมบอกว่ารู้สึกเพลีย สรุปขับไม่ไหวแฮะ...อีก 10 กว่าโลสุดท้ายต้องให้แฟนขับต่อ ระหว่างทางร่มรื่นมาครับ มีคาเฟ่ห้อยขาลงน้ำ แต่คนเยอะมาก ๆ
สวนฯเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งถ้าเทียบกับนิมมานฯ ร่มรื่น มีเรือนกระจกที่ปลูกพืชแยกสายพันธุ์เอาไว้ ตรงนี้เดินเล่นศึกษาธรรมชาติกันเพลินๆ สวนแคคตัสน่ารักมากครับ เหมือนอยู่ต่างประเทศ


แต่เราเดินไม่ครบหรอกครับ มันกว้างมาก แค่เดินชมวิวบนทางเดินลอยฟ้าก็นานมากแล้ว
หารูปพื้นกระจกจุดชมวิวที่ไม่มีนางไม่ได้จริงๆ ....อยู่ทุกที่ อยู่ทุกรูป ...ก็ดีใจนะที่ชอบ...
มันสวยมากนะครับ แนะนำให้มาเที่ยว ยิ่งมีเด็ก ๆ คงจะชอบมากๆ ตรงนี้ผมเริ่มไม่ค่อยสนุก ไม่ใช่เพราะมันไม่ดีนะครับ แต่ผมเหนื่อย เหมือนจะขับรถเยอะ ตื่นเช้า หรืออากาศเปลี่ยน สุดท้ายผมร้องอยากกลับ
ขากลับ บอสหลับยาวๆ ผมก็ขับรถเงียบๆ ปวดหัวมากครับ แบบปวดจริงๆ ปวดแบบกลอกตาไม่ได้ พอแฟนตื่นมาก็สดชื่น เริ่มหาที่กินข้าวเย็น แต่ผมไม่ช่วยครับ ผมไม่อยากพูด ไม่อยากคิด เลยบอกว่าอะไรก็ได้ด้วยเสียงเหมือนหงุดหงิด จนเค้าโกรธว่าผมไม่ใส่ใจ แต่สุดท้ายเราก็ได้เป้าหมายคือ "กู้ดวิว"
กู้ดวิวเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำแม่ปิง (ขอบคุณพี่ตุ๊ก tuk-tuk@korat ที่แก้ไขให้ผมนะครับ) วิวดีสมชื่อ บรรยากาศเหมือนโรงเบียร์น้อยๆ อาหารเมืองมีให้เลือกทานมากมายครับ รวมทั้งเบียร์ ไวน์ ก็มีให้เหลือ



พร้อมป้าย "ระวังรถไฟชนกัน" ติดหน้าห้องน้ำ ผมถ่ายรูปไว้ในโทรศัพท์อ่ะครับ เหอะๆ ผมว่ามันต้องมีชนกันบ่อยครับ อย่างโต๊ะหลังผมเนี้ย เป็นสาวๆ มากินขนมหมื่นห้ากับคุณ...พี่ ตอนนั่งทานนี่...บรรยากาศเริ่มคุ เพราะผมไม่พูด จิบเบียร์ไปครึ่งแก้วแล้วนั่งกอดอก แฟนเริ่มหงุดหงิดว่าเป็นอะไร ไม่พอใจอะไร จนไปทะเลาะกันในรถ
แฟนนั่งเงียบอยู่นานสองนาน จนผมนี่แหละทักก่อนว่าเป็นอะไร ไม่สบายรึป่าว เค้าเลยบอกว่าเจ็บคอนิดหน่อย เหมือนจะป่วย ผมเลยขับตามหาร้านขายยาแล้วซื้อยาแก้อักเสบ ยาพารา ยาอมแก้เจ็บคอให้ หลังจากกินยาเข้าไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้วไปพักที่โรงแรมเค้าก็ดีขึ้น และ...อยากจะออกไปนั่งดื่มเบียร์แล้ว แต่ผมนี่...เหมือนจะลุกไม่ไหวเลยครับ ปวดหัวมาก หมดแรง อยากนอนนิ่งๆ มากกว่าลุกเดิน แต่...ก็ไม่อยากเสียโอกาส มาเที่ยวแล้วก็อยากไปเที่ยวให้มากที่สุด
ร้านนั้นบรรยากาศดีครับ ดูเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวมานั่งแฮ้งเอ้าท์แบบนั่งคุย เงียบๆ เบียร์นอกเยอะ พนักงานสุภาพ ดูแลดี ทั้งหญิงทั้งชาย ปรากฎว่า เราไปนั่งอยู่แค่ครึ่งชั่วโมง ผมดื่มไปไม่ถึงแก้ว กลืนไม่ลง เจ็บคอมาก เป็นจุดที่นั่งไม่ไหว ต้องนั่งเอามือยันหัวไว้ตลอดเวลา จนต้องยอมพูดว่า ผมไม่ไหว รู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากนอนมาก
ตอนขับรถกลับผมต้องปิดแอร์ปิดกระจกเพราะหนาวมากจนสั่น ทั้งๆ ที่ใส่แจ๊คเก็ต กลับมาโรงแรมผมลงนอนเลยครับ จำไม่ได้ว่าอาบน้ำรึเปล่า เข้าใจว่าอากาศเปลี่ยน หรืออาจจะแพ้ฝุ่น เกสร หรืออะไรก็แล้วแต่ นอนก็คงหาย นอนไป 3 ทุ่ม ตื่นขึ้นมาตี 2 ...เหมือนในห้องเป็นขั้วโลกเลยครับ หนาวมาก ผมเริ่มสั่นเหมือนเจ้าเข้า ปวดหัวเหมือนจะระเบิด จนต้องคลาน..คลานจริงๆ ครับเพราะลุกไม่ได้เลย คลานไปหายากิน แฟนตื่นพอดี เลยมาดู จับตัวปั้บ เค้าบอกว่าตัวผมร้อนมากๆ
หลังจากนั้นผมนอนไม่ได้เลยครับ กินยาไข้ก็ไม่ลง เริ่มหายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว จนแฟนต้องนั่งเช็ดตัวให้ทั้งคืน จริงๆเค้าจะพาไปหาหมอตั้งแต่กลางคืน แต่ผมบอกว่า นี่มันไม่ใช่อาการฉุกเฉิน ไม่ควรโผล่ไปโรงบาลตอนตี 3 เหอะ เช้า...ผมชวนไปตลาดวโรรส เพราะเราต้อง Check out หมอไปหาที่ กทม แล้วกัน แต่พอลุกจะไปหยิบกระเป๋าตัง ไม่ถึงเป๋าตังหรอกครับ ผมภาพตัดไปเลย สุดท้ายไม่ได้ไปตลาด นอนหมดสภาพอยู่ที่โรงแรมแทน โรงแรมใจดีมาก พอแฟนผมวิ่งโร่ไปหาเค้าว่าผมป่วยมากทำไงดี เค้าก็มาดูแล้วจะพาไปโรงบาล แต่ผมไม่ไป เค้าเลยให้ Late check out ฟรี พร้อมกับเอายาพารามาให้อีก 4 เม็ด กางร่มมาส่งขึ้นรถด้วย
เราบินตอนทุ่มนึง แม่งนรกมากสำหรับผม นอกจากแฟนต้องหิ้วผมไปสนามบิน ขึ้นเครื่องผมหลับไม่ได้เลยครับ ปวดหูมากแบบอยากตายให้ได้
ทีแรกว่าจะเข้าคอนโดก่อนแล้วออกมาหาหมอ แต่เดินจากเครื่องมาได้ไม่ทันถึงไหน ผมเริ่มหอบ แล้วผมมียาที่ไหนละ ไม่เป็นมา 3-4 ปีแล้ว พ่นยาไม่เป็นแล้วครับ 5555 เลยต้องเปลี่ยนแผนไปโรงบาลเข้าฉุกเฉินไปแบบไม่ต้องเขิน
ทริปเชียงใหม่ของผมเลยจบที่โรงบาลครับ 5555 เที่ยวแค่ 2 วัน อีกวันนึงนอน จบทริปไปแบบโคตรจะทุลักทุเล และต่อทริปเปลี่ยนที่นอนเป็นที่โรงบาลอีก 2 วัน
นี่แหละสาเหตุที่ผมต้องมาเริ่มต้นวิ่งเรียกความฟิตใหม่ ป่วยกลางทริปที่ทรมานจริงอะไรจริงครับ ไว้จะหาเวลาไปซ่อมแล้วกันนะ...เชียงใหม่ คราวหน้าจะเที่ยวให้ทั่วเลย อ้อ...บ๊ายบายฮังเลด้วย เราจะคิดถึงนาย...เป็นยาริสที่ขับทนเท้ามาก 5555
ไว้เจอกันครับ ปล. รูปทริปนี้ไม่ค่อบครบเลยครับ ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน 5555)
Create Date : 25 กรกฎาคม 2562 |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2562 9:43:27 น. |
|
32 comments
|
Counter : 1936 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณThe Kop Civil, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณตะลีกีปัส, คุณnonnoiGiwGiw, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณเริงฤดีนะ, คุณSai Eeuu, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณnewyorknurse, คุณKavanich96, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี |
โดย: VELEZ วันที่: 25 กรกฎาคม 2562 เวลา:23:43:16 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 26 กรกฎาคม 2562 เวลา:16:46:10 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 26 กรกฎาคม 2562 เวลา:21:43:00 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 27 กรกฎาคม 2562 เวลา:0:23:42 น. |
|
|
|
โดย: ดินสอสีม่วง วันที่: 27 กรกฎาคม 2562 เวลา:8:07:57 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 กรกฎาคม 2562 เวลา:6:16:44 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 29 กรกฎาคม 2562 เวลา:9:53:20 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 กรกฎาคม 2562 เวลา:18:57:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 กรกฎาคม 2562 เวลา:19:13:15 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 30 กรกฎาคม 2562 เวลา:5:31:40 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กรกฎาคม 2562 เวลา:6:24:48 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 30 กรกฎาคม 2562 เวลา:8:36:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 กรกฎาคม 2562 เวลา:11:26:19 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 2 สิงหาคม 2562 เวลา:0:05:27 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
ฮังเลเอ๊ย โชคดีนะแกร ที่ไม่ต้องนอนค้างวัด ^^