จากบล๊อกที่แล้วที่ผมเขียนเรื่องซีรีย์ แนนโน๊ะ เอ้ย! ชื่อซีรีย์เค้าคือ เด็กใหม่ แล้วตอนท้ายผมพูดถึงกิจกรรมรับน้องและห้องเชียร์บัญชี ซึ่งผมไม่ค่อยรู้หรอกครับ เวลาคุยกับเด็กบัญชีไม่ได้คุยเรื่องห้องเชียร์ 5555 แต่เรื่องนี้มันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า....
พี่หมิงคนเหนือ....พี่ที่แผนกที่ทำงานด้วยกันอยู่นี่แหละครับ ปกติพี่แกเป็นคน...ธรรมะ ธรรมโม ใจเย็น มีน้ำใจ มี service mind และ gentle man ฟังดูแล้วตำแหน่งในห้องเชียร์ของพี่หมิงควรเป็นอะไรครับ พี่เลี้ยงปี 2 สายซัพพอร์ตที่คอยส่งน้ำให้น้อง รึป่าว? ป่าวเลยครับ....เพราะตอนปี 2 พี่หมิงเป็น.....
"ว้ากเกอร์"

แล้วมันจะว้ากน้องยังไงไหว สุภาพงี้ ขนาดพี่ ผจก เป็นผู้ชายด้วยกัน พี่หมิงยังเปิดประตูให้ เลยคุยกับพี่แกว่า ตอนนั้นพี่เป็นว้ากเกอร์ได้ยังไงวะ แล้วมันเป็นยังไงบ้าง
ผมจะเล่าให้ฟัง
ว้ากเกอร์ คือ คนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องมาสวมบท "ผู้คุมวิญญาณ" ของเราจนจบห้องเชียร์.....ผู้คุมกฎ นั่นแหละครับ ไม่ใช่เอะอะตะโกนด่าทอ หยาบคาย ไร้เหตุไร้ผล (ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ในห้องเชียร์จะรู้สึกพี่ว้ากแม่งไร้เหตุผลก็ตาม)
แต่หลักของว้ากเกอร์คือ เสียงดัง ฟังชัด ไม่พูดคำหยาบ และควบคุมห้องเชียร์ให้มีระเบียบ สิ่งที่ว้ากเกอร์ต้องทำคือการกวนขันวินัย กฎระเบียบ คุมให้น้องเข้าห้องเชียร์ สร้างความผูกพันธ์ ความสามัคคีในรุ่น สร้างความเคารพรุ่นพี่ ทั้งพี่ที่สัมผัสได้...เช่นปี 2 ปี 3 หรือผี เอ้ย พี่ที่สัมผัสไม่ค่อยได้ เพราะทำ senoir project ทั้งวันอย่างปี 4
อ่านแล้วอาจจะเกิดคำถามในในว่า "ใช่หรอวะ" ผมก็คิดแบบนั้น แต่ก็ฟังคำจากปากว้ากเกอร์หน่อยนะครับ
พี่หมิงให้ปากคำว่า.... พวกพี่ว้ากต้องซ้อมนะครับ ช่วงปิดเทอมต้องมาซ้อมว๊าก และคำความเข้าใจกันว่าคือการควบคุมห้องเชียร์เท่านั้น จุดประสงค์แค่ให้น้องเข้าห้องเชียร์ครบจำนวนที่สุด ให้มีระเบียบที่สุด ให้น้อง 6-7ร้อยรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันที่สุด ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ต้องห้ามว้ากบูลลี่หน้าตา รูปร่าง ศาสนา ห้ามพูดคำหยาบเด็ดขาด ห้ามเรียกว่าพี่หรือน้อง เรียกได้แต่ คุณ กับ ผม และห้ามถูกเนื้อต้องตัวน้องเด็ดขาดไม่ว่าเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ไม่ใช่คือมือ แต่ของที่ถืออยู่ในมือ หรือของใกล้ตัวก็ห้ามปา ห้ามเตะไปโดนน้อง
พี่ว้ากจะไม่โผล่มาเลยทั้งแต่ "วันแรกพบ" รับน้องคณะ พี่ว้ากจะมาเป็นพี่เลี้ยงไม่ได้ และไม่เข้าร่วมกิจกรรม น้องจะไม่รู้เลยว่าพี่ว้ากมันเคยเป็นใครมาก่อน รู้แต่ว่า มันเป็นคนโหด ๆ คนนึง
"ก้มหน้าไปครับ!!!!" คำสุภาพด้วยเสียงดัง และหนักแน่น...แม่งก็ฟังไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่

หน้าที่พี่ว้ากจะเริ่มขึ้นทันทีเมื่อเริ่มเปิดห้องเชียร์ คือเปิดตัวมาเมิงก็เป็นผู้ร้ายเต็มตัวทันที แถมด้วยพี่ว้ากเองก็ต้องมีวินัยกับตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยกินข้าวเฮฮากับเพื่อนๆ ก็ต้องแยกตัวไปกินกับว้ากเกอร์ด้วยกัน จะมานั่งเล่นกินขนมใต้คณะไม่ได้ จะมายิ้มแย้มเหมือนเดิมให้ใครเห็นไม่ได้ ต้องใส่ชุด นศ ถูกระเบียบ ช้อปถูกระเบียบเท่านั้น ห้ามใส่สุดนอนมาเรียน (งงละสิว่าจะมีคนใส่ชุดนอนมาเรียนด้วยหรอ.....มีครับ....) ตกเย็นวันศุกร์จะไปร้านเหล้า นี่ไม่ได้นะครับ กฎคือห้ามว้ากเกอร์ไป ถ้าจะคุมกฎคนอื่น ตัวเองต้องรักษากฎให้ได้ก่อน
ทั้งหมดนี้ต้องทำจนกว่าจะจบห้องเชียร์ครับ
คำถามว่า...ห้องเชียร์ ว้ากเกอร์ นี่เตี๊ยมไหม? เตี๊ยมสิครับ 555555 หลังห้องเชียร์เลิก น้องๆ กลับหอ พี่ว๊ากต้องซ้อมคิวพรุ่งนี้ต่อ บทจะต้องทำอะไร พูดเรื่องอะไร จะให้เกิดเหตุการณ์อะไรเพื่ออะไร ใครต้องทำอะไร ทั้งหมดนี่ซ้อมหมดครับ อันนี้ผมยืนยันได้ 55555
แต่ที่แน่ๆ ว้ากเกอร์ต้องเป็นคนแก้ไขปัญหาได้ดีครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรในห้องเชียร์ พี่ว้ากจะต้องควบคุมความสงบของห้องเชียร์ให้ได้ เช่น น้องเป็นลม หรือป่วย ว้ากเกอร์ที่คุมห้องเชียร์อยู่จะจัดการทันที แต่ไม่ใช่การตะโกนโวยวายตกอกตกใจนะครับ ว๊าก 20 กว่าคนรอบห้อง ต้องดูว่ามีอะไรผิดปกติ ถ้าเห็นแล้วว่าตรงนั้นน้องป่วย ต้องเรียกพยาบาลมาทันที แล้วกันออกเงียบ ๆ ไม่ให้แตกตื่น ถ้าแตกตื่นไปแล้ว ต้องคุมกลับมาให้ไว

แล้วพี่หมิงตอนเป็นว้ากเกอร์เป็นยังไง.... ตอบจริงๆ คือ.....ผมไม่รู้เลย 55555 ก็ให้ก้มหน้าไม่ใช่หรอ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมองว่าพี่คนนี้เป็นใคร ตอนปี 1 ผมไม่ได้เข้าห้องเชียร์สม่ำเสมอเท่าไหร่ ไม่ได้หนีนะครับ แต่ไปทำกิจกรรมอื่น แต่ถ้าไม่ติดอะไรก็เข้า ส่วนตัวผมไม่กลัวห้องเชียร์ ไม่กลัวว้ากเกอร์อยู่แล้ว เจอมาตั้งแต่มัธยม มาเห็นพี่หมิงรับบทว้ากเกอร์จริงๆ ก็ปี 2 พี่หมิงปี3 ซึ่งผมก็ไม่ได้เข้าห้องเชียร์สม่ำเสมออีกเหมือนเดิม ถ้ามีถึงเวลามีบทให้เข้าถึงจะเข้าห้องเชียร์ แล้วไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น ตรงนั้นจะเตี๊ยมกันหลังม่านกับพี่หมิงโดยตรง ซึ่ง....พี่หมิงว๊ากโหดนะ เพราะปกติเค้านิ่งๆ ดูนุ่มๆ พอได้ยินเสียงที่ไม่ดังมากแต่ได้ยินชัดทั่วเลยว่า "พอครับ....พอ" "ไม่เหนื่อยหรอครับ ร้องกันเองอยู่ 8-9 คน" มันไม่ใช่เสียงตะโกนนะครับ เป็นเสียงพูดปกติที่เข้มหน่อย
พี่หมิงคนเหนือนี่ก็....เป็นว้ากเกอร์ขาโหดเหมือนกัน

อีกมุมนึง ว๊ากเกอร์กับความเหลื่อมล้ำในสังคม
มองเห็นอะไรในระบบว๊ากครับ..... ผมมองว่ามันคือการ "อำนาจนิยม" เราพยายามใช้อำนาจ เสียงดุดัน ให้รุ่นน้องกลัว แล้วยอมจำนน ใช้เสียงดัง สั่ง บังคับ ให้น้องทำตามที่รุ่นพี่ต้องการ ไม่ว่าจะ ห้ามพูด ห้ามเงยหน้า ห้ามลืมตา ห้ามหนีห้องเชียร์ เราได้น้องที่มาห้องเชียร์เพราะกลัว ไม่ใช่เพราะเห็นคุณค่าของห้องเชียร์ เราได้น้องมาไหว้เรา เพราะทำตามคำสั่ง ไม่ใช่เคารพว่าเราเป็นพี่ที่ดี
กฎระเบียบ มีเพื่อสร้างความเรียบร้อยให้กับการอยู่ร่วมกันในสังคม แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อกดขี่ ข่มเหง ควบคุมให้เป็นไปตามที่่เราต้องการ ขอบเขตห้องเชียร์ คือ ต้องไม่ "ลุแก่อำนาจ" ข่มขู่ บังคับ ให้น้องทำในสิ่งที่ขัดต่อสิทธิ์ในร่างกาย และจิตใจ ของตัวเอง

และผมไม่เห็นประโยชน์จากการว้ากเลยครับ ความเคารพไม่ได้มาจากเสียงตะโกน หรือน้ำลายรุ่นพี่ที่ลงหัว ความสามัคคีในรุ่น ไม่ได้มากจากการลงโทษหมู่ ระเบียบวินัย ไม่ได้มาจากการข่มขู่ ข่มเหง กดดัน
จำได้ว่าตอนผมไปยืนหน้าแถวน้องที่นั่งอยู่ ผมไม่เห็นสายตาของความยินดี ชื่นชม หรือสนุกกับกิจกรรมเลยครับ ทั้งๆที่มันควรเป็นแบบนั้นป่าววะ 55555 ผิดกับบรรยากาศในเฟรชชี่เกมส์ปี 1 มาก ที่ทุกคนดูสนุกสนาน ทำให้รู้สึกว่าเราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดี แต่ในห้องเชียร์นี่รู้สึกว่า "กุอยู่ผิดที่ป่าววะ อายชิบหาย"
ไอ่ว้ากกดดันเนี้ย ไม่ได้มีแค่ในห้องเชียร์นะครับ แต่ในกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ หรือผู้นำเชียร์ ก็มี....มันรุ่นพี่ที่มาซ้อมให้ "ทำได้แค่นี้หรอ งั้นกลับบ้านไป ไม่ต้องซ้อมแล้ว" "คิดว่าเพื่อนอีกหลายร้อยเค้าจะผิดหวังกับคุณแค่ไหน" ยังไม่รวมที่สั่งทำโทษเพื่อนให้ซ้อม หรือวิ่งหลายสิบรอบ จนในทีมต้องเข้าไปบอกว่าจะซ้อมแบ่งโทษของเพื่อน
เอาจริงๆ ก็เข้าเกมส์รุ่นพี่ละครับ ว่าให้รักกันในทีม แต่เรารักเพื่อนเพราะเราใช้ชีวิตด้วยกัน เหนื่อยมาด้วยกัน ไม่ใช่เพราะรุ่นพี่สั่ง
สุดท้าย เราก็เคารพรุ่นพี่ไปเอง เพราะเค้าดีกับเรา คุยกันได้ คอยห่วงใย แนะนำเรื่องเรียน เรื่องใช้ชีวิต เรารักกันในรุ่นไปเอง เพราะเราเรียนด้วยกัน ทำแลปด้วยกัน ใช้เวลาด้วยกัน เราเคารพอาจารย์เพราะอาจารย์ดูแลเราเหมือนพ่อแม่ให้ครอบครัวใหญ่ เราเข้าห้องเชียร์เพื่อเป้าหมายหนึ่งในชีวิตเด็กวิศวะ

ไม่มีอะไรได้จากการว๊ากเลย เจ็บคอฟรีแล้ววะพี่หมิง
ปล. ทุกรูปยืมจากอิเตอร์เนตทั้งหมดนะครับ ปล. 2 เรื่องผู้นำเชียร์ไม่มีเรื่องunseen มาเล่านะครับ เป็นทำเนียบที่จะเอาเล่าไม่ได้ เหมือนห้องเชียร์ที่ไม่มีรูปนั้นแหละครับ ปล. 3 มหาลัยผมเป็นมหาลัยที่ไม่มีระบบโซตัส ไม่มีให้หมอบให้คลานในห้องเชียร์ ห้องเชียร์เหนื่อยแต่ไม่โหดร้าย ทุกอย่างอยู่ในกรอบ แต่ผมเข้าใจแหละว่า ไม่ใช่ทุกมหาลัยที่เป็นแบบมหาลัยผม
Create Date : 30 สิงหาคม 2564 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2564 17:08:50 น. |
|
27 comments
|
Counter : 1469 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtoor36, คุณnonnoiGiwGiw, คุณตะลีกีปัส, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณLittleMissLuna, คุณThe Kop Civil, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณlovereason, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณหอมกร, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณอุ้มสี, คุณดาวริมทะเล, คุณ**mp5**, คุณnewyorknurse |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:15:23:49 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:15:33:19 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:17:34:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:18:51:06 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:20:56:47 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:20:59:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:6:27:35 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:7:39:53 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:10:06:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:19:40:50 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:20:44:36 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 31 สิงหาคม 2564 เวลา:20:52:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:6:09:20 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:10:40:44 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 กันยายน 2564 เวลา:23:33:50 น. |
|
|
|
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 2 กันยายน 2564 เวลา:12:28:03 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 2 กันยายน 2564 เวลา:15:06:25 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
ห้องเชียร์เป็นอะไรที่ปลอมมาก แต่คนไทยมันไม่รู้จักรักษาสิทธิ์ไงปล่อยให้เขาเอาเปรียบ โดยใช้แนวคิดว่ายอมๆ ไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ผมพูดแค่นี้พอ
โควิดทำให้เราเป็นอะไรหลายอย่าง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งไปเถอะ อย่างเรื่องเชียร์เนี่ยะ ไม่ว่าจะระดับ ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย กองเชียร์แบบนี้เราเป็นนักกีฬาเรารำคาญครับไม่รู้มันรร้องเพลงอะไรของมัน แต่ลองดูเกมการแข่งขันฟุตบอลสิครับ เสียงเฮเวลาเราเลี้ยงลูกหลบ 3-4 คน เข้าไปที่ปากประตู จังหวะแบบนั้นแหละที่นักกีฬาอยากได้ยิน ที่สำคัญผมต้องจ่ายเงินที่ไม่ควรจ่าย ไปกับกิขจกรรมที่ไม่อยากเข้าร่วม ถึง 1,000.- บาท เงินไม่ใช่น้อยๆ นะครับ ในยุคที่ข้าวจานละแค่ 35.- บาท คิดเองละกันว่ามันเป็นเงินที่มากขนาดไหน